พวงแก้มทั้งสองข้างของูเี่อันแดงขึ้นมาในพริบตา เธอพยายามอธิบายอย่างอ้ำอึ้ง
“นายอย่าคิดมั่วซั่วนะ! ฉันพูดเหมือนตอนรายงานในที่ประชุมนั่นแหละ ฉันก็แค่อธิบายความจริงที่ฉันเจอ ไม่ได้มีความหมายแฝงอื่นๆ เลยนะ!”
ลู่เป๋าเหยียนเห็นหน้าแดงๆ ของปีศาจตัวน้อยที่ใกล้จะร้องไห้ตรงหน้าแล้วอดพูดไม่ได้
“ตอนแรกฉันก็นึกว่าเธอไม่เข้าใจเื่พวกนี้ แต่ดูท่า...เธอจะเข้าใจมันดี”
ูเี่อันนิ่งไปก่อนจะเข้าใจว่าเื่ที่เขาพูดคือเื่อะไร หน้าของเธอแดงทะลุปรอท ก่อนจะพยายามอธิบาย
“ก็ฉันเรียนแพทย์นิติเวชนะ เื่แบบนี้สมัยเรียนพวกเราก็ต้องทำความเข้าใจกับมัน พอมาทำงานวันๆ ก็อยู่กับศพผู้ตาย ต้องคอยวิเคราะห์นิสัยหรือความเคยชินแปลกๆ จากการชันสูตรศพ เพราะฉะนั้นเื่ที่เกินจินตนาการของคนทั่วไป สำหรับคนที่ทำอาชีพเดียวกับฉัน ใครๆ ก็สามารถพูดได้เหมือนเื่ปกติทั้งนั้นแหละ”
“ตอนนั้นทำไมพี่ชายเธอถึงยอมให้เธอเรียนสาขานี้?” ลู่เป๋าเหยียนรู้สึกว่าซูอี้เฉิงตัดสินใจผิดมหันต์
“ตอนแรกพี่ฉันก็ไม่ยอมหรอก” ูเี่อันยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “แต่ตอนที่ฉันไปสมัครเรียนเขาอยู่ที่เมืองนอกเลยห้ามฉันไม่ทัน แพทย์ทั่วไปไม่ก็แพทย์นิติเวช นี่เป็ความฝันของฉันั้แ่สมัยม.ต้นแล้ว ต่อให้พี่อยู่ที่จีนเขาก็ห้ามฉันไม่ได้หรอก”
ส่วนที่ว่าทำไมเธอถึงใฝ่ฝันอยากจะเป็แพทย์นิติเวช นั่นคงเป็เพราะเธอชอบอ่านนิยายสืบสวนสอบสวนั้แ่สมัยมัธยมต้นก็เป็ได้
ตอนที่ลั่วเสี่ยวซีพยายามหลอกล่อให้เธอขายพี่ชายตัวเอง ลั่วเสี่ยวซีไม่ได้ซื้อเธอด้วยนมเปรี้ยวแค่ขวดเดียวเท่านั้นหรอกนะ เพราะตระกูลของเธอเป็สำนักพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งเป็ผู้ถือลิขสิทธิ์นิยายของนักเขียนที่เธอชอบอยู่ถึงเจ็ดแปดคน ลั่วเสี่ยวซีมักจะส่งต้นฉบับของผู้เขียนมาให้เธอก่อน พอรูปเล่มเสร็จสิ้นเธอก็จะได้มันมาในวินาทีแรก
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ลั่วเสี่ยวซีเคยพาเธอไปพบนักเขียนที่เธอชอบที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งเขาเป็แพทย์นิติเวช
ตอนมัธยมปลายเธอก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว คงเป็ตอนนั้นที่เธอเริ่มแน่วแน่กับความฝันที่อยากจะเป็แพทย์นิติเวช
เดิมทีลู่เป๋าเหยียนคิดสงสัยว่า หากเขาไม่ลังเลและยอมมาพบูเี่อันในตอนนั้น เขาจะพอโน้มน้าวเธอให้เปลี่ยนใจไปเลือกอาชีพอื่นได้หรือไม่
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ต่อให้เขาพูดอะไรเธอก็คงยืนยันที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองรักและใฝ่ฝัน ซึ่งเป็เื่ที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือห้ามปรามได้
ห้าทุ่มกว่าทั้งสองคนก็กลับมาถึงบ้าน ูเี่อันง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น เมื่อถึงห้องจึงล้มตัวลงบนเตียงทันที ประตูก็ไม่ปิด เธอนอนทับผ้าห่มเอาไว้อย่างนั้น
เหมือนลู่เป๋าเหยียนจะเข้ามาช่วยห่มผ้าให้เธอ เธอได้ยินเสียงเขาช่วยปรับแอร์ในห้อง แต่เพราะเธอลืมตาไม่ขึ้นอีกต่อไป จึงได้แต่นอนนิ่งระหว่างที่เขาช่วยจัดการเื่ทุกอย่าง เื่พวกนี้กลายเป็เื่ปกติสำหรับเธอไปเสียแล้ว
สุดท้าย ลู่เป๋าเหยียนก็ช่วยปิดประตูห้องให้ ส่วนเธอก็นอนหลับอย่างสบายใจ
บ่ายของวันรุ่งขึ้น ผลการชันสูตรทั้งหมดก็เรียบร้อย หลังทางตำรวจได้รวบรวมหลักฐานสำคัญ ความจริงของคดีเฉินเิเิจึงเริ่มปรากฏ
เฉินเิเิเสพเฮโรอีนเกินขนาด และมีเพศสัมพันธ์อย่างผิดวิสัยกับผู้ชายหลายคนจนทำให้เสียชีวิต
เฉินเิเิจัดตารางงานของสัปดาห์หน้าเอาไว้แน่นเอียด แถมเธอยังมีแผนจะออกชอปปิ้งที่ถนนเจี้ยนเซ่อในคืนวันนี้ด้วย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้อยากตาย แต่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของตัวเองนั้นไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายเลย
จากไดอารี่ในห้องหนังสือของเฉินเิเิ แสดงให้เห็นว่าเธอมีแรงกดดันเื่งานมหาศาล แต่เพราะเธออยู่ในสังคมชั้นสูง แถมยังเป็ลูกสาวคนโตซึ่งเป็ความหวังของพ่อแม่ ทำให้เธอได้แต่ฝืนพยายามอดทนและไม่กล้าไปพบจิตแพทย์
สิ่งของที่เธอหามาปรนเปรอตัวเองนั้น ไม่เพียงพอที่จะช่วยเยียวยาสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ของตัวเองได้ เธอจึงเลือกที่จะพึ่งสารเสพติด และหาความสุขทางร่างกายชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อช่วยผ่อนคลายความกดดันที่ได้รับ
ครอบครัวของเฉินเิเิรับไม่ได้กับผลการชันสูตร พวกเขาไม่เชื่อว่าเฉินเิเิจะเป็คนแบบนี้ เฉินเสวียนเสวียนและมารดาจึงบุกมาที่สถานีตำรวจ
ทางตำรวจเข้าใจในความรู้สึกของสองแม่ลูก จึงบอกให้พวกเธอใจเย็นๆ พลางอธิบายว่านี่เป็ผลการสืบคดีที่พวกเขาทำงานร่วมกับทีมแพทย์นิติเวช ต่อให้พวกเธอโวยวายแค่ไหนแต่นี่คือเื่จริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง
“หมอนิติเวชบ้าที่ไหนกัน!” เฉินเสวียนเสวียนตะคอกเสียงดังอย่างไร้สติ “เรียกหมอบ้าๆ ที่ชันสูตรศพพี่สาวฉันออกมาเดี๋ยวนี้ รีบเรียกออกมาสิ! ฉัน้าถามด้วยตัวเอง!”
โดยปกติแพทย์นิติเวชจะไม่ออกมาพบครอบครัวของเหยื่อ ฉะนั้นตำรวจจึงไม่ทำตามข้อเรียกร้องของเฉินเสวียนเสวียน เธอจึงยิ่งโวยหนักสร้างความก่อกวนจนคนในสถานีตำรวจไม่เป็อันทำงาน
ูเี่อันเห็นสภาพของเฉินเสวียนเสวียนผ่านทางกล้องวงจรปิด จึงเอ่ยกับสารวัตรเหยียนว่า “เดี๋ยวฉันออกไปพบเธอเองค่ะ”
“ไม่ได้” สารวัตรเหยียนห้าม “ให้เส้าข่ายไป สภาพเธอในตอนนี้ไม่แน่ไม่นอน อาจจะเกิดเื่ก็ได้”
“เจียงเส้าข่ายออกไปก็ไม่มีประโยชน์ เธอรู้ดีว่าแพทย์นิติเวชที่รับผิดชอบเคสนี้คือฉันกับเจียงเส้าข่าย และคนที่เธออยากเจอก็คือฉัน” ูเี่อันยิ้ม “สารวัตรคะ พวกเรามีเื่ส่วนตัวที่ต้องสะสาง ฉันคงต้องออกไปเคลียร์ ไม่งั้นคนอื่นไม่ต้องทำงานกันพอดี”
พูดจบเธอก็เดินออกไป เมื่อเฉินเสวียนเสวียนเห็นเธอก็เงียบลงตามที่คาด ก่อนจะเอ่ยปากถามเธอด้วยความโกรธแค้น
“ูเี่อัน เธอจงใจใช่ไหม เธอจงใจบอกว่าพี่ฉันตายเพราะอุบัติเหตุ เธอใส่ร้ายว่าพี่สาวฉันใช้ชีวิตเหลวแหลก เธออยากจะแก้แค้นตระกูลฉันใช่ไหม!”
“คุณหนูเฉิน คุณอาจสงสัยในตัวฉันได้ แต่คงปฏิเสธผลการชันสูตรไม่ได้หรอกนะคะ” ูเี่อันพูดอย่างใจเย็น “สิ่งที่ฉันเขียนลงในรายงานล้วนผ่านการทดลองอย่างถูกต้อง การที่คุณไม่อยากยอมรับความจริงในเื่ที่เกิดขึ้น แล้วมาขัดขวางการทำงานของเ้าหน้าที่แบบนี้ ตอนนี้ทางตำรวจเห็นใจที่คุณต้องมาพบเจอเื่แย่ๆ จึงไม่ได้ทำอะไร แต่หากคุณยังสร้างความก่อกวนต่อไป ก็เตรียมใจโดนกุมตัวได้เลย ”
“เธอเองน่ะเหรอที่หาว่าลูกสาวฉันเสพยามั่วเซ็กส์?” แม่ของเฉินเสวียนเสวียนเดินเข้ามาพลางถลึงตาใสู่เี่อันก่อนจะง้างแขน
ูเี่อันอยากจะหลบแต่ก็ไม่ทัน เพี้ยะ! ความแสบแผ่ซ่านไปทั่วพวงแก้ม ตามมาด้วยความรู้สึกเจ็บจี๊ด
ทั้งออฟฟิศเงียบกริบในพริบตา
สองวินาทีให้หลัง เสียงะโจากสารวัตรเหยียนก็ดังขึ้น
“ยังจะยืนอึ้งอะไรกันอีก รีบจับตัวเธอไว้สิ!”
เจียงเส้าข่ายพุ่งเข้ามาหาูเี่อัน เขาปรายตามองมือของแม่เฉินเสวียนเสวียนก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น
“จะมีใครใช้มือที่ใส่แหวนเพชรวงใหญ่ขนาดนี้มาตบคนอื่นกัน คุณคงตั้งใจจะมาทำร้ายเ้าหน้าที่ของเราอยู่แล้วสิใช่ไหม”
เขาลากูเี่อันกลับห้องทำงาน ก่อนจะหยิบสำลีและแอลกอฮอล์ออกมา พลางกดตัวูเี่อันให้นั่งลง
“ถ้าคนของเธอมาเห็นคงปวดใจน่าดู”
ูเี่อันหยิบกระจกบานเล็กออกมาจากกระเป๋า แก้มซ้ายของเธอบวมแดงจนน่าใ เธอจึงวานให้เสียวอิ่งช่วยหยิบถุงน้ำแข็งมาให้
“ยัยโง่ มีแผลด้วยนะ ใช้ถุงน้ำแข็งทำไมกัน!” เจียงเส้าข่ายตีหัวเธอเบาๆ อย่างโมโห
“หันหน้ามานี่ ฉันจะช่วยฆ่าเชื้อให้!”
เธอเอียงหน้าตามที่เขาบอก “จะเลิกงานแล้ว ฉันคงต้องหาวิธีลดอาการบวมก่อน เลี่ยงส่วนที่เป็แผลก็พอมั้ง”
“กลัวคนของเธอมาเห็นแล้วจะปวดใจขนาดนั้นเลย?”
“เปล่า” ูเี่อันคิดก่อนตอบ “ก็แค่หน้าบวมเป็หมูแบบนี้ ออกไปข้างนอกคงอายคนแย่...”
เจียงเส้าข่ายจิ้มหน้าเธอ “แผลเส้นยาวๆ บนหน้าเธอต่างหากที่น่าเกลียด ระวังหน่อยล่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวเป็แผลเป็”
เสียวอิ่งหยิบถุงน้ำแข็งมาให้แล้ว ูเี่อันจึงรับมันมาประคบโดยหลีกเลี่ยงส่วนที่เป็แผลสด ความเย็นของมันช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนบนใบหน้า ทว่านี่ก็ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว
เมื่อเช้าลู่เป๋าเหยียนบอกว่าจะมารับเธอกลับบ้าน เธอจะหาข้ออ้างหลบหน้าเขาก่อนดีไหมนะ
แต่คืนนี้กลับไป พรุ่งนี้เช้าตื่นมาอย่างไรก็ต้องเจอหน้าเขาอยู่ดี ช่างมันแล้วกัน ให้เขาปวดใจเื่เธอบ้างก็ดี
สิบกว่านาทีต่อมามือถือเธอก็ดังขึ้น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าลู่เป๋าเหยียนคงอยู่หน้าสถานีตำรวจแล้ว ูเี่อันหยิบกระเป๋าก่อนจะเดินออกไป แล้วก็เห็นรถของลู่เป๋าเหยียนจอดอยู่จริงๆ
เธอก้มหน้าก้มตาเดินตรงไปที่รถและเปิดประตูที่นั่งด้านหลัง ลู่เป๋าเหยียนสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จึงออกคำสั่ง
“มานี่ มานั่งข้างหน้า”
ูเี่อันปีนไปยังที่นั่งด้านหน้าตามที่เขาบอก เมื่อนั่งลงแล้วลู่เป๋าเหยียนก็เชยคางเธอขึ้นมา
“ทำไมถึงาเ็”
สายตาน่ากลัวของเขาไม่ได้กล่าวโทษเธอก็จริง แตู่เี่อันก็ยังอดรู้สึกหวั่นๆ ไม่ได้ เธอพยายามคิดหาข้ออ้างต่างๆ นานาเพื่อเอาตัวรอด แต่ลู่เป๋าเหยียนคงเห็นรอยนิ้วมือที่อยู่บนหน้าเธอแล้ว
“เฉินเสวียนเสวียนมาที่นี่?”
ไม่แปลกที่ลู่เป๋าเหยียนจะทายถูก เมื่อวานเขารู้แล้วว่าผู้ตายคือเฉินเิเิ ตระกูลเฉินคงไม่ยอมรับความจริงนี้แน่ อีกทั้งเฉินเสวียนเสวียนเองก็โกรธแค้นูเี่อันเป็การส่วนตัว ฉะนั้นนอกจากเธอแล้วยังจะมีใครอีกที่กล้าลงไม้ลงมือกับูเี่อัน?
โดนเขาพูดแบบนีู้เี่อันก็ไม่คิดจะปิดบัง จึงเอ่ยออกไปตามความเป็จริง
“ไม่ใช่เธอ แต่เป็แม่ของเธอ”
แววตาของลู่เป๋าเหยียนเริ่มเย็นเยียบไม้แพ้น้ำเสียง
“รอยแผลนี่มายังไง?”
“เธอสวมแหวนเพชร เลยโดนขูดเข้าน่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนไม่ต้องใช้ความคิดให้มากความ เห็นได้ชัดว่าสองแม่ลูกเตรียมการมาก่อนแล้ว
งั้นก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจ
เขาลูบพวงแก้มที่บวมแดงของเธอเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“เจ็บหรือเปล่า”
จู่ๆ ูเี่อันก็อยากจะร้องไห้ออกมา
เดิมทีแพทย์นิติเวชไม่ได้มีหน้าที่ออกมาอธิบายกับครอบครัวของเหยื่อ เธอจะไม่ออกมาเจอแม่ลูกคู่นั้นก็ได้ แต่เธอเลือกที่จะเผชิญหน้า สุดท้ายภัยจึงมาเยือนโดยไม่รู้ตัว
สารวัตรเหยียนสั่งคุมขังสองคนนั่นด้วยความโกรธจัด เจียงเส้าข่ายก็ช่วยเธอทำแผล เพื่อนร่วมงานต่างโมโหแทนเธอ แต่ยังไม่มีใครเลยที่ถามว่าเธอเจ็บหรือเปล่า
มีเพียงแต่ลู่เป๋าเหยียน เขารู้ว่าเธอกลัวความเ็ปที่สุดจึงเอ่ยปากถาม
ูเี่อันพยายามกะพริบตาเพื่อไล่น้ำตาให้ไหลกลับเข้าไป ก่อนจะฝืนยิ้ม
“ตอนโดนตบก็เจ็บอยู่นะ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”
ลู่เป๋าเหยียนช่วยรัดเข็มขัดใหู้เี่อัน จากนั้นจึงส่งข้อความหาเสิ่นเยว่ชวน และขับรถกลับบ้าน
เขาตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ั์ตาสีนิลจดจ่ออยู่ที่ถนนตรงหน้าราวกับกำลังคิดอะไรก็ไม่เชิง
ูเี่อันอ่านความคิดเขาไม่ออกเหมือนเคย แต่เธอรู้สึกได้ว่า...ลู่เป๋าเหยียนได้ตัดสินใจอะไรไปสักอย่าง คงมีเื่อะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
อีกด้าน คนที่ทำโอทีอยู่ที่บริษัทอย่างเสิ่นเยว่ชวน เมื่อได้รับข้อความก็อดบ่นไม่ได้
“อะไรอีกล่ะเนี่ย ไหนบอกว่าแค่ทำให้ตระกูลเฉินปั่นป่วนนิดๆ หน่อยๆ แล้วนี่กะจะทำลายล้างตระกูลพวกเขาเลยงั้นเหรอ โหดร้ายเืเย็นจริงๆ”
เขาคิดก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“จบกัน คราวนี้ตระกูลเฉิน เฉินเจียฉู เครือเฉิน คงไม่เหลืออีกแล้ว”
ผู้ช่วยเห็นเขาพึมพำกับตัวเองจึงถามขึ้นมา
“พี่ชวนเป็อะไรไป”
“ผอ.ของพวกเรากำลังจะสร้างศัตรูเพื่อภรรยาอันเป็ที่รักอีกแล้วน่ะสิ” เขาเปิดคอมพิวเตอร์ก่อนบิดข้อมือและเริ่มร่างแผนการ
“ทำงานๆ พวกเรามาเตรียมการทำลายล้างครั้งใหญ่กันเถอะ!”
