สองผู้เฒ่าก็ช่างเหลือเกินจริงๆ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะรู้จักกันก็มอบสิ่งของสำคัญถึงเพียงนี้ให้นางเสียแล้ว นี่ไม่เท่ากับขุดหลุมฝังนางหรอกหรือ?
ยังมีอาจารย์ที่ขุดหลุมฝังลูกศิษย์เช่นนี้ด้วยหรือ?
ช่างเถิด ไม่คิดแล้ว ยิ่งคิดยิ่งเหนื่อยใจ นางต้องทำข้อตกลงกับพวกเขาเสียก่อน อย่าได้ปล่อยให้ผู้เฒ่าทั้งสองเปิดเผยพิรุธของนาง
เคอโยวหรานเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ทั้งสองเ้าคะ หาก้ากินอาหารรสเลิศ ลิ้มรสสุราชั้นดีของข้า เช่นนั้นก็ต้องช่วยแบกรับภาระให้ศิษย์นะเ้าคะ
ประการแรก อาหารรสเลิศทั้งหมดที่ข้าปรุงล้วน ขอให้จำไว้ว่าเป็พวกท่านที่มอบให้
ประการที่สอง สุราชั้นเลิศที่พวกท่านดื่ม ขอให้จำไว้ว่าเป็ท่านทั้งสองที่นำมาเอง
ประการที่สาม สุราที่มอบให้พวกท่านเป็ประจำทุกวันจะมีปริมาณเท่าวันนี้เท่านั้น หากมากเกินไปกว่านี้ข้าก็มิอาจหามาได้แล้วเ้าค่ะ
ประการที่สี่ ไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด ห้ามเข้ามาก้าวก่ายแม้เพียงนิด
ประการที่ห้า เงินที่ใช้ซื้อข้าวของทั้งหมดล้วนคือเงินที่พวกท่านมอบให้ข้า
ข้อตกลงมีเพียงเท่านี้เป็การชั่วคราว หากมีปัญหาอื่นใดในภายหลัง พวกเราค่อยตกลงกันใหม่ดีหรือไม่เ้าคะ?”
คนทั้งสองพยักหน้า ตราบใดที่ได้กินอาหารรสเลิศ ดื่มสุราชั้นดี ไม่ว่าให้ทำสิ่งใดย่อมได้ทั้งสิ้น
ส่วนเื่ที่แต่ละวันจะมีสุราแค่ขวดเล็กๆ หนึ่งขวด พวกเขาก็มิอาจกล่าวอันใดเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรก็เป็สุราชั้นดีถึงเพียงนั้น ทันทีที่ดื่มก็รับรู้ได้ว่ามิใช่ของธรรมดา
ครั้นพิจารณาชุดแต่งงานซึ่งทำจากผ้าเนื้อบางและรองเท้าฟางคู่หนึ่งที่นางสวมใส่ กระทั่งเท้ายังหนาวเย็นจนแดงเถือก เพียงมองก็ทราบได้ว่าสถานการณ์ภายในครอบครัวคงไม่สู้ดีนัก
มอบสุราเช่นนั้นแค่วันละหนึ่งขวดก็นับว่าไม่เลวมากแล้ว เดิมทีพวกเขายังนึกว่าแม่นางน้อยผู้นี้จะหามาได้อีกเพียงหนึ่งถึงสองขวดเท่านั้น!
ครั้นเห็นสองผู้เฒ่าว่าง่ายถึงเพียงนี้ เคอโยวหรานพลันฉีกยิ้มกว้างและเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ทั้งสองโปรดช่วยศิษย์สักเื่ได้หรือไม่เ้าคะ?”
สองผู้เฒ่ารีบพยักหน้ารับ จำต้องเชื่อฟังศิษย์เพื่ออวัยวะภายในทั้งห้าของพวกเขา มื้อเที่ยงเพิ่งจะกินไก่ย่างไป ไม่รู้ว่ามื้อเย็นยังจะได้กินอาหารรสเลิศอันใดอีก คาดหวังแล้วจริงๆ!
เคอโยวหรานเอ่ยด้วยความกลัดกลุ้มอยู่บ้าง “ยามก่อน สามีของข้าขึ้นเขาล่าสัตว์ได้ล้มจนขาหัก ท่านพ่อเองก็หกล้มจนศีรษะได้รับาเ็เมื่อครั้งยังเยาว์จนกลายเป็คนปัญญาทึบ ข้าจึงอยากจะขอเชิญท่านอาจารย์หมอเทวะลงไปช่วยตรวจดูอาการของพวกเขาสักหน่อย ได้หรือไม่เ้าคะ?”
เซียนพิษเอ่ยด้วยความไม่ยินยอม “แม่นางน้อย เ้าขอให้ตาเฒ่าอินช่วยเ้าแค่ผู้เดียว เท่ากับคิดว่าเซียนพิษเช่นข้าไร้ประโยชน์ใช่หรือไม่? เช่นนี้ไม่ยุติธรรม!”
เคอโยวหรานเกาจมูก “ข้ายังพูดไม่ทันจบเ้าค่ะ! ร่างกายพี่ชายคนรองของสามีข้าถูกวางยาพิษ จึงต้องเชิญท่านไปตรวจดูด้วยเช่นกันเ้าค่ะ!”
“เหตุใดข้าได้ตรวจเพียงคนเดียว แต่ตาเฒ่าอินกลับได้ตรวจสองคน ไม่ยุติธรรม!” เซียนพิษกระทืบเท้า กำหมัดถูมือหมายจะเข้าไปหาเื่วิวาทกับหมอเทวะ
เคอโยวหรานกลอกตา “ท่านอาจารย์ทั้งสองเ้าคะ ข้ายังต้องไปซื้อวัตถุดิบทำอาหารจากในเมือง ยามเย็นยังต้องเติมอวัยวะภายในทั้งห้าของพวกท่านให้เต็มอีก! ผู้ที่มัวแต่สิ้นเปลืองเวลาอยู่ที่นี่คือท่านอาจารย์ทั้งสอง หากไม่เข้าเมืองก็ซื้อวัตถุดิบไม่ได้ พวกท่านย่อมรู้ว่ากระทั่งสตรีที่ฉลาดและมีความสามารถก็มิอาจทำอาหารได้หากไร้ข้าว ใช่หรือไม่เ้าคะ?”
“ใช่แล้วๆๆ! ไปกันๆๆ! ลงเขา!”
สองผู้เฒ่ามิอาจรีรอ ต่างฝ่ายต่างคล้องแขนเคอโยวหรานคนละข้าง จากนั้นพลันสาวเท้าราวกับทะยานลงจากเขาก็มิปาน
เคอโยวหรานรู้สึกร่างกายเบาหวิว ขาทั้งสองข้างลอยจากพื้นดินเพราะถูกสองผู้เฒ่าหามโดยสมบูรณ์
ไม่นานนัก ผู้เฒ่าทั้งสองก็มาถึงประตูจวนสกุลต้วนตามคำบอกกล่าวของเคอโยวหราน
มารดาสกุลต้วน ต้วนต้าหลาง และต้วนเอ้อร์หลางที่เห็นภาพเช่นนี้ พลันเผยท่าทีคล้ายเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
สองผู้เฒ่าเดินเข้าไปในจวนสกุลต้วนไม่ต่างกับเดินเข้าเรือนหลังเล็กของตน ช่างคุ้นเคยเป็ธรรมชาติยิ่ง จากนั้นจึงปล่อยแขนของเคอโยวหรานและแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตนเอง
เซียนพิษก้าวเท้าไปเบื้องหน้า ก่อนคว้าแขนต้วนต้าหลางกับต้วนเอ้อร์หลางมาจับชีพจร “ไอ้หยา! ตาเฒ่ายังนึกว่าแม่นางน้อยไม่ยุติธรรม ให้ข้ารักษาผู้ติดพิษแค่คนเดียว นี่มิใช่ว่ามีอยู่สองคนหรอกหรือ? แม่นางน้อยจอมโป้ปด จอมตระหนี่!”
เคอโยวหรานจอมตระหนี่ “...”
ต้วนต้าหลางก็ติดพิษเช่นกันหรือ? เ้าของร่างเดิมไม่รู้นี่นา! ข้าเองก็มิใช่หมอ จะดูออกได้อย่างไร!
ทางด้านหมอเทวะกำลังควานหายาสมุนไพรและพุ่งตรงเข้าไปในเรือนของต้วนซานหลาง...
มารดาสกุลต้วน “...”
สะใภ้ทั้งสองของสกุลต้วน “...”
นี่มันเื่อันใดกัน? ตาเฒ่าเสียสติสองคนนี้โผล่มาจากที่ใด?
เคอโยวหรานกุมขมับ ชั่วขณะนั้นพลันไร้สิ่งใดจะเอ่ย นางลูบจมูกพลางพูดอย่างค่อนข้างกระดากอายว่า
“ท่านแม่และพี่สะใภ้ทั้งสองไม่ต้องเป็กังวลนะเ้าคะ ท่านผู้นี้คือเซียนพิษ ส่วนอีกท่านที่เดินเข้าไปในเรือนเมื่อครู่คือท่านหมอเทวะ พวกเขาปรารถนาจะรับข้าเป็ศิษย์ให้จงได้ ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อได้ยินว่าภายในครอบครัวมีคนป่วยก็รีบตรงมาตรวจอาการและถอนพิษให้โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเ้าค่ะ กล่าวได้ว่ามีน้ำใจไมตรีเป็อย่างยิ่งจริงๆ! เหอๆ!”
สะใภ้ทั้งสอง คนหนึ่งประคองมารดาสกุลต้วนฝั่งซ้าย อีกคนประคองฝั่งขวา ดวงตาเบิกกว้าง เผยท่าทางไม่อยากเชื่อ
ชื่อเสียงของสองผู้เฒ่านี้ พวกนางล้วนเคยได้ยินจนหนาหู แม้คนในพระราชวัง หาก้าเชิญมารักษาโรคหรือถอนพิษก็ยังต้องดูอารมณ์ของพวกเขาก่อน
แม้บางคนทุ่มเงินพันตำลึงไปนั่งคุกเข่าวิงวอนหน้าสำนักหมอและสำนักโอสถพิษ ขอให้สองผู้เฒ่าลงเขา ทว่าก็ยังถูกทั้งสองสำนักปฏิเสธ
ถึงขั้นยังได้ยินมาว่าท่านอ๋องหลิงเคยไปขอร้องสำนักหมอ สุดท้ายถูกคนหามออกมาโยนทิ้งเสียไกล ภายหลังยังไม่กล้าสร้างความหมางใจกับสำนักหมอ
พวกนางอพยพมาอยู่ในสถานที่ทุรกันดารเช่นนี้ ยังสามารถเชิญผู้าุโทั้งสองมาได้อีกหรือ?
นอกจากนี้พวกนางยังคล้ายได้ยินอันใดบางสิ่ง? กล่าวว่าพวกเขาปรารถนาจะรับเคอโยวหรานเป็ศิษย์ให้จงได้?
สองคนนี้คงเป็ตัวปลอมแล้วกระมัง?
ด้วยเห็นว่าเคอโยวหรานยังเด็ก ไม่เคยพบเจอโลกภายนอกและหลอกลวงได้ง่าย? ดังนั้นจึงมาหลอกเอาเงินใช่หรือไม่?
ไม่รอให้มารดาสกุลต้วนกับสะใภ้ทั้งสองใคร่ครวญจนกระจ่าง เซียนพิษพลันปล่อยข้อมือของต้วนต้าหลางกับต้วนเอ้อร์หลาง ก่อนลูบเคราแพะพลางเอ่ยว่า
“แม่นางน้อย คนทั้งสองนี้ คนหนึ่งติดพิษกร่อนกระดูก ทั้งร่างรู้สึกชามิอาจใช้เรี่ยวแรง หากใช้กำลังหนักจะหอบเหนื่อย ยามปกติไม่สามารถสังเกตอาการเจ็บป่วยได้ แต่อาการจะกำเริบทุกครึ่งปี ยามอาการกำเริบจะเ็ปไม่ต่างกับมีมดนับหมื่นกัดแทะจนยากจะทานทน มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย
ส่วนอีกคนติดพิษกู่กลืนหัวใจ แม้ก่อนหน้านี้จะมีการใช้ยาและสกัดจุดระงับการกำเริบของพิษ แต่ยามนี้พิษกู่ได้เริ่มมุ่งสู่ตำแหน่งของหัวใจแล้ว จึงเหลืออายุขัยอีกประมาณหนึ่งถึงสองเดือนเท่านั้น”
มารดาสกุลต้วน ต้วนต้าหลาง ต้วนเอ้อร์หลาง และสะใภ้ทั้งสองต่างพากันเบิกตาอ้าปากค้าง
แม่นยำเกินไปแล้ว แท้จริงแล้วผู้เฒ่าท่านนี้คือผู้ลึกลับจากแห่งหนใดกัน? คือเซียนพิษจริงๆ เช่นนั้นหรือ?
ทว่าเมื่อดูจากเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ ช่างชำรุดทรุดโทรมเป็อย่างยิ่ง!
นี่! เช่นนี้ไม่ถูกต้อง! ประเดี๋ยวก่อน มารดาสกุลต้วนหรี่ดวงตาหงส์ลง มองพิจารณาเสื้อผ้าของผู้เฒ่า
ทันใดนั้นพลันรู้สึกปีติยินดีหาใดเปรียบ นางคุกเข่าลงเบื้องหน้าเซียนพิษจนเกิดเสียงดังแล้วเอ่ยวิงวอนจากใจจริง “ขอท่านผู้เฒ่าโปรดช่วยบุตรชายทั้งสองของข้าน้อยด้วยเ้าค่ะ หาก้าสิ่งใดท่านผู้เฒ่าโปรดเอ่ยออกมาเป็พอ หากข้าน้อยทำได้ แม้ต้องทุบหม้อขายเหล็กทิ้ง [1] ข้าน้อยก็จะทำเ้าค่ะ”
ครั้นสะใภ้ทั้งสองเห็นมารดาสกุลต้วนคุกเข่าจึงพากันเผยสีหน้ายินดี รีบคุกเข่าลงด้านหลังมารดาสกุลต้วน คิดอยากจะเอ่ยบางสิ่งแต่กลับไม่รู้ว่าควรเปิดปากเอ่ยคำใดออกไป ด้วยเกรงว่าจะทำให้ท่านผู้เฒ่าเซียนพิษรำคาญใจ ชั่วขณะนั้นจึงไม่รู้ว่าควรจะทำตัวเช่นไรอยู่บ้าง
ทางด้านต้วนต้าหลางกับต้วนเอ้อร์หลางยังไม่ทันได้สติกลับมาจากลักษณะอาการที่เซียนพิษอธิบายเมื่อครู่...
เซียนพิษไม่สนใจเหล่ามารดาสกุลต้วน พลันรีบร้อนวิ่งไปข้างกายเคอโยวหราน เขาย่อตัวลงพลางโน้มเข้าใกล้นางด้วยท่าทางไม่ต่างกับแมวน้อยขอคำชม ทั้งยังคลี่ยิ้มบางพลางเอ่ยว่า
“แม่นางน้อย อาจารย์ของเ้าเก่งกาจใช่หรือไม่? เก่งกาจกว่าหมอเทวะผู้นั้นตั้งมากโขใช่หรือไม่?”
เคอโยวหรานลูบจมูก นึกอยากหัวเราะทว่าไม่กล้าส่งเสียง นางกลั้นหัวเราะอยู่ครึ่งค่อนวันค่อย ก่อนเอ่ยออกมาว่า “ตรวจหาจนพบอาการป่วยนับว่ายากยิ่งนัก แต่การถอนพิษให้สำเร็จเรียบร้อยดีต่างหาก จึงจะเรียกเช่นนั้นได้เ้าค่ะ!”
หญิงสาวกล่าวพลางยกมือขวาขึ้น ตามด้วยชูนิ้วหัวแม่มือต่อหน้าเซียนพิษ
“เื่นี้จะไปยากอันใด ไม่เกินสามวัน ข้าจะขจัดพิษภายในร่างกายของพวกเขาจนหมดสิ้น แม่นางน้อย เ้าก็อย่าได้ลืมเลี้ยงฉลองให้อาจารย์ของเ้าเล่า!”
ครั้นเห็นเคอโยวหรานพยักหน้า เซียนพิษพลันหัวเราะดังลั่นอย่างมีความสุขพร้อมโบกมือ “ยังมัวคุกเข่าอันใด ไปๆๆ! เข้าเรือนไปถอนพิษกัน ตาเฒ่ายังรอให้จัดสำรับอาหารเย็นขึ้นโต๊ะั้แ่หัววันสักหน่อย! ฮ่าๆๆ!”
ทุกคนในสกุลต้วนต่างพากันปีติยินดีเป็อย่างยิ่ง
ต้วนต้าหลางกับต้วนเอ้อร์หลางถูกสะใภ้ทั้งสองช่วยประคองเดินตามหลังเซียนพิษเข้าไปในเรือนของพี่ใหญ่สกุลต้วน
มารดาสกุลต้วนเดินรั้งท้ายหนึ่งก้าว นางหันมาทอดมองแต้มชาดกลางลานเรือนด้วยสายตาลึกซึ้งเปี่ยมความตื้นตันใจ
แม้ร่างกายจะผอมแห้งอ่อนแอ แต่แผ่นหลังกลับเหยียดตรง อาจเพราะซูบผอมมากจนเกินไป ั์ตาคู่นั้นจึงดูกลมโตเปล่งประกายราวกับดวงดารา แวววับจับตาไร้สิ่งใดเปรียบ
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ทุบหม้อขายเหล็กทิ้ง 砸锅卖铁 เป็คำอุปมา หมายถึง ยกเอาสิ่งของทั้งหมดเท่าที่มีออกมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้