แตกแล้ว ถึงกับทำลายลงได้อีกแล้ว
เหตุใดนางเด็กคนนี้จึงทำได้ หรือนางเป็อัจฉริยะในการเดินหมากล้อมจริงๆ
องค์ไท่จื่อน้อยหัวเราะด้วยความดีใจ “อ้อ แตกแล้ว! ถูกทำลายอีกแล้ว! หมากขาวเก่งจริงๆ!”
สุดท้ายเขายังคงเงยหน้าขึ้นขอคำชี้แนะ “ไท่ฟู่ การเดินของหมากขาวนี้ คือวิธีการเดินหมากด้วยก้าวไม้ตาย ใช่หรือไม่”
ก้าวไม้ตายก็คือ หมากที่เดินแล้วชี้ความเป็ตาย ทั้งสองฝ่ายจะชนะหรือแพ้ล้วนเกี่ยวข้องกับหมากก้าวนี้ทั้งสิ้น
เมื่อหมากไม้ตายถูกนำออกมาใช้ หมากทั้งกระดานพ่ายแพ้ ผู้ใดเป็ผู้เดินหมากก้าวนี้ หมากของฝ่ายนั้นย่อมฟื้นคืนชีพ!
องค์ไท่จื่อน้อยเรียนแล้วนำมาใช้ประโยชน์ทันที ความรู้ทางทฤษฎีของเขาถือได้ว่าร่ำเรียนอย่างแม่นยำ
ได้ยินเช่นนั้นกล้ามเนื้อบนใบหน้าของหานไท่ฟู่กระเพื่อมสั่นถึงสามครั้ง เขามีโทสะแทบสิ้นสติ หันมาพูดกับฟางเสีย “ฟางเสีย เ้าบอกกับข้าหน่อยเถิด! หากแม้แต่เ้าก็ยังพ่ายแพ้ให้แก่นาง เช่นนั้นต่อไปพวกเราชุมนุมเดินหมากเทียนหยวนจะเงยหน้าขึ้นมาเสมอกับชุมนุมเดินหมากอื่นๆ ได้อย่างไร”
ฟางเสียกำลังใคร่ครวญ เขาไม่พูดจา
หานไท่ฟู่พึมพำออกมาอีกว่า “หากเ้าไม่ไหวแล้วก็เปลี่ยนคนอื่นมาเดินแทน ข้าไม่เชื่อหรอกว่า พวกเ้าที่เป็นักเดินหมากระดับเก้าหลายคนเช่นนี้ผนึกกำลังกันแล้วจะเอาชนะมือสมัครเล่นคนหนึ่งไม่ได้”
จ้าวฉีและคนอื่นหัวเราะเสียงขื่น ค่ายกลใหม่ๆ ล้วนถูกทำลายติดๆ กัน พวกเขาก็หงุดหงิดใจพอแล้ว หานไท่ฟู่ยังเอ่ยวาจาบีบคั้นจิตใจพวกเขาอีก ช่างเป็คนขวางโลกยิ่งนัก
ฟางเสียขมวดคิ้วแน่น ราวกับกำลังดิ้นรนต่อสู้ เขาตัดสินใจหลังจากครุ่นคิดเนิ่นนาน “หากกระทั่งมือสมัครเล่นคนหนึ่งก็ยังเอาชนะไม่ได้ ข้ายังจะมีคุณสมบัติอะไรไปประลองกับซือคงเซิ่งเจี๋ยหรือ”
จ้าวฉีตะลึงงัน “พี่ฟาง หรือท่านคิดจะ...”
ดวงตาของฟางเสียเต็มไปด้วยความมาดมั่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “ถูกต้อง ข้าตัดสินใจจะใช้ค่ายกลใหม่ชนิดสุดท้าย!”
คนทั้งหมดตื่นตะลึง
“ท่านเสียสติไปแล้วหรือ หากกระทั่งค่ายกลนี้ก็ถูกนำออกมาใช้ การประลองกับซือคงเซิ่งเจี๋ยในวันพรุ่งนี้ ท่านก็ไม่มีค่ายกลไม้ตายอยู่ในมือแล้ว!”
“ใช่แล้ว ไม่ได้เด็ดขาด! นัดประลองพรุ่งนี้พวกเราล้วนฝากความหวังไว้กับท่าน!”
“บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว หมากกระดานนี้เดินต่อไปไม่ได้!”
หานหลินเยว่อดที่จะเกลี้ยกล่อมไม่ได้ “ศิษย์พี่ฟาง ท่านอย่าไปฟังคำท่านปู่ของข้า การเดินหมากในวันนี้ที่จริงแล้วเป็การต่อสู้ระหว่างท่านปู่ข้าและแม่นางเฟิง ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับท่าน! หากแพ้ก็เป็ท่านปู่ของข้าที่แพ้ ท่านไม่จำเป็ต้องมีความรู้สึกผิดใดๆ ทั้งสิ้น”
ฟางเสียกลับส่ายหน้ายืนกราน เขาพูดเสียงหนัก “ข้าได้ใคร่ครวญดีแล้ว! ข้าร่ำเรียนการเดินหมาก มิได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อชนะหรือแพ้ แต่เป็การท้าทายตัวเอง เพื่อพัฒนาการเดินหมากให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีก! หากทำเพื่อ้าเอาชนะใครบางคน ข้าย่อมเป็คนใจคอคับแคบเกินไป และนี่เป็เหตุผลที่ข้าชอบคิดค้นค่ายกลใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่หยุดที่จะท้าทายค่ายกลโบราณ! ตอนนี้ มีคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือร้ายกาจยืนอยู่ตรงหน้าข้า หากข้ากลับถอยร่นเพราะความคิดที่ล้าลัง ไม่ได้ต่อสู้เต็มกำลังความสามารถ ข้าคิดว่าข้าคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต!”
นักเดินหมากระดับเก้าคนอื่นๆ ที่เดิมทีคิดจะเกลี้ยกล่อมเขา จึงได้แต่เงียบเสียงลง
ใช่แล้ว สามปีที่ผ่านมานี้เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็คือเอาชนะซือคงเซิ่งเจี๋ย เพื่อกู้ชื่อเสียงและเกียรติยศของตนคืนมา เขาจึงไม่หยุดศึกษาคิดค้นวิธีการใหม่ๆ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าได้ลืมตัวตนของตัวเอง ยิ่งเดินออกไปไกลจากเป้าหมายเดิม!
หานหลินเยว่ที่เดิมทีเลื่อมใสในตัวฟางเสียอยู่แล้ว นาทีนี้ยิ่งนับถือในตัวเขาเพิ่มขึ้นอีก คำพูดที่มารออยู่ข้างริมฝีปากจึงถูกกลืนลงไป
ฟางเสียพูดอีกว่า “ต่อให้วันนี้ต้องแพ้ อย่างน้อยก็ไม่เสียดายหรือเสียใจอะไร!”
หานไท่ฟู่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับรู้สึกละอายใจอย่างที่สุด แต่ยังคงปากแข็งไม่ยอมรับ ได้แต่นิ่งเงียบ
หมากดำของฟางเสียวางลงไปหนึ่งก้าว
ในห้องพิเศษ หวง เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงัน
ที่นางตกตะลึงมิใช่เป็เพราะตำแหน่งที่หมากของฟางเสียที่วางลงไปนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด แต่ในทางตรงข้าม หมากดำตัวนี้เดินได้ย่ำแย่ที่สุด ช่างเป็การเดินหมากด้วยวิธีการฆ่าตัวตาย ทำให้หมากดำบริเวณมุมขวาล่างถึงกับเจอทางตัน
นี่จะมาไม้ไหนกัน
นางมองไม่ออกไปชั่วขณะ ดังนั้นจึงเดินหมากตามปกติไปหนึ่งก้าว
หมากดำเดินอีกหนึ่งก้าวอย่างรวดเร็ว
และเป็การเดินหมากวิธีฆ่าตัวตายเช่นกัน!
หลังจากต่อสู้กันหลายก้าว สถานการณ์บนกระดานหมากส่วนหนึ่งเปลี่ยนไป หมากขาวเป็ฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด ผู้ชมในห้องโถงไม่อาจใจเย็นอีกต่อไป ต่างส่งเสียงฮือฮา
“ให้ตายเถอะ!”
“เหตุใดจู่ๆ หมากดำจึงโง่เขลาเสียแล้ว”
“นี่มันอะไรกัน ฆ่าตัวตายมาตลอดทางหรือ”
“ท่านาุโหานตาลายแล้วใช่หรือไม่”
“ข้าดูแล้วน่าจะถูกคนทำคุณไสยมากกว่า นี่แทบจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร!”
ดูการเดินหมากมาตั้งนาน มู่ชิงหว่านไม่กระจ่างแจ้ง ตอนนี้นางเริ่มจะพอมองออกบ้างแล้ว แต่วิธีการเดินหมากแบบฆ่าตัวตายของหมากดำทำให้นางโมโหแทบตาย!
ท่านาุโหาน ท่านกู้หน้าตัวเองหน่อยเถิด! จะแพ้ให้กับเฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้นะ!
ในวังหลวง เฟิ่งชังทุบโต๊ะไม่หยุด เขาบ่นพึมพำ “หมากดำไฉนจึงเดินมาตรงนี้?นี่มิใช่ทางรนหาที่ตายหรอกหรือ ฟางเสียเป็อะไรไป เหตุใดจึงเดินหมากได้ย่ำแย่เช่นนี้”
เซวียนหยวนเช่อถือถ้วยในมือชะงักค้าง เขามองหมากกระดานนิ่งนาน สีหน้าไม่ค่อยดีนัก “คราวนี้หมากขาวอันตรายแล้ว”
เฟิ่งชังตกตะลึง เขารีบทักท้วง “ฝ่าา พระองค์ตรัสผิดแล้วกระมัง ควรจะเป็หมากดำมากกว่าที่ตกอยู่ในอันตรายพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนเช่อกลับส่ายหน้า “ไม่ เป็หมากขาวที่ตกอยู่ในอันตราย”
เฟิ่งชังไม่เข้าใจ
ริมสระบุปผา ซือคงเซิ่งเจี๋ยพูดประโยคเดียวกันออกมา “หมากขาวอันตรายแล้ว”
ซือคงจวินเย่ประหลาดใจ “เหตุใดเป็หมากขาวที่ตกอยู่ในอันตราย ไม่ใช่หมากดำตกอยู่ในอันตราย”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยยกมือขึ้นชี้ไปที่หมากบนกระดาน “ดูจากภายนอก หมากดำนั้นเดินหมากด้วยวิธีการฆ่าตัวตาย ที่จริงไม่ใช่เช่นนั้น หมากดำได้ลอบสร้างค่ายกลใหม่ เพียงแต่เขาอำพรางตัวได้ดียิ่ง จริงๆ เท็จๆ สลับกันไปเพื่อป้องกันตัว ไม่ถึงก้าวสุดท้าย ท่านไม่มีวันรู้ว่าเขากำลังวางค่ายกลอะไรกันแน่! วิธีการเช่นนี้ อันตรายจริงๆ!”
เขายังกล่าวเสริมอีกประโยคหนึ่งว่า “ฟางเสียเป็คนมีความสามารถคนหนึ่ง!”
“อาเซิ่ง เ้าเองก็แก้ไม่ได้หรือ”
ใต้หน้ากากสีเงินนั้น ซือคงเซิ่งเจี๋ยหัวเราะเบาๆ เขาพูดอย่างไม่ยี่หระ “บนโลกนี้ไม่มีหมากที่ข้าซือคงเซิ่งเจี๋ยแก้ไม่ได้!”
สายลมพัดมาดอกรักเร่หลายดอกร่วงลงมาบนอาภรณ์สีขาวหิมะของเขา ราวกับกลีบดอกไม้สีแดงที่บานสะพรั่งอยู่บนหิมะ เป็ภาพที่งดงามยิ่งนัก!
ซือคงจวินเย่มองใบหน้าหล่อเหลาคมสันของน้องชายด้วยสายตาชื่นชมและยินดี ไร้ซึ่งความรู้สึกอิจฉาริษยา
ภายในห้องพิเศษ หวง มือของเฟิ่งเฉี่ยนที่ถือหมากอยู่นั้นค้างอยู่กับที่ สัญชาตญาณบอกกับตัวนางเองว่า วิธีการเดินหมากแบบฆ่าตัวตายของหมากดำไม่ง่ายดายเช่นนี้เด็ดขาด!
ยิ่งอ่านไม่ออก นางยิ่งระมัดระวัง!
ดังนั้นนางจำเป็ต้องหยุด เพื่อนำการเดินหมากทุกก้าวก่อนหน้านี้มาวิเคราะห์ใหม่อีกครั้ง
มู่ชิงเซียวสังเกตสีหน้าแล้วรู้ว่านางพบโจทย์ยากเข้าให้แล้ว เขาถามเสียงเบา “รับมือยากใช่หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยน “เมื่อบุรุษผู้กล้าหาญคนหนึ่ง พลันเลือกใช้กลยุทธ์ศึกด้วยวิธีฆ่าตัวตาย ท่านคิดว่าเขากำลังจะทำอะไร”
มู่ชิงเซียวคิดแล้วตอบว่า “เขาจะต้องเจตนาหลอกล่อคู่ต่อสู้ จากนั้นคอยหาโอกาส เพื่อลงมือโจมตีขั้นปลิดชีพคู่ต่อสู้!”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า “ก็เหมือนกับจิงเคอลอบสังหารฉินอ๋อง (จิ๋นซีฮ่องเต้) ในประวัติศาสตร์ เพื่อเอาตัวเข้าไปใกล้ชิดฉินอ๋อง เขาหิ้วศีรษะโจรฏ ฝานอวี๋ชี ที่หลบหนีจากแคว้นฉินมายังแคว้นเยียน มามอบให้ฉินอ๋องเพื่อแสดงความจริงใจในการเข้าสวามิภักดิ์ต่อฉินอ๋อง อีกทั้งยังได้นำแผนที่ของแคว้นเยียนมามอบให้กับฉินอ๋อง ขณะที่เขาได้รับความไว้วางใจจากฉินอ๋อง ทว่ามีดสั้นที่แอบอยู่ใต้แผนที่กลับแล่บออกมาให้เห็น ทำให้เขาเกือบจะสังหารฉินอ๋องได้สำเร็จ!”