บริเวณสวนดอกเหมยที่เพิ่งออกดอกสวยงาม พร้อมส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ท่ามกลางแสงจันทร์ส่องกระทบร่างของจวิ้นเทียนฮ่องเต้ ที่เดินเล่นอยู่อย่างโดดเดี่ยวพร้อมสายลมพัดโชยมาเป็ระยะ ก่อนหวนนึกถึงเื่ราวต่าง ๆ ในอดีต
ขณะที่เขามีฐานะเป็รัชทายาทแห่งราชวงศ์ ต้องแบกรับสิ่งต่าง ๆ ไว้มากมาย ทั้งความรับผิดชอบ และความคาดหวังของทุกคน
แต่เวลานั้นเขามีอายุเพียงสิบห้าปี และจือซินหญิงสาวอายุมากกว่าถึงห้าปี ได้ทำหน้าที่เป็พี่เลี้ยง คอยดูแลความเรียบร้อย เมื่อใดที่เกิดความผิดพลาด นางจะรับผิดแทนและยอมถูกลงโทษ เพื่อไม่ให้เหล่าขุนนางหมดความเชื่อมั่นในตัวรัชทายาท หลายครั้งที่นางถูกโบยเพื่อปกป้องเขาจากเชื้อพระวงศ์คนอื่น ที่ตั้งใจทำลายชื่อเสียงของจวิ้นเทียนเพื่อลดทอนอำนาจ ทว่าเขาต้องเ็ปทุกครั้งที่เห็นนางถูกทรมานเหมือนตายทั้งเป็
ระหว่างนางนอนรักษาตัวอยู่ รัชทายาทจวิ้นเทียนเดินเข้ามาแล้วไล่ให้หมอหลวงทุกคนออกไป เขาย่อตัวลงนั่งดูาแที่หลังของนางพร้อมน้ำตาเอ่อขึ้น เป็ถึงรัชทายาทแต่กลับช่วยอะไรนางไม่ได้
“อย่าปกป้องข้าด้วยวิธีนี้อีก” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลันค่อย ๆ ป้ายยาใส่หลังนางช้า ๆ
“เป็ที่หน้าที่ของหม่อมฉัน ขอเพียงพระองค์ปลอดภัย หม่อมฉันก็วางใจเพคะ” เขาชักมือเล็กน้อย พยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา นางเป็เพียงสตรีตัวเล็ก ๆ แต่หัวใจอาจหาญกว่าเขาหลายเท่าตัว
หลังจากนั้นจวิ้นเทียนก็ตั้งมั่นกับตัวเองว่า จะไม่ยอมเห็นจือซินาเ็เพราะเขาอีก ชายหนุ่มทุ่มเทกายใจทุกอย่างเพื่อทำหน้าที่ของตน จนกระทั่งเติบโตขึ้นสามารถนำทัพพิชิตศัตรู รวบรวมแผ่นดินให้เป็ปึกแผ่น ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามารุกราน เป็ที่ยอมรับของขุนนางและราษฎรนับจากนั้นเป็ต้นมา ทว่าสิ่งเดียวที่เขาไม่อาจเอาชนะได้ ก็คือหัวใจของจือซิน
เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินมาหยุดด้านหลัง ทำให้จวิ้นเทียนฮ่องเต้หันกลับไป พร้อมสายลมอ่อนพัดโชยมา ร่างของจือซินกุ้ยเฟยยืนยิ้มอยู่ห่าง ๆ
“ให้คนไปตามหม่อมฉันมาที่นี่ พระองค์มีเื่ใดงั้นเหรอเพคะ” คำพูดห่างเหินของนาง ทำให้เขาเลื่อนสายตามองสวนดอกเหมย ที่ตั้งใจปลูกไว้ เพื่อให้นางนำไปทำเครื่องหอม
“ข้าไม่รู้ ว่าเ้าเคยเดินมาดูสวนดอกเหมยนี้หรือไม่?” หญิงสาวละสายตาจากเขา แล้วหันมองดูรอบ ๆ พลันปล่อยยิ้มแล้วก้าวเท้าเข้ามาหาเขาช้า ๆ
“อันที่จริง ตรงนี้ไม่ควรเป็สวนดอกเหมย” คำพูดของนางทำให้จวิ้นเทียนจับจ้องมองแน่นิ่ง ก่อนนางจะกล่าวต่อด้วยใบหน้างดงาม
“ตรงนี้ควรเป็สวนดอกไม้เหมือนบริเวณอื่น ๆ จะได้กลมกลืนกันไม่แปลกแยกเกินไป ดอกเหมยควรมีได้เฉพาะตำหนักของหม่อมฉันเท่านั้นก็พอเพคะ”
“หมายความว่าเ้าไม่ชอบ” เขาถามด้วยสายตาสั่นไหว นางทำได้เพียงปล่อยยิ้มเบา ๆ ทว่าไม่ตอบคำถาม
“วันนี้เ้าให้อี้หนิงกุ้ยเหรินอยู่รับหน้าข้า อีกหน่อยก็คงให้ใครต่อใครอยู่รับหน้าแทนด้วยใช่หรือไม่” เขาถามด้วยกิริยาแน่นิ่ง ใครจะรู้ว่าฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ ที่รับชัยชนะมาทุกสนามรบ กลับพ่ายแพ้ให้กับสตรีเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“เ้าไม่ตอบก็ไม่เป็ไร แต่ว่าวันนี้วันเป็ครบรอบการแต่งงานของเรา ข้ามีของบางอย่างมอบให้” เขาล้วงหาบางอย่างจากซอกเสื้อ ก่อนขมวดคิ้วเพื่อพบว่าของที่เตรียมไว้หายไป
“เป็สิ่งนี้หรือไม่เพคะ” จือซินกุ้ยเฟยยื่นหยกรูปดอกเหมยออกมา
“เ้าเอามาจากไหน”
“อี้หนิงเป็คนนำมามอบให้หม่อมฉัน บอกว่า อาจเป็ของที่พระองค์อยากมอบให้หม่อมฉัน”
“ข้าไม่เคยบอกนาง ว่าของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้ให้เ้า นางจะรู้ได้ยังไง”
“เห็นแล้วหรือไม่ ว่าอี้หนิงผู้นี้ฉลาดหลักแหลมเพียงใด ขนาดพระองค์ไม่บอก นางยังเดาได้ว่าพระองค์้าอะไร นางเหมาะสมกับกับพระองค์มากที่สุด”
“หยุดพูด!” เสียงเข้มทำให้จือซินเงียบปากลงในทันที พร้อมสองเท้าของชายหนุ่มเดินเข้ามาหา จับจ้องมองนางด้วยสายตาสั่นไหว เต็มไปด้วยความเ็ปและความอัดอั้นที่เก็บกดไว้ในใจ
“เ้าเอาแต่ผลักไสข้าให้ห่างจากตัว ทำเหมือนข้าไม่มีตัวตน เ้าลืมไปแล้วเหรอ ว่าข้าเป็ถึงฮ่องเต้ หากคิดจะทำอะไรมากกว่านี้ เหตุใดข้าจะทำไม่ได้ เ้าก็แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ” หญิงสาวฝืนยิ้มแล้วตอบกลับด้วยสายตาจริงจัง
“พระองค์จะได้แต่ตัว แต่ไม่ได้หัวใจ”
“อย่าให้ข้าต้องกำจัดชายผู้นั้น อย่าให้ข้าต้องลงมือทำร้ายเขา” นางเดินเข้ามาใกล้ แล้วฝืนยิ้มอีกครั้ง
“หากพระองค์ทำร้ายเขา หม่อมฉันก็จะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป” พูดจบ หญิงสาวจึงเบี่ยงกายเดินจากไป ก่อนชายหนุ่มจะกำมือแน่น หลับตาลงพร้อมน้ำตาไหลออกมาด้วยความเ็ป เพราะความใกล้ชิด การดูแลเอาใส่ใจของนางในตอนนั้นทำให้เขาหลงรักจนไม่อาจปล่อยวางได้ และไม่อาจมีผู้ใดมาแทนที่ได้ ไม่ว่าใครก็ตาม
ทว่าเสียงเหยียบกิ่งไม้จากด้านหลังทำให้ชายหนุ่มสูงศักดิ์หันไป พบร่างของอี้หนิงกุ้ยเหรินยืนอยู่ นางทำท่าอึกอัก เก้ ๆ กัง ๆ และจำเป็ต้องน้อมกายลงเคารพอีกฝ่าย ด้วยท่าทางอ่อนน้อม
“เ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” สุรเสียงนุ่มลึกเอ่ยถามพร้อมสายลมอ่อนพัดมาปะทะกายทั้งสอง
“หม่อมฉันเพียงแค่....” นางอึกอัก เพราะยังใกับบทสนทนาที่ได้ยินเมื่อครู่ นิ้วมือเกี่ยวกันไปมาด้วยความสับสน
“ข้าถามว่าเ้ามาอยู่นี่ได้ยังไง?” เมื่อเสียงอีกฝ่ายเข้มขึ้นทำให้อี้หนิงรีบตอบกลับด้วยความหวาดหวั่น
“หม่อมฉันเพียงแค่มีเื่อยากถามพระองค์เพคะ”
“เื่อะไร” นางกลืนน้ำลาย แล้วรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหา
“ผ้าไหมปักเช่นนี้ หากมีลายัอยู่ด้วย พบได้ที่ใดบ้าง พระองค์เคยมอบให้กับจือซินกุ้ยเฟยหรือไม่?” เขาเอียงศีรษะแล้วมองผ้าไหม ที่เพิ่งส่งให้นางไปไม่นาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้