สวี่ฮุ่ยอยากลุกหนี แต่ก็กลัวว่าการกระทำนี้จะยิ่งตอกย้ำว่าเธอมีเงิน
เดิมทีมิจฉาชีพสองคนนั้นแค่เดาว่าเธอมีเงิน อยู่ ๆ เธอลุกหนีไป พวกนั้นอาจจะมั่นใจว่าเธอมีเงิน แล้วเพ่งเล็งเธอยิ่งกว่าเดิม
ในขณะที่สวี่ฮุ่ยกำลังคิดหาวิธี ก็มีหญิงสาวร่างท้วมในชุดเดรสผ้าแดครอนสีสันสดใสขึ้นมา
หญิงสาวเห็นว่าบนรถไม่มีที่นั่งแล้ว จึงเดินมาทางด้านหลัง
เบาะหลังเป็เก้าอี้ยาว แม้จะมีคนนั่งเต็มแล้ว แต่สวี่ฮุ่ยตัวเล็ก หญิงสาวคนนั้นคิดว่ายังเบียดนั่งได้
เธอเดินถึงข้าง ๆ สวี่ฮุ่ย ก็นั่งลงไปเบียดจนสวี่ฮุ่ยตัวแบน
สวี่ฮุ่ยยังไม่ทันต่อว่าที่หญิงสาวเบียดเข้ามา หญิงสาวกลับเริ่มบ่นเธอ "บ้านนอก! อาบน้ำหรือเปล่าเนี่ย ตัวเหม็นเหงื่อฉุนจะตายแล้ว ขยับไปหน่อย"
หญิงสาวพูดด้วยสำเนียงเมืองเซี่ยว แท้ ๆ
ยุคนี้ความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองกับชนบทมีมาก คนเมืองมักจะรู้สึกเหนือกว่าคนชนบท ท่าทางของหญิงสาวไม่ได้แปลกอะไร
สวี่ฮุ่ยกำลังคิดหาวิธีสลัดโจรสองคนนั้นพอดี นี่เป็โอกาสทองที่พลาดไม่ได้
เธอแกล้งทำเป็โกรธที่โดนหญิงสาวด่า แล้วลุกขึ้นเดินกระฟัดกระเฟียดหนีไป
ผ่านไปสองป้าย มิจฉาชีพสองคนนั้นก็ลงจากรถ
ผ่านไปอีกหลายป้ายจนถึงเมืองเซี่ยว หญิงสาวคนนั้นจะลงจากรถ ก็พบว่ากระเป๋าหนังและกระโปรงของเธอถูกกรีดเป็รอยหลายรอย เงินร้อยกว่าหยวนโดนขโมยไปหมด
ในยุค 80 ที่เงินเดือนเฉลี่ยแค่ห้าสิบกว่าหยวน นี่ถือเป็เงินจำนวนไม่น้อยเลย
หญิงสาวร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเสียใจตลอดทางลงจากรถ
ผู้โดยสารบนรถต่างเห็นใจหญิงสาว มีเพียงสวี่ฮุ่ยที่ไม่สะทกสะท้าน
ตอนถึงเมืองเอกก็บ่ายสองโมงกว่าแล้ว
สวี่ฮุ่ยหาร้านอาหารเล็ก ๆ ของรัฐแล้วเดินเข้าไป ซื้อคูปองอาหารจากพนักงานเสิร์ฟก่อน ค่อยสั่งหมูเส้นผัดพริกหวานหนึ่งจานและข้าวสวยสองเหลียง[1]
ยุคนี้กินข้าวในร้านอาหารเอกชนไม่ต้องใช้คูปองอาหาร แค่จ่ายเป็เงินก็พอ
แต่ร้านอาหารของรัฐบาลไม่ได้
สวี่ฮุ่ยกินข้าวเสร็จด้วยความเร็วแสง ก็นั่งรถไปตลาดขายส่งสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ตลาดค้าส่งต้าตงเหมิน
เมืองเอกกว้างใหญ่มาก จากเจียงเป่ยไปตลาดค้าส่งต้าตงเหมิน นั่งรถโดยสารประจำทางประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ในที่สุดสวี่ฮุ่ยก็มาถึงต้าตงเหมิน
เดินอีกสิบยี่สิบนาทีก็ถึงตลาดขายส่งแล้ว
หมู่นี้ แถวตลาดต้าตงเหมินไม่ค่อยสงบนัก มีคดีลักขโมย ชิงทรัพย์เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แม้แต่คดีอาญาอย่างข่มขืน ลักพาตัว ทำร้ายร่างกายยังมีให้เห็น
่นี้ลู่ฉี่เสียนเลยพาหน่วยสืบสวนที่หนึ่งของเมืองเอกแฝงตัวอยู่แถวตลาดต้าตงเหมิน เพื่อปราบปรามอาชญากรรมต่าง ๆ
จับกุมแก๊งอาชญากรรมไปได้หลายแก๊งแล้ว แต่แก๊งที่ใหญ่ที่สุดยังจับไม่ได้
สวี่ฮุ่ยลงจากรถ เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกตำรวจสายสืบชื่อเฉียนหย่ง ลูกน้องของลู่ฉี่เสียนสังเกตเห็น
เฉียนหย่งใช้ไหล่กระแซะลู่ฉี่เสียนแล้วเหล่ไปทางสวี่ฮุ่ย "ลูกพี่ ดูสิ"
ลู่ฉี่เสียนมองตามสายตาของเขาไป ก็เห็นสวี่ฮุ่ย
เฉียนหย่งพูดข้าง ๆ เขาว่า "ไม่เจอแค่ไม่กี่วัน สาวน้อยคนนี้สวยขึ้นเยอะเลยนะ"
สวี่ฮุ่ยไม่ได้สวยขึ้นหรอก เธอแค่ใส่ชุดใหม่สวย ๆ แล้วตัดผมม้าให้เรียบร้อย เลยดูสวยขึ้นต่างหาก
ลู่ฉี่เสียนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "เวลางาน ไม่ตั้งใจทำงาน มาส่องผู้หญิงเขาทำไม?"
เฉียนหย่งเม้มปาก ไม่กล้าพูดอะไร
บ่นในใจว่า มองสาวสวยก็ไม่ได้กระทบงานเขาสักหน่อย
เฉียนหย่งเงยหน้ามองลู่ฉี่เสียน เห็นเขาจ้องมองสวี่ฮุ่ยตาไม่กะพริบ
เฉียนหย่งลอบเบ้ปาก หัวหน้าไม่ให้เขามองสาวสวย แต่ตัวเองกลับจ้องมองสาวเ้าจนตาแทบจะติดอยู่บนตัวผู้หญิงคนนั้นแล้ว
ลู่ฉี่เสียนเห็นสาวน้อยหิ้วถังเดินไปทางตลาดค้าส่งต้าตงเหมิน จึงสั่งเฉียนหย่งว่า "นายไปดูสิ ในถังของเด็กคนนั้นใส่อะไรมา"
เฉียนหย่งสวมแว่นกันแดด เดินไปหาสวี่ฮุ่ย
ตอนปฏิบัติภารกิจพวกเขาจะใส่ชุดธรรมดา บวกกับเฉียนหย่งรู้จักสวี่ฮุ่ย แต่สวี่ฮุ่ยไม่รู้จักเฉียนหย่ง
เฉียนหย่งเดินสวนกับสวี่ฮุ่ย เธอก็ไม่ได้สนใจอะไร
เฉียนหย่งปฏิบัติภารกิจเสร็จ ก็กลับมารายงานลู่ฉี่เสียน "ในถังของเด็กคนนั้นใส่ตะพาบตัวใหญ่สองตัวมา คงจะเอาไปขายที่ตลาด"
ลู่ฉี่เสียนพยักหน้า
เฉียนหย่งพูดต่อ "ตะพาบทั้งสองตัวไม่เล็กเลย ตัวเล็กกะจากสายตาน่าจะหนักประมาณสองจิน ส่วนตัวใหญ่น่าจะหนักสี่ห้าจิน คงขายได้ร้อยกว่าหยวน ผมสังหรณ์ใจว่าเด็กคนนั้นอาจจะตกเป็เป้าหมายชิงทรัพย์ของแก๊งอาชญากรรมครับ"
ลู่ฉี่เสียนพูดอย่างรังเกียจ "เื่นี้ต้องเดาด้วยเหรอ?"
ไม่ต้องเดาหรอก
ชาวนาที่มาขายสัตว์น้ำที่ตลาดต้าตงเหมินส่วนใหญ่เป็เป้าหมายของแก๊งอาชญากรรมอยู่แล้ว
ชาวนามักจะขี้กลัว โดนขโมยโดนปล้นก็ได้แต่ทำใจ ไม่ค่อยมีใครกล้าไปแจ้งตำรวจ
เด็กสาวบ้านนอกที่ไม่มีเรี่ยวแรงแบบนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เพื่อความสะดวกในการถามราคาตะพาบ สวี่ฮุ่ยเลยไม่เข้าตลาดทันที แวะซื้อผักที่ถูกที่สุดสองกำมาคลุมตะพาบสองตัวใหญ่ไว้ก่อนค่อยเดินเข้าตลาด
ในตลาดมีขายสัตว์น้ำขายทุกชนิด ทั้งปลาไหล ปลาดุก ปลาตะเพียน ปลาจาละเม็ด และอาหารทะเลต่าง ๆ
สวี่ฮุ่ยสอบถามรอบ ๆ ก็เป็อย่างที่คุณลุงจางบอกจริง ๆ ราคาตะพาบในเมืองเอกแพงมาก
ตะพาบหนักสองจินขายได้ถึงจินละสิบหยวน ส่วนหนักห้าจินขายได้จินละสามสิบหยวน
สวี่ฮุ่ยตื่นเต้นเล็กน้อย ถ้าขายตะพาบสองตัวนี้ได้ วันนี้เธอจะได้เงินอย่างน้อยหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหยวน
สวี่ฮุ่ยหาที่วางถัง เอาผักคลุมตะพาบออก แล้วะโสองที "ขายตะพาบค่ะ ตะพาบป่าสด ๆ!"
ก็ดึงดูดลูกค้าให้เดินเข้ามาดูในถังของเธอมากมาย
เมื่อเห็นตะพาบทั้งสองตัวปีนป่ายอย่างแข็งขัน ตัวก็ไม่เล็ก ก็มีคนเข้ามาถามราคา
สวี่ฮุ่ยบอกราคาตามราคาตลาด ก็มีคนต่อรองราคาเธอ
แต่สวี่ฮุ่ยไม่ยอมลดให้ เธอไม่ได้ตั้งราคาแพงสักหน่อย
มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งอยากซื้อตะพาบตัวที่หนักสองจินกว่า ๆ แต่ขอให้สวี่ฮุ่ยปัดเศษครึ่งจินลงให้
สวี่ฮุ่ยยิ้มแล้วส่ายหน้า "ครึ่งจินราคาห้าหยวน ไม่ใช่ห้าเฟินค่ะ ซื้อข้าวสารได้ตั้งสามสี่สิบจิน ฉันลดให้ไม่ได้หรอกค่ะ!"
หญิงวัยกลางคนไม่มีทางเลือก ได้แต่ซื้อตะพาบตัวนั้นไปอย่างหัวเสีย ใครใช้ให้ลูกชายกับสามีเธอชอบกินซุปตะพาบล่ะ
ลู่ฉี่เสียนไม่รู้ตัวเลยว่ามุมปากของตัวเองกำลังยกขึ้น
เด็กสาวคนนี้ดูบอบบาง แต่ฝีปากคมคายทีเดียว
เฉียนหย่งเหลือบมองหัวหน้าตัวเอง
เราเป็ตำรวจ อย่ายิ้มเ้าเล่ห์แบบนี้ได้ไหมครับ?
ตะพาบตัวใหญ่หนักห้าจินถูกเ้าของโรงแรมซื้อไปโดยไม่ต่อราคาเลยแม้แต่น้อย
เถ้าแก่ซื้อตะพาบบอกกับสวี่ฮุ่ยว่า เขาเป็เถ้าแก่เฉาจากโรงแรมอู่เยว่ฮวา ต่อไปถ้ามีตะพาบอีกก็ให้ส่งไปที่ร้านเขาได้เลยและให้ที่อยู่โรงแรมไว้กับสวี่ฮุ่ย
สวี่ฮุ่ยเก็บเงินร้อยเจ็ดสิบกว่าหยวนที่ขายได้ไว้กับตัว หิ้วถังเปล่าเดินออกจากตลาดขายสัตว์น้ำอย่างอารมณ์ดี
เห็นว่าฟ้าเริ่มมืด เธอเลยถามเวลาจากคนข้างทางที่สวมนาฬิกาอยู่บนข้อมือ คน ๆ นั้นบอกเธอว่าห้าโมงเย็นแล้ว
ดึกขนาดนี้ รถโดยสารหมดแล้ว คงกลับวันนี้ไม่ได้ งั้นก็หาโรงแรมรัฐเล็ก ๆ พักก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับบ้านแล้วกัน
สวี่ฮุ่ยเดินไปพลางมองหาโรงแรมรัฐเล็ก ๆ ไปพลาง มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมหน้ากากอนามัยหนาเดินสวนมา เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ
ตอนที่ทั้งสองเดินเฉียดไหล่กัน จู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็หยิบสเปรย์ฉีดพ่นใส่หน้าสวี่ฮุ่ยสามครั้ง
สวี่ฮุ่ยรู้สึกเวียนหัว มึนงง สติเลือนราง
เธอรู้ว่าโดนคนร้ายเล่นงาน พยายามถอยหลังไปหลายก้าว เห็นคนเดินผ่านไปมาก็กระโจนเข้าไปคว้าแขนคน ๆ นั้นไว้โดยไม่สนความเหมาะสมอะไรทั้งสิ้น พูดด้วยเสียงแ่เบาว่า “ช่วยฉันด้วย”
คนถูกสวี่ฮุ่ยขอความช่วยเหลือเป็ผู้ชายวัยกลางคน แม้จะตัวสูงใหญ่ แต่กลับขี้ขลาดอย่างกับหนู
เขามองสวี่ฮุ่ยที่แทบลืมตาไม่ขึ้น เหมือนจะสลบได้ทุกเมื่อ สลับกับผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัย กำลังลังเลว่าจะช่วยสวี่ฮุ่ยดีไหม
ชายหนุ่มท่าทางนักเลงคนหนึ่งโบกมีดสั้นในมือใส่เขา พลางจ้องเขม็งอย่างดุร้าย “อย่าเสือก!” ชายวัยกลางคนรีบผลักสวี่ฮุ่ยที่เกาะอยู่บนตัวออก วิ่งหนีไปทันที คนเดินถนนคนอื่น ๆ เห็นดังนั้นก็พากันถอยห่าง
ผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนเดิมประคองสวี่ฮุ่ย ปิดปากเธอแล้วพาเดินไปยังป่าละเมาะข้างทาง มีชายหลายคนเดินตามมาข้างหลัง
ถึงแม้สติสวี่ฮุ่ยจะเลือนราง แต่ก็ยังไม่สลบไปเสียทีเดียว เลยได้ยินชายคนหนึ่งพูดอยู่ข้างหลังว่า “สาวน้อยนี่หน้าตางดงามจริง ๆ ลองเล่นสนุกกันสักหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ?”
ผู้ชายคนอื่น ๆ หัวเราะหื่นกาม พูดกันไม่ขาดปากว่า “ได้ ๆ ไม่ได้ลิ้มเนื้อสาวแบบนี้มานานแล้ว”
สวี่ฮุ่ยร้อนใจเหมือนไฟสุมอก แต่ก็ไม่มีแรงต่อต้าน ถูกพาเข้าไปในป่าลึก
เธอกัดปลายลิ้นตัวเองอย่างแรงจนลิ้นเหวอะก็ไม่ยอมคลาย มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เธอถึงจะประคองสติไว้ได้
พอถึงป่าลึก ชายพวกนั้นก็โยนสวี่ฮุ่ยลงกับพื้น
ชายคนหนึ่งยิ้มเหี้ยม “ฉันก่อน” พูดจบก็ถอดเสื้อแล้วพุ่งเข้าหาสวี่ฮุ่ย
[1] เหลียง หมายถึง หน่วยวัดน้ำหนักของจีนเท่ากับขีดหรือ 50 กรัม