เมื่อเสิ่นเยว่ชวนกับมู่ซือเจวี๋ยกลับออกไปห้องทำงานอันกว้างขวางจึงเหลือเพียงลู่เป๋าเหยียน
เอกสารที่อยู่บนโต๊ะทำงานกองสูงราวูเาแต่เขากลับยืนอยู่ข้างหน้าต่าง นิ้วมือเรียวยาวคีบบุหรี่ที่หมดไปแล้วครึ่งมวนเถ้าของมันร่วงหล่นลงบนพื้นพรมข้างเท้า
เคยมี่หนึ่งที่เขาสูบบุหรี่จัดซึ่งเป็่เดียวกับที่ซูอี้เฉิงกำลังพยายามเลิกบุหรี่ทุกครั้งที่เจอหน้าซี้เฉิงมักจะทำหน้าทรมานก่อนจะเอ่ยปากขอบุหรี่
“แล้วบุหรี่ของนายล่ะ?” เขาถามซูอี้เฉิง
“น้องสาวตัวดีของฉันน่ะสิคนที่ชอบเรียกนายว่าพี่เป๋าเหยียนสมัยเด็กๆ คนนั้นแหละ” ซูอี้เฉิงถอนหายใจทว่ามุมปากกลับแย้มยิ้มอย่างมีความสุข“น้องบ่นกับฉันทุกวันว่าสูบบุหรี่ไม่ดีต่อร่างกาย เธอยื่นคำขาดบอกให้ฉันเลิกซะนี่ก็ยึดบุหรี่กับไฟแช็กฉันไปหมดเลย”
สิ้นคำลู่เป๋าเหยียนจึงยกบุหรี่และไฟแช็กของตัวเองให้กับซูอี้เฉิง
“ฉันให้นาย”คนที่ถูกบังคับไม่ใช่เขาแท้ๆ แต่เขากลับยอมอดทนทรมานั้แ่นั้นมาน้อยครั้งที่เขาจะสูบบุหรี่ แม้แต่ใน่เวลาแบบนี้อย่างมากเขาก็แค่จุดมันทิ้งไว้ ปล่อยให้มันเผาไหม้ไปช้าๆ
เสิ่นเยว่ชวนหัวเราะเยาะเขาที่เขาไม่กล้าบอกอะไรกับูเี่อันสักอย่างใช่ ถ้าเื่ไหนมีูเี่อันเข้ามาเกี่ยวข้องเขาจะกลายเป็คนขี้ระแวงพะวงหน้าพะวงหลังอยู่เสมอราวกับไม่ใช่ตัวเอง
เขาตัดสินใจไว้แล้วว่าถ้าเขาพาเธอเข้ามาในโลกของเขาเมื่อไร เขาจะให้อำนาจการเลือกกับเธอ
คนที่จิตใจบริสุทธิ์อย่างเธอหากรู้ความจริงทุกอย่างก็คงเลือกที่จะหย่ากับเขาอย่างไม่ลังเล แล้วไปแต่งงานกับผู้ชายที่เธอชอบ
ความเคยชินเป็สิ่งน่ากลัวเขากับเธอเพิ่งแต่งงานกันได้แค่ครึ่งปี แต่เขากลับไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการถึงวันที่เขาไม่มีเธอหลังจากหย่าจากกัน
สมองเตือนเขาว่าั้แ่นี้เป็ต้นไป เขาจะต้องค่อยๆ ย้อนกลับสู่อดีตกลับสู่วันที่ไม่มีเธอเคียงข้าง
เมื่อใกล้ถึงเวลาเลิกงานูเี่อันก็โทรมาหา
“ลู่เป๋าเหยียนวันนี้ฉันต้องเลิกดึกนะ ประมาณห้าทุ่มถึงจะได้กลับ แล้วนายล่ะ”
“...คืนนี้ฉันไม่กลับบ้าน”ลู่เป๋าเหยียนหลับตาลง “เดี๋ยวให้อาเฉียนไปรับ”
ูเี่อันเรียกเขาเอาไว้ราวกับรู้ว่าเขากำลังจะวางสาย
“เดี๋ยวก่อน!”ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่สักพักก่อนเธอจะเอ่ยถาม “ทำไมนายไม่กลับบ้านล่ะ?”
ลู่เป๋าเหยียนพยายามไม่คิดถึงภาพของูเี่อันในตอนนี้เขาทำใจแข็งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเ็า
“ฉันมีธุระ”
ูเี่อันใกับน้ำเสียงของเขาที่เปลี่ยนไปเธอเงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนพูดว่า
“อ้องั้นนายไปทำงานต่อเถอะ”
ตอนทำแล็บูเี่อันดูเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัดเจียงเส้าข่ายเรียกเธอ แต่เธอก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ
ไม่รู้ว่าเธอคิดมากไปหรือเปล่าแต่เมื่อกี้ลู่เป๋าเหยียนเขาดู...เ็า
ความเ็าของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังแต่งงานทั้งความอ่อนหวาน อ้อมกอด รอยจูบและเสียงหัวเราะต่างๆ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ราวกับทุกอย่างเป็แค่ความฝันเหมือนเธอกับเขาใช้ชีวิตร่วมกันไม่ต่างจากวันแรกของการแต่งงานที่ต่างคนต่างอยู่ ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกันเธอก็แค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญต้องมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกับเขาซึ่งไม่นานก็คงต้องจากไป
ตอนเที่ยงเขายังจูบเธอยังบอกว่าเขาจำเนกไทที่เธอเป็คนให้ได้อยู่เลย
“เจี่ยนอันกำลังคิดอะไรอยู่ ได้เวลาแล้วนะ” เจียงเส้าข่ายปิดอุปกรณ์ทดลอง“เธอเป็อะไรหรือเปล่า”
ูเี่อันได้สติก่อนจะส่ายหน้าเบาๆเธอพยายามรวบรวมสมาธิให้จดจ่ออยู่กับงาน
อย่าคิดมากไปบางทีลู่เป๋าเหยียนอาจจะแค่งานยุ่งก็ได้ เธอบอกกับตัวเอง
แต่เซนส์ของผู้หญิงมักจะแรงเสมอูเี่อันยังคงรู้สึกไม่สบายใจ สามทุ่มกว่างานของเธอก็เสร็จสิ้นหลังลังเลอยู่นานเธอก็กดโทรศัพท์หาลู่เป๋าเหยียน
เสียงสัญญาณดังขึ้นนานกว่าสี่สิบวินาทีจนูเี่อันนึกว่าเขาจะไม่รับสายเสียแล้ว แต่เสียงของเขาก็ดังขึ้น
“มีอะไร?”
“ฉันเลิกงานแล้ว”ูเี่อันใช้นิ้วขูดโต๊ะไปมา สุดท้ายจึงรวบรวมความกล้าพูดออกไปว่า
“ฉะ...ฉันยังไม่อยากกลับบ้านฉันไปหานายที่บริษัทได้หรือเปล่า”
“...” หลังเงียบอยู่นานลู่เป๋าเหยียนจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “เจี่ยนอัน ถ้าเธอมาก็มีแต่จะรบกวนฉันเชื่อฟังฉัน กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”
“ก็ได้...”ูเี่อันเอ่ยด้วยความรู้สึกผิดหวัง
“ฉันบอกให้อาเฉียนไปรับเธอตอนสี่ทุ่มเขาคงใกล้ถึงแล้ว” ลู่เป๋าเหยียนกล่าว “เธอลองไปดูที่ประตูหน้า”
ูเี่อันหยิบกระเป๋าก่อนจะเดินออกไปจึงเห็นอาเฉียนที่กำลังจอดรถพอดีเธอเม้มปากเล็กน้อยก่อนเอ่ย
“อาเฉียนมาแล้ว”
“งั้นเธอกลับไปก่อน รีบนอนล่ะแค่นี้นะ”
ไม่รอใหู้เี่อันตอบลู่เป๋าเหยียนก็วางสายไปทันที
ูเี่อันมองมือถืออย่างนิ่งอึ้งเธอมั่นใจแล้วว่าลู่เป๋าเหยียนดูผิดปกติ
หรืองานของเขากำลังมีปัญหา?
เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยถามเขาแล้วกัน
“เชิญครับคุณผู้หญิง”อาเฉียนลงมาเปิดประตูใหู้เี่อัน “ขึ้นรถเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
รถยนต์สีดำสนิทวิ่งไปตามท้องถนนยามดึกแบบนี้ผู้คนที่เดินอยู่ริมถนนจึงเริ่มบางตา แสงไฟที่ส่องสว่างดูว่างเปล่าหัวใจของูเี่อันเริ่มหม่นหมอง
อาเฉียนสังเกตเห็นว่าูเี่อันดูเงียบผิดปกติจึงยิ้มพลางพูดว่า
“ไม่นึกเลยนะครับว่าผมจะมีโอกาสได้มารับคุณผู้หญิงหลังเลิกงานนึกว่าคุณชายจะไม่ปล่อยให้ใครมาแย่งหน้าที่นี้ซะแล้วครับ”
ูเี่อันพยายามฝืนยิ้ม“วันนี้เขามีธุระเลยไม่กลับบ้านน่ะค่ะ”
“ที่จริงก่อนแต่งงานคุณชายไม่แม้แต่จะกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ด้วยซ้ำครับคุณชายทำงานจนดึกดื่นเลยมักจะนอนพักที่ห้องพักของบริษัทวันรุ่งขึ้นก็ตื่นขึ้นมาทำงานต่อแต่พอเขาแต่งงานกับคุณผู้หญิงก็เริ่มกลับบ้านบ่อยขึ้นทำงานดึกแค่ไหนก็ยังกลับมาบ้าน ผมว่าครั้งนี้คุณชายคงงานยุ่งจริงๆ แหละครับเลยต้องนอนค้างที่บริษัทแบบนี้”
“งั้นเหรอคะ”ูเี่อันลูบคางเบาๆ ดูท่าเธอคงคิดมากไปจริงๆลู่เป๋าเหยียนงานยุ่งแบบนี้คงเหนื่อยมาก เธอยังจะโทรไปกวนเขาอีก เฮ้อคราวหน้าต้องห้ามทำแบบนี้อีกแล้ว
คำพูดของอาเฉียนทำใหู้เี่อันสบายใจได้ชั่วคราวหลังกลับถึงบ้านเธอก็อาบน้ำและเข้านอนทันที
ตอนนั้นเองอาเฉียนที่อยู่ในห้องรับแขกก็ได้โทรศัพท์ไปแจ้งลู่เป๋าเหยียน
“คุณผู้หญิงหลับแล้วครับ”
“อืมเธอมีท่าทีแปลกกว่าทุกทีหรือเปล่า”
“ตอนขึ้นรถใหม่ๆ ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีน่ะครับ”อาเฉียนยิ้ม “ผมเดาว่าคุณผู้หญิงคงไม่ชินที่ผมเป็คนรับเธอกลับบ้านแต่ตอนหลังผมบอกเธอไปว่าสมัยก่อนคุณชายก็มักจะนอนค้างที่บริษัทอยู่บ่อยๆเธอเลยกลับมาเป็เหมือนเดิม งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ลู่เป๋าเหยียนวางสายเขาไม่อาจทนอ่านเอกสารต่อไปได้จึงลุกขึ้นไปชงกาแฟ ขณะกำลังจะใส่น้ำแข็งลงในแก้วเขาก็ดึงมือกลับมา
ูเี่อันบอกว่ากระเพาะของเขาไม่ค่อยดีจึงไม่ควรจะกินน้ำเย็นเธอถึงขนาดสั่งกับเลขาของเขาเอาไว้ด้วยซ้ำ หลังจากนั้นเขาก็ไม่ดื่มกาแฟเย็นอีกเวลาเธอต้มซุปเป็อาหารเย็น พ่อครัวที่บ้านก็บอกกับเขาว่าซุปที่เธอต้มวันนี้ช่วยบำรุงกระเพาะ
ถึงูเี่อันจะไม่เคยบอกอะไรแต่เขาก็รู้ว่าเธอเป็ห่วงเขาเขาััได้ถึงความห่วงใยของเธอั้แ่ตอนที่โรคกระเพาะของเขากำเริบจนต้องเข้าโรงพยาบาลเธอใจนร้องไห้ออกมา
ความเป็ห่วงที่เธอมีให้เขาคงไม่ต่างอะไรกับที่เธอมีให้ซูอี้เฉิง
หลังดื่มกาแฟจนหมดงานทุกอย่างก็เสร็จสิ้นเมื่อเวลาตีสอง เขาเดินเข้าไปพักในห้องพักผ่อนเหมือนแต่ก่อนแต่มาวันนี้กลับรู้สึกไม่ชินซะได้
ั้แ่แต่งงานกับูเี่อันบ้านที่ชานเมืองก็กลายเป็บ้านที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขา คำว่า ‘กลับบ้านนอน’ กลายเป็เื่ปกติไม่ต่างจากการกินอาหารสามมื้อ
เพราะที่บ้านมีูเี่อันภรรยาของเขาอยู่มันจึงกลายเป็สถานที่พักผ่อนให้หายเหน็ดเหนื่อยจากงานและเมื่อตื่นขึ้นมาก็สามารถเจอใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเธอได้
ตอนที่ยังไม่ได้แต่งงานกับเธอเพื่อประหยัดเวลา เขาจึงนอนพักที่ห้องนี้โดยไม่รู้สึกว่ามันไม่ดีตรงไหน
เพราะฉะนั้นคงพูดได้ว่าความเคยชินทุกอย่างที่เขาเคยมี เมื่อมาเจอกับูเี่อันมันก็รวนไปหมด
สุดท้ายลู่เป๋าเหยียนก็นอนหลับไปทว่าวันรุ่งขึ้นเขากลับตื่นแต่เช้า เมื่อมองไปที่นาฬิกา นี่เพิ่งจะหกโมงกว่าถ้ากลับบ้านไปตอนนี้ คงได้กินข้าวเช้ากับเธอ
แต่สมองบอกเขาว่าในเมื่อเขาเริ่มมันแล้วก็ควรใจแข็งต่อไป อย่าได้กลับบ้านเป็อันขาด ทว่าเขากลับหยิบกุญแจรถก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไปอย่างลืมตัว
ไม่เพียงแค่ความเคยชินเท่านั้นแต่สมองของเขาก็ถูกูเี่อันทำให้ปั่นป่วนไปหมด
บ้านชานเมือง
หลังนาฬิกาปลุกดังอยู่สองครั้งูเี่อันก็ลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยสภาพที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงได้สำเร็จเธอล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะเดินออกจากห้องนอนทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าลู่เป๋าเหยียนยังไม่กลับบ้านวันนี้เธอคงต้องกินข้าวเช้าคนเดียว
ูเี่อันถอนหายใจก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างอย่างเชื่องช้าแต่เดินไปได้ครึ่งทางเธอก็รู้สึกแปลกๆ
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาจึงเห็นลู่เป๋าเหยียนกำลังมองมาอยู่ที่ตีนบันได
“นายกลับมาแล้ว!”เธอรีบวิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจ ก่อนจะหยุดลงตรงหน้าเขา
“ไหนบอกว่าจะไม่กลับมาแล้วไง?”
“ที่ฉันบอกเป็เื่ของเมื่อวาน”
ความจริงแล้วลู่เป๋าเหยียนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงกลับมาที่บ้านเพียงเพื่อกินข้าวเช้ากับเธอ เหมือนตอนที่เขาโรคกระเพาะกำเริบไม่มีผิดที่เขากลับมาที่บ้านทุกเช้าเพียงเพราะอยากเห็นหน้าเธอสักครั้ง
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งไม่พอใจกับการกระทำของตัวเองจึงหาข้ออ้างแยกตัวออกไป
“ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนชุด”
“แต่ชุดที่นายใส่อยู่ก็เพิ่งเปลี่ยนมาไม่ใช่เหรอ”ูเี่อันถามอย่างข้องใจ “เมื่อวานนายไม่ได้ใส่ชุดนี้นี่”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้ว“ฉันไม่ชอบชุดนี้”
พูดจบเขาก็เดินขึ้นไปเลยูเี่อันเบ้ปากเล็กน้อย “เื่มากชะมัด”
แต่ถึงอย่างนั้นการกลับมาของเขาก็ทำให้เธอดีใจ
ทางห้องครัวเตรียมอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อเห็นว่าลู่เป๋าเหยียนกลับมาบ้าน ป้าหลิวจึงสั่งให้เพิ่มจานชามอีกชุดหลังจัดโต๊ะเรียบร้อยลู่เป๋าเหยียนก็เดินลงมาพอดี
ูเี่อันนึกว่าเขาจะไปเปลี่ยนเป็สูทตัวใหม่ที่ดูดีกว่าเดิมแต่...เขายังสวมชุดเมื่อกี้อยู่เลยนี่
เพราะรู้สึกได้ถึงสายตาของูเี่อันหลังนั่งลงลู่เป๋าเหยียนจึงหันมองเธอพลางอธิบาย
“พอกลับไปถึงห้องฉันก็รู้สึกว่าที่จริงชุดนี้ก็ไม่เลว”
“เปลี่ยนใจง่ายชะมัด”ูเี่อันพูดพลางเจาะไข่แดงจนมันซึมไปทั่วแผ่นขนมปัง “อารมณ์แปรปรวนจริงๆ”
ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตาลง“เธอว่าใคร”
ูเี่อันกระแอมหนึ่งทีก่อนจะยิ้มแห้ง“ฉันว่าไข่นี่ไง”
หลังอาหารเช้าลู่เป๋าเหยียนก็บอกให้อาเฉียนไปส่งูเี่อัน ขณะที่เสิ่นเยว่ชวนมารับเขาที่บ้าน
ูเี่อันตั้งตัวไม่ทันกับเื่ที่เกิดขึ้น
“ลู่เป๋าเหยียนนาย...ไม่ไปบริษัทเหรอ?”เพราะทุกทีเธอกับเขาก็ไปทางเดียวกัน แล้วทำไมต้องเรียกเสิ่นเยว่ชวนมาด้วยล่ะ
เสิ่นเยว่ชวนรู้ดีว่าลู่เป๋าเหยียนกำลังคิดจะทำอะไรเขาเลยรีบหาข้ออ้างแทนเ้านาย
“ใช่วันนี้พวกเราไม่ได้ไปที่บริษัท พวกเราต้องไปที่อื่นอยู่คนละทางกับสถานีตำรวจเลยล่ะ”
“อ้อ”ูเี่อันตอบรับ เธอเห็นสีหน้าเ็าไร้ความรู้สึกของลู่เป๋าเหยียนจึงเดินไปหยุดตรงหน้าเขาพลางทำหน้าเหมือนมีอะไรอยากจะพูดเสิ่นเยว่ชวนเห็นดังนั้นจึงเดินหลบออกไปขึ้นรถ
“เื่เมื่อวานฉันอยากอธิบายกับนาย” ูเี่อันรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดออกไป
“เื่อะไร?”
“เมื่อคืนตอนที่ฉันโทรหานายนายคงยุ่งอยู่ใช่หรือเปล่า”ูเี่อันเพิ่งเคยอธิบายเื่แบบนี้ให้คนอื่นฟังเป็ครั้งแรกเธออายจนหน้าเริ่มแดง “ที่จริงฉันไม่ได้อยากเร่งให้นายกลับบ้านหรอกนะ ฉันก็แค่...แค่ไม่ชินที่อาเฉียนเป็คนมารับฉันต่อไปถ้านายต้องทำงานดึก ฉันจะไม่กวนนายอีกแล้ว”
“ก็ดี”ลู่เป๋าเหยียนกล่าว
“อะไรนะ?”ูเี่อันเงยหน้ามองลู่เป๋าเหยียนอย่างอึ้งๆ “นาย...หมายความว่าไง?”
“เธอรู้ตัวเองดีกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก”ลู่เป๋าเหยียนใช้สายตามองเธอราวกับมองคนแปลกหน้า “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อน”
จนกระทั่งเสิ่นเยว่ชวนขับรถออกไปแล้วูเี่อันก็ยังคงนิ่งอึ้ง
เมื่อก่อนเวลาเธอเลิกงานเร็วเธอมักจะไปหาลู่เป๋าเหยียนที่บริษัท ที่แท้การกระทำของเธอเป็การรบกวนเขามาโดยตลอดอย่างนั้นเหรอ?
แต่ตอนนั้นเขาดูอารมณ์ดีแถมยังลูบผมเธอเบาๆ ก่อนจะบอกให้ไปเล่นกับพวกเลขาตอนนั้นเธอจึงคิดว่าเขาคงเต็มใจไม่ว่าอะไร
ไม่ไปก็ไม่ไปสิ!อีกหน่อยต่อให้เธอเลิกงานั้แ่เที่ยง เธอก็จะไม่ไปหาเขาที่บริษัทอีกแล้ว!
