ต่อให้ิเสวียนคิดอยากจะไปดินแดนอสูรว่านโซ่วเพื่อเสด็จพ่อ เพื่อต้าิ แต่ก็ไม่ควรจะพูดเด็ดขาดขนาดนั้น
เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วบอกว่าจะไม่ยอมลุกขึ้น แล้วยังพูดอีกว่าไม่มีใครทำให้เขาลุกขึ้นได้ ความหมายของเขาก็คือแม้แต่ิอ๋องเองก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ข้าจะไปดินแดนอสูรว่านโซ่วเ้าก็จะต้องให้ข้าไป หากเ้าไม่ยอมให้ข้าไปข้าก็จะทำให้เ้าลงจากหลังเสือได้ยาก!
มันทำให้ิอวี่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ หากเขาเป็กษัตริย์ เขาไม่มีทางยอมปล่อยให้มีขุนนางอย่างิเสวียนอยู่แน่นอน
แต่ิเสวียนเป็ลูกชายที่ิเฉินเหยียนรักมากที่สุด ความรู้สึกชอบธรรมและน่าเกรงขามเ่าั้ทำให้ทุกคนรวมถึงิเฉินเหยียนไม่ได้นึกถึงถึงปัญหาที่ร้ายแรงนี้เลย นั่นคือปัญหาเื่ฐานะระหว่างกษัตริย์กับขุนนาง
กษัตริย์้าให้ขุนนางตาย ขุนนางก็ต้องตาย ถึงแม้มันจะมีความหมายที่ไม่ค่อยดีนักสำหรับกษัตริย์ แต่มันก็เป็ความจริง คำสั่งของกษัตริย์ถือเป็เด็ดขาดที่ผู้ใดจะขัดขืนไม่ได้ คำสั่งของกษัตริย์คือประกาศิต คือสัญลักษณ์ของความน่าเกรงขาม
มาถึงขั้นนี้ ิเสวียนกำลังทำเหมือน้าจะฏ!
แม้แต่ตัวของิเฉินเหยียนเองก็อาจจะคิดไม่ถึง แต่ิอวี่กลับมองมันออก
“เอาล่ะ เื่นี้ก็เอาตามนี้นะ แต่ว่าเสวียนเอ๋อร์ พวกเ้าต้องระวังตัวให้มากนะ”
ิเฉินเหยียนหันไปหาขุนพลสร้างแผ่นดินอีกสองคนแล้วพูดว่า “ปู้หุ่ย เจิ่นโหว พวกเ้าสองคนจะต้องคุ้มกันพวกเขาให้ดี ถ้าเกิดอะไรขึ้นข้าจะเอาเื่พวกเ้า!”
“รับบัญชา!”
ทั้งสองพูดขึ้นมาพร้อมกัน
“อือ” ิเฉินเหยียนพยักหน้าแล้วออกคำสั่งต่อไปว่า “ข้าขอประกาศ ภารกิจเอาหัวใจอสูรมาในครั้งนี้ให้เสวียนเอ๋อร์เป็คนรับผิดชอบ โดยให้ิอู่ ิเยวี่ยตามไปด้วย เสวียปู้หุ่ย เซิ่นเจิ่นโหวรับผิดชอบคุ้มกันความปลอดภัยกับพวกเขา”
“แล้วก็ องครักษ์หน้าพระที่นั่งห้าคน เฟิง มู่ สุ่ย ฮั่ว ถู่ เสนาบดีกรมกลาโหม เสนาบดีกรมคลัง เสนาบดีกรมอาญาเดินออกมา”
“พะยะค่ะ”
“พวกเ้าจัดทหารฝีมือดีของพวกเ้า แล้วเดินทางไปดินแดนอสูรว่านโซ่วด้วย”
“รับบัญชา!”
ิเฉินเหยียนพูดว่า “ข้าให้เวลาพวกเ้าเตรียมตัวหนึ่งอาทิตย์ เตรียมตัวให้สมบูรณ์ที่สุด ครบหนึ่งอาทิตย์เมื่อไหร่ ออกเดินทางทันที”
“ดูจากระยะเวลาแล้ว พวกเ้าจะเดินทางไปถึงดินแดนอสูรว่านโซ่วสิ้นเดือนพอดี จะต้องได้หัวใจอสูรเก้าตัวมากลับมาโดยสมบูรณ์ภายในครึ่งเดือน! เดี๋ยวข้าจะให้ข้อมูลของดินแดนอสูรว่านโซ่วกับพวกเ้า พวกเ้าทุกคนต้องทำความเข้าใจมันอย่างละเอียด”
ิเฉินเหยียนไม่ได้คิดจะให้คนอื่นเข้าร่วมด้วย เพราะหากไปยังดินแดนอสูรว่านโซ่วแล้วความสามารถไม่ถึงก็เป็ตัวถ่วงเปล่าๆ ดังนั้น ิอ๋องถึงได้ให้ข้อมูลเ่าั้กับคนที่ร่วมภารกิจเท่านั้น แต่หากมีคนเสนอตัวเขาก็ไม่คัดค้าน
“พะยะค่ะ” ขุนนางทุกคนพูดเสียงพร้อมกัน
เห็นทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน แต่สายตาของิเฉินเหยียนกลับนิ่ง ไม่ได้ถูกบรรยากาศเหล่านี้พาไปด้วย
ที่จริงตัวเขาเองก็กำลังเดิมพันครั้งใหญ่เหมือนกัน หากว่าก่อนหน้านี้เขาสามารถได้เืของอสูรเก้าตัวมาได้อย่างราบรื่นก็คงส่งคนไปตั้งนานแล้ว แต่ในความเป็จริงแล้วคือแทบจะไม่มีใครเข้าไปได้เลย ผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนที่เข้าไปส่วนมากจะโชคร้ายทั้งนั้น
ครั้งนี้ ิเฉินเหยียนแทบจะใช้กำลังพลกว่าครึ่งของต้าิไปทำภารกิจนี้ แทบไม่ต่างอะไรกับการทุบหม้อข้าวตัวเองเลย!
หากทำสำเร็จ นำหัวใจได้เืของอสูรทั้งเก้าตัวกลับมาให้ิเฉินเหยียนสร้างผลึกโลหิตเก้าโคจรได้สำเร็จ ก็จะช่วยฟื้นฟูความสามารถกลับมาและพลังฝีมือของเขายังสามารถก้าวหน้าได้อีกด้วย
แต่หากล้มเหลว นั่นก็หมายความว่าต้าิของเขาจะเสียหายหนักมาก เสียกำลังพลไปอย่างที่ไม่อาจฟื้นกลับมาได้อีก ทำได้แค่รอต้าิล่มสลายอย่างเดียว!
ดังนั้น มันเป็การเดิมพันครั้งใหญ่ที่ต้องชนะเพียงอย่างเดียว จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!
หลังจากที่ทุกคนออกจากตำหนักหลงเถิงไปแล้ว แต่ละคนก็เริ่มพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียด ดินแดนอสูรว่านโซ่วจะเปิดทุกๆ ครึ่งปี และเปิดครั้งละหนึ่งเดือนเท่านั้น ภายในหนึ่งเดือนมีผู้กล้าเข้าไปค้นหาสมบัติไม่รู้มากแค่ไหน
แต่หลังผ่านไปครึ่งปี เมื่อดินแดนอสูรว่านโซ่วเปิดอีกครั้ง คนที่ได้กลับออกมาหลังจากที่เข้าไปก่อนหน้านี้กลับมีไม่ถึงหนึ่งส่วนสิบ
แต่ถึงจะอย่างนั้น ในทุกครึ่งปีก็ยังมีคนจำนวนมากเดินทางเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้ เพราะคนที่ได้กลับออกมาล้วนแต่ได้รับผลประโยชน์มากมาย
พอได้เห็นดังนั้น ผู้คนก็ต่างทยอยเข้าไปในดินแดนอสูรว่านโซ่วด้วยคิดว่าตัวเองจะสามารถนำพาความโชคดีเ่าั้กลับออกมาได้ จึงมีผู้กล้าจำนวนมากเดินทางไปที่นั่น
พวกเขาไม่กลัวอันตรายเลย เพราะสิ่งที่จะได้มันเย้ายวนใจมากกว่า
มาถึงวันนี้ก็ห้าสิบปีแล้ว หัวใจของอสูรระดับสิบถูกนำออกมาได้แค่สองดวงเท่านั้น แล้วแค่สองดวงนี้ก็เอาชีวิตผู้กล้าไปกว่าพันคน!
ครั้งนี้ิเฉินเหยียนส่งกำลังรบฝีมือดีของราชสำนักไป จะต้องทำให้ดินแดนอสูรว่านโซ่วเกิดการนองเืครั้งใหญ่แน่
เมื่อออกจากตำหนักหลงเถิง ิอวี่ก็กางร่ม เขาเดินกลับไปยังตำหนักลั่วฮวาท่ามกลางฝนที่ตกลงมาเม็ดใหญ่
วันนี้เขาอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร พูดตรงๆ ก็คือไม่ดีเลย ผู้กล้าของตำหนักหลงเถิงพวกนั้น ทำให้ิอวี่เข้าใจอย่างหนึ่ง นั่นก็คือเขาอ่อนมาก ส่วนพ่อของเขาิเฉินเหยียนก็ไม่แม้แต่จะชายตามองเขาด้วยซ้ำ
พอนึกถึงน้ำเสียงและท่าทีของิเฉินเหยียนที่มองให้เขาไสหัวไปในตอนนั้น รวมถึงภาพตอนที่เขาตกลงมาจากขั้นบันได ในใจของเขาก็รู้สึกอึดอัด
ถึงแม้เขาจะไม่ประทับใจิเฉินเหยียนเลย แต่ตอนที่เห็นิเฉินเหยียนาเ็สาหัส เขาเองก็อดปวดใจไม่ได้เหมือนกัน
ความรู้สึกที่สับสนอย่างมากผุดขึ้นมาในหัว มันทำให้เขารู้สึกทรมาน
แต่ในตอนนี้ เขากลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างจึงหยุดเดิน
ิอวี่หันหลังกลับมา เมื่อมองผ่านสายฝนไปก็เห็นเงาของชายหนุ่มคนหนึ่ง บนหัวของเขามีปิ่นปักผมสีทอง สวมชุดัสีน้ำเงิน ดวงตาเป็ประกาย ยิ้มมุมปาก ยืนอยู่กลางสายฝน กำลังมองมาที่เขา
เขาไม่ได้กางร่ม แต่สายฝนเหมือนจะอยู่ห่างจากตัวเขาประมาณสองเมตร เขาไม่เปียกฝนเลยแม้แต่น้อย
“องค์ชายเก้า”
ิอวี่ขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่าน่าจะไม่เคยเจอองค์ชายเก้าิเสวียนมาก่อนเลย หากเขาไม่ฝึกวิชาอยู่ในตำหนักของตัวเองก็จะออกไปฝึกฝนข้างนอก ไม่ค่อยได้กลับวังเท่าไร เหมือนว่าครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอหน้ากันตามลำพังนั้นน่าจะเป็เมื่อหกเจ็ดปีที่แล้ว
“ได้ยินมาว่าเมื่อหลายวันก่อน เ้าชนะเลิศในการประลองยุทธ์ของราชสำนัก” ิเสวียนค่อยๆ เดินมาหาิอวี่
ิอวี่หรี่ตามอง เขารู้ว่าิเสวียนน่าจะมาหาเขาเพราะเื่ของเยี่ยซี เขาเอาชนะเยี่ยซีต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนั้น เหมือนเป็การหักหน้าิเสวียน เขาไม่มีทางไม่คิดอะไร
จากที่ิอ๋องพูดว่าิเสวียนไม่คิดอะไร แต่ว่าที่น่าขำก็คือคนที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ก็คือตัวของิเสวียน!
สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของิอวี่ก็คือ หนี!
ตอนนี้ิอวี่มีพลังเทียบเท่าราชสีห์สองพันกว่าตัวเท่านั้น ส่วนิเสวียนมีพลังราชสีห์ถึงเก้าพันกว่าตัว มันห่างกันราวฟ้ากับดินเลย ิอวี่สู้ไม่ได้อยู่แล้ว
ิอวี่หันหลังแล้ววิ่งหนีทันที เพียงแต่ตอนที่เขาทิ้งระยะออกจากิเสวียนไปได้สิบเมตร เขาก็ะโลอยตัวขึ้นกลางอากาศแล้วก็แตะเมฆโดยใช้เท้าแตะเมฆา จากนั้นก็ไปยืนอยู่บนหลังคา
“น้องชายเจอหน้าพี่ชาย แต่กลับวิ่งหนีไปแบบนี้เลยน่ะหรือ?”
ิอวี่หันหน้ากลับมา ก็พบว่าิเสวียนไม่รู้ว่ามายืนอยู่ด้านหลังเขาั้แ่เมื่อไหร่
ิเสวียนจับคอเสื้อของิอวี่เอาไว้แบบยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็รู้สึกว่าภาพในตาเหมือนจะพร่ามัวไป มีลมจากไหนไม่รู้ซัดเข้าที่หน้า ที่แท้ิเสวียนก็หิ้วปีกเขาแล้วเดิน มือซ้ายของิเสวียนเหมือนกับเหล็ก ิอวี่ไม่มีแม้แต่แรงจะดิ้น!
เป็อย่างนี้อยู่ประมาณเกือบหนึ่งก้านธูป ิเสวียนก็มาหยุดที่อุทยานด้านหลังวัง จากนั้นเขาก็ปล่อยิอวี่ลง
ที่นี่เป็ป่าลึกของอุทยานด้านหลังวัง ปกติแล้วจะมีอสูรอยู่จำนวนมาก แต่ทุกที่ที่ิเสวียนผ่านไปพวกอสูรก็จะสงบเงียบมากและล่าถอยไปกันหมด ทำให้ที่นี่ในเวลานี้มีแค่เสียงของสายฝนเท่านั้น
แล้วก็เหลือแค่ิเสวียนกับิอวี่สองคนเท่านั้น
เมื่อััได้ว่ารอบกายไร้ผู้คน ิอวี่ก็สงบใจลง “พาข้ามาที่นี่ จะฆ่าข้าปิดปากหรือ? พี่ชายแท้ๆ ... ของข้า”
“เหอะๆ ”
เมื่อถูกิอวี่ประชด ิเสวียนก็แค่ยิ้ม จากนั้นก็เอามือตบมาที่หัวไหล่ของิอวี่ “แค่รู้สึกว่าในวังหลวงมันเสียงดังน่ารำคาญ อยากหาที่สงบๆ คุยกับเ้าเท่านั้น”
ระหว่างที่พูด ลมปราณของิเสวียนก็ไหลเวียนดั่งพายุ ราวกับว่ามีูเาน้ำหนักกว่าร้อยล้านกรัมกดอยู่บนตัวของิอวี่!
ต่อให้ิอวี่ะเิพลังทั้งหมดที่เขามีออกมารวมกับการผลาญเื ก็ไม่สามารถทำให้มือซ้ายของิเสวียนหลุดออกไปได้ เขาทำได้แค่ยืนอยู่อย่างนั้น!
ในขณะเดียวกัน มือซ้ายของิเสวียนก็มีแสงสายฟ้าสีน้ำเงินพุ่งออกมาด้วย มันพุ่งเข้าไปในหัวไหล่ข้างขวาของิอวี่
มันเป็ความแข็งแกร่งของร่างกายแห่งสายฟ้า ลมปราณสามารถเปลี่ยนเป็พลังสายฟ้า ที่มีความแข็งแกร่งในการทำลายล้าง!
ปราณสายฟ้าวิ่งพลุ่งพล่านไปทั่วตัว จากนั้นก็พุ่งเขาไปกระตุกหัวใจ กระดูก ทำให้ตัวชาไปหมด อวัยวะภายในถูกโจมตีกระตุ้น ทำให้ิอวี่เจ็บมาก
ตัวของิอวี่สั่นแบบบังคับไม่ได้ ร่างกายควบคุมไม่อยู่จนอยากที่จะคุกเข่าลงไป!
เขากำหมัดแน่น ิอวี่กัดฟันทน ถึงแม้เขาจะเ็ปอย่างมากแต่ก็จะร้องออกมาไม่ได้เด็ดขาด เขาจะคุกเข่าต่อหน้าิเสวียนไม่ได้เด็ดขาด!
มันเป็ศักดิ์ศรีของเขา!
ิเสวียนใช้มือขวาลูบหน้าที่สั่นเครือของิอวี่ จากนั้นก็ลูบไปที่หัวที่เปียกชุ่ม แล้วพูดอย่างปวดใจว่า “น้องชายข้าโดดเด่นมากจริงๆ ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจก็หนักแน่นมาก สมแล้วที่เป็คนมีพร์”
ระหว่างที่พูดเขาก็ออกแรงมากขึ้นอีก “เพราะฉะนั้นพี่ชายอย่างข้าจะต้องตรวจสอบให้มากกว่านี้อีกหน่อย ดูสิว่าน้องชายอย่างเ้าจะมีความกล้าในระดับไหน กล้าถึงขนาดไม่เห็นผู้หญิงของพี่ชายตัวเองอยู่ในสายตาเลยหรือเปล่า”
พูดจบเขาก็เพิ่มกำลังมากขึ้น ในปากของิอวี่มีรสหวานของเืที่กำลังไหลออกมา
“เืออกแล้วหรือ? น้องชายพูดอะไรหน่อยสิ” ิเสวียนเอียงคอถามิอวี่
ิอวี่พยายามเอ่ยปากพูด น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดูอ่อนข้อเลย แต่กลับเต็มไปด้วยการประชดประชัน “เป็คนประเภทไหน ... ก็มักจะอยู่กับ ... คนประเภทเดียวกัน ... เ้ากับเยี่ยซี ... ก็ไม่ต่างกับ ... ผีเน่ากับโลงผุเลย!”
ิเสวียนค่อยๆ หุบยิ้ม สีหน้าของเขาไร้อารมณ์ สายตาดูโเี้
“ไหนพูดอีกทีสิ”
“ทำไม? ข้า ... พูดแทงใจดำอย่างนั้นหรือ?”
ิอวี่พยายามต้านทานลมปราณอันบ้าคลั่งนั่น จากนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมา “คิดว่า ... เ้าคงอยากฆ่าข้ามากเลยสินะ แต่น่าเสียดาย องค์ชายเก้ามีภาพลักษณ์ที่ดูอ่อนน้อมถ่อมตน ... จะลงมือฆ่าข้าได้อย่างไร ข้าพูดถูกไหม? เ้าคน ... จอมปลอม”
พอิอวี่พูดจบ ิเสวียนก็ยกเท้าถีบไปที่ท้องของิอวี่เต็มกำลังจนเขากระเด็นไปไกล
ิอวี่ตัวปลิวทะลุทะลวงต้นไม้ใบหญ้าไปไกลถึงสามลี้!
แรงโจมตีแบบนี้สามารถทำให้ร่างคนธรรมดาะเิออกได้เลย ต่อให้เป็ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่แปดก็จะต้องกระดูกหัก เืออกภายใน ลุกออกจากเตียงไม่ได้เลยเป็เดือนๆ
ตอนนี้ิอวี่าเ็สาหัส เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาหลังจากสลบไปก็ทำได้แค่เดินเหยียบขี้โคลนค่อยๆ กลับไป ถึงแม้ตัวของเขาจะเปื้อนไปด้วยดินโคลนราวกับเป็ของเน่าเสีย ซึ่งถือเป็ความอัปยศอันใหญ่หลวง
แต่ิเสวียนเหมือนยังไม่สะใจ เขาพูดกับตัวเองว่า “เหยียบขาเ้าให้หัก ให้เ้าคลานกลับไปดีกว่า”
พูดจบเขากำลังจะลงมือ แต่ทันใดนั้นเองก็หยุดชะงักแล้วหันกลับไปมองทางด้านหลังของเขา
ท่ามกลางฝนที่ตกหนัก เสียงฝนตกกระทบลงบนต้นไม้ดังสนั่น ด้านหลังของิเสวียน มีชายสวมหมวกท่าทางลึกลับปรากฏตัวขึ้นแบบที่ไม่มีแม้แต่เสียง
“มาหาข้าตอนนี้ มีเื่อะไร?” ิเสวียนขมวดคิ้ว
“องค์ชายเก้า จัดการเื่ส่วนตัวเสร็จก็ไปได้แล้ว ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน”
เสียงของชายคนนั้นดูแหบราวกับเป็ชายชราไม้ใกล้ฝั่ง แต่ร่างกายของเขากำยำใหญ่โต ลมปราณดูหนักแน่น ราวกับูเาที่สูงใหญ่
น้ำเสียงของิเสวียนเ็าไป “เ้ากำลังสอนข้าหรือ?”
“กระหม่อมมิกล้า เพียงแต่ก่อนที่จะเข้าไปดินแดนอสูรว่านโซ่วจะทำอะไรออกหน้าออกตาไม่ได้ หลังจากนี้อีกครึ่งเดือน เมื่อทรงมีอำนาจและความสามารถไปทั่วหล้า ก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใดอีก ถึงเวลานั้นค่อยฆ่าเขาอย่างเปิดเผยก็ยังไม่สาย”