เมื่อเห็นว่าพ่อบ้านเว่ยเสียชีวิตแล้ว หลี่ชิงหยุนล้มลงกับพื้นทันที สาเหตุเกิดจากทักษะจักรพรรดิ 9 ดาราที่เขาเพิ่งใช้ไป ซึ่งทักษะนี้กินพลังิญญาอย่างมาก และต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อฟื้นฟู
"ชิงหยุน เ้าเป็อย่างไรบ้าง?" เสียงของเสิ่นชิงดังขึ้น นางเข้ามาจับร่างกายของหลี่ชิงหยุนไว้เพื่อไม่ให้ล้มลง น้ำเสียงของนางมีความอ่อนโยนและความห่วงใยแฝงอยู่
"ไม่เป็ไร ข้าขอพักสักครู่" หลี่ชิงหยุนโบกมือบอกนางว่าเขาไม่เป็อะไรมาก
เสิ่นชิงพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับพยุงร่างของหลี่ชิงหยุนเข้าไปพักฟื้นในถ้ำ
ในระหว่างนี้เสิ่นชิงกำลังสงสัยว่าเมื่อครู่หลี่ชิงหยุนใช้เต๋าแห่งดาบหรือไม่?
พลังงานสีขาวเมื่อครู่นั้นคล้ายเต๋าแห่งดาบที่บิดาของนางใช้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ผู้ที่สามารถเข้าถึงเต๋าแห่งดาบได้ จำเป็ต้องฝึกฝนอย่างน้อยเป็เวลา 50 ปี หรือผู้ที่มีประสบการณ์การฆ่าเป็จำนวนมาก หรือเผชิญกับอารมณ์ที่สุดขั้วเท่านั้น
แต่เมื่อนางเห็นหลี่ชิงหยุนใช้มันได้ก็พูดไม่ออก เด็กหนุ่มอายุ 15 ปี ซึ่งอยู่ในระดับลมปราณเงินสามารถใช้เต๋าแห่งดาบได้ นางไม่เคยได้ยินเื่บ้าๆแบบนี้มาก่อนจริงๆ
เมื่อหาที่นั่งให้เขาได้แล้ว หลี่ชิงหยุนนั่งลงพักฟื้นทันที ในระหว่างที่เขากำลังพักฟื้น เสิ่นชิงก็เริ่มเอาอุปกรณ์ทำอาหารออกมาจากแหวนเก็บของ
"เ้าพักสักครู่ ข้าจะหาอะไรให้เ้ากินเอง" เสิ่นชิงพูดเบาๆ พร้อมกับออกไปนอกถ้ำเพื่อหาอาหาร
หลี่ชิงหยุนหลับตาตั้งสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังิญญาที่สูญเสียไป ตอนนี้เขาได้มองเข้าไปในตันเถียนของเขา ที่เจดีย์สีทอง 9 ชั้นตอนนี้ ซึ่งชั้นล่างสุดมีประตูเปิดกว้างอยู่
'นี่คืออะไร ข้าสามารถเข้าไปข้างในได้หรือไม่?' ด้วยความสงสัยหลี่ชิงอหยุนตัดสินใจเดินเข้าไปที่ชั้นล่างประตูของเจดีย์ หน้าทางเข้ามีป้ายสีทองขนาดใหญ่ติดอยู่ ซึ่งเขียนว่า <เจดีย์ปฐมกาล>
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน เขากลับพบว่าตอนนี้ทางเข้าเจดีย์ชั้นที่ 2 ถึง 9 ยังปิดอยู่
หลังของประตูเจดีย์มีลานขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถใช้บ่มเพาะพลังได้ ด้านซ้ายมือมีสวนยาสมุนไพรและห้องฝึกซ้อม ด้านขวามีห้องสมุดและห้องที่ใช้เก็บทักษะจำนวนมากและห้องอื่นๆที่ยังไม่สามารถเปิดได้
"นี่คือ...สมบัติเชิงมิติ!?" เมื่อหลี่ชิงหยุนมองเห็นพื้นที่ขนาดใหญ่ เขารับรู้ในทันทีว่าสิ่งนี้เป็สมบัติเชิงมิติที่อยู่ในตำนาน
สมบัติเชิงมิตินั้นหายากมาก ส่วนใหญ่มีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น ซึ่งสามารถทำให้ตัวเขาเองสามารถเคลื่อนย้ายตัวเขาจากโลกภายนอกเข้ามาอยู่ในเจดีย์เพื่อหลบซ่อนได้
"ไม่คาดคิดเลยว่าเจดีย์เก้าชั้นนี้จะกลับกลายเป็สมบัติเชิงมิติไปได้" จินตนาการของหลี่ชิงหยุนเริ่มโลดแล่นด้วยความตื่นเต้น
หลี่ชิงหยุนเดินสำรวจรอบๆจนพบเข้ากับตรงแท่นหยกหินเพื่อบ่มเพาะ เขาเห็นแสงสีทองส่องลงมา้าของเจดีย์ เขาเดินเข้าไปนั่งตรงลานที่มีหยกตั้งอยู่ในทันที
เมื่อตัวเขาัักับแสงสีทอง แสงนั้นพุ่งตรงมายังหน้าผากของเขา โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว!
"อะไร!" หลี่ชิงหยุนสะดุ้งโหยงเล็กน้อย หากแต่สายเกินไปในการหลบหนี
"วู้ม!"
ผ่านไปครู่หนึ่งข้อมูลจำนวนมากจากแสงสีทองไหลผ่านเข้าสู่สมองของเขาอย่างต่อเนื่อง
"นี่คือ...การถ่ายโอนข้อมูลทักษะ" เมื่อเห็นดังนั้นหลี่ชิงหยุนกลับมิได้ปฏิเสธและเริ่มหลับตาลงเพื่อกลั่นกรองข้อมูลในทันที
ทักษะที่เขาได้รับจากแสงสีทอง มีชื่อว่า 'เนตรปฐมกาล' จากข้อมูลทักษะนี้ไม่ทราบระดับ ความสามารถ : สามารถมองผ่านความลับ์และโลก อีกทั้งยังสามารถมองผ่านเส้นลมปราณ อาการเจ็บป่วย ขบวนค่ายกล ข้อจำกัด ภาพลวงตาและสามารถใช้หาจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้
เมื่อเปิดใช้งานมีข้อจำกัดอยู่ที่ระดับการบ่มเพาะเท่านั้น หากความแข็งแกร่งอีกฝ่ายสูงกว่าเขามาก ทักษะนี้จะใช้ไม่ได้ผล
นี่คือค่าตอบแทนจากเจดีย์ในชั้นที่หนึ่ง!
เมื่อได้ดูคำอธิบายจนจบ หลี่ชิงหยุนยิ้มหวานขึ้นมาทันที 'นี่มัน ทักษะโกงอะไรเช่นนี้ '
การมองผ่าน์และโลกได้ต้องเป็ทักษะที่ไม่ธรรมดาและไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในอาณาจักรเซวียน เพียงเท่านี้เขาก็สามารถใช้เนตรปฐมกาลได้สารพัดรูปแบบ
เมื่อแสงสีทองศักดิ์จางหายไป ตอนนี้ข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ร่างกายของหลี่ชิงหยุนเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ผ่านไปอีก 5 นาที เมื่อเรียนรู้ทักษะจนจบ เขาลืมตาขึ้นมาช้าๆ ตอนนี้ในดวงตาของเขามีแสงรัศมีสีทองเปล่งประกายออกมาจางๆ
เจดีย์นี้เป็ทั้งสมบัติเชิงพื้นที่และยังเป็ทั้งศูนย์รวมทักษะต่างๆอีกด้วย!
ด้วยความตื่นเต้นเกินบรรยาย หลี่ชิงหยุนเริ่มสำรวจสถานที่ต่างๆในเจดีย์
เมื่อเดินไปถึงประตูทางเข้าชั้น 2 ที่ยังปิดอยู่ หลี่ชิงหยุนบังเอิญได้เจอกับสร้อยคอหยกที่หายไปนานของเขาซึ่งแขวนอยู่ตรงตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้ชัด
"เอ๊ะ ? สร้อยคอหยกถึงมาอยู่ในเจดีย์แห่งนี้" หลี่ชิงหยุนหยิบสร้อยคอที่แขวนอยู่ขึ้นมา ตอนนี้สร้อยคอหยกสีขาวมีสัญลักษณ์แปลกๆ มีอักขระคำว่า 'หลี่' อยู่ในด้านในสร้อยคอ
'สร้อยคอหยกชิ้นนี้ มีไว้ทำอะไรกันแน่? ' หลังจากเล่นกับสร้อยคออยู่พักใหญ่ ไม่นานหลี่ชิงหยุนก็เก็บความสงสัยเอาไว้และเตรียมตัวออกจากที่แห่งนี้ทันที
ในถ้ำเมื่อหลี่ชิงหยุนลืมตาขึ้นมา เขาเห็นว่าเสิ่นชิงกำลังย่างกระต่ายอยู่ข้างกองไฟ กลิ่นหอมของกระต่ายย่างทำให้ท้องของเขาร้องออกมาเบาๆ
"เ้าตื่นแล้ว" เสิ่นชิงสังเกตุเห็นว่าเขาลืมตาขึ้นมา นางจึงทักทายเขาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน
"เอ่อ..." หลี่ชิงหยุนที่เห็นรอยยิ้มนั้น เหมือนกับว่าเขาหลงทางอยู่ในรอยยิ้มที่สวยงามของนางอย่างไรอย่างนั้น
'ช่างเป็ความงามที่มีเสน่ห์เสียนี่กระไร' หลี่ชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนั้นอย่างฝันหวาน
"ชิงหยุน คนผู้นั้นเป็ใครกัน? เหตุใดเขาถึงไล่ตามเ้าเล่า?" ด้วยความสงสัยเสิ่นชิงได้เอ่ยปากถามหลี่ชิงหยุน เห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านเว่ยกำหนดเป้าหมายการสังหารหลี่ชิงหยุนเพียงผู้เดียว
หลี่ชิงหยุนตอบอย่างตรงไปตรงมา "มันมาจากตระกูลหยานในเมืองอาทิตย์สีชาด ก่อนหน้านี้พวกมันได้ส่งนักฆ่าสองคนเพื่อลอบสังหารข้า และข้าได้สังหารพวกมันสองคนก่อนหน้านี้ไป ดูเหมือนมันจะรับรู้แล้วว่าสองคนนั้นตายไปแล้ว"
"โอ้..." เมื่อเข้าใจเบื้องลึกเื้ัแล้ว เสิ่นชิงจึงถามต่อ "หลังจากนี้เ้าจะไปไหนต่อ? เ้าอยากไปเที่ยวในเมืองหลวงบ้างหรือไม่? หากเ้า้าข้าสามารถเป็ผู้นำทางให้เ้าได้"
เสิ่นชิงเสนอตัวเองเป็ผู้นำเที่ยวให้กับหลี่ชิงหยุนอย่างทันท่วงที
"ขอบคุณมาก แต่ตอนนี้ข้ามีเื่ที่จะต้องจัดการเกี่ยวกับตระกูลหยาน ข้าจำเป็ต้องกลับไปยังตระกูลเพื่อหารือเกี่ยวกับท่านพ่อของข้าในเื่นี้" หลี่ชิงหยุนส่ายหัวปฏิเสธอย่างสุภาพ ในเมื่อเื่นี้มีเื้ัเขาจำเป็ต้องจัดการให้เรียบร้อยเสียก่อน
เนื่องจากว่าหลี่ชิงหยุนไม่กล้าที่จะทิ้งภัยคุกคามไว้กับตระกูลหลี่เช่นนี้
"งั้น...ข้าอยากไปดูที่บ้านเ้าด้วย จะได้หรือไม่?" เสิ่นชิงหน้าแดงพร้อมถามหลี่ชิงหยุนอย่างเขินอาย
"นี่..." หลี่ชิงหยุนเริ่มอ้ำอึ้ง เขาไม่เคยตกอยู่สถานการณ์ที่หญิงสาวขอไปยังตระกูลของเขาเช่นนี้มาก่อน
"ตอนนี้ข้าหนีออกจากตระกูลมาและข้ายังไม่มีที่ที่จะไป... ถ้ามันเป็การรบกวนเ้า ก็ไม่เป็ไร" เซินชิงกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูผิดหวัง
"เอ๊ะ! แล้วเ้าหนีออกจากตระกูลด้วยเหตุใดกัน?" หลี่ชิงหยุนถามด้วยความสงสัย
ทันใดนั้นสีหน้าของเสิ่นชิงก็ปรากฏรอยยิ้มที่ขมขื่น "ผู้าุโในตระกูล้าให้ข้าแต่งงานกับนายน้อยจากเมืองหลวง ซึ่งเป็การแต่งงานทางการเมือง แถมนายน้อยผู้นั้นยังนิสัยเสียมาก... ข้าเองไม่อยากยุ่งกับเขา เลยหนีออกจากตระกูลมาเพื่อผจญภัยจนมาจบลงในป่าแห่งนี้"
หลี่ชิงหยุนพยักหน้าอย่างเข้าใจ
หลังจากหลงทางอยู่ในความคิดอยู่ครู่นึง หลี่ชิงหยุนจึงได้ตอบตกลง "ก็ได้ แต่มีข้อแม้ ข้าอยากให้เ้าช่วยข้าทำอะไรบางอย่างด้วย"
"เ้า้าให้ข้าช่วยอะไร?... อย่าบอกนะว่า!" เสิ่นชิงหน้าแดงอย่างเขินอายราวกับลูกพีช ราวกับว่านางกำลังคิดอะไรในทางที่ไม่ดี
"หืม? เ้าคิดอะไรอยู่กันแน่?" เมื่อเห็นใบหน้าที่เขินอายของเสิ่นชิง หลี่ชิงหยุนรู้ทันทีว่านางกำลังคิดในทางที่ผิด พร้อมกับเคาะหัวนางไปหนึ่งที
"อุ้ย! เ้าตีข้าทำไม?" เสิ่นชิงหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า" หลี่ชิงหยุนหัวเราะอย่างสนุกสนาน ยิ่งอยู่ด้วยกันนานเพียงใด ทั้งสองก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น
สองชั่วโมงผ่านไป หลังจากทั้งสองคนกินอาหารและหยอกล้อกันอยู่ครู่นึง พวกเขาก็เตรียมตัวกลับไปที่เมืองอาทิตย์สีชาดทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้