หลินต้าหลางพูดจบก็ยืนรอหวังให้หลินฟู่อินตอบโต้ แต่เด็กสาวไม่หันมามองเขาแม้แต่น้อย นางยกขาก้าวข้ามประตูตามปกติ
ในที่สุดจ้าวซื่อก็เห็นว่าหลินฟู่อินมาเยือน แต่เด็กสาวไม่แม้แต่จะทักทายหรือเรียกนางด้วยซ้ำ เอาแต่เดินมุ่งหน้าไปที่ประตูข้างหน้า
นางตบต้นขาอย่างแรงแล้วชี้ไปที่เด็กสาวข้างหน้าอย่างเกรี้ยวกราด ท่าทางเช่นนี้แสดงออกชัดเจนว่าหลินฟู่อินดูถูกดูแคลนคนบ้านนอก เป็เด็กเป็เล็กไม่คิดทักทายญาติผู้ใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร!
จ้าวซื่อดุด่าหลินฟู่อินที่ลืมรากเหง้า เห็นพวกเขาเป็เพียงญาติฐานะยากจน
หลินต้าหลางยังคงยืนแสยะยิ้มอยู่กับที่
หลินฟู่อินรู้สึกขายขี้หน้าแทนเขาเสียจริง สตรีแพศยานางนี้เป็มารดาของเขาแท้ๆ นอกจากไม่ห้ามการกระทำอันเลวทรามแล้ว ยังหัวเราะไปกับถ้อยคำต่ำช้าของนางอีก
“บัณฑิตต้าหลาง หากคนอื่นรู้ว่าท่านมีมารดาเช่นนี้ ท่านจะกล้าสู้หน้าบัณฑิตชั้นสูงทั้งหลายหรือไม่?” หลินฟู่อินเอ่ยเสียงเรียบแล้วเดินจากไป
จ้าวซื่อหันไปมองบุตรชายด้วยสีหน้าสับสน “ต้าหลาง ฟู่อินหมายความว่าอย่างไร?”
หลังโดนฉีกหน้าด้วยคำถามแสบทรวง หลินต้าหลางก็ปรายตามองหญิงแก่ที่อายุอานามปาเข้าไปขนาดนี้แล้วยังตั้งครรภ์ตรงหน้า ใบหน้าที่เคยซีดเซียวกลับหมองลงชั่วขณะ
“มีปากก็ดุด่าคนอื่นไป! ละอายใจเมื่อไรก็วิ่งหนีไปเมื่อนั้น!” หลินต้าหลางะโลั่นแล้วเดินจากไปเช่นกัน
บุรุษปัญญาดีอย่างเขามีธุระให้จัดการมากมาย ไม่มีเวลามานั่งดูละครน้ำเน่าของสตรีเหล่านี้หรอก!
ขณะนั้นเองหลินฟู่อินกำลังจะวิ่งถึงห้องของหลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอ อู๋ซื่อได้ยินเสียงก็เดินออกมาจากห้อง หญิงชรายกม่านขึ้นก่อนเอ่ยถาม “ฟู่อิน มาถึงที่นี่เหตุใดไม่มาหาย่าก่อน ยังเห็นย่าเป็ย่าที่เคยป้อนข้าวป้อนนมของเ้าอยู่หรือไม่?”
หลินฟู่อินพูดไม่ออก นางเปล่งเสียงออกมาอย่างเหลืออด “ย่า?”
อู๋ซื่อสำรวจผู้มีศักดิ์เป็หลานั้แ่หัวจรดเท้า พบว่าไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวสักอย่างเดียว สีหน้าของหญิงชราแสดงออกถึงความผิดหวัง ก่อนเอ่ยถามเสียงเข้ม “เ้ากลับมาหาย่ากับปู่ของเ้าตัวเปล่าอย่างนั้นหรือ? คนในหมู่บ้านลือกันให้ทั่วว่าเ้าซื้อทั้งบ้าน ทั้งร้านค้าในเมือง เ้าออกไปใช้ชีวิตในเมืองอย่างมีความสุข ฝากน้องให้คนแก่เลี้ยงดู เ้าไม่นึกถึงย่าสักหน่อยหรือ? เหตุใดไม่คิดซื้อเนื้ออร่อยๆ มาฝากสักชิ้นสองชิ้น?”
หลินฟู่อินเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าอีกฝ่ายไม่เคยคิดอะไรได้เลย
ถึงอย่างนั้นคำพูดบางคำจำเป็ต้องเอ่ยออกไปให้ชัดเจน คิ้วสวยขมวดแน่นก่อนถาม “ท่านย่า เหตุใดท่านไม่คิดรบกวนท่านปู่บ้าง? ก่อนข้าไป เขาเป็ถึงคนใหญ่คนโตในหมู่บ้าน หากท่านไม่เข้าใจ ท่านก็ไปถามเขาเสีย!”
อันที่จริงอู๋ซื่อเคยถามหลินฟู่อินแล้วว่านางจะจัดการอนาคตให้กับสองผู้เฒ่าอย่างไร แต่นางยังอยากฟังจากปากให้ชัดเจน
เห็นหลินฟู่อินไม่สนใจไยดีเช่นนี้ หญิงชราได้แต่ส่ายหัวแล้วบ่นอย่างฉุนเฉียว “เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! เถียงคำไม่ตกฟาก!”
หลินฟู่อินตอกกลับ “ข้าพูดอะไรข้าย่อมทำตามนั้น! ข้าจะเปลืองน้ำลายมาเถียงท่านเพื่ออะไร!”
อู๋ซื่อปิดปากเงียบ คำโต้เถียงไม่หลุดออกมานับแต่นั้น
หลินฟู่อินคิดว่าทุกอย่างกลับสู่ความสงบหลังบทสนทนาจบลงแล้ว ใครจะไปรู้ว่าอู๋ซื่อยังไม่คิดจะปล่อยนางไปไหน
เมื่ออู๋ซื่อเห็นหลินฟู่อินตั้งใจไปเยี่ยมหลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอ หญิงชราก็เดินมาขวางทางแล้วเอ่ยถามทันที “เ้าจะไปหาเด็กเสี่ยวเถานั่นหรือ?”
“ใช่แล้ว!” หลินฟู่อินชะงัก “ข้าได้ยินว่าท่านไม่เหลียวแลเสี่ยวเถาจนนางเกือบตาย แล้วท่านยังไม่พานางไปหาหมออีก!”
“โอ้! เ้าพูดถูกเผง!” อู๋ซื่อหันไปชี้ทางประตูแล้วแสยะยิ้มน่าขนลุก “ขนาดแม่สุดที่รักยังไม่สนใจเลย นางพูดด้วยว่าจะปล่อยเสี่ยวเถาไปอยู่กับผี นางกำลังจะทิ้งเด็กนี่ แต่เ้ากลับยื่นจมูกมาช่วยอย่างนั้นหรือ?”
หลินฟู่อินรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจเมื่อได้ยินคำพูดแสนห่างเหินของอู่จื่อ “ท่านเองก็ไม่คิดทำอะไรเลยแล้วมองดูเสี่ยวเถาตายเหมือนกัน!”
คำพูดเ่าั้ไม่กระทบสำนึกในใจของหญิงชราเลยสักนิด นางยังคงยิ้มเยาะแล้วพูดอย่างเฉยฉา “เด็กน้อย เ้าโตมาขนาดนี้นับว่าโชคดีแล้ว ข้าไม่รู้ว่ามีเด็กสาวตายไปมากมายเท่าไรในหูลู่ ตระกูลหลินของเรายังดีที่เ้ารอดมาได้ มีก็แต่เสี่ยวเถานี่แหละที่ใกล้ตายเต็มทน”
หัวใจของหลินฟู่อินเ็าลงทุกที
เสี่ยวเถาไม่ใช่แค่ป่วยหนักแต่อาจถึงแก่ความตาย!
“ย่าอู๋ซื่อ พวกท่านตั้งหน้าตั้งตารอเสี่ยวเถาตายไปอย่างนั้นหรือ?” หลินฟู่อินถามเสียงแข็ง
สีหน้าของหญิงชรายังคงนิ่งเฉย “ถ้านางไม่ตาย นางก็จะนอนเป็ผักอยู่เช่นนี้ ใครเล่าอยากดูแล? เป็เ้า เ้าจะอยู่ดูหรือไม่?”
“ข้ารู้ดีว่าท่านปู่กับท่านย่าเป็คนอย่างไร!” หลินฟู่อินเม้มปากแน่น นางไม่อยากต่อปากต่อคำกับผู้เป็ย่าอีกต่อไป เด็กสาวจึงมุ่งหน้าไปยังห้องของหลินเสี่ยวเถาทันที
อู๋ซื่อชี้นิ้วตามหลังหลินฟู่อินพร้ะโกนดังลั่น “ชั่วช้า! ต่ำทราม! มีแต่คนคิดบังคับคนแก่อย่างพวกข้า ขอให้ฟ้าผ่าฉิบหายกันทั้งหมด!”
“ภรรยาข้า เ้าพึมพำอะไรอีกแล้ว? มีลูกหลานมาเยี่ยมไม่ใช่เื่ดีอย่างนั้นหรือ? อย่าทำตัวหัวโบราณนักเลย ลูกหลานไม่ใช่หมาใช่แมว เ้าทำร้ายจิตใจของนางอยู่ไม่ใช่หรือ?” เมื่อปู่หลินกลับถึงบ้าน จ้าวซื่อก็รายงานทันทีว่าหลินฟู่อินแวะมาหา แต่ทันทีที่ก้าวเข้าบ้านเขากลับได้ยินผู้เป็ภรรยาก่นด่าหลานสาวด้วยถ้อยคำหยาบคาย อารมณ์ที่เบิกบานตอนแรกพลันขุ่นมัวในพริบตา
เหตุใดสตรีเหล่านี้ยังไม่รู้ตัวกันบ้าง?
ทันทีที่อู๋ซื่อเห็นว่าคนข้างหลังคือปู่หลิน นางก็ถลาตัวเข้าไปจับชายเสื้อของเขาไว้แล้วพูดว่า “ตาแก่ เด็กฟู่อินนั่นพูดอย่างกับข้าเป็หมอ ปากคอช่างเราะร้าย เถียงคำไม่ตกฟาก…”
ปู่หลินเบื่อจะรับมือกับหญิงชรา เขาดึงชายเสื้อให้หลุดจากมือของอู๋ซื่อแล้วมองด้วยสีหน้านิ่งเฉย “เช่นนั้นเ้าในฐานะย่าแท้ๆ เ้าใช้คำพูดคำจาดีๆ กับหลานสาวบ้างไม่ได้หรือ?”
ยามนี้ปู่หลินรู้สึกผิดไม่น้อย หากความสัมพันธ์ของหลินฟู่อินกับคนอื่นๆ ดีกว่านี้เขาคงหายห่วง ยิ่งเห็นจิตใจแสนอ่อนโยนของหลินฟู่อินยิ่งเสียใจ เพราะทันทีที่ได้ยินว่าเสี่ยวเถากำลังจะตายนางกลับรีบรุดมาช่วยเหลือทันที โดยไม่สนว่าเสี่ยวเถาจะเคยปฏิบัติกับนางเช่นไร
หากพวกเขาทำตัวดีกับหลินฟู่อินั้แ่แรก คงไม่ต้องแบกหน้าไปขอยืมเงินนางเช่นนี้
คิดดังนั้นสีหน้าของชายชราก็หมองลงทันที หลินต้าหลางวานให้เขาถ่อไปยืมเงินหลินฟู่อินหลายต่อหลายครั้งจนแทบจะมองหน้าหลานสาวไม่ติด เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่หลินต้าหลางบอกให้เขาไปเขาจะอ้างนู่นอ้างนี่ก่อนทุกครั้ง
แต่เมื่อหลินฟู่อินแวะมาถึงที่ชายชราก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้อ้างอีกต่อไป
ปู่หลินเดินไปที่ห้องหลินเสี่ยวเถาก็พบว่าหลินฟู่อินกำลังตรวจชีพจรของเด็กสาวอย่างตั้งใจ เขาเอ่ยถามอย่างใจเย็นว่า “ฟู่อิน เสี่ยวเถาเป็อย่างไรบ้าง?”
หลินฟู่อินเห็นว่าชายชราถามถึงเสี่ยวเถาเป็อย่างแรก นางจึงรู้สึกว่าอย่างน้อยในบ้านใหญ่ก็ยังมีคนคอยเป็ห่วงเป็ใยอยู่บ้าง
“ท่านปู่มาแล้วหรือ” หลินฟู่อินเอ่ยทัก “อาการเสี่ยวเถาไม่สู้ดีนัก ไม่เพียงแต่ไข้ขึ้นสูงเท่านั้น แต่กระดูกซี่โครงของนางยังเคลื่อนอีกด้วย”
หลินฟู่อินวินิจฉัยว่าหลินเสี่ยวเถามีไข้ ซี่โครงแตกผิดรูปและเคลื่อนผิดที่ อาจเกิดจากแรงกระแทกเข้าที่่อก เด็กสาวกำลังต่อสู้กับความเ็ปอย่างหนัก ส่วนกระดูกที่เคลื่อนผิดตำแหน่งทำให้กล้ามเนื้ออักเสบทั่วบริเวณ
ไข้ที่ขึ้นสูงและอาการไอนั้นเกิดจากแผลที่อักเสบขึ้นทุกที
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินฟู่อิน ปู่หลินก็คิดเชิญหมอหลี่มาที่บ้านเพื่อตรวจอาการหลินเสี่ยวเถา และทันใดนั้นสีหน้าของปู่หลินก็เริ่มไม่สู้ดี
ชายชรากังวลเื่ค่าหมอที่ต้องจ่าย แต่เขาละอายเกินกว่าจะพูดต่อหน้าหลินฟู่อิน เขาไม่กล้าบอกให้หมอหลี่รักษากระดูกซี่โครงของหลินเสี่ยวเถาเพราะอาจใช้เงินเยอะเกินไป เขาจึงก้มหัวลงแล้วไม่คิดพูดอะไรอีก
หลินฟู่อินสังเกตเห็นท่าทางของปู่หลิน เห็นแววเย้ยหยันปรากฏในสองตาของเขา ดูเหมือนว่านางจะยกยอชายชราคนนี้เกินไปเสียแล้ว
“จะตายวันตายพรุ่งอยู่แล้ว ยังจะเรียกหมอมาทำไมกัน?” อู๋ซื่อก้าวเข้ามาในห้องก่อนพูดคำที่ไม่ผ่านการคิดจากสมอง
“ท่านย่า ท่านอย่าพูดถึงเสี่ยวเถาเช่นนั้น… เรารักษานางได้ เรายังรักษานางให้หายได้!” หลินเสี่ยวเหอที่นั่งมองหลินฟู่อินตรวจอาการหลินเสี่ยวเถามาสักพักพูดขึ้น
คนบ้านใหญ่มักปฏิบัติกับหลินเสี่ยวเถาเช่นนี้ นางทำได้แค่มองอย่างนิ่งสงบไม่กล้าโต้เถียงอะไรออกไป นับวันความเศร้าเสียใจก็ค่อยๆ เพิ่มพูนจนเอ่อล้น
นางคือพี่สาวคนโตของตระกูลที่ไม่อยากให้หลินเสี่ยวเถาตายจากไป เพราะหากหลินเสี่ยวเถาตายแล้วนางทำอะไรไม่ถูกใจคนบ้านใหญ่ นางจะกลายเป็หลินเสี่ยวเถาคนที่สอง นางจะปล่อยให้ทุกอย่างจบลงเช่นนั้นไม่ได้!
นางไม่อยากตาย!
อู๋ซื่อเห็นหลินเสี่ยวเหอกล้าอ้าปากเถียงขึ้นมาจึงมอบคำด่าให้ชุดใหญ่ “มีปากไว้กินข้าวก็ใช้มือหยิบข้าวยัดเข้าไปแค่นั้น! ใครสั่งให้เ้าพูด? หุบปากเน่าๆ ของเ้าไปซะ อีกเดี๋ยวคงตายตามกันไปไม่ช้า!”
หลินเสี่ยวเหอกุมขมับแล้วร้องไห้อย่างหนัก แน่นอนว่าหญิงชราไม่คิดแยแส
หลินฟู่อินรู้ดีว่าหลินเสี่ยวเหอถูกกดขี่มาโดยตลอด ยิ่งถูกเลี้ยงดูมาโดยจ้าวซื่อ ไม่แปลกที่จะมีนิสัยอ่อนแอเช่นนี้
อ่อนแอจนน่าเวทนา…
หลินฟู่อินจ้องหน้าหญิงชราอู๋ซื่อแล้วพูดว่า “ต่อหน้าท่านปู่ ยังกล้าดุด่าเด็กที่าเ็สองคนอย่างนั้นหรือ?”
อู๋ซื่อกรอกตาอย่างเอือมระอาเมื่อได้ยินคำพูดของหลินฟู่อิน แต่ต้องยั้งคำด่าเอาไว้เพราะกลัวผู้เป็สามีที่ยืนอยู่ข้างๆ
นางรู้ว่าปู่หลินยังคงขอยืมเงินเล็กๆ น้อยๆ จากหลินฟู่อินไม่ขาด หากโต้กลับไปจนชายชรายืมเงินลำบาก ชีวิตนางจะพลอยย่ำแย่ไปด้วย!
“ฟู่อิน ซี่โครงของเสี่ยวเถาแตกแล้วมีอาการอื่นอีกหรือไม่?” ปู่หลินที่ยืนมองหลินฟู่อินปกป้องสองพี่น้องออกปากถามเปลี่ยนประเด็น
เขาคิดอยู่ในใจว่าหากเขาจ่ายค่าหมอให้หลินเสี่ยวเถาครั้งนี้ เขาจะกลายเป็ปู่ที่ดีในสายตาของหลินฟู่อิน แล้วยืมเงินได้สะดวกใจกว่าเดิมหรือไม่?
หลินฟู่อินไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าเื้ัน้ำใจของปู่หลินยังคงคิดเอาเปรียบนางอยู่ นางเข้าใจว่าในที่สุดชายชราผู้นี้ก็สำนึกได้เสียที นางแค่หวังว่าหลินเสี่ยวเถาจะไม่เป็อะไร
เด็กสาวขมวดคิ้วตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เพราะปัญหาเื่กระดูก อาการของเสี่ยวเถายังน่าเป็ห่วงนัก ต้องใช้เวลาสังเกตอาการอย่างน้อยสองสามวัน”
“กินยาแล้วต้องรออีกอย่างนั้นหรือ? ถือเป็ข่าวดีใช่หรือไม่?” ปู่หลินเอ่ยถามขณะมองหน้าหลานสาวไปด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้