ใครจะไปเชื่อว่าหลังจากตายแล้วแทนที่จะต้องไปชดใช้กรรมหรือข้ามสะพานไหน่เหอกินน้ำแกงยายเมิ่งเพื่อเกิดใหม่ เเต่กลายเป็ว่าิญญาของเขากลับเข้ามาอยู่ในร่างของจางหนิงอ้ายวัยสิบสี่ปี บุตรชายคนโตของจางเลี่ยงหวงที่ปัจจุบันเป็ประมุขตระกูลจางหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นหงส์แดง มีฮูหยินเอกคือหวังเยว่ซินมารดาของหนิงอ้ายและยังมีฮูหยินรองรวมไปถึงอนุอีกสามคน สำหรับบรรดาพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันของหนิงอ้ายต่างมีอายุลดหลั่นกันไปเพียงหนึ่งหรือสองปีเท่านั้น หากจะเรียกว่าพี่น้องก็ไม่เต็มปากเพราะแทบไม่ผูกพันธ์รักใคร่กันเท่าใดนัก พี่น้องเ่าั้ต่างพูดจาดูแคลนไร้ซึ่งความเคารพใดแต่เ้าของร่างนี้ไม่เคยตอบกลับทั้งสิ้น
บรรดาพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันประกอบไปด้วย...
คุณชายใหญ่จางหนิงอ้าย
คุณชายรองจางเหยากวง
คุณหนูสามจางฝูเยว่
คุณหนูสี่จางลี่เหมย
คุณชายห้าจางิหวัง
คุณหนูหกและคุณหนูเจ็ดเป็แฝดหญิง
คนพี่จางเหมยกุ้ย
คนน้องจางเหมยฮวา
พี่น้องร่วมบิดาทั้งหกคนเมื่ออายุครบเจ็ดปีก็สามารถปลุกพลังิญญาได้ ในตอนนี้ทุกคนต่างเข้าศึกษาในสำนักผิงอานกันทั้งสิ้น มีเพียงจางหนิงอ้ายที่ไม่สามารถเข้าศึกษาในสำนักเนื่องด้วยไม่สามารถปลุกพลังิญญาได้นั่นเอง
จางเลี่ยงหวง บิดาของจางหนิงอ้ายที่ในตอนนั้นดำรงตำแหน่งเป็ ผู้สืบทอดประมุขตระกูลจาง และว่าที่ เ้าสำนักศึกษาผิงอาน ที่มีตระกูลจางหนุนหลัง ได้ตบแต่งหวังเยว่ซินเข้ามาเป็ฮูหยินเอกของตระกูลเพราะความเหมาะสมของชาติกำเนิด ด้วยนางเป็ถึงบุตรีของฮูหยินเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลหวังหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำ แม้บิดาสารเลวจะมีคนที่รักอยู่แล้วซึ่งคือ หวงลู่เอิน
แต่ด้วยความที่นางเป็เพียงบุตรอนุของตระกูลรองชั้นสองจึงไม่เหมาะสมที่จะเชิดหน้าชูตาสักเท่าไหร่ อีกทั้งตระกูลหวงไม่ใช่ตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลของ แคว้นหงส์แดง จึงไม่สามารถแต่งนางเข้ามาเป็ฮูหยินเอกได้ แต่ด้วยความรักที่มีต่อนางหลังจากที่แต่งมารดาเขาเข้ามาหนึ่งปีจึงแต่งนางเข้ามาเป็ฮูหยินรองอีกทั้งอนุอื่น ๆ ตามเข้ามาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของอำนาจการปกครองให้มั่นคงมากยิ่งขึ้น
หวังเยว่ซิน หรือมารดาของจางหนิงอ้ายเป็คุณหนูของตระกูลหวังหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำ ผู้ขึ้นชื่อได้ว่าเป็ยอดพธูอันดับหนึ่งของแคว้นที่เพียบพร้อมไปด้วยฐานะของตระกูลใหญ่ รวมไปถึงทั้งศาสตร์ทั้งสี่ของสตรีก็นับว่าเป็ที่หนึ่งไม่เป็สองรองใคร
อีกทั้งนางยังเป็ผู้ฝึกตนระดับแถวหน้าคนหนึ่งที่ไม่ธรรมดาสามัญ แน่นอนว่านางย่อมเป็ที่หมายปองของเหล่าองค์ชายในราชวงศ์และผู้ฝึกตนระดับสูงที่มีชื่อเสียงทั่วทุกแคว้นหรือแม้กระทั่งตระกูลที่มีอิทธิพลในยุทธภพกันทั้งสิ้น แต่ทว่าด้วยที่ปักใจรักบิดาสารเลวผู้นี้จึงต้องพบเจอกับชะตากรรมดังกล่าวนี้…
ย้อนไปในความทรงจำวัยที่จางหนิงอ้ายได้อายุครบเจ็ดปี ทางตระกูลจางและสำนักศึกษาผิงอานได้มีการจัดพิธีปลุกพลังิญญาขึ้นในลานพิธีกรรมของสำนักสำหรับลูกหลานสายหลักสายรองและศิษย์สายในสายนอกที่อยู่ในการดูแลของสำนักซึ่งผู้เข้าร่วมต้องมีอายุครบอายุเจ็ดปีเป็ต้นไปจึงจะสามารถเข้าร่วมพิธีนี้ได้
หลังจากหนิงอ้ายขึ้นแท่นพิธีทำการทดสอบแล้ว ผู้าุโได้แจ้งว่าตัวเขาไม่สามารถปลุกพลังิญญาได้เปรียบดังสวะของตระกูลที่ไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไปก็ได้สร้างความอับอายให้แก่บิดาและตระกูลจางยิ่ง ทั้งที่ฝั่งบิดาและมารดาทั้งสองล้วนมีชื่อเสียงในโลกของผู้ฝึกตนของแคว้นแต่บุตรชายคนโตของตระกูลกลับไร้ซึ่งพลังไปเสียได้
เช้าของวันรุ่งขึ้นข่าวลือในเื่นี้ต่างถูกกระจายไปอย่างแพร่หลายไปตามตลาด ผู้คนต่างเล่าลือว่ากันว่าพยัคฆ์ย่อมออกลูกเป็พยัคฆ์ย่อมไม่เป็ความจริงเสียแล้วกระมังดูจากคุณชายใหญ่ตระกูลจางนั่นยังไม่สามารถเป็ผู้ฝึกตนตามรอยบิดามารดาได้
มีข่าวลือว่าหนิงอ้ายที่เป็คุณชายใหญ่จางหนิงอ้ายที่คอยใส่ผ้าคลุมปิดบังตัวตนก็เพราะหน้าตาอัปลักษณ์ใบหน้าถูกผีกัดกินผู้ใดสบตาแล้วต่างพบความชั่วร้ายไปตลอดชีวิต นับวันชื่อเสียงของเขายิ่งเสื่อมเสียไปเรื่อย ๆ จนยากที่จะกอบกู้ได้แล้วในที่สุด
ทุกเื่ราวที่เกิดขึ้นเยว่ซินก็ไม่เคยแจ้งตระกูลหวังให้รับรู้เลยซักครั้ง เนื้อหาในจดหมายที่ได้ส่งกลับไปมีเพียงแต่ความคิดถึงความเป็ห่วงบิดามารดาของตน สำหรับตัวนางถือว่าตนแต่งออกมาจากตระกูลเดิมแล้วชีวิตที่เหลือล้วนอยู่ในการดูแลของอีกฝ่ายแม้หนทางข้างหน้าจะเป็อย่างไรก็สุดแล้วแต่คนผู้นั้นจะชี้นำไป แม้นางอยากที่จะหวนกลับคืนตระกูลเดิมของตนมากเพียงใดก็ตาม
หนิงอ้ายได้ชื่อว่าเป็คุณชายใหญ่ของตระกูลถือได้ว่ามีสิทธิได้ขึ้นเป็ประมุขของตระกูลในภายภาคหน้า แต่กลับไม่ได้สิ่งที่ควรได้รับไม่ว่าจะเป็ฐานะ การปฏิบัติดูแล ความนับถือต่าง ๆ นทีเมื่อรับรู้เื่ราวเหล่านี้จากความทรงจำเดิมเขาเชื่อว่าหากเยว่ซินเอ่ยปากบอกตระกูลเดิมไป คร้านว่าท่านตาของเขาจะจัดแจงหนังสือหย่าอย่างรวดเร็วและรีบนั่งรถม้ามารับด้วยตนเองเพื่อพากลับตระกูลหวังในทันทีเป็แน่
แต่นทีก็เข้าใจได้อยู่บ้างว่าการหย่าขาดจากสามีออกไปถือว่าเป็สิ่งที่รับไม่ได้ในยุคสมัยนี้และเป็ที่น่าอับอายของตระกูลเดิมตนอีกด้วย คิดไปถึงโลกเดิมที่เขาเคยอยู่ก่อนหน้า ที่แม้ว่าจะมีถ้อยคำสวยหรูว่าชายหญิงล้วนเท่าเทียมกันทั้งสิ้น อย่างไรเล่า? สุดท้ายผู้หญิงก็โดนกดขี่ลงอีกขั้น ยิ่งกับโลกนี้ที่บุรุษเป็ที่เชิดชูกว่าสตรีเหนือสิ่งอื่นใดอย่างเห็นได้ชัดจะนับว่าเป็อะไรได้กัน
สำหรับอาการเจ็บป่วยในตอนนี้เป็เพราะเ้าของร่างเดิมถูกกลั่นแกล้งจากบรรดาพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันจนผลัดตกจากศาลาริมน้ำเมื่อหนึ่งปีก่อน เหตุการณ์ในวันนั้นเริ่มจากที่หนิงอ้ายอยากผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการอ่านตำราจึงขอให้ลู่ซีที่เป็บ่าวรับใช้คนสนิทพาไปยังศาลากลางสระบัวของจวน
ขณะที่กำลังนั่งเพลิดเพลินผ่อนคลายอารมณ์เด็กหนุ่มรู้สึกว่าอากาศเช่นนี้สมควรกับการจิบชาและทานขนมเป็อย่างยิ่ง แม้ว่าลู่ซีจะไม่ค่อยยินดีสักเท่าไหร่เนื่องจากเป็ห่วงคุณชายของตน แต่ทางฝั่งของหนิงอ้ายยืนยันว่าเขาสามารถอยู่คนเดียวได้อีกทั้งยังรับปากว่าจะรออยู่ในศาลาริมน้ำหลังนี้ ดังนั้นลู่ซีจึงรีบไปนำของว่างมาให้ทานจากโรงครัวที่อยู่ไปไม่ห่างนัก
ทันทีที่ลู่ซีหายไปจากบริเวณก็ได้มีกลุ่มคนเดินเข้ามา หนิงอ้ายจึงมองผ่านภายใต้ผ้าคลุมที่ปกปิดใบหน้าตนไว้เห็นเป็คุณหนูใหญ่ที่เป็บุตรีของฮูหยินรอง ตามมาด้วยคุณหนูสามบุตรีของอนุหนึ่งและคุณหนูหกและคุณหนูเจ็ดที่เป็บุตรแฝดของอนุสามเข้ามาอย่างพร้อมหน้ากับบ่าวรับใช้คนสนิท
เมื่อเห็นว่าเป็ใครจึงพยายามไม่สนใจ เพราะหลังจากที่เขาไม่สามารถปลุกพลังิญญาได้เพียงคนเดียวในเหล่าบรรดาลูกของบิดาคนเหล่านี้มักจะกลั่นแกล้งหาเื่ตนอยู่เสมอ พวกนั้นเอาแต่พูดจาดูแคลนหนิงอ้ายซึ่งเ้าของร่างนี้ไม่เคยตอบกลับแต่อย่างใดทั้งสิ้นเพราะหากทำแบบนั้นแล้วความเดือดร้อนจะส่งผลไปถึงมารดาของตนด้วยและยิ่งหนิงอ้ายนิ่งเงียบเท่าไหร่กลายเป็ว่าถูกกลั่นแกล้งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
หนิงอ้ายคิดว่าเขาเป็พี่ใหญ่จึงไม่ควรถือสาบรรดาเหล่าพี่น้องร่วมบิดาเดียวกัน อีกฝ่ายยังอายุน้อยกว่าเขาหลายปี หลายครั้งที่ร่างกายของเขามีร่องรอยความาเ็รอยแผลต่าง ๆ เมื่อมารดาถามถึงที่มาของรอยฟกช้ำดังกล่าวหนิงอ้ายจะบอกเสมอว่าเกิดจากที่ตนฝึกฝนวิชาการต่อสู้และได้รับาเ็ในขณะนั้น
เมื่อเป็หลายครั้งเข้ามารดาเห็นก็ไม่สบายใจทำให้นับจากวันนั้นหนิงอ้ายได้ให้บ่าวคนสนิทของตนพกโอสถติดตัวไว้เสมอ แม้จะเป็เพียงโอสถระดับขั้นต้นเเต่ก็ไม่ได้ทิ้งรอยาแให้มารดาของตนได้เป็ห่วง
แม้ว่าหนิงอ้ายจะหลีกเลี่ยงที่จะตอบโต้เพราะไม่อยากมีปัญหาโดยเฉพาะกับคุณหนูสามที่บิดาของเขามักจะตามใจนางอยู่เสมอ ด้วยเพราะว่าอีกฝ่ายมีใบหน้างดงามอ่อนหวานเหมือนกับฮูหยินรองรวมไปถึงเป็ผู้ฝึกตนหญิงที่มีปราณธาตุน้ำที่แข็งแกร่ง โดยที่หนิงอ้ายไม่รู้เลยว่าการที่เขานิ่งเงียบไม่ตอบโต้จะยิ่งทำให้นางโมโห จนท้ายที่สุดขณะที่หนิงอ้ายตัดสินใจจะไปรอลู่ซีที่เรือนพักของตนแล้วค่อยให้บ่าวรับใช้ไปตามลู่ซี
ขณะเดินข้ามสะพานไม้นั้นเองเขารู้สึกได้ว่ามีพลังบางอย่างผลักเขาตกสระบัวโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ ยังดีน้ำไม่ลึกมากจึงพอสามารถตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งได้ประจวบเหมาะกับมารดาของตนกำลังตามหาตัวอยู่เพราะหาทั่วเรือนหลังจวนแล้วไม่เจอพอได้ยินเสียงโหวกเหวกจึงมาช่วยได้ทันในที่สุด
ประมุขจางกลับมาจากสำนักศึกษาและรู้เื่ราวที่เกิดขึ้น อีกฝ่ายไม่ได้ให้ความยุติธรรมใด ๆ กับหนิงอ้ายทั้งสิ้น บิดาสารเลวนั่นให้เหตุผลว่าเป็การเล่นของพี่น้องเพียงเท่านั้นอย่าได้ถือสาเอาความผิด เพราะตัวคนก็ปลอดภัยไม่เป็อะไรแล้ว สำหรับคุณหนูใหญ่รวมไปถึงพี่น้องที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างขอสำนึกตนอยู่ในเรือนเป็เวลาเจ็ดวัน บ่าวไพร่ที่อยู่ในบริเวณต่างถูกลงหวายคนละสามสิบไม้แล้วจึงไม่ควรทำให้เื่ราวใหญ่โตเกินที่จะเป็
เมื่อฟังคำกล่าวจบมารดาของเขาจึงตัดสินใจขอย้ายออกจากเรือนหลักไปอยู่เรือนอื่นในทันที แต่แทนที่บิดาจะกล่าวห้ามกลับมีโทสะพร้อมกับไล่ให้ย้ายออกไปที่เรือนเล็กท้ายจวน พร้อมกับยึดบ่าวรับใช้ดูเเลในเรือนเกือบทั้งหมดและมอบอำนาจฮูหยินใหญ่เกือบทั้งหมดให้ฮูหยินรอง
อีกทั้งอนุญาตให้มีบ่าวติดตัวไปเพียงไม่กี่คน เยว่ซินได้กล่าวขอสินสมรสเดิมของตนพร้อมกล่าวว่าจะไม่มาวุ่นวายกับเรือนหลักอีกเด็ดขาด จากนั้นนานนับปีจางเลี่ยงหวงก็ไม่เคยมายังเรือนเล็กติดป่าไผ่นี้เลยสักครั้ง เบี้ยหวัดรายเดือนสวัสดิการก็ไม่มอบให้คล้ายกับตัดขาดกันไม่ข้องเกี่ยวกันอีก
แต่เพราะร่างกายนี้ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วประกอบกับสำลักน้ำเข้าไปเป็จำนวนมาก อีกทั้งฮูหยินรองคอยรั้งท่านหมอประจำตระกูลให้รักษาบุตรของตนที่อยู่ ๆ ก็ไม่สบายในขณะนั้น พ่อบ้านจึงทำได้เพียงส่งผู้ช่วยหมอประจำตระกูลไปตรวจสอบรักษาดูแลอาการซึ่งทำได้เพียงต้มสมุนไพรไล่ไอเย็นในร่างเท่านั้น สุดท้ายหนิงอ้ายก็ดีขึ้นแต่ก็แลกมากับร่างกายที่อ่อนแอกว่าเดิมมาก
เป็เวลาเกือบหนึ่งปีร่างกายของจางหนิงอ้ายนี้ก็สามวันดี สี่วันไข้ ทางฝั่งของเยว่ซินและบ่าวรับใช้ในเรือนเล็กต่างทราบดีว่าคุณชายใหญ่ของตนนั้นหลังจากที่ฝืนรักษามาหลายเดือนจนในที่สุดก็ได้ ร่างกายบอบบางนั้นต่อต้านการรักษาในทุกวัน
จนในคืนหนึ่งที่เงียบสงบหนิงอ้ายรู้สึกเเน่นหน้าอก ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ไม่มีแม้กระทั่งเสียงที่จะเอ่ยเรียกมารดาของตนเพื่อที่จะร่ำลาเสียด้วยซ้ำสุดท้ายเเล้วเมื่อทนไม่ไหวลมหายใจค่อย ๆ แ่หายไปจากโลกนี้ ซึ่งเป็เวลาเดียวกันที่หนิงอ้ายได้ตายลงจากโลกเดิมจากการถูกเพื่อนสนิทฆ่าตายิญญาจึงมาอยู่ในร่างนี้เเทนพอดี…
จากความทรงจำอื่น ๆ ก็พบว่าหนิงอ้ายถือว่ารอบรู้หนังสือเข้าขั้นอัจฉริยะเชี่ยวชาญศิลปะทั้งสี่ เพราะว่ามารดาสอนั้แ่ยังเด็กแต่อ่อนด้านวรยุทธ์เพราะร่างกายไม่แข็งแรงั้แ่เด็ก ซ้ำยังป่วยไข้จากเหตุการณ์ตกน้ำก่อนหน้านี้อีกจึงส่งผลให้ไม่สามารถปลุกพลังิญญาเป็ผู้ฝึกตนได้
แม้จะบอกมารดาเสมอว่าตัวเองไม่คิดมากแต่ในใจกลับคิดว่าตัวเองไม่มีค่าไร้ประโยชน์ เป็ดั่งสวะของตระกูลตามที่ทุกคนได้กล่าวถึง เป็ที่อับอายของตระกูล นับว่าสิ่งเหล่านี้เป็สิ่งที่ติดอยู่ในใจของจางหนิงอ้ายคนเก่าจนเขานั้นััได้
ในมหาทวีปบูรพาแห่งนี้ประกอบไปด้วยสี่แคว้นหลักคือ แคว้นเต่าดำ ซึ่งอยู่ทาง ทิศเหนือ สัญลักษณ์เป็รูปเต่าสีดำธาตุน้ำ ฤดูหนาว แคว้นหงส์แดง ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ สัญลักษณ์เป็รูปหงส์สีแดง ธาตุไฟ ฤดูร้อน แคว้นัเขียว ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก สัญลักษณ์เป็ัสีเขียว ธาตุไม้ ฤดูใบไม้ผลิ แคว้นเสือขาว ซึ่งอยู่ทาง ทิศตะวันตก สัญลักษณ์เป็เสือสีขาวธาตุทอง ฤดูใบไม้ร่วง (แคว้นทั้งสี่แคว้น ประจำสี่ทิศ อ้างอิงจากตามคติความเชื่อลัทธิเต๋า)
อีกทั้งโลกนี้ไม่ใช่โลกปกติแต่เป็โลกจีนโบราณแฟนตาซีที่ผู้คนต่างสามารถเข้าสู่วิถีของการเป็ผู้ฝึกตนได้โดยที่จะต้องมีการปลุกพลังิญญาและปราณธาตุในตัวเสียก่อน โดยปกติจะมีการทดสอบดังกล่าวนี้เมื่อมีอายุเจ็ดปีและต้องไม่เกินสิบห้าปี
เพราะเมื่อมีอายุมากขึ้นความยากในการปลุกพลังิญญาก็จะทวีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แน่นอนว่ามีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับการยอมรับและเป็ที่ยำเกรง และอายุของผู้คนล้วนยืนยาวไปตามระดับฝึกตนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้บนแผ่นดินในทุกแคว้นยังมีสำนักฝึกตนมากมายแบ่งเป็ฝั่งธรรมมะ ฝั่งอธรรม ฝั่งอสูร ที่ต่างพื้นที่ปกครองอย่างไม่ข้องเกี่ยวกันอีกด้วย หลังจากที่เขาได้รู้เื่ราวทั้งหมดผ่านความทรงจำจึงเริ่มวางแผนการในใจถึงวันข้างหน้าของตน...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้