หลังจากที่อวิ๋นซีกลับไปยังเรือนพักแล้ว นางก็ให้คนไปเชิญ ‘เว่ยซาน’ มาที่ห้องของตน เมื่อคนมาถึง นางก็ได้แต่มอง ‘เว่ยซาน’ ที่มีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เว่ยซาน นั่งลงสิ ยืนอยู่ทำอันใด”
ชั่วขณะนั้น ‘เว่ยซาน’ ไม่รู้ว่าอวิ๋นซีคิดจะทำอะไร เขาไม่แน่ใจ จึงได้แต่ตอบปฏิเสธอ้อมๆ “กระหม่อมไม่กล้า...”
อวิ๋นซีหัวเราะหึหึ จากนั้นจึงเดินไปยังข้างกายเขาที่ราวกับเป็ท่อนไม้ท่อนหนึ่งก็ไม่ปาน นิ้วเรียวยาวของนางเชยคางของเว่ยซานขึ้น ถึงแม้ส่วนสูงของคนทั้งสองจะห่างกันมาก แต่กลิ่นอายราวอันธพาลพราวเสน่ห์ของอวิ๋นซีกลับทำให้คนลืมความต่างของความสูงนี้ไป
‘เว่ยซาน’ มองการกระทำของสตรีตรงหน้า ดวงตาสั่นไหวน้อยๆ ในใจคิดอยากจะหลบเลี่ยงอย่างเงียบๆ ทว่า อวิ๋นซีกลับแค่นเสียงเ็า พูดว่า “หากเ้ากล้าหลบ เปิ่นเฟยก็จะทำให้เ้า...ใช้การไม่ได้อีก”
เมื่อ ‘เว่ยซาน’ ได้ยินก็ตัวสั่น “พระชายา...”
ทันทีที่อวิ๋นซีได้ยินคำว่า พระชายา ออกมาจากปากของหนุ่มกำยำ นางก็มีสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ก่อนจะพูดออกไปประโยคหนึ่ง “เ้าว่า หากเปิ่นเฟยผูกสมัครรักใคร่เ้าเสียที่นี่ เ้าจะทำเช่นไร”
‘เว่ยซาน’ เริ่มรู้สึกไม่ดียิ่งขึ้นแล้ว เขามองอวิ๋นซีอย่างมีนัยยะ ขณะที่นางเองก็ไม่ทันรอให้มีการตอบกลับ ล้มทับคนลงไปบนเตียงหลัวฮั่นที่อยู่ไม่ไกล
ตอนนี้อวิ๋นซีนั่งอยู่บนร่างของ ‘เว่ยซาน’ ราวกับไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้น นางมองเขา ั์ตามีแววแข็งกร้าววาบผ่าน “เ้าคิดว่าเปิ่นเฟยไม่กล้าหรือ” พูดจบ นางก็ดึงผ้ารัดเอวอีกฝ่ายออกอย่างรุนแรง ทว่า ยามที่กำลังแหวกชุดผ้าไหมของอีกฝ่ายออกนั้น ทั้งร่างของนางก็ถูกคนรวบให้ล้มลงไปบนเตียงแทน
ชายกำยำทับอยู่เหนือร่างนาง ชั่วขณะนั้นนางได้แต่สบกับดวงตากระหายเืของอีกฝ่าย ก่อนจะหัวเราะฮ่าฮ่าแล้วพูดว่า “ไม่เสแสร้งต่อแล้วหรือ? หรือว่า เสแสร้งต่อไปไม่ได้อีกแล้ว? ”
เขาไม่ได้ตอบกลับ ทำเพียงจดจ้องนางราวกับนักล่าเห็นเหยื่อ จากนั้นจึงเผยให้เห็นสายตาที่เฝ้าฝันอยากจะอันแน่วแน่อย่างที่คนไม่อาจละเลยได้ เขาเขยิบเข้าไปชิดใกล้ริมฝีปากของอวิ๋นซี ก่อนจะไม่คิดรั้งรออีกต่อไป มอบจูบหอมหวานแก่นาง
เพียงไม่นานอวิ๋นซีก็ผลักเขาออกไป นางพลิกกายให้อีกฝ่ายล้มลงไปอีกครั้งด้วยกิริยาที่ทั้งรุนแรงและหยาบคาย ก่อนจะกลายเป็ฝ่ายรุกอีกครั้ง กดคนไว้ใต้ร่าง “โอวหยางจวินเหยียน เ้าคนไม่ดี ข้าไม่ได้บอกให้ท่านรอข้ากลับไปเมืองหลวงหรือ? ท่านกล้าไม่เชื่อฟังข้า ดูท่า หากไม่จัดการท่านเสียสักหน่อยคงจะไม่ได้แล้วกระมัง”
โอวหยางจวินเหยียนที่ปลอมตัวเป็เว่ยซานเห็นว่านางะเิอารมณ์โกรธออกมา ในดวงตาก็ปรากฏอารมณ์ซับซ้อนวาบผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งร่างของเขายังคงนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ท่าทางราวกับจะบอกว่า ยินดีต้อนรับฮูหยินมาจัดการสามี ไม่ว่าอย่างไรหนนี้สามีก็จะไม่สวนคืนแน่นอน
อวิ๋นซีโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางหยิกเอวเขาโดยแรง “บอกมา เริ่มปลอมตัวเป็เว่ยซานั้แ่เมื่อไร”
“เมื่อวาน” โอวหยางจวินเหยียนมองนางที่คิดจะสอบสวนอย่างเดียวไม่คิดลงมือ จากนั้นก็ค่อยๆ เหลือบดูท่าทางที่นางนั่งบนร่างตน เขาคิดว่า หากตนสามารถทนไหวจริงๆ ก็คงประหลาดแล้วล่ะ
“อาซี เ้าแน่ใจนะว่าจะสืบสวนสามีเช่นนี้จริงๆ ” เขาเตือนนางอย่างปลงๆ
อวิ๋นซีตกตะลึง ฉับพลันนั้นเบื้องล่างก็คล้ายว่ามีอะไรบางอย่างััถูกนาง นางหน้าแดงก่ำทันที “เ้าสารเลว”
“เช่นนั้น พวกเรามาทำเื่ที่สารเลวกันสักหน่อยเถอะ” ภรรยา ถ้าเ้าไม่อยากให้เกิดการเคลื่อนไหวมากไปกว่านี้ ก็ยอมให้สามีจัดการเื่ด้านล่างให้เสร็จเถอะ
คนทั้งสองแยกจากกันมาได้เดือนกว่า ความคิดถึงมากมายจึงปะทุขึ้น พวกเขาต่างใช้การกระทำเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความคะนึงหาที่มีต่ออีกฝ่าย อวิ๋นซีและจวินเหยียนขลุกตัวอยู่แต่ในห้องถึงหนึ่งวันเต็ม นอกจากนางจะพักผ่อนด้วยเวลาอันน้อยนิดแล้ว เวลาที่เหลือส่วนใหญ่ก็ถูกบุรุษที่มีชีวิตชีวากัดกินจนสะอาดหมดจด
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง อวิ๋นซีรู้สึกเ็ปตามร่างกายเป็อย่างมาก นางทำได้แค่กัดฟันอดทน บุรุษชั่วช้าน่าตาย ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจเอาเสียเลย...
อวิ๋นซีและจวินเหยียนสองสามีภรรยาได้ไปจากอวี่โจวเมื่อถึงกลางเดือนสาม กลุ่มของพวกเขาต่างขี่ม้าไม่หยุดพัก โดยมีเป้าหมายอยู่ที่เมืองหลวง ทันทีที่ไปถึงนอกประตูเมือง ก็เห็นโอวหยางเทียนหลานนำบรรดาขุนนางบุ๋นบู๊มารอรับด้วยตนเอง
อวิ๋นซีและจวินเหยียนลงจากหลังม้า เห็นบรรดาขุนนางและชาวบ้านที่รออยู่เ่าั้ ก่อนจะหันกลับมาสบตากันไปทีหนึ่ง
โอวหยางเทียนหลานยิ้ม ขึ้นหน้ามารับพร้อมเอ่ยถาม “พี่รอง พี่สะใภ้รอง พวกท่านกลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว พวกท่านนี่จริงๆ เลย ไม่กลัวตายถึงขั้นวิ่งเข้าไปในสถานที่เช่นนั้น ยามที่ข้า น้องชายผู้นี้ได้ทราบข่าวก็ใแทบแย่”
จวินเหยียนสาดสายตาไปยังโอวหยางเทียนหลานเรียบๆ ก่อนจะมองไปยังบรรดาขุนนางใหญ่ที่ยืนอยู่เื้ัน้องชาย “พาขุนนางใหญ่มากมายเพียงนี้มาที่นี่ ทุกคนว่างมากหรือ? ”
โอวหยางเทียนหลานยิ้มพูด “นี่เป็พระมหากรุณาธิคุณที่เสด็จพ่อมอบให้พวกท่านต่างหาก เป็เพราะเื่ที่หนิงอ๋องและพระชายาสองสามีภรรยาช่วยกู้วิกฤตโรคระบาดมาได้”
มุมปากอวิ๋นซีกระตุก หึหึ ช่วยกู้วิกฤต? เป็หมวกใบใหญ่เหลือเกินนะ ต่อให้เป็แม่ทัพใหญ่ที่รบชนะกลับมาก็ยังไม่แน่ว่าจะได้รับการต้อนรับที่ใหญ่โตเพียงนี้ มิคาดนางที่เข้าไปในเขตโรคระบาดเพียงรอบหนึ่ง เมื่อกลับออกมาจะถึงกับมีท่านอ๋องนำบรรดาขุนนางมาต้อนรับด้วยตนเอง
ด้วยเื่นี้ เมื่อตกอยู่ในสายตาของเหล่าคนที่มีใจคิดไม่ซื่อ ก็มิใช่เพียงปัญหาทั่วไปแล้ว เสี้ยวเหวินตี้ผู้นี้ชอบหาเื่ให้จริงๆ
จวินเหยียนมองบรรดาขุนนางเรียบๆ ไปทีหนึ่ง จากนั้นพูดว่า “ทุกคนกลับไปเถอะ”
เพียงประโยคเดียวที่แสนสั้น พูดจบ เขาก็ไม่รอการตอบรับของอีกฝ่าย ถีบกายบินขึ้นหลังม้า พาภรรยาตนขี่ม้าจากไป และปล่อยให้บรรดาขุนนางทั้งหลายพร้อมราษฎรเบิกตามองดูฉากนี้ด้วยไม่รู้ควรจะพูดอย่างไร
อวิ๋นซีอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนจวินเหยียน นางยิ้มถาม “ท่านทำเช่นนี้จะดีจริงหรือ? นั่นน่ะ เป็เสด็จพ่อของท่านนะ”
“แน่นอน ข้าย่อมรู้ว่าเขาคือพระบิดาของข้า ข้าก็แค่ทำเช่นนั้นกับพวกขุนนางก็เท่านั้น ไม่ได้ทำกับเขาเสียหน่อย” เขาเองก็อยากรู้นักว่า เ้าแก่นั่นกำลังทำบ้าอะไรอีก ทว่าเวลานี้เขาก็อบอุ่นใจจนอดมิได้ให้ถูไถไปกับศีรษะของสตรีในอ้อมแขนเบาๆ หลายปีมานี้ก็มีแค่สตรีในใจเขาผู้นี้นี่แหละที่ต้องได้รับความไม่เป็ธรรมและความเหนื่อยยากมาเสมอ
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ในตำหนักจินหลวนท่านนั้นถือเป็ฆาตกรที่สังหารตระกูลเฉียวทั้งตระกูลตัวจริง แต่นางกลับต้องมาให้กำเนิดลูกชาย และเลี้ยงลูกสาวให้ลูกชายของศัตรู ทั้งยังต้องมาเรียกขานศัตรูว่าเสด็จพ่ออีก ความรู้สึกเช่นนี้ต้องเ็ปเพียงใด เขาย่อมรู้ดี เพราะความเ็ปที่นางมีก็เหมือนกับที่ฮองเฮาเป็ฆาตกรที่ฆ่ามารดาเขา แต่เขากลับไม่อาจไม่เรียกอีกฝ่ายว่าเสด็จแม่ได้ อย่างน้อยๆ ก่อนที่จะกระชากหน้ากากใส่กัน เขาก็ทำได้แค่เรียกขานเช่นนั้น
“จวินเหยียน ข้าคิดถึงลูกๆ แล้ว” อวิ๋นซีเห็นว่าใกล้จะถึงจวนอ๋องแล้ว นางก็อดพูดเสียงเบาไม่ได้ ั้แ่ที่ลูกชายทั้งสองคลอดออกมา นี่เป็ครั้งแรกที่นางต้องพลัดพรากจากพวกเขาไปนานเพียงนี้
จวินเหยียนอืมไปเบาๆ เสียงหนึ่ง “ข้าเชื่อว่า ลูกๆ เองก็ต้องคิดถึงเ้าเช่นกัน”
ทว่า เมื่อจวินเหยียนและอวิ๋นซีไปถึงจวนอ๋อง กลับเห็นถงไห่นำคนมารออยู่หน้าจวน คนทั้งสองต่างมองเห็นความตกตะลึงในดวงตาอีกฝ่าย เสี้ยวเหวินตี้ผู้นี้คิดจะทำสิ่งใดกันแน่?
ถงไห่เห็นพวกเขาลงจากม้ามาแล้ว ก็รีบยิ้มตอบพลางขึ้นหน้ามาคารวะ จากนั้นจึงพูดขึ้น “ฝ่าาทรงทราบอยู่แล้วว่าท่านอ๋องและพระชายาจักต้องรำคาญคนพวกนั้นแน่ และที่แรกที่จะกลับมาย่อมต้องเป็จวนอ๋องก่อน ฝ่าาจึงให้กระหม่อมนำคนมารอทั้งสองพระองค์อยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
อวิ๋นซีและจวินเหยียนมองเห็นราชโองการสีเหลืองอร่ามที่อยู่ในมือถงไห่ ในใจก็ชัดเจน เ้าแก่นั่นคิดจะสร้างปัญหาอีกแล้วสิ...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้