“ข้อตกลง” นักฆ่าหญิงส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ในเสียงหัวเราะนั้นยังปนเปไปด้วยความรู้สึกถากถางและดูแคลน “เ้ากำลังจะตายอยู่แล้ว มีคุณสมบัติอะไรจะมาทำข้อตกลงกับข้า”
“ข้ารู้ว่าเหตุใดพวกเ้า้าสังหารข้า พวกเรามาเปิดอกพูดจากันตรงๆ ดีกว่า โจวหมัวมัว”
เมื่อนางพูดคำว่า “โจวหมัวมัว” สามคำนี้ออกมา ร่างของนักฆ่าหญิงสะท้านอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่มองนางก็คมปลาบขึ้นด้วย
เฟิ่งเฉี่ยนพูดต่อ “ข้ารู้ว่าวันนี้ยากที่จะหนีความตายได้ แต่น่าเสียดายหินิญญาเ่าั้ของข้า ข้ารวบรวมสะสมวัตถุดิบเทพไว้ในคลังได้อย่างไม่ง่ายดายเลย ยังไม่ทันให้พวกมันได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง...เฮ้อ น่าเสียดายจริงๆ!”
เมื่อยอดฝีมือทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นได้ยินคำว่า “คลังวัตถุดิบเทพ” สี่คำนี้ ดวงตาของพวกเขาพลันทอประกายกล้า
โจวหมัวมัวกลับไม่คิดเช่นนั้น นางแค่นเสียงฮึ “เ้าไม่ต้องคุยโวโอ้อวด ข้าไม่เชื่อเ้าหรอก!”
“คนกำลังจะตายอยู่แล้ว เหตุใดข้าต้องโกหกเ้าด้วย” เฟิ่งเฉี่ยนชูกระทะหรูอี้ในมือขึ้นสูง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เห็นกระทะใบนี้ในมือข้าแล้วหรือไม่ มันก็คือหินิญญาสีม่วงที่ข้าใช้หินิญญาในคลังค้นหาจนพบ มันทำมาจากผลึกน้ำแข็งและเหล็กบริสุทธิ์ อานุภาพร้ายแรงไร้ขอบเขต! ข้าไม่คาดหวังว่าพวกเ้าจะปล่อยข้าไปหรอก ข้าขอเพียงว่าหลังจากตายไปแล้วจะมีหลุมฝังศพกลบหน้า ไม่ต้องกลายเป็ศพไร้ญาติิญญาเร่ร่อน ข้าได้ยินมาว่าศพที่ถูกทิ้งไว้จนกลายเป็ิญญาเร่ร่อน ชาติหน้าต้องเกิดมาเป็สัตว์เดรัจฉานหรือไม่ก็เป็ขอทาน น่าเวทนามากๆ!”
โจวหมัวมัวยังคงยืนกรานเจตนารมณ์เดิม “ฝังศพเ้าหรือ คิดได้ดีนี่! คนเราไม่ได้ดวงดีตลอดไป ชาตินี้เ้าใช้ชีวิตสูงศักดิ์สุขสบายมามากเกินพอแล้ว ชาติหน้าก็สมควรที่จะลิ้มลองชีวิตขอทานดูเสียบ้าง!”
นางยกมือขึ้นออกคำสั่ง “เด็กๆ ยิงธนู!”
ใครเลยจะรู้ว่า ถึงกับไม่มีสักคนที่ฟังคำสั่งของนาง ผู้ติดตามหลายคนนั้นมองนางด้วยสายตาลังเลใจ
โจวหมัวมัวสีหน้าเคร่งขรึม นางตวาดลั่น “พวกเ้าทำอะไร คิดจะฏหรือ”
หนึ่งในนั้นดึงผ้าปิดหน้าลงมาแล้วพูดอย่างลังเลใจว่า “กูกู อย่างไรนางก็หนีไม่รอด ไม่สู้ฟังนางพูดว่าคลังสมบัติของนางอยู่ที่ไหนจะดีกว่า หากพวกเราสามารถหาคลังสมบัตินั่นพบ เช่นนั้นความสามารถของพวกเราก็จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนจำคนผู้นี้ได้ เขาคือนักฆ่า จี้เฟย ที่เคยลงมือลอบสังหารนางในตำหนักเย็นก่อนหน้านี้ ที่แท้เขาเป็หลานชายแท้ๆ ของโจวหมัวมัว ริมฝีปากของนางยกยิ้มเ็า นางเดาออกแต่แรกแล้วว่าโจวหมัวมัวไม่มีทางหลงเชื่อ ความจริงแล้วคำพูดเมื่อสักครู่นางพูดให้ผู้ติดตามของโจวหมัวมัวฟัง และตอนนี้มันได้ผล
อีกคนหนึ่งดึงผ้าปิดหน้าลงเช่นกัน เขาคือ นักฆ่า โก่วเที่ยว เขาเองเห็นด้วยอย่างยิ่ง “ใช่แล้ว หมัวมัว กระทะในมือนางมีอานุภาพร้ายแรง เมื่อสักครู่ท่านเองก็เห็นกับตาแล้ว มันทำมาจากหินิญญาสีม่วงไม่ผิดแล้ว พวกเราหาเบาะแสของคลังสมบัติจากปากของนางก่อน แล้วค่อยฆ่านางก็ไม่สาย!”
นักฆ่าที่เหลือต่างเห็นด้วย
โจวหมัวมัวขมวดคิ้วแน่น เริ่มแรกนางรู้สึกหงุดหงิด แต่เมื่อใคร่ครวญอย่างละเอียดแล้ว ดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่บ้าง อย่างไรฮองเฮาก็ตกอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว นางหนีไปไหนไม่รอด ไว้ชีวิตนางอีกสักประเดี๋ยวคงไม่กระไร
“ก็ได้!” นางมองไปทางเฟิ่งเฉี่ยน ขอเพียงเ้ายอมบอกที่ซ่อนคลังสมบัติมาแต่โดยดี ข้ารับปากเ้าว่าจะทำพิธีศพให้เ้าอย่างสมเกียรติหลังจากเ้าตายไปแล้ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนมองนางด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจ “ขอบคุณหมัวมัว! แผนที่คลังสมบัติอยู่ในหัวข้า เ้าปล่อยข้าลงมา ข้าจะวาดให้เ้าดูทันที!”
โจวหมัวมัวได้ยินว่าต้องปล่อยนางลงมาก็ระแวดระวังทันที “เ้าจะเล่นลูกไม้อะไรอีก”
เฟิ่งเฉี่ยนกระพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา นางแบมือ “พวกเ้ามีคนมากเช่นนี้ ข้าคนเดียว ข้าจะเล่นลูกไม้อะไรได้ โจวหมัวมัว เ้าคงไม่ได้กลัวข้ากระมัง”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของโจวหมัวมัวกระตุก ทว่าใจกลับลังเล นางพูดถูกต้อง พวกเขาคนมากเช่นนี้ หรือจะกลัวว่าจะต่อกรกับนางแค่คนเดียวไม่ได้
เฟิ่งเฉี่ยนพูดอีกว่า “ในเมื่อพวกเ้าไม่กล้า ก็แล้วไปเถิด ให้ถือเสียว่าข้าไม่ได้พูดอะไร...”
จี้เฟยได้ยินแล้วร้อนใจทันที “กูกู ท่านปล่อยนางลงมาเถิด พวกเราคนมากเช่นนี้จับตาดูนางเอาไว้ นางหนีไปไหนไม่ได้หรอก!”
โก่วเที่ยวพูดเสริม “ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!”
โจวหมัวมัวครุ่นคิดชั่วครู่ ในที่สุดก็พรูลมหายใจออกมา “ก็ได้ ปล่อยนางลงมาก่อน!”
แหค่อยๆ หย่อนตัวลงมา เท้าทั้งคู่ของเฟิ่งเฉี่ยนเหยียบลงบนพื้นดิน เมื่อปากแหคลายออก เฟิ่งเฉี่ยนดิ้นรนออกมาจากแห
โจวหมัวมัวถือกระบี่ชี้หน้านาง “ตอนนี้เ้าวาดได้แล้ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนยกมือขึ้นปาดน้ำฝนบนใบหน้าแล้วมองซ้ายมองขวา “ที่นี่ฝนตกหนักเช่นนี้ ข้าจะวาดอย่างไรเล่า พวกเราควรหาสถานที่สักแห่งหลบฝนก่อนดีกว่า!”
โจวหมัวมัวปากกระตุก นางนำดาบพาดลำคอของเฟิ่งเฉี่ยนแล้วพูดอย่างโกรธแค้น “เ้าจะเอาอะไรอีก ข้าบอกเ้าก่อน หากตอนนี้เ้าไม่วาดแผนที่ ข้าจะฆ่าเ้าเดี๋ยวนี้!”
เฟิ่งเฉี่ยนหดคอแสดงท่าทีหวาดกลัว “ดุเช่นนี้ ข้าวาด ข้าวาดพอใจหรือไม่”
มองซ้ายมองขวา “ไม่มีกระดาษ ไม่มีพู่กัน ให้ข้าวาดอย่างไร”
ยามนี้ จี้เฟยพลันยื่นกระบี่ของตนออกมา “ใช้กระบี่ของข้าวาดลงบนพื้น!”
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นแล้วหัวเราะออกมา
มีคนโง่เขลาจริงๆ ยื่นกระบี่ของตนเองให้ผู้อื่น!
โจวหมัวมัวมีโทสะทันที นางตำหนิจี้เฟย “เ้ามันสมองหมูหรือไร เ้า...”
ไม่รอให้นางด่าทอจนจบ จะบอกว่า่เวลานั้นไม่ช้าและไม่เร็ว เฟิ่งเฉี่ยนรับกระบี่มาจากมือของจี้โก่ว จากนั้นตวัดกระบี่กลับไปชี้ใส่โจวหมัวมัว โจวหมัวมัวหน้าถอดสี ร่างของนางเอนไปด้านหลัง!
“สมควรตาย จับตัวนางเดี๋ยวนี้!”
รอเมื่อโจวหมัวมัวหลบกระบี่นี้แล้วยืนมั่นคงอีกครั้ง กลับพบว่าเฟิ่งเฉี่ยนหายไปแล้ว ร่างของนางหายไปราวกับฟองน้ำกลางอากาศ!
นักฆ่าที่อยู่ที่นั่นทั้งหมดต่างทึ่มทื่อไปตามๆ กัน ทั้งๆ ที่เมื่อสักครู่คนอยู่ต่อหน้าต่อตาพวกเขา เหตุใดเพียงแค่กระพริบตาก็หายไปแล้ว
พวกเขาถึงกับไม่เห็นว่านางทำได้อย่างไร คนทั้งคนก็หายไปอย่างไร้ซุ่มเสียง ราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น!
“คนเล่า คนไปไหนแล้ว”
โจวหมัวมัวตวาดด้วยโทสะ
และเฟิ่งเฉี่ยนในตอนนี้ไม่ได้ไปไหนไกล นางเพียงแค่ใช้ยันต์ล่องหนแผ่นสุดท้าย นางยืนห่างจากพวกเขาไม่ไกลนัก นางกลั้นลมหายใจไม่เคลื่อนไหว
โจวหมัวมัวเป็ยอดฝีมือระดับอาจารย์ นางสามารถอาศัยเพียงเสียงฝีเท้าและลมหายใจของคู่ต่อสู้เพื่อวิเคราะห์ว่าคู่ต่อสู้อยู่ที่ใด ดังนั้นนางจึงไม่กล้าประมาท
“พวกเ้าพวกคนโง่เขลา! ล้วนเป็เพราะพวกเ้าไปหลงเชื่อคำลวงของนาง จึงทำให้นางมีโอกาสหนีรอดไปได้! หากปล่อยให้นางกลับไปถึงวังหลวงอย่างราบรื่น เช่นนั้นความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็เปล่าประโยชน์!” โจวหมัวมัวเดือดดาล
จี้เฟยพูด “กูกู ท่านอย่าเพิ่งโมโห นางหนีไปไม่ไกลหรอก ตอนนี้พวกเรารีบไล่ตามไปวังหลวง อาจจะยังทัน!”
โจวหมัวมัวได้ยินคำพูดของเขายิ่งหงุดหงิด นางชี้หน้าเขาแล้วด่าทอ “เ้ามันคนโง่! ใครใช้ให้เ้าส่งกระบี่ให้นาง เ้ามีสมองหรือไม่”
จี้เฟยแก้ตัวอย่างรู้สึกผิด “ข้า...ข้าเพียงแต่คิดจะให้นางรีบวาดแผนที่ออกมาโดยเร็วเท่านั้น ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่านางจะแย่งกระบี่ของข้า”
โจวหมัวมัวตบศีรษะของเขาดังฉาด แค้นใจเหลือเกินที่ไม่อาจฝนทั่งให้เป็เข็มได้ “ข้าว่าสมองของเ้าคงมีแต่ต้นหญ้า! ต่อไปห้ามเรียกข้าว่ากูกู อีก ข้าไม่มีหน้าจะอับอายอีกแล้ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนลอบหัวเราะ คนฉลาดและมากความสามารถเช่นโจวหมัวมัว ถึงกับมีหลานชายโง่เขลาเช่นนี้ ช่างน่าปวดหัวโดยแท้!
โก่วเที่ยวพูดขึ้นมาในตอนนี้ “หมัวมัว เื่อื่นค่อยพูดกัน ตอนนี้ต้องตามคนให้ได้ก่อน!”
โจวหมัวมัวสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่ง จากนั้นใคร่ครวญแล้วพูดทั้งขบฟัน “ไปตามคนกลับมาเดี๋ยวนี้! จะปล่อยให้นางกลับไปถึงวังหลวงไม่ได้เด็ดขาด!”
“ขอรับ!” คนทั้งหมดตอบพร้อมกัน
ขณะที่เฟิ่งเฉี่ยนคิดว่าพวกเขากำลังจะไปจากที่นั่น โจวหมัวมัวพลันรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง นางหันมามองทิศทางที่เฟิ่งเฉี่ยนยืนอยู่--
“ช้าก่อน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้