บทที่ 73 ปล้น?
“ฮ่าๆ เ้าบอกว่าเ้ามีเงินหรือ? ออกจากบ้านพกมาแค่ห้าหมื่นเหรียญทอง ถูกเ้าหนุ่มนั่นแซงหน้าไปแล้วล่ะ”
“ข้ารู้สึกว่าเ้าหนุ่มนั่นคุ้นตาน่ะ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็คนที่คว่ำสือเหล่ยแห่งกลุ่มัเหล็กล้มลงด้วยหมัดเดียว”
“อ๋า? ทรงพลังขนาดนั้น? ถ้ามีโอกาสข้าจะไปขอคำแนะนำบ้างดีกว่า”
ในตลาดสัตว์ปีศาจ ทุกคนพูดคุยกันดังลั่น จากนั้นก็แยกย้ายกันเมื่อเื่ราวคลี่คลายลง ทว่าอีกหลายคนอดไม่ได้ที่จะหันกลับมาหัวเราะเยาะโจวอันดา ทำให้ใบหน้าของเขาเขียวปั้ด คิ้วกระตุกด้วยความโกรธ
“ต้องขอโทษด้วยนะขอรับ เด็กคนนั้นเสนอราคาสูงกว่าท่าน ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้” นักล่าคืนถุงเหรียญทองให้โจวอันดาและขอโทษเขา แต่แววตาที่มองมากลับเต็มไปด้วยความยินดีอย่างชัดเจน
โจวอันดาดูถูกเ้าก้อนขนตัวน้อยตรงหน้าเขา ซ้ำยังกดราคาลงอีกสี่เท่า ทำให้นักล่าไม่พอใจมาก
“ให้ตายเถอะ ไอ้เด็กสารเลว!” โจวอันดาถูกทุกคนดูิ่และอับอาย เขาแค้นฉู่อวิ๋นที่ทำลายเื่ดีๆ ของเขา
จากนั้น เขาจึงสั่งคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเ็า “กลับไปที่กลุ่มหมาป่า บอกให้พวกเขาสั่งสอนบทเรียนให้กับเ้าเด็กนั่นหน่อย! ไม่อย่างนั้น ข้าจะหาคาราวานกลุ่มอื่นมาคุ้มกัน!”
“ขอรับ นายท่าน” คนรับใช้ตอบรับและหายไปในทันที
“หึ เ้าเด็กฟันน้ำนม กล้ามาต่อกรกับข้า? เ้าจะได้รู้ถึงคำว่าอยู่ไม่สู้ตาย” โจวอันดายิ้มเยาะและเดินต่อไปข้างหน้าอย่างสบายอารมณ์ ราวกับว่าเขาสามารถควบคุมทุกอย่างได้
ข้างบ่อน้ำ ฉู่อวิ๋นกำลังทำความสะอาดร่างกายของเ้าก้อนขนตัวน้อย ทำให้ขนของมันดูสะอาดสะอ้าน ภายใต้แสงแดดส่องสว่าง มันเปล่งประกายด้วยแสงสีทองอันนุ่มนวล
เ้าก้อนขนตัวน้อยกะพริบตาดวงโตมองเขา แลดูมีความสุขมาก มันสะบัดน้ำที่ติดขนไปทั่วทุกที่ ฉู่อวิ๋นที่อุ้มมันไว้ในมือเองก็ถูกน้ำกระเซ็นใส่จนเปียกไปทั้งตัว
“เ้าตัวเล็ก เ้าตื่นเต้นมากเกินไปแล้ว ฮ่าๆ!” ฉู่อวิ๋นไม่สนใจ เขายิ้มและหรี่ตาลงเล็กน้อย ถูเ้าก้อนขนตัวน้อยด้วยมือทั้งสองข้าง ทำให้มันสั่งเสียง “จิ๊ด จิ๊ด” ออกมาสองสามครั้งอย่างสบายใจ
ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดว่าเ้าก้อนขนตัวน้อยจำฉู่อวิ๋นได้ มันะโเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างโหยหา ซุกไซ้คลอเคลียเขาไปมา น่ารักมาก
“นี่ เ้าอันธพาลอวิ๋น ดูเหมือนมันจะชอบเ้ามากนะ!” มู่หรงซินยืนอยู่ข้างๆ เขา ดวงตาคู่งามของนางเผยความอิจฉา
หัวใจเด็กสาวของนางเต้นระรัว ไม่อาจต้านทานความน่ารักของสัตว์น้อยตัวนี้ได้เลย
“ไม่ชอบก็ต้องชอบแล้ว ข้าใช้หินิญญาหกสิบก้อนเต็มๆ เพื่อซื้อมันมาเลยนะ! อีกอย่าง ข้ากับเ้าตัวนี้ก็มีวาสนาต่อกัน เฮ้อ เงินทองเป็ของนอกกาย ดังนั้น ต่อจากนี้จะมีเ้านี่คอยติดตามข้าแล้ว...”
ฉู่อวิ๋นจับเ้าก้อนขนตัวน้อยด้วยมือทั้งสองข้าง และปล่อยให้มันใช้เท้าแตะหน้าของเขา ให้ความรู้สึกนุ่มสบาย
“ฮิฮิ ถ้าเช่นนั้น ทำไมเ้าไม่ตั้งชื่อให้มันล่ะ? แต่เราก็ไม่รู้ที่มาของเ้าตัวน้อยนี่ และข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็สัตว์ปีศาจชนิดใด” มู่หรงซินยิ้มแ่และแนะนำ
“ชื่อ?” ฉู่อวิ๋นก้มหน้าลงมองสัตว์ปีศาจตัวน้อย
มองเห็นมันหันไปด้านข้างเล็กน้อย ลำตัวเอนเอียง ดวงตากลมโตเป็ประกายราวกับว่ากำลังรอคอย พร้อมส่งเสียงเบาๆ ว่า “จิ๊ด” ดูอ่อนโยน
“เช่นนั้น ข้าจะตั้งชื่อให้มัน!” ฉู่อวิ๋นััเ้าลูกตะกร้อขนเหลืองเบาๆ
จากนั้น หลังจากครุ่นคิดอย่างหนัก ฉู่อวิ๋นก็ตบหน้าผากตัวเองและพูดอย่างจริงจัง “ขนบนตัวของมันมีสีเหลืองอ่อนเหมือนสีทอง ถ้าอย่างนั้น... เรียกมันว่าหวางไฉ[1]กันเถอะ!”
หลังจากพูดจบ ฉู่อวิ๋นก็แอบพยักหน้าอย่างลับๆ ชื่อหวางไฉเป็ลางดี และเขาก็ชอบมากด้วย
แต่เมื่อได้ยินชื่อนี้ มู่หรงซินก็แทบทรงตัวไม่อยู่จนเกือบจะล้มลงกับพื้น
“์! นี่เ้าเลือกชื่ออะไรมากัน?!” มู่หรงซินเคาะหัวของฉู่อวิ๋นเบาๆ นางตกตะลึงแล้วพูดว่า “สุนัขสิถึงจะชื่อหวางไฉ! เ้าก้อนขนนี่น่ารักขนาดนี้ ชื่อนี้ใช้ไม่ได้ เปลี่ยน!”
ยามนี้ เ้าก้อนขนตัวน้อยดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของมู่หรงซิน มันะโไปที่มือของฉู่อวิ๋นเบาๆ อย่างไม่พอใจ
“เ้าอยากให้ข้าเปลี่ยนหรือ?” ฉู่อวิ๋นใช้นิ้วลูบคางและขมวดคิ้ว หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ตบต้นขาอีกครั้งแล้วะโ “ใช่แล้ว เรียกมันว่าเหมาเหมา[2]ดีกว่า มันมีขนเยอะมาก ชื่อนี้ทั้งน่ารักทั้งเหมาะสม ดีเลย!”
คราวนี้ฉู่อวิ๋นมั่นใจมากขึ้น!
“เหมาเหมา...ขนเยอะมาก...มันฟังดูแปลกๆ นิดหน่อย” มู่หรงซินเลิกคิ้วและคัดค้านอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกัน เ้าก้อนขนตัวน้อยก็อ้าปากหาว เห็นได้ชัดว่าไม่สนใจชื่อนี้
“เปลี่ยน!” มู่หรงซินกล่าว
“เสี่ยวฮวา[3]?”
“สาวเกินไป เปลี่ยน”
“แล้ว…ต้าโป[4]ล่ะ?”
“เ้าคนเลวทราม! ไปลงนรกซะ!” มู่หรงซินหน้าแดงและตีหัวฉู่อวิ๋นอย่างแรง
“เอ่อ...ถ่านเค่อ[5]?” ฉู่อวิ๋นเกาหัวแล้วพูดชื่อออกมา แม้แต่เขาก็ยังสับสนและไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร
“นี่เ้ากำลังพูดถึงอะไรน่ะ? ข้าเปลี่ยนให้เอง!” มู่หรงซินพูดไม่ออก นางยกมืออันบอบบางขึ้นมาคว้าเ้าก้อนขนตัวน้อยไป รับรู้ได้ว่าความสามารถในการตั้งชื่อของฉู่อวิ๋นนั้นไม่น่าเชื่อถือเสียจริงๆ
“เอาล่ะ มาดูกันว่าเ้าจะชื่ออะไร?” ฉู่อวิ๋นยักไหล่ ดูไม่แยแส
“ฮิฮิ เ้าก้อนขนตัวน้อย~” มู่หรงซินหยอกล้อสัตว์ปีศาจด้วยนิ้วเรียวหยก ทำให้มันหรี่ตาลงอย่างสบายใจ “ข้าจะให้ชื่อที่น่ารักและเหมาะสมกับเ้าเอง อย่าให้เ้าโง่นั่นตั้งชื่อให้เ้ามั่วซั่วจะดีกว่า!”
“จิ๊ด~”
เ้าก้อนขนตัวน้อยเอนตัวนอนอย่างเกียจคร้านในมือหยกของมู่หรงซิน ดูเหมือนถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เอาล่ะ... เ้าทั้งตัวเล็กแล้วก็มีสีเหลือง เรียกเ้าว่าเสี่ยวหมี่[6]ดีกว่า!" มู่หรงซินยิ้มแฉ่ง นางพอใจกับชื่อนี้มาก
“ตึง!”
จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็ล้มลงกับพื้น ดูมึนงง เขานิ่งไปนานก่อนจะปัดฝุ่นที่ก้นแล้วลุกขึ้น พลางพูดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “อะแฮ่ม... ข้าก็ไม่รู้เหตุผลหรอกนะ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่ที่จะให้มันชื่อ 'เสี่ยวหมี่'…”
“ใครบอกกัน?! เสี่ยวหมี่ดีมากเลยต่างหาก!” มู่หรงซินเลิกคิ้วและจ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋น อีกคนตั้งคำถามกับรสนิยมของนาง และชื่อที่นางตั้งให้นั้นทำให้เขาไม่มีความสุข
แต่มู่หรงซินไม่สนใจ หันไปหาเ้าก้อนขนตัวน้อยแล้วยิ้ม “ฮิฮิ โชคดีที่เ้ามีสีเหลือง ไม่เช่นนั้นข้าจะเรียกเ้าว่าหวงหมี่[7]แทนเสี่ยวหมี่ ดีหรือไม่?”
เ้าก้อนขนตัวน้อยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลอกตา เป่าปากอย่างแรง แสร้งทำเป็ว่าไร้ชีวิตชีวา ทำให้สีหน้าของมู่หรงซินถึงกับอึ้ง
แน่นอนว่าเ้าก้อนขนตัวน้อยเองก็รู้สึกว่าการถูกเรียกว่าเสี่ยวหมี่เป็สิ่งที่พิสดารมาก
“เ้าตัวน้อยนี่ กล้าดียังไงมาล้อข้าเช่นนี้?” แน่นอนว่ามู่หรงซินรู้ว่าเ้าขนฟูตัวนี้กำลังแกล้งทำ นางจึงเหยียดนิ้วไปจั๊กจี้มันด้วยความโมโห ก่อนจะอุ้มกลับมา
“จิ๊ดจิ๊ด...จิ๊ดจิ๊ด!!”
เ้าก้อนขนตัวน้อยะโขึ้นลง ดวงตาเบิกกว้าง และทรุดตัวลงเพราะทักษะการตั้งชื่อที่ย่ำแย่ของมนุษย์สองคนนี้
ด้านข้าง ฉู่อวิ๋นะเิเสียงหัวเราะ คว้าก้อนขนกลมๆ กลับมาอีกครั้งแล้วพูดว่า “ฮ่าๆๆ ให้ข้าตั้งให้เองดีกว่า! เช่นนั้นก็เอาแบบเรียกง่ายหน่อย ชื่อ เสี่ยวหวง[8] เ้าก้อนขนตัวน้อย เ้าว่าอย่างไร?”
“จิ๊ด!”
คราวนี้ เ้าก้อนขนตัวน้อยก็ฟื้นความมีชีวิตชีวากลับมา ดวงตาของมันเป็ประกาย มันชอบชื่อนี้ ก่อนจะขยับไปมาในอ้อมแขนของฉู่อวิ๋น
“หึ แต่ข้าก็ยังคิดว่าเสี่ยวหมี่ดีกว่า ช่างเถอะ เ้าเป็เ้าของมัน ข้าเองก็ี้เีเกินกว่าจะสนใจ” มู่หรงซินหันใบหน้าสวยงามไป สอดมือกอดอกและบ่นเบาๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อเห็นท้องฟ้าเริ่มมืดลง ทั้งสองก็ออกจากบ่อน้ำโบราณและเตรียมที่จะกลับโรงเตี๊ยม
ใกล้ค่ำ หมู่บ้านหงอู้ยังคงคึกคักไปด้วยผู้คนเข้าๆ ออกๆ ทั้งนักล่าและพ่อค้าเผยตัวกันไม่หยุดหย่อน เหตุการณ์ในป่าสีเืได้เพิ่มความนิยมให้กับสถานที่แห่งนี้อย่างมาก นี่เป็โอกาสที่ดีในการสร้างโชค
แต่เมื่อฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินเดินไปตามถนนที่ค่อนข้างแคบ สถานการณ์ก็ดูแปลกไปเล็กน้อย
“ระวังตัวด้วย” ฉู่อวิ๋นเป็คนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติ เขากระซิบกับมู่หรงซินที่อยู่ข้างๆ ชะลอความเร็วลงและเริ่มสังเกตสภาพแวดล้อมรอบข้าง
ทางซ้าย มองเห็นกาต้มน้ำของร้านขายอาวุธริมถนน และมีเหล็กอ่อนที่ยังไม่ขัดเงาจำนวนมากกองอยู่ข้างๆ
ทางขวา มองเห็นโรงน้ำชาที่อยู่ไม่ไกลนั้นว่างเปล่าร้างผู้คน บนโต๊ะไม้หลายตัวมีถ้วยชาพร้อมไอน้ำร้อนลอยอยู่ ภาพที่เห็นนั้นแปลกมาก สร้างความหวาดผวาได้เป็อย่างดี
ดวงตาของฉู่อวิ๋นครึ้มลง เขามองไปรอบๆ และพบว่าชาวบ้านโดยรอบหวาดกลัวมากจนพากันปิดประตูหน้าต่างหนี บรรยากาศในตอนนี้เคร่งเครียดและเงียบสงัด
“ฟิ้ว——”
ลมหนาวพัดผ่านมา ยามนี้พระอาทิตย์กำลังตกดิน แต่เจตนาร้ายและไอสังหารกลับเด่นชัดจนแทบพุ่งออกมา
“ปกป้องเสี่ยวหวง”
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็พูดอะไรบางอย่างกับมู่หรงซินด้วยเสียงทุ้ม มือกำฝักกระบี่ที่สะพายอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“มีอะไรหรือ?”
“จิ๊ดจิ๊ด?”
มู่หรงซินและเ้าก้อนขนตัวน้อยต่างก็ดูสับสน เหตุใดฉู่อวิ๋นถึงมีสีหน้าเครียดขรึมเช่นนี้?
“มีแขกกำลังมา ระวังตัวด้วย” ฉู่อวิ๋นเตือนมู่หรงซิน จากนั้นเดินออกไปไม่กี่ก้าว และหัวเราะลั่นไปทั่วทุกทิศอย่างภาคภูมิใจ “ฮ่าๆๆ ทุกท่านเหตุใดต้องซ่อนหัวโผล่หาง ทำตัวเป็ผีสางด้วยเล่า? หรือกับแค่นักรบระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณก็คุ้มค่าให้พวกท่านลอบโจมตี? มองข้าสูงส่งเกนไปแล้ว!”
“หึ! ช่างเป็เด็กปากร้ายจริงๆ!”
ทันทีที่ฉู่อวิ๋นพูดจบ ก็มีเสียงเย็นๆ ดังมาไม่ไกล จากนั้น จู่ๆ ชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อแขนกุด พร้อมด้วยดวงตาที่เ็าก็ปรากฏตัวขึ้น ยืนอยู่บนหลังคาข้างๆ เขา
“เ้าเป็ใคร? เราสองคนไม่เคยรู้จักกันกระมัง?” เมื่อมองขึ้นไปยังชายที่ดูแข็งแกร่งบนหลังคา ฉู่อวิ๋นก็รู้ว่าคนที่มานั้นมีเจตนาไม่ดี จึงลอบถาม
“ข้าเป็ใคร? ให้ตายเถอะ ดูให้ชัดเจนเสีย!” ชายคนนั้นจ้องมองด้วยความโมโหขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ยกแขนขึ้นและเปิดเสื้อผ้าให้ดู จากนั้น ลวดลายรูปหมาป่าก็ปรากฏขึ้น
ฉู่อวิ๋นหรี่ตาลงแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็นึกออก “เ้ามาจากกลุ่มหมาป่าหรือ?”
เมื่อได้ยิน ชายคนนั้นก็หัวเราะและพูดว่า “หึ! นับว่าเ้ารอบรู้ ข้าคือหัวหน้าคนที่เจ็ดผู้โด่งดังของกลุ่มหมาป่า เริ่นหู่! ตอนนี้กำลังจะปล้นทรัพย์ ส่งสัตว์ปีศาจที่เ้าเพิ่งซื้อมา ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”
“ปล้น?” ฉู่อวิ๋นกระตุกยิ้มเยาะเย้ย ดวงตาของเขามืดลง “หากข้าไม่ให้แล้วจะทำไม?”
“ฮ่าๆ ถ้าเ้าไม่รู้ดีชั่ว เช่นนั้นที่นี่ก็คือที่ฝังศพของเ้า!” เริ่นหู่ยกมือขึ้นและทำท่าปาดคอ
ในขณะที่เขามองลงไป ก็เห็นมู่หรงซินที่อุ้มเสี่ยวหวงอยู่ ดวงตาของเขาเบิกกว้างทันที ั์ตาฉายแววความโลภ และพูดสมทบขึ้นมาว่า “อะแฮ่ม รวมทั้งผู้หญิงคนนั้นด้วย! มิฉะนั้น! ข้าจะฆ่าเ้าเสีย!”
เริ่นหู่มาดักรอฉู่อวิ๋นและปล้นเสี่ยวหวงไปตามคำสั่งของโจวอันดา ทว่าเมื่อเขาเห็นมู่หรงซินที่งามหยดย้อย ความคิดชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นมาในใจทันที
แต่คำขอที่ไม่สมเหตุสมผลและมากเกินไปนี้ ทำให้ฉู่อวิ๋นโกรธเคืองอย่างช่วยไม่ได้
“โอ๊ะ? เ้าแค่อยากให้ข้ายอมก้มหัวให้หรือ? เกรงว่าจะยังไม่พอนะ” ฉู่อวิ๋นเงยหน้าขึ้นมอง น้ำเสียงของเขาไม่แยแสและเ็าจนทำให้เริ่นหู่ผู้เย่อหยิ่งและทรงพลังใจนสะดุ้ง
“ฮ่าๆ จะฆ่าเ้า ข้าไม่ต้องลงมือเองด้วยซ้ำ! เ้าคิดว่ากลุ่มหมาป่าของเราเป็เพียงกลุ่มคนก่อความวุ่นวายหรือ? น่าขันนัก!” เริ่นหู่หัวเราะด้วยความโมโห เจตนาฆ่าแวววาบขึ้นมาในดวงตา และทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้น
“ฟุ่บ--”
เมื่อลดมือลง นักรบสองแถวที่ถือคันธนูก็ปรากฏขึ้นบนหลังคาทั้งสองด้าน พวกเขาง้างคันธนูจนโก่งคล้ายพระจันทร์เต็มดวง เมื่อมองดูการเคลื่อนไหวนี้ ก็เห็นถึงความสม่ำเสมอและเป็ระเบียบ น่าประทับใจอย่างยิ่ง
ยามนี้ หัวลูกศรทั้งหมดมุ่งเป้าไปที่ฉู่อวิ๋น รอเพียงคำสั่งของเริ่นหู่ พวกเขาก็จะยิงทันที
“เ้าคิดว่าแค่คนเยอะก็พอหรือ?”
เมื่อถูกรายล้อมไปด้วยเหล่านักรบอันตรายมากมาย ฉู่อวิ๋นกลับทำเพียงยิ้มเบาๆ โดยไม่เกรงกลัว
----------
[1] หวางไฉ แปลว่า เจริญรุ่งเรือง
[2] เหมาเหมา แปลว่า เส้นขน
[3] เสี่ยวฮวา แปลว่า ดอกไม้ดอกเล็กๆ
[4] ต้าโป แปลว่า คลื่นลูกใหญ่
[5] ถ่านเค่อ แปลว่า ถังน้ำ
[6] เสี่ยวหมี่ แปลว่า ข้าวฟ่าง
[7] หวงหมี่ แปลว่า ข้าวสีเหลือง
[8] เสี่ยวหวง แปลว่า สีเหลืองตัวน้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้