ฉับพลันนั้นเอง...
แสงศักดิ์สิทธิ์ที่สว่างโชติ่สายหนึ่งแผ่พุ่งออกมาจากร่างของเย่ชิงอวี่ ไม่นานแสงเ่าั้ได้แปรเปลี่ยนเป็วงแหวนแสงสีน้ำนมล้อมรอบร่างของนางเอาไว้
“อ๊าาา!”
เย่หรงส่งเสียงร้องขึ้นด้วยความเ็ป มือข้างที่ยื่นออกไปััถูกวงแหวนแสงสีน้ำนมกลับถูกพลังลึกลับที่อยู่ภายในกระแทกจนกระเด็นลอยปลิวออกมา กระดูกแขนข้างที่ััล้วนแหลกละเอียด
ปัง!
กระบี่พลังปราณรบเล่มใหญ่ของเย่เจี้ยนฟันลงไปยังวงแหวนแสงสีน้ำนมนั้นอย่างรุนแรง แรงปะทะจากพลังทั้งสองะเิออกมาเป็ระลอกคลื่นพลังกระแทกขนาดใหญ่ ทำเอาเหล่าผู้าุโที่อยู่ในที่แห่งนี้ทั้งหมดต่างถูกกระแทกถอยหลังไปคนละหนึ่งก้าว
“อะไร? เกิดอะไรขึ้น?”
“มันคือพลังลึกลับอะไรกัน?”
“์ ข้ารู้สึกว่าััได้ถึงกลิ่นอายของกระแสพลังแห่งเทพ...”
จากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ถึงกับทำให้เหล่าผู้าุโทั้งหลายต่างตื่นตระหนกไปตามๆ กัน พวกเขาที่มีพลังฝีมืออยู่ในระดับนี้เรียกได้ว่ามีเื่น้อยมากที่จะทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนแปลงได้ แต่วันนี้พวกเขาทั้งหมดต่างราวกับถูกฟ้าผ่าใส่อย่างจัง ยืนนิ่งตกตะลึงไม่ไหวติงเลยแม้แต่น้อย
แควก!
เส้นเชือกผ้าที่อยู่ด้านหลังของเย่ชิงหานฉีกขาดออกจากกัน ร่างของเย่ชิงอวี่ที่โอบล้อมไปด้วยวงแหวนแสงสีน้ำนมค่อยๆ ลอยเคลื่อนสูงขึ้นไปบนอากาศ เย่ชิงอวี่ภายใต้แสงสีน้ำนมที่สาดส่อง จากเดิมที่งดงามบริสุทธิ์อยู่แล้วตอนนี้ทั่วร่างแผ่ไอพลังบริสุทธิ์สูงส่งชนิดหนึ่งออกมา ยิ่งงดงามเกินจะบรรยายราวกับเทพธิดาจาก์เก้าชั้นฟ้า ทำให้ผู้คนไม่กล้าแม้แต่จะมองนางด้วยสายตาโดยตรง
“ท่านพี่ รับปากข้า ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป!” เย่ชิงอวี่เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยอารมณ์อ่อนโยนราวกับจะสามารถละลายโลกได้ทั้งใบ นางจ้องมองดูเย่ชิงหานที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาที่ลึกล้ำเกินจะบรรยาย
พูดจบ นางพลันหลับตาลง พลังงานที่อัดแน่นอยู่ภายในกายเริ่มแผ่พุ่งออกมาภายนอก ในขณะนั้นเอง ปราศจากกระแสลมพัดใดๆ ชายกระโปรงของนางค่อยๆ ลอยเลื่อนขึ้น เส้นผมดำขลับที่อยู่ด้านหลังแต่ละเส้นปลิวไสวขึ้นแล้วเปลี่ยนไปเป็สีขาวทั้งหมด
“เซ่นสังเวยิญญา!”
เสียงะโเบาๆ ออกมาครั้งหนึ่ง เย่ชิงอวี่พลันเปิดเปลือกตาขึ้นในทันที สองแขนโบกสะบัดแสงสีน้ำนมกลุ่มหนึ่งพุ่งตรงเข้าไปในร่างของเยชิงหานในทันที จากนั้นวงแหวนแสงที่อยู่รอบตัวนางค่อยๆ เลือนหายไป ร่างกายค่อยๆ ลอยลดต่ำลงมายังพื้นเบื้องล่าง ในขณะที่ร่างลดต่ำลงมาจะถึงพื้นดินนั้น นางใช้ความพยายามครั้งสุดท้ายที่มีเปิดเปลือกตาขึ้นมองดูเย่ชิงหานเป็ครั้งสุดท้ายด้วยความปีติสุข จากนั้นดวงตาของนางจึงปิดลง จมดิ่งสู่การหลับใหล...ชั่วนิจนิรันดร์
“ไม่...”
สองมือของเย่ชิงหานกำหมัดแน่นร้องโหยหวนออกมาด้วยความเ็ปรวดร้าว อารมณ์ของเขาในตอนนี้เศร้าเสียใจด้วยความเจ็บแค้นอย่างถึงขีดสุด แสงสีน้ำนมที่มุดเข้ามาภายในกายของเขากำลังรักษาและฟื้นฟูอาการาเ็พร้อมกับให้พลังที่แข็งแกร่งแก่เขาในระยะเวลาอันสั้น แต่เขาไม่รู้ตัวและก็ไม่ได้อยากที่จะรู้ เขารู้แต่เพียงว่าอาจจะสูญเสียนางไปตลอดกาล อาจจะสูญเสียเงาร่างที่ดูอ่อนแอและบอบบางนั้นไปอย่างไม่มีวันกลับคืนมา!
.................................
“การเซ่นสังเวยิญญา? การเซ่นสังเวยิญญาคืออะไร?”
“ไม่เคยได้ยินมาก่อนเหมือนกัน แล้วทำไมการเซ่นสังเวยิญญามันถึงได้มีอานุภาพรุนแรงถึงเพียงนี้? ข้านึกว่ามีทวยเทพเสด็จมาเยือนเสียอีก กลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมาน่าหวาดกลัวอย่างที่สุด...”
“ใครรู้บ้างว่าการเซ่นสังเวยิญญาคืออะไร? แล้วมันใช้ทำอะไรได้บ้าง?”
“ยังดีที่การเซ่นสังเวยิญญาถึงแม้จะดูมีอานุภาพรุนแรงแต่ก็ไม่ได้ทำร้ายผู้ใด นางเด็กคนนั้นตายไปแล้ว ทำเอาใไปตามๆ กันเลยจริงๆ”
เย่ชิงหานที่ร่ำร้องออกมาด้วยความเ็ปกลับไม่ได้ทำให้เหล่าผู้าุโหันมาสนใจแม้แต่น้อย พวกเขาสนใจแค่พลังลึกลับที่ปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนหน้านี้เท่านั้น พลังชนิดนี้และรูปแบบที่ปลดปล่อยพลังออกมามันอยู่เหนือความรู้ความเข้าใจของพวกเขาเป็อย่างมาก ดังนั้นในตอนนี้พวกเขาต่างสอบถามซึ่งกันและกันขึ้นอย่างสงสัย
“ข้ารู้” เย่เทียนชิงที่สงบเงียบมาตลอดเอ่ยปากพูดขึ้น สีหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความเศร้าเสียใจและเสียดาย ทั้งยังรู้สึกถึงความอับจนด้วยปัญญา หนวดเคราบนใบหน้าคล้ายกับขาวขึ้นอีกหลายสิบปี “เด็กสาวคนนั้นมีคุณสมบัติทางร่างกายอย่างซึ่งเป็หนึ่งในสองคุณสมบัติทางร่างกายระดับเทพของทวีป - ร่างหยกิญญา พวกเราต่างเป็...คนบาปของตระกูล เนื่องจากพวกเราตัดสินใจผิดพลาดทำให้ตระกูลสูญเสียคนที่มีคุณสมบัติทางร่างกายระดับเทพไป สูญเสียโอกาสในการบ่มเพาะยอดฝีมือระดับขั้นสูงสุดของขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ไป หลังจากเื่ราวในครั้งนี้จบลง ข้าจะขอให้ทางตระกูลลงโทษในสิ่งที่ข้าได้ทำผิดพลาดไป!”
“ฮือฮา!”
“ร่างหยกิญญา!”
การเซ่นสังเวยิญญาพวกเขาไม่รู้จัก แต่ร่างหยกิญญาทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ล้วนรู้จักกันดี ใบหน้าของทุกคนล้วนเปลี่ยนสีไปในทันทีทั้งเศร้าเสียใจ ทั้งตื่นตระหนกใ ทั้งเ็ปแสนเสียดาย...สีหน้าต่างๆ นานาสับสนปนเปกันไป
เย่เชียงมองไปทางเย่เจี้ยนแล้วยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน เื่ราวในครั้งนี้หากให้เย่เทียนหลงทราบเข้าละก็ละก็ จุดจบของเย่เจี้ยนและเย่หรงคงไม่ค่อยน่าดูเป็แน่
เย่เจี้ยนหน้าตาดำคล้ำ แต่ภายในใจกลับรู้สึกโชคดีที่รีบลงมือั้แ่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นหากปล่อยให้เย่ชิงหานเติบโตขึ้นอีกหลายปีผลลัพธ์คงไม่อาจคาดคิด หลังจากครุ่นคิดถึงคำพูดของเย่เทียนชิงอยู่ชั่วครู่คล้ายกับคิดอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาทอประกายแสงวาบผ่านอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ร้องะโบอกเย่หรงที่อยู่ข้างๆ เย่ชิงหาน
“อันตราย...เย่หรง รีบถอยออกมา”
เย่หรงในตอนนี้กำลังใช้พลังปราณรบรักษาอากาาเ็กระดูกแขนที่แหลกละเอียดอยู่ ส่วนดวงตานั้นจ้องมองไปที่เย่ชิงหานอย่างดุร้าย แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องะโบอกจากเย่เจี้ยนจึงรู้สึกงุนงงจึงหันหน้ากลับไปมอง ไม่รู้ว่าเย่เจี้ยนร้องะโออกมาทำไม? แต่เมื่อมองเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนสีของเย่เจี้ยนและถึงแม้จะไม่เข้าใจ แต่ก็ยังทำตามคำเตือนที่ได้ยินใช้ฝ่ามือด้านซ้ายตบลงไปยังพื้นส่งร่างถอยหลังห่างออกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งถอยหลังไปพลางมองเย่ชิงหานไปพลางด้วยความงุนงง อยากจะทำความเข้าใจว่ามันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ แต่ทว่า...เขากลับมองเห็นแสงสว่างโชติ่แสบตาสองสายแทน
ฟิ้ว!
เย่ชิงหานที่นอนกองอยู่กับพื้นในตอนนี้เริ่มขยับตัวขึ้นในทันที เขาดีดตัวลอยสูงขึ้นไปในอากาศจากนั้นพุ่งแหวกอากาศไล่ตามเย่หรงไปดุจดั่งกระบี่ที่แหลมคม กริชสีดำที่ราวกับเคียวของเทพสังหารกรีดผ่านลำคอเย่หรงที่ยืนตะลึงงันอยู่ไปอย่างรวดเร็วและแ่เบา
“เย่ชิงหานเ้ากล้า!”
“อย่าทำเช่นนั้น!”
เสียงร้องเตือนของเย่เจี้ยนถือว่ารวดเร็ว ปฏิกิริยาความเร็วในการตอบสนองของเย่หรงก็ถือว่าไม่เลว เพียงแต่ว่าระดับความเร็วของเย่ชิงหานนั้นเหนือกว่า เพียงแค่เงาร่างวูบผ่านเย่หรงก็เอามือขึ้นมากุมลำคอด้วยความหวาดกลัวแล้วก็ล้มลงไป แม้เย่เทียนชิงกับเย่เจี้ยนจะร้องออกไปพร้อมๆ กัน แต่พวกเขากว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไปเสียแล้ว ระดับความเร็วของเย่ชิงหานนั้นรวดเร็วจนเกินไป เร็วจนพวกเขาตอบสนองไม่ทัน เห็นเพียงแค่เงาร่างสีดำสายหนึ่งวูบผ่านเย่หรงก็ล้มลงไปนอนกองที่พื้นเรียนร้อยแล้ว
เย่เจี้ยนได้ยินเย่เทียนชิงพูดถึงร่างหยกิญญาก็รู้ว่าต้องเกิดเื่ไม่ดีขึ้นอย่างแน่นอน การเซ่นสังเวยิญญาเขารู้สึกคุ้นๆ ว่าเคยรู้มาจากไหน เพียงแค่นึกไม่ออกใน่ระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น แต่เมื่อบวกกับเื่ร่างหยกิญญาที่เย่เทียนชิงพูดขึ้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ในทันที
เกี่ยวกับร่างหยกิญญาผู้คนจำนวนมากในทวีปต่างรู้จักดี รู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบเมื่อมีอะไรกันกับผู้ที่มีร่างหยกิญญาจะสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้ในทันที แต่คนจำนวนมากก็ไม่รู้ว่าร่างหยกิญญายังมีความสามารถพิเศษอีกหนึ่งอย่างคือ “การเซ่นสังเวยิญญา” การเซ่นสังเวยิญญาคือการที่ผู้ที่มีร่างหยกิญญาเผาดวงิญญาของตนเองเพื่อนำเอาพลังลึกลับที่แฝงอยู่ภายในร่างส่งมอบให้แก่คนอื่น สามารถทำให้บุคคลนั้นได้รับพลังที่เทียบได้กับผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ บวกกับเย่ชิงหานที่มีเคล็ดวิชาต่อสู้ร่างอสูรที่แหกกฎ์เช่นนี้อีก เย่หรงที่อยู่ข้างๆ จะไม่ตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร?
มองดูเด็กหนุ่มที่ยืนเด่นอยู่อย่างทระนงกับเย่หรงที่มือกุมลำคอดวงตาเบิกกว้างตายตาไม่หลับ ทุกคนต่างพากันตกตะลึงพรึงเพริด ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น
มันเกิดเื่อะไรขึ้น? วันนี้มันวันอะไรกันแน่? นายน้อยจอมขยะของตระกูลที่พลังฝีมือสุดจะต่ำต้อยกลับสามารถสังหารผู้าุโท่านหนึ่งของตระกูลที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้ในพริบตา! นี่พวกเขาตาฝาดไปใช่ไหม? หรือโลกนี้ทั้งใบเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงเพียงชั่วข้ามคืน?
“ผู้...ผู้าุโเทียนชิง นี่...นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้น?” ผู้าุโท่านหนึ่งถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงครั้งหนึ่ง ถามคำถามที่ทุกคนไม่กล้าที่จะถามออกมา
เย่เทียนชิงก้มหน้าลงถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยความเศร้าสลด “ไม่มีอะไรมาก แค่เย่ชิงหานได้รับการเซ่นสังเวยิญญาจากเด็กผู้หญิงคนนั้น ทำให้เขามีพลังฝีมือเทียบได้กับผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิเป็ระยะเวลาสั้นๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากข้าคาดเดาไม่ผิดละก็ เขายังมีวิชาต่อสู้ร่างอสูรที่เป็ชนิดโจมตีทางิญญาอีกด้วย ถ้าหากพวกเราคนใดเข้าไปใกล้เขาละก็ เขาสามารถที่จะสังหารพวกเราคนใดก็ได้ในพริบตา”
“ว่าอย่างไรนะ!”
ใบหน้าของเหล่าผู้าุโเปลี่ยนไปอีกครั้ง ต่างพากันรีบโคจรพลังปราณรบเหาะลอยขึ้นไปบนอากาศ ลอยขึ้นไปอยู่ในระดับความสูงที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด จากนั้นเบิกตากว้างจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มเสื้อดำอย่างไม่อยากที่จะเชื่อ เด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงแค่สิบห้าปีกลับสามารถเป็อันตรายคุกคามต่อพวกเขาได้ หรืออาจจะพูดได้ว่าสามารถสังหารพวกเขาได้ในพริบตา หากจะไม่เชื่อก็ไม่ได้เพราะร่างของเย่หรงที่นอนอยู่บนพื้นกับเืที่ยังอุ่นๆ เป็สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจน ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของชีวิตตนเองพวกเขาจึงเลือกที่จะออกให้ห่างจากเ้าเด็กหนุ่มคนนี้
ที่ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนมีเพียงสี่คนเท่านั้น เย่เจี้ยนคิดว่าตนเองไม่ควรจะขยับ ไม่ว่าจะเป็ฐานะ ตำแหน่งหรือความแค้น เขาจะต้องไม่เหาะลอยขึ้นไปบนอากาศโดยเด็ดขาด เย่เชียงก็ไม่ได้ขยับไปไหนเพราะเขารู้สึกได้ว่าว่าเย่ชิงหานจะไม่ทำร้ายเขาแน่ เย่เทียนชิงกับเย่เทียนสิงก็ไม่ได้ขยับไปไหนเช่นกัน ทั้งสองคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้คืออนาคตของตระกูล ดังนั้นจึงคิดอยากที่จะหาทางช่วยเหลือเขาให้ได้
เย่ชิงหานก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนเช่นกัน แม้ว่าเขาอยากจะแลกชีวิตสังหารเย่เจี้ยนให้ได้ แต่เขาขยับไม่ได้จริงๆ แม้พลังลึกลับที่ได้จากการเซ่นสังเวยิญญาของน้องสาวจะแข็งแกร่งเป็อย่างมาก ทำให้เขามีพลังฝีมือเทียบเท่ากับระดับขอบเขตาาจักรพรรดิจนสามารถสังหารเย่หรงได้ในพริบตา แต่ว่า...พลังลึกลับชนิดนี้มาเร็วและไปเร็วด้วยเช่นกัน เหมือนกับว่าตนเองใช้สังหารเย่หรงแล้วมันก็เหือดหายไปในตอนนั้นเลย พลังปราณรบภายในกายในตอนนี้หมดสิ้นไปแล้ว หากไม่ใช่ว่าเขายังทนฝืนยืนอยู่ป่านนี้คงล้มลงไปด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอนานแล้ว
ที่เขาไม่ยอมขยับ ไม่ยอมล้มลง ยังคงทนฝืนยืนอยู่ก็เพราะมีเสียงลึกลับสายหนึ่งส่งผ่านเข้ามาในหัวของเขา เสียงนี้มาจากผู้าุโเย่เทียนชิงแห่งหอสัตว์อสูร เนื้อหาในน้ำเสียงสั้นกะทัดรัด ยืนหยัดเอาไว้ ตอนนี้แจ้งข่าวไปยังูเาด้านหลังแล้ว
เย่เทียนชิงยืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้ขยับไปไหน ก้มศีรษะลงไม่พูดไม่จาราวกับคนที่หลับไปแล้ว แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้หลับและไม่สามารถที่จะไปแจ้งข่าวยังูเาด้านหลังได้ ผู้ที่สามารถทำได้จะมีก็เพียงแค่เงาร่างสีแดงที่ยืนแอบมองอยู่ห่างไกลออกไป เย่ชิงอู่
ความจริงเย่ชิงอู่มาถึงตั้งนานแล้ว นางจ้องมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตลอด เพียงแต่ว่าด้วยคำสั่งของเย่เจี้ยนจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้ จึงทำได้แค่เพียงแอบมองดูในที่ห่างไกลออกไป นางมองเห็นสิ่งที่ทำให้นางไม่อาจลืมเลือนไปชั่วชีวิต เงาร่างที่แข็งกร้าวและโอหัง วงแหวนแสงศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ของเย่ชิงอวี่ แสงสว่างที่โชติ่จนลานตาจากดวงตาของเย่ชิงหาน รวมไปถึงท่าตวัดกริชที่สังหารเย่หรงอย่างน่าตกตะลึง
นางเลื่อมใสศรัทธาเย่เตามาโดยตลอด นางคิดว่าเย่เตาคือลูกผู้ชายอย่างแท้จริง ดังนั้นนางจึงคอยช่วยเหลือเย่ชิงหานเท่าที่จะทำได้ เช่นเมื่อคราวเหตุการณ์ที่ห้องเรียนสัตว์อสูรที่ช่วยกำราบเย่ชิงขวง ใครจะไปคาดคิดว่าเพียงไม่ถึงสองเดือน เด็กหนุ่มในความทรงจำที่ค่อนข้างเหนียมอายจะเติบโตมาถึงระดับนี้แล้ว
นางคิดอยากจะพุ่งเข้ามาช่วยเย่ชิงหานหลายต่อหลายครั้ง แต่ว่าในที่สุดเหตุผลก็ชนะอารมณ์ นางรู้ดีว่าเย่ชิงหานสังหารเย่ชิงเส เย่เป้า ทำลายวรยุทธ์เย่ชิงขวง ตอนนี้ยังสังหารเย่หรงอีก คิดว่าวันนี้เขาคงไม่รอดออกไปแน่ๆ แม้ว่าผู้าุโสูงสุดปู่ของตนเองเย่ชิงหนิวมาเองก็ไม่แน่ว่าจะช่วยแก้ไขอะไรได้ ภายในใจนางในตอนนี้ทั้งทอดถอนใจทั้งเ็ปและทั้งเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างขึ้น
จนกระทั่งนางได้รับกระแสเสียงหนึ่งที่มาจากผู้าุโเย่เทียนชิงบอกให้นางแจ้งข่าวให้ปู่ตนเองทราบ เื่ราวทั้งหมดเย่เทียนชิงจะเป็คนรับผิดชอบเอง ได้ยินดังนั้นนางดีใจอย่างเป็บ้าเป็หลัง รีบหยิบหยกสื่อสารที่ปู่ให้นางไว้ป้องกันตนเองขึ้นมาบีบทำลายจนแหลกในทันที ในขณะเดียวกันก็ออกวิ่งตรงไปยังเบื้องหน้าพร้อมกับพูดออกมาภายในใจ ‘เย่ชิงหานอดทนเอาไว้ อีกไม่นานปู่ของข้าก็จะมาถึงแล้ว เื่ราวจะต้องกลับดีขึ้นแน่ อดทนอีกนิด!’
เย่ชิงหานก็อยากจะอดทน แต่ว่าเขาทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ร่างกายของเขาในตอนนี้อ่อนแอจนเกินไป ขาข้างซ้ายสั่นอ่อนลงจนค่อยๆ คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับไปกับพื้นดิน มือข้างซ้ายรีบดันลงไปที่พื้นเพื่อพยุงร่างกายไว้ไม่ให้ตนเองล้มลงไป ศีรษะแม้ว่าจะยังเชิดขึ้นอยู่เช่นเดิม แต่สายตาที่เศร้าสลดกลับไม่สามารถปกปิดความอ่อนแอและไร้กำลังของเขาได้
“เย่เจี้ยน อย่าเพิ่งลงมือ!”
“พี่ใหญ่ รอเดี๋ยวก่อน!”
ม่านตาที่กำลังตกลงมาของเย่เทียนชิงพลันเปล่งประกายแสงขึ้น เขาหันไปร้องใส่เย่เจี้ยนที่อยู่ด้านข้าง ส่วนเย่เชียงก็ร้องะโออกมาพร้อมๆ กัน
เพียงแต่ว่ากระบี่ขนาดใหญ่เล่มสีทองได้พุ่งออกจากร่างของเย่เจี้ยนก่อนที่ทั้งสองจะะโออกมาเสียอีก มันแหวกผ่านอากาศเกิดเสียงหวีดหวิวขึ้นพร้อมกับพลังอำนาจที่แผ่ออกมาอย่างมหาศาลผ่าไปยังเย่ชิงหานที่คุกเข่าอยู่
“ช้าไปแล้ว!”
เย่เจี้ยนยิ้มออกมาอย่างเ็าจนมองเห็นไรฟันสีขาว