หลังจากที่มองส่งเยว่ชิงเฉิงเดินจากไปบนถนนของเกาะ ทุกคนดึงสายตากลับด้วยความรู้สึกคั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีที่ยังไม่รู้ว่านางคือเยว่ชิงเฉิง แค่รู้สึกว่ารูปร่างของนางช่างงดงามอ้อนแอ้นอรชรเสียเหลือเกิน ขยับมือเท้าทีราวกับนาง์ที่ร่ายรำ แต่เมื่อเย่ชิงหานเปิดเผยตัวจริงของนางออกมา นางทิ้งไม้พายแล้วค่อยๆ เดินเข้ามาภายในเรือ ทุกคนต่างมองเห็นดวงตาคู่สีดำแวววาวที่ราวกับไข่มุกที่อยู่เหนือผ้าคลุมหน้าสีขาว ััได้ถึงกลิ่นหอมธรรมชาติของหญิงสาวที่แผ่ออกมาจากร่างของนาง ทุกคนถึงได้รู้ว่าเยว่ชิงเฉิงนั้นน่าหลงใหลมากเพียงใด หรืออาจจะพูดได้ว่าทำให้ิญญาเคลิบเคลิ้มมัวเมาผูกติดอยู่กับนางอย่างยากจะถอนตัว เพียงแค่นางนั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นใช้ดวงตาคู่สดใสที่ราวกับไข่มุกดำมองมาที่พวกเขา พวกเขารู้สึกราวกับว่าร่างกายคล้ายถูกหลอมละลายิญญาจะหลุดออกจากร่างฉันนั้น
“เอาละ ไม่ต้องมองแล้ว นางจากไปไกลขนาดนั้นแล้ว ถึงตอนเย็นก็จะได้เห็นใบหน้าจริงๆ ของนางแล้วมิใช่หรือ?” เย่ชิงหานพูดออกมาด้วยเสียงแ่เบาพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย
“ใช่สิ นายน้อยหาน เ้าทำคะแนนไปก่อนแล้วนี่ มองไม่ออกจริงๆ ว่าเด็กน้อยอย่างเ้าจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ ทั้งบุ๋นและบู๊ อืม...เ้ามองออกได้อย่างไรว่านางคือเยว่ชิงเฉิง?” เฟิงจื่อดึงสติกลับมาหน้าตายิ้มแย้มเบิกบานะโกอดเย่ชิงหานหัวเราะฮ่าๆ ออกมา
“ถูกต้อง นายน้อยหาน เยว่ชิงเฉิงคือธิดาศักดิ์สิทธิ์หากไม่ผ่านงานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนนางไม่มีสิทธิ์ออกมาจากทะเลสาบแห่งความเงียบสงบ เ้าไม่น่าจะรู้จักนางได้?” ฮวาเฉ่าก็ะโเข้ามาร่วมวงอย่างอยากรู้อยากเห็น ในฐานะที่เป็ลูกหลานของเทพนักฆ่า ฝีมือในการลอบแฝงตัวของเขานับว่าอยู่ในขั้นที่ไม่เลว แต่จะให้เขาแอบลักลอบแฝงตัวเข้ามาภายในเกาะแห่งนี้ก็ยังมองว่าเป็ไปไม่ได้ เสว่อู๋เหินและหลงสุ่ยหลิวที่อยู่ข้างๆ แม้ไม่มีหน้าจะะโเข้ามาร่วมวงด้วย แต่ก็ทำหูตั้งรอฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกัน
“เหอะๆ ง่ายดายมาก แค่พวกเ้าไม่สังเกตเท่านั้นเอง” เย่ชิงหานรู้สึกไม่ค่อยชินกับความสนิทสนมของเฟิงจื่อ เขายักไหล่ขึ้นแล้วพูดออกมาอย่างราบเรียบ “ข้อแรก...สาวงามตระกูลเยว่แม้จะเยอะแยะมากมาย แต่ถ้าหากสาวพายเรือยังเป็สาวงามในระดับนี้ ถ้าอย่างนั้นสาวงามทั่วหล้าก็คงมีมากมายจนกลายเป็เื่ธรรมดาจนเกินไป
ข้อที่สอง...คุณสมบัติพิเศษและท่วงท่าอากัปกิริยา สาวพายเรือจะมีความงดงามและท่วงท่าอากัปกิริยาที่งดงามอ่อนช้อยเช่นนี้รึ?
ข้อที่สาม...ผ้าคลุมหน้าผืนนั้นของนางคือข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุด อย่างที่นายน้อยหลงพูดไป หญิงที่คลุมหน้าถ้าไม่น่าเกลียดที่สุดก็ต้องสวยที่สุด คนพายเรือที่เป็สาวรับใช้ต่อให้สวยแค่ไหนก็ไม่จำเป็ที่จะต้องคลุมหน้าหรอกกระมัง
ข้อที่สี่...บทกลอนบทนั้น ตอนที่เยว่ชิงเฉิงขับร้องบทกลอนน้ำเสียงของนางมีความเศร้าเสียใจและคะนึงหาเล็กน้อย นางสามารถเข้าถึงอารมณ์และเหตุการณ์ในอดีตที่ส่งผ่านมาทางบทกลอนของผู้าุโเยว่เอียนเอ๋อร์ที่แต่งขึ้นมาได้ รวมสิ่งต่างๆ ที่ว่ามาเข้าด้วยกันข้าจึงคาดเดาได้ว่าเป็เยว่ชิงเฉิง และข้าก็เดาถูกจริงๆ”
“เลื่อมใส เลื่อมใส! นายน้อยหานช่างมีสายตาที่แหลมคมมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น จุดเล็กน้อยพวกนี้กลับสามารถมองออกได้อย่างละเอียดรอบคอบ เพียงประโยคเดียวก็สะกิดคนให้ตื่นจากความฝันได้” เฟิงจื่อพยักหน้าคิดตามอย่างละเอียด แต่ทันใดนั้นเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้จึงร้องขึ้นว่า “เอ่อ...นายน้อยหาน เ้ายังเด็กขนาดนี้คงไม่แย่งเยว่ชิงเฉิงกับข้าใช่ไหม? ข้าบอกไว้ตรงนี้เลยว่า สนิทกันก็อีกเื่หนึ่ง แม้บิดาเ้าเป็คนที่ข้าเคารพนับถือ หากเ้ากล้าแย่งเยว่ชิงเฉิงกับข้า อย่างไรข้าก็คงต้องขอต่อสู้ตัดสินกับเ้า”
เมื่อสักครู่ที่อยู่บนเรือชัดเจนว่าเย่ชิงหานทำคะแนนนำไปก่อนแล้ว สร้างความประทับใจที่ลึกซึ้งไว้ภายในใจของนาง บวกกับรูปร่างหน้าตาของเ้าเด็กคนนี้ที่หล่อเหลางดงาม พลังฝีมือและชาติตระกูลก็ไม่ต่างจากพวกเขา ถ้าหากเย่ชิงหานเป็ฝ่ายรุกเข้าหาเยว่ชิงเฉิงละก็ โอกาสแม้สักครึ่งหนึ่งของพวกเขาคงไม่มี
“ถูกต้อง! นายน้อยหาน เ้าคงยังอายุไม่ถึงสิบหกปี ส่วนเยว่ชิงเฉิงอายุสิบหกปีกว่าแล้ว เ้าคงไม่มีนิสัยรักสาวรุ่นพี่ใช่ไหม?” เมื่อเฟิงจื่อพูดขึ้นมา ฮวาเฉ่าที่งดงามก็ร้อนรนขึ้นมาทันที ทางตระกูลออกคำสั่งมาแล้วว่าต้องแย่งชิงมาให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่นางเยว่ชิงเฉิงเมื่อสักครู่เขาก็พบเจอแล้วงดงามสมคำเล่าลือ ดังนั้นเขาจึงพูดสำทับขึ้นอย่างรีบร้อน
หลงสุ่ยหลิวและเสว่อู๋เหินร่างกายต่างก็เกร็งขึ้นมาในทันที ต้องเข้าใจว่าทั่วทั้งเขตปกครองเทพาบุรุษที่เพียบพร้อมที่มีโอกาสมากที่สุดทั้งห้าคนล้วนรวมตัวกันอยู่ที่แห่งนี้แล้ว และถ้าหากเย่ชิงหานเป็ฝ่ายรุกเข้าหาเยว่ชิงเฉิงละก็ โอกาสของพวกเขาที่เหลือคงน้อยลงไปทุกที หลงสุ่ยหลิวถูกเย่ชิงหานตบไปนอนกองกับพื้นมาแล้ว พออยู่ต่อหน้าเย่ชิงหานภายในใจจึงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจโงหัวไม่ขึ้น ส่วนเสว่อู๋เหินเนื่องจากว่าเย่ชิงหนิวอยู่ด้วยที่นี่และกลัวเขาจะเกรี้ยวกราดขึ้นมาเลยไม่กล้าที่จะขัดแย้งกับเย่ชิงหานโดยตรง จึงทำให้เสียเปรียบเย่ชิงหานไประดับหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงยืนเอียงข้างสังเกตการณ์คำพูดของเย่ชิงหานอยู่เงียบๆ อย่างตื่นเต้น
“ทำไมจะไม่เล่า? สตรีที่งามทั้งภายในและภายนอกบุรุษไหนเลยจะไม่อยากได้มาเป็คู่ครอง อีกอย่างอายุห่างแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเองข้าไม่ถือหรอก” เย่ชิงหานหัวเราะแหะๆ มองดูคนทั้งสี่ที่อยู่เบื้องหน้าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยอาการตึงเครียด จากนั้นจึงพูดล้อเล่นออกมาและเป็ดั่งที่คาดคิดไว้ไม่มีผิด หลังจากที่เขาพูดจบทั้งหมดล้วนสีหน้าดำคล้ำลงไปในทันที
ผ่านไปสักพักเขาจึงพยักหน้าด้วยความพอใจแล้วพูดขึ้นต่อ “แต่ว่า...ถ้าหากพวกเ้าสี่คนรับปากตามเงื่อนไขของข้าอย่างหนึ่ง ข้ารับปากพวกเ้าว่าจะไม่เป็ฝ่ายไปตามจีบเยว่ชิงเฉิง”
“ฮะ! มีเื่ดีงามขนาดนั้นเชียว? รีบพูดมาเลย รีบพูดมาเลย ขอเพียงไม่บอกให้ข้าไปฆ่าพ่อตัวเอง ข้ารับปากทุกอย่าง” เฟิงจื่อได้ยินหน้าตายิ้มแย้มขึ้นมาทันที ฝ่ามือขนาดใหญ่ตบไปยังไหล่ของเย่ชิงหานอย่างอารมณ์ดี แม้จะรู้สึกประหลาดใจที่เย่ชิงหานพูดออกมาแบบนี้ แต่ถ้าหากมีเื่ดีขนาดนี้เขารึจะปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป
“เ้าพูดมาได้เลย ถ้าหากทำให้ได้รับรองไม่บ่ายเบี่ยง” ฮวาเฉ่าแสดงจุดยืนออกมาใบหน้าเริ่มมีความหวังขึ้นมา
“จะทำอย่างสุดความสามารถ ไม่มีปัญหา” เสว่อู๋เหินพูดออกมาอย่างราบเรียบ ภายในใจรู้สึกแปลกประหลาดขึ้น ดังนั้นคำพูดจึงสงวนท่าทีอยู่สักหน่อย
หลงสุ่ยหลิวเอามือตบอกอย่างยิ้มแย้มแล้วพูดออกมา “นายน้อยหาน พูดมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
“เหอะๆ!” เย่ชิงหานหัวเราะออกมา สำหรับเยว่ชิงเฉิงแม้เขาจะชมชอบมากเช่นกัน แต่กลับรู้สึกว่าหญิงสาวที่ถูกฟูมฟักออกมาโดยตระกูลเพื่อให้เป็ธิดาศักดิ์สิทธิ์ ในสภาพแวดล้อมลักษณะเช่นนี้ค่อนข้างจะหยิ่งยโสและเ็า อีกอย่างเย่ชิงหานมีแิผู้ชายเป็ใหญ่ หากให้หญิงสาวคนหนึ่งมาตามคลอเคลียไปมาทั้งวันราวกับสุนัขที่คลอเคลียเ้านายอยู่ตลอดเขาคงรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเื่ราวเก่าๆ ของบิดาเขา เยว่ชิงเฉิงคงรู้สึกไม่พอใจเขาอยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงใช้การทำท่าทางหลอกล่อเพื่อแลกกับเงื่อนไขกับทุกคน แต่ที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้น้องสาวยังนอนหลับไม่ตื่นอยู่ทีู่เาด้านหลังตระกูลชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้วย เขาไม่มีอารมณ์มาไล่ตามจีบหญิงสาวอะไรที่ไหน ด้วยเหตุนี้เขาจึงพูดออกมาอย่างจริงจังว่า
“งานประลองาระหว่างเขตปกครองของผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิในครั้งนี้ เงื่อนไขของข้าคืออยากจะให้ทุกท่านที่สามารถช่วยเหลือข้าได้ ช่วยข้าให้ได้รับคะแนนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือไม่อย่างน้อยที่สุดก็อย่ามาขัดแข้งขัดขาหรือขัดขวางข้า”
“เื่แค่นี้?” เฟิงจื่อรอคอยคำตอบที่เป็เงื่อนไขอยู่ครึ่งค่อนวัน สุดท้ายเย่ชิงหานบอกออกมาแบบนี้ทำเอาเขาแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินจึงได้เอ่ยถามขึ้น
“ใช่ เื่แค่นี้! ทำไม ไม่เห็นด้วยอย่างนั้นรึ?” เย่ชิงหานพูดยืนยันออกมา ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าการช่วยเหลือน้องสาวอีกแล้ว ถ้าหากทั้งสี่คนที่อยู่ตรงหน้ารับปากละก็ งานประลองาระหว่างเขตปกครองของตนเองในครั้งนี้ก็จะราบรื่นขึ้นไปอีกมาก
“เห็นด้วย เห็นด้วยอย่างแน่นอน!” เฟิงจื่อรีบตอบออกมาอย่างเร็ว
“เห็นด้วย” “ไม่มีปัญหา” “เห็นด้วย”
อีกสามคนที่เหลือรีบพยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว ให้ตายสิ! การแลกเปลี่ยนที่ได้เปรียบขนาดนี้ไม่เอาก็โง่แล้ว เงื่อนไขเช่นนี้ไม่ต่างกับการไม่มีเงื่อนไข ขจัดศัตรูหัวใจคนสำคัญไปได้อีกคนหนึ่งฟรีๆ แล้วใครจะไม่ยินดีทำเล่า?
“ไปกันเถอะ เยว่เหนียงรออยู่ข้างหน้านานแล้ว วันนี้ข้าอยากจะดื่มกับนายน้อยหานสักหลายจอกหน่อย เป็พี่น้องที่พึ่งพาได้จริงๆ ไม่เสียแรง ไม่เสียแรง!” เฟิงจื่อหัวเราะฮ่าๆ ออกมา เดินเอาแขนโอบเย่ชิงหานตรงไปข้างหน้า
ดวงตาที่สวยของฮวาเฉ่ายิ้มออกมาอย่างปีติ จากนั้นจึงเดินตามออกไปพร้อมกับพูดขึ้น “นายน้อยหาน พี่น้องเช่นเ้าข้ายอมรับ!”
เสว่อู๋เหินและหลงสุ่ยหลิวมองตากัน ต่างมองเห็นความสงสัยที่แฝงอยู่ภายในดวงตาของอีกฝ่าย เย่ชิงหานกำลังคิดอะไรอยู่? ทำไมถึงได้ละทิ้งโอกาสในสิ่งที่บุรุษทั่วหล้าต่างใฝ่ฝันหาแม้แต่ในยามหลับอย่างง่ายดายเช่นนี้ หรือว่าจะมีแผนการอะไร? เพียงแต่ว่าทั้งสองคนคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก จึงทำได้เพียงเดินตามด้วยสีหน้าที่สงสัย
หลังจากที่พวกเขาทั้งหมดเดินจากไป ป่าไม้เล็กๆ ข้างทางมีเงาร่างสีเขียวร่างหนึ่งเดินออกมาอย่างช้าๆ บนใบหน้าที่คลุมด้วยผ้าสีขาว คิ้วเรียวงามที่ขมวดขึ้น ภายในดวงตาคู่ที่ราวกับไข่มุกสีดำปรากฏอารมณ์แปลกประหลาดขึ้น มีทั้งขบคิด ทั้งยั่วเย้า และทั้งอยากรู้อยากเห็นจางๆ...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้