บุญคุณแม้เพียงหยดน้ำ ก็จงตอบแทนด้วยการมอบดอกไม้
เคยเจอคนบัดซบเช่นนี้หรือไม่?
ผู้อื่นอาจไม่เคย แต่เฉียวเยว่เจอมาแล้ว นางแค่นเสียงหึ พลางเล็มกิ่งดอกไม้
"เฉียวเยว่ เ้ามีความแค้นกับดอกไม้หรือ?"
เฉียวเยว่เงยหน้า เห็นฉีอันมองนางด้วยสีหน้าระทม แล้วทำคอตกอย่างหมดอาลัยตายอยาก
"เป็อันใด?" เฉียวเยว่ถามด้วยความสงสัย
หลังจากเทศกาลตวนอู่ทางสำนักศึกษาเห็นแก่ความทุ่มเทอย่างหนักของพวกเขาใน่ที่ผ่านมา จึงให้วันหยุดห้าวัน นางไม่คิดว่าฉีอันจะเป็คนขยันขันแข็งถึงขั้นเสียใจที่ไม่ได้ไปสำนักศึกษา
เป็ไปตามตามคาด ฉีอันล้มตัวบนตั่ง หน้านิ่วคิ้วขมวดกล่าวว่า "เฉียวเฉียว พรุ่งนี้เ้าหยุดเป็วันแรกใช่หรือไม่"
เฉียวเยว่พยักหน้า วันหยุดของกั๋วจื่อเจียนเหมือนกับสำนักศึกษาสตรี นางไม่รู้ว่าฉีอันจะถามเื่นี้ทำไม แต่ไม่จำเป็ต้องถาม เขาไม่ปิดบังนางอยู่แล้ว เดี๋ยวก็เปิดปากบอกมาเอง
"แต่ข้าสิน่าเวทนายิ่ง เพราะพวกเราแข่งเรือัได้เป็ที่โหล่ ยอดบริจาคก็เป็อันดับสุดท้าย อวี้อ๋องเตือนอาจารย์ใหญ่ด้วยความหวังดี ให้เขาหางานที่ต้องออกแรงให้พวกเราทำ พูดได้ไพเราะยิ่ง พวกเราจะเอาแต่อ่านท่องตำราไม่ได้ ทำให้ร่างกายนับวันก็ยิ่งอ่อนแอ บุรุษต้องออกกำลังฝึกฝนร่างกายให้มาก ดังนั้นั้แ่พรุ่งนี้เป็ต้นไปพวกเราจะต้องไปปลูกต้นไม้ที่สำนักศึกษาเป็เวลาสามวันต่อเนื่องกัน เหอะๆ เหอะๆๆๆๆ ข้าว่าเขานี่ช่าง...."
ยิ่งแค้นใจก็ยิ่งพูดไม่ออก แต่ก็น่าเวทนาจริงๆ
เฉียวเยว่หัวเราะคิกคัก ทำตาปริบๆ "ถึงจะเป็เช่นนี้ ก็ไม่มีใครกล้าว่าหรือทำอะไรเขาถูกหรือไม่?"
เฉียวเยว่รู้สึกได้ทันทีว่าหรงจ้านดีต่อนางมากจริงๆ ดูอย่างน้องชายผู้น่าสงสารของนางคนนี้สิ จิ๊ๆ
ฉีอันรู้สึกไม่เป็ธรรมอย่างยิ่ง "พวกเราอุตส่าห์ฝึกซ้อมกันมาตั้งนาน อะไรก็ให้พวกผู้หญิงทำหมด แต่ผลลัพธ์ยังออกมาเป็เช่นนี้ ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก ไยเขาไม่พูดบ้างว่าคนเ่าั้อายุมากกว่าพวกเราเท่าไร ปัดโธ่เอ๊ย แค่นึกว่าต้องไปปลูกต้นไม้ ข้าก็กลุ้มใจแล้ว เฮ้อ นี่เ้ากำลังทำอันใด ดอกไม้อยู่ของมันดีๆ เ้าไปตัดจนมันจะโกร๋นอยู่แล้ว"
เห็นท่าทางเศร้าซึมของฉีอัน เฉียวเยว่ก็อารมณ์ดีขึ้นทันควัน บางเื่ก็ต้องมีการเปรียบเทียบ
"ต้องส่งให้อวี้อ๋อง ข้าต้องตัดให้มันดูโดดเด่นเป็พิเศษหน่อย มิเช่นนั้นจะถูกเดียดฉันท์เอาได้" เฉียวเยว่ยังคงควงกรรไกรตัดต่อไป
"อยู่ดีๆ เ้าจะไปข้องเกี่ยวกับเขาทำไม? เข้าใกล้เขามากระวังจะถูกต้มจนแม้แต่เส้นผมก็ไม่เหลือ"
แท้ที่จริงสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ประสบการณ์อันน่าเศร้า แต่ฉีอันก็ไม่คิดจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ เดิมทีเฉียวเยว่เป็คนประเภทชอบรนหาที่อยู่แล้ว อย่าเห็นว่านางหน้าตาสะสวย แท้จริงแล้วไม่ได้ความสักนิด สามารถอยู่รอดปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้ได้ก็เป็เื่น่าอัศจรรย์แล้ว
แม้ฉีอันจะรู้สึกว่าเฉียวเยว่ยิ่งตัดก็ยิ่งดูน่าเกลียด แต่เฉียวเยว่เองกลับพยักหน้าอย่างพึงพอใจ "ให้ความรู้สึกไม่ยึดติดกับแบบแผนดีหรือไม่?"
ฉีอัน "แค่ส่งๆ ไปก็พอแล้ว อย่างไรเสียเ้าต้องไปล่วงเกินเขามาแน่ๆ หรือไม่เขาก็คงจะช่วยเหลืออะไรเ้าบางอย่าง"
ในฐานะน้องชายที่คลานตามกันมา เขาย่อมรู้จักเฉียวเยว่ดีกว่าใคร
เอ่ยถึงเื่นี้ เฉียวเยว่ก็เดินเข้ามาตรงหน้าฉีอัน "นี่ ข้ามีอะไรเล่าให้เ้าฟัง วันนี้ข้า..."
เฉียวเยว่ไม่ใช่คนที่ปิดบังความลับอะไรอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับฉีอันซึ่งมีความสัมพันธ์เป็ฝาแฝด นางมีอะไรก็ชอบมาพูดให้เขาฟังเสมอ และฉีอันก็ให้ความร่วมมือด้วยดีเสมอมา โดยมากพวกเขามักร่วมกันก่อเื่ แล้วก็เอามาซุบซิบคุยกันสองคน
เฉียวเยว่จึงไม่เคยมีภาระในใจแม้แต่น้อย
เดิมทีฉีอันยังมีท่าทางเกียจคร้านเอ้อระเหย แต่พอฟังเฉียวเยว่เล่าเื่นี้ เขาก็รู้สึกสะท้อนใจ "ให้ตายเถอะ! เห็นบุรุษผู้นั้นเป็คนโง่นักหรือ ถึงมีคำกล่าวว่าเมื่อใดสตรีคิดจะเหี้ยมขึ้นมา พวกโง่ทั้งหลายล้วนต้องจบเห่"
"เ้าอย่าไปพลั้งปากพูดอะไรที่กั๋วจื่อเจียนเล่า ถึงแม้ว่างานอดิเรกของข้าคือการสอดรู้สอดเห็น แต่มันคงจะน่าอาย หากชื่อเสียงแพร่กระจายออกไปว่าข้าเป็จอมซุบซิบนินทา"
ฉีอันดีดนิ้วเป๊าะ บอกว่าเ้าวางใจได้
เฉียวเยว่ย่อมไว้ใจฉีอัน จึงรู้สึกสบายใจขึ้น แต่เื่บางอย่างแม้ขุนเขาจะคงเดิมแต่สายน้ำกลับเปลี่ยนทิศ ทำให้นางต้องกลับมากังวลอีกหน
เฉียวเยว่ไม่คาดคิดว่านางจะพบกับบุรุษผู้นั้นเร็วถึงเพียงนี้ ซ้ำยังเป็บ้านของตนเอง
วันหยุดวันแรก ฉีอันไปปลูกต้นไม้ที่กั๋วจื่อเจียน ส่วนเฉียวเยว่ก็ขลุกอยู่ที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าแต่เช้าตรู่ ฮูหยินผู้เฒ่าสะกิดนาง "เ้ารีบกลับไป อย่ามาอยู่รบกวนที่นี่"
เฉียวเยว่เบิกตากว้างถามกลับ "เพราะเหตุใดเล่า? ไยข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้ อยู่รบกวน? ในจวนมีแขกสำคัญมากมาเยือนหรือเ้าคะ?"
ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็ยิ้มออก "วันนี้มีคนมาเป็แขก เ้าเป็แม่นางที่ใกล้จะโตเป็สาว ถึงอย่างไรก็ไม่สะดวก"
เฉียวเยว่ทำปากเบะ หลังจากนั้นก็ลุกขึ้น "ก็ได้เ้าค่ะ เช่นนั้นท่านย่าบอกข้ามาก่อนว่าเป็ผู้ใด มา.... ดูตัวพี่หญิงรองหรือพี่หญิงสาม?"
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกจนปัญญากับความอยากรู้อยากเห็นของหลานสาวตัวยุ่ง เอ่ยเพียงว่า "เ้านี่นะ อยากรู้อยากเห็นเป็ที่หนึ่ง พี่สาวเ้าหมั้นหมายแล้ว พี่หญิงรองกับพี่หญิงสามก็ควรเร่งให้เร็วขึ้นหน่อย แม้ว่านี่จะเป็สมรสพระราชทาน แต่หากน้องสาวออกเรือนก่อนพี่สาว จะทำให้ผู้คนติฉินนินทาได้ ผู้มาครานี้คือไท่ไท่เรือนสามของจวนผิงหนานโหว แม้ว่าครอบครัวของพวกเขาจะมิได้โดดเด่นที่สุดของจวนผิงหนานโหว แต่ก็เป็บุตรภรรยาเอก ฐานะเหมาะสมกันทั้งสองฝ่าย ข้าคิดว่าพวกเขาน่าจะหมายมั่นพี่หญิงสามของเ้า"
เฉียวเยว่ตอบอ้อ "เช่นนั้นข้ากลับเรือนแล้วเ้าค่ะ"
นางทำตัวน่ารักเชื่อฟัง
"ห้ามแอบดูเล่า" ฮูหยินผู้เฒ่ากำชับ
เฉียวเยว่หัวเราะพรืดออกมา ทำปั้นปึ่งแง่งอน "ท่านย่า พูดออกมาได้ ข้าเป็คนเช่นนั้นหรือ?"
ถึงนางจะอยากรู้อยากเห็นสักปานใดก็เป็คนรู้เหตุผล หากเพราะนางส่งผลกระทบต่อพี่หญิงสาม ย่อมไม่คุ้มต่อการสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจ นึกถึงตรงนี้ เฉียวเยว่ก็จัดเสื้อผ้าให้เป็ระเบียบแล้วจากไป "ข้าไปนะเ้าคะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นนางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วก็ยิ้มน้อยๆ "เด็กคนนี้ มักคิดไวทำไวจริงๆ"
เฉียวเยว่กำหมัด "ข้าจะกลับเรือนไปให้กำลังใจพี่หญิงสามอยู่เงียบๆ"
เฉียวเยว่จากไปอย่างรวดเร็ว อวิ๋นเอ๋อร์ซึ่งตามอยู่ข้างกายเอ่ยขึ้นว่า "คุณหนู เมื่อครู่ได้ยินหมัวมัวบอกว่ามีแขก ให้หลีกเลี่ยงอย่าไปพบเข้า พวกเราเดินไปทางประตูข้างดีกว่าเ้าค่ะ"
เฉียวเยว่ฟังแล้ว ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จึงพยักหน้า "เช่นนั้นเราออกประตูข้าง"
สองนายบ่าวผ่านออกทางประตูข้างไปทางสวนดอกไม้ เห็นพ่อบ้านนำทางฮูหยินสูงศักดิ์แต่งกายหรูหราท่านหนึ่งเดินเข้าไปข้างใน เฉียวเยว่มองไปโดยมิได้ตั้งใจ ทันใดนั้นก็ตกตะลึง
"คุณหนู?"
อวิ๋นเอ๋อร์งุนงงเล็กน้อย ก่อนดึงนางให้ไป
เฉียวเยว่รีบเดินผ่านสวนดอกไม้ไปอย่างรวดเร็ว ก่อนเงียบไปสักพักแล้วเอ่ยว่า "อวิ๋นเอ๋อร์ เ้าไปสอบถาม บุรุษที่ตามอยู่ด้านหลังของฮูหยินผู้นั้นเป็ใคร"
อวิ๋นเอ๋อร์ยิ่งงงหนัก แต่ก็รู้ว่าคุณหนูของตนเองเป็คนรู้จักขอบเขต ไม่ซี้ซั้วทำสิ่งใดเป็อันขาด แม้จะรู้สึกงงมาก แต่ยังคงรับคำอย่างรวดเร็วแล้วออกไปจัดการ
"อย่าให้ใครรู้" เฉียวเยว่กำชับ
อวิ๋นเอ๋อร์ยิ้มพลางพยักหน้า เื่เหล่านี้นางย่อมรู้วิธีรับมือเป็อย่างดี
ไม่ช้าอวิ๋นเอ๋อร์ก็กลับมา นางกระซิบเล่า "คุณหนู นั่นคือไท่ไท่เรือนสามจวนผิงหนานโหว ส่วนคุณชายที่ติดตามอยู่ข้างกายคือคุณชายใหญ่ของพวกเขา นามว่าโจวเนี่ยน นามรองชิงอวิ๋น ข้าไปสอบถามมา ได้ยินว่าไท่ไท่สามสกุลโจวมีความประสงค์จะมาผูกสัมพันธ์กับตระกูลเรา เมื่อวานนางเห็นคุณหนูสามที่งานร้อยบุปผา รู้สึกว่าคุณหนูสามสง่างามและปราดเปรียว ทั้งยังกำเนิดจากภรรยาเอก จึงมาเยี่ยมเยือนวันนี้เ้าค่ะ"
เฉียวเยว่พยักหน้า ชื่อชิงอวิ๋น เช่นนั้นก็ถูกคนแล้ว
นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่คนสองคนลักลอบพลอดรักกันที่นั่น เฉียวเยว่ก็เกิดความอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก พี่หญิงสามของนางย่อมดีที่สุด แต่คุณชายผู้นั้นกลับไม่ใช่คนดี เมื่อวานเขาลักลอบนัดพบกับคุณหนูหร่วนหลีเป็การส่วนตัว วันนี้ยังมาดูตัวที่นี่ ช่างเป็คนที่ไร้ยางอายจริงๆ
"คุณหนู มีสิ่งใดไม่เหมาะสมหรือเ้าคะ?" อวิ๋นเอ๋อร์ถามอย่างลังเล
คุณหนูของนางหน้านิ่วคิ้วขมวด ริมฝีปากก็ยื่นออกมาจวนจะแขวนขวดซีอิ๊วได้อยู่แล้ว ดูก็รู้ว่าไม่พอใจคนผู้นี้ อวิ๋นเอ๋อร์กลัวว่าคุณหนูของตนจะไปก่อเื่ จึงรีบเกลี้ยกล่อมทันควัน "คุณหนูเ้าคะ บ่าวมีบางถ้อยคำที่อาจไม่เหมาะสมนัก แต่ถึงท่านจะว่าบ่าวจุ้นจ้านเกินหน้าที่ บ่าวก็ต้องพูดเ้าค่ะ ท่านอย่าได้ไปแทรกแซงเื่การแต่งงานของคุณหนูสามเป็อันขาด ไท่ไท่รองยิ่งเป็คนไร้เหตุผล ไม่รู้อะไรก็ใส่ร้ายคน นางอาจจะพอใจการแต่งงานครานี้มากก็เป็ได้ หากท่านเข้าไปยุ่งเกี่ยว บ่าวรู้ว่าท่านคิดทุกอย่างก็เพื่อคุณหนูสาม แต่ไม่แน่ว่าคุณหนูสามกับเรือนสองจะรู้สึกขอบคุณท่านหรอกนะเ้าคะ"
เหตุผลนี้นางเข้าใจ แต่จะให้นางไม่สนใจเื่ของพี่หญิงสาม นั่นก็น่าลำบากใจ ถึงอย่างไรพวกนางก็เติบโตมาด้วยกัน แม้ว่าจะตีกันทะเลาะกันบ้าง แต่อย่างไรเสียก็ครอบครัวเดียวกัน
นางนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า "เื่นี้ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร เ้าไม่ต้องกังวล"
เดิมทีนางนึกว่าเื่เมื่อวานนี้จะเป็เพียงเพลงสลับฉากสั้นๆ แต่บัดนี้ดูเหมือนว่าเื่นี้จะไม่เรียบง่ายเช่นที่นางคิดเสียแล้ว
เฉียวเยว่เป็เพียงสตรีที่ยังไม่ออกเรือนย่อมไม่อาจไปพูดอะไรที่นั่น อวิ๋นเอ๋อร์พูดถูก แต่นางก็ต้องทำอะไรสักอย่าง
"อวิ๋นเอ๋อร์ ท่านพ่ออยู่ที่เรือนหรือไม่?"
ดวงตากลมโตของนางกะพริบถี่ๆ นึกถึงคนที่เหมาะสมได้คนหนึ่ง
"นายท่านสามยังไม่กลับเ้าค่ะ"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ท่านพ่อกลับมาเมื่อไรให้รีบบอกข้า"
ถึงอย่างไรคงไม่ถึงกับพบหน้าครั้งเดียวก็มาสู่ขอทันที เฉียวเยว่รู้สึกว่าตนเองไม่จำเป็ต้องบุ่มบ่ามเกินไป
"คุณหนู คุณหนูเจ็ดเ้าคะ" มีเสียงเรียกที่หน้าประตู
อวิ๋นเอ๋อร์รีบเดินออกไป ไม่ช้าก็พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา
สาวใช้ของหรงเยว่ดูเหมือนจะวิ่งมา นางพูดอย่างเหนื่อยหอบ "คุณหนูเจ็ดเ้าคะ คุณหนูของพวกเราขว้างปาสิ่งของอยู่ในห้อง ท่านช่วยไปดูนางได้หรือไม่?"
เฉียวเยว่ลุกขึ้นทันที แล้วถามกลับไป "คุณหนูสามเกิดเื่อันใด? เ้าเล่ามาให้ชัด จู่ๆ นางจะโมโหโดยไร้ต้นสายปลายเหตุได้อย่างไร"
เฉียวเยว่หาใช่คนตาบอด นางรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล หลังจากนั้นก็ย้ำอีกครั้ง "เ้าเล่ามาให้ข้าฟัง"
แท้จริงแล้วคุณชายจวนหนานผิงโหวผู้นั้นไม่รู้จุดประสงค์ของการมาครานี้ แต่พอเห็นว่าเป็การดูตัวก็หน้าเสีย แม้ว่าจะยังเห็นแก่หน้าของฝ่ายไม่หักหน้ากันโดยตรง แต่หรงเยว่เป็สตรีที่มีอารมณ์อ่อนไหว ย่อมจะไม่พอใจ
ทั้งสองฝ่ายต่างรู้สึกกระอักกระอ่วน จึงแยกย้ายอย่างรวดเร็ว ตอนนี้แขกกลับไปแล้ว แต่หรงเยว่กลับขว้างปากทำลายข้าวของในห้อง ส่วนไท่ไท่รองก็ยืนด่าอยู่ด้านข้าง หาว่าหรงเยว่ทำให้ตนเองขายหน้า
คนอย่างไท่ไท่รองมักทำสิ่งใดไม่มีหัวคิด และสิ่งที่นางชิงชังเป็ที่สุดคือการให้เรือนใหญ่กับเรือนสามเห็นเป็ตัวตลก
แต่ยามนี้จะเรียกนางไป?
เฉียวเยว่รู้สึกได้ว่าต้องมีบางอย่างแอบแฝง "คุณหนูของพวกเ้าใช้ให้มา หรือเ้ามาของเ้าเอง?" นางค่อยๆ ถาม
"คุณหนูสามขว้างปาสิ่งของแล้วขังตนเองไว้ในห้อง ไม่ให้พวกเราเข้าไป บ่าวได้แต่ร้อนใจอยู่หน้าประตู แต่ได้ยินคุณหนูสี่บอกว่าเวลานี้คุณหนูเจ็ดอาจช่วยปลอบโยนคุณหนูสามของพวกเราได้ ข้าก็เลยรีบมาเ้าค่ะ" สาวใช้ตอบด้วยน้ำใสใจจริง
เฉียวเยว่ฟังมาถึงตรงนี้ ก็หัวเราะเยาะออกมา
"ซูเฉี่ยวเยว่!"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้