ผู้ที่อาบน้ำจนสะอาดช่างราวกับถอดรกเปลี่ยนกระดูกก็มิปาน
บรรดาสตรีผิวพรรณขาวผ่องอ่อนนุ่มยิ่งนัก กระทั่งริ้วรอยบนใบหน้าของมารดาสกุลต้วนกับถงซื่อยังตื้นลงไม่น้อย แลดูอ่อนกว่าวัยถึงสิบกว่าปี
เหล่าบุรุษเปี่ยมกำลังวังชาไม่ธรรมดา กระทั่งผิวพรรณสีเมล็ดข้าวสาลียังทอประกายแวววาว
ผู้ที่น่าอัศจรรย์ที่สุดคือท่านปรมาจารย์ทั้งสอง ท่ามกลางเส้นผมและหนวดเคราที่แต่เดิมขาวโพลน พลันปรากฏสีดำแทรกอย่างคาดไม่ถึง รอยกระวัยชราบนใบหน้าเลือนหายไปชั่วข้ามคืน ดูเปี่ยมชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อน
นอกจากหยวนซื่อ ทุกคนล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จนสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ยามนี้เคอโยวหรานงดงามยิ่งกว่าเดิม กล่าวได้ว่าไม่เหมือนผู้ที่ควรอยู่บนโลกมนุษย์ กระทั่งร่างกายก็สูงขึ้นระดับหนึ่งด้วยเช่นกัน
ครั้นต้วนเหลยถิงเห็นนางยามยังมิได้แปลงโฉม เขาถึงกับหยุดหายใจจนเกือบจะสิ้นชีพเลยทีเดียว
ชายหนุ่มพยายามสวดคาถาข่มใจเพื่อระงับความร้อนรุ่มภายในกาย พร่ำบอกตนเองว่าจงอย่าบุ่มบ่ามอย่างสุดชีวิต อย่าได้ทำให้แม่นางน้อยตรงหน้าตื่นตระหนกเป็อันขาด
ต้องทำให้นางยอมรับตนด้วยความเต็มใจ หาใช่การใช้กำลังบีบบังคับ
มิใช่เื่ง่ายกว่าจะทำการแปลงโฉมครั้งใหญ่ให้เคอโยวหรานจนสำเร็จ ร่างทั้งร่างของต้วนเหลยถิงถึงกับชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ การอาบน้ำเจ็ดถึงแปดรอบก่อนหน้านี้ล้วนสูญเปล่าอย่างสิ้นเชิง
ต้วนเหลยถิงปรับวิธีการแปลงโฉมให้เคอโยวหรานตามความเปลี่ยนแปลงของทุกคนในครอบครัว ทว่ายังคงพยายามอำพรางใบหน้างดงามดั่งเทพเซียนของนางเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ครั้นหยวนซื่อเห็นรูปโฉมที่เปลี่ยนไปค่อนข้างมากของเคอโยวหราน นางก็ถึงกับขบฟันกรามจนแทบแหลกละเอียด
หยวนซื่อมีใบหน้ารูปไข่งามละมุน ริมฝีปากสีอิงเถา [1] และสันจมูกโดดเด่นดูสง่า ยามก่อนนับได้ว่าเป็หนึ่งในสามหญิงงามของเมืองหลวงเลยทีเดียว
ทว่ายามนี้ เหตุใดความเปลี่ยนแปลงชั่วข้ามคืนถึงทำให้หญิงบ้านนอกผู้นี้มีใบหน้างามทัดเทียมกับตนได้เล่า?
นางถลึงตาจ้องเคอโยวหรานด้วยความแค้นเคือง นึกอยากสังหารอีกฝ่ายให้ตายไปเสีย ถึงขั้นหลงลืมไปแล้วว่านับแต่นี้ตนต้องเป็คนหาบน้ำทั้งหมดภายในจวน
ครั้นมารดาสกุลต้วนวางถังน้ำลงเบื้องหน้า ร่างทั้งร่างของนางก็แข็งค้างอย่างสมบูรณ์
มารดาสกุลต้วนยังนับว่ามีเมตตา จึงเอาถังน้ำใบเล็กส่งให้หยวนซื่อ บอกให้นางรีบเติมโอ่งเก็บน้ำจนเต็มโดยเร็ว
หยวนซื่อรู้สึกอยากตายขึ้นมาเสียแล้ว โอ่งใหญ่สิบกว่าใบ ต่อให้ใช้ถังน้ำขนาดเล็กก็ยังทำให้ตนเหนื่อยตายได้อยู่ดีกระมัง?
อีกประการหนึ่ง เมื่อวานนางยังกินแค่ข้าวต้มหนึ่งถ้วย เช้าวันนี้ในห้องครัวก็ทำได้เพียงต้มน้ำร้อน นางยังไม่มีเวลากินแม้กระทั่งข้าวเช้า ยามนี้จึงหิวเจียนตายแล้ว
ไม่ว่าภายในใจจะรู้สึกไม่ยุติธรรมเพียงใด หยวนซื่อก็ยังคงหาบถังเปล่ามุ่งหน้าไปทางแม่น้ำ
เซียนพิษขัดถูจนหนังถลอกไปหนึ่งชั้นจึงค่อยรู้สึกว่าตนอาบน้ำได้สะอาด ชายชราขยับเข้าใกล้เคอโยวหรานด้วยท่าทางมีลับลมคมในแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า
“แม่นางน้อย เ้าเอาสิ่งใดให้พวกข้ากินหรือ? เหตุใดถึงเกิดการชำระไขกระดูกขึ้นมาได้เล่า?”
หมอเทวะเองก็เผยสีหน้าใคร่รู้เช่นกัน เอ่ยเป็นัยว่า “แม่นางน้อย ศิษย์ผู้ว่าง่ายของข้า เ้าแอบบอกอาจารย์สักหน่อย พบของดีอันใดแล้วเก็บเอาไว้เองใช่หรือไม่?”
เคอโยวหรานหรี่ดวงตาอย่างมิอาจสังเกตเห็น อาจารย์ทั้งสองช่างเก่งกาจเกินไปแล้ว ทว่านางไม่กล้าบอกเื่ถ้ำลึกลับกับพวกเขา
หากพวกเขาเกิดหมายปองและคิดทำร้ายหมาป่าดำกับหมาป่าน้อย เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?
นางไม่มีความสามารถและศักยภาพที่จะปกป้องพวกมันได้เลยสักนิด
ประมาทเกินไปแล้ว ไม่ควรนำน้ำในสระบัวเจ็ดสีมาทำอาหารอย่างแท้จริง เห็นทีภายหน้านางคงต้องระวังให้มากยิ่งขึ้น
ท่านอาจารย์ทั้งสองฉลาดเกินไป นางไม่สามารถใช้น้ำในสระบัวได้อีกแล้ว ทั้งยังมิอาจไปถ้ำบ่อยครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้อาจารย์ทั้งสองจับสังเกตเห็น
คนในครอบครัวเกิดความเปลี่ยนแปลงมากเกินไปก็ไม่ใช่เื่ดี ควรค่อยเป็ค่อยไปทีละขั้น ก่อนที่จะมีหนทางพัฒนาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเอง การเก็บเงียบยังนับว่าเป็วิธีที่ดีกว่าอยู่บ้าง
เมื่อเห็นว่าเคอโยวหรานไม่ปริปากคำใด เซียนพิษพลันเอ่ยต่อว่า “แม่นางน้อย อาหารเย็นเมื่อวานมีความผิดปกติใช่หรือไม่?”
หมอเทวะพยักหน้าเอ่ย “แม่นางน้อย เ้าใส่ของดีบางอย่างลงไปในอาหารใช่หรือไม่? รีบนำมาให้อาจารย์อีกสักหน่อย อาจารย์จะได้ศึกษาให้ละเอียด!”
คนทั้งสองสลับกันพูดไปมาโดยไม่คิดจะปล่อยเคอโยวหรานไปแม้แต่นิด นอกจากนี้ยิ่งถามก็ยิ่งเข้าใกล้ความจริงขึ้นเรื่อยๆ
บนใบหน้าของเคอโยวหรานไม่เผยพิรุธใด ทว่าภายในใจกลับร้อนรนดั่งมดบนหม้อร้อน
ทันใดนั้นเอง ต้วนเหลยถิงพลันจับจูงมือเล็กของนางพลางเอ่ยว่า “ท่านหมอเทวะและท่านเซียนพิษ ต้องขออภัยพวกท่านจริงๆ ขอรับ โยวหรานซื้อเขาต้าชิงทางด้านหลังแล้ว ข้าจะพานางไปลงนามในโฉนดเปล่าที่จวนผู้ใหญ่บ้านเฉิน รอจนกระทั่งทำธุระเสร็จสิ้น พวกข้าค่อยมาฟังการชี้แนะของท่านทั้งสองอีกครั้งนะขอรับ”
กล่าวจบก็คลี่ยิ้มบาง ขณะผู้เฒ่าทั้งสองยังไม่ทันได้สติกลับมา ชายหนุ่มพลันพาเคอโยวหรานจากไปเสียแล้ว
คนทั้งสองจับจูงมือกัน หลังข้ามสะพานไม้และมาถึงฝั่งตะวันตกของแม่น้ำแล้ว เคอโยวหรานจึงกุมอกพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยว่า
“ให้ตายเถิด! ท่านอาจารย์ทั้งสองช่างยากจะรับมือเกินไป ข้าเกือบอดกลั้นไม่ไหวจนเผยพิรุธเสียแล้ว”
ฉับพลันนั้นก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ นางจึงเงยหน้าถามต้วนเหลยถิงว่า “ทุกคนจะต้องสงสัยเป็แน่ใช่หรือไม่เ้าคะ? ข้าไม่รู้ว่าน้ำในสระบัวจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ครั้งใหญ่เช่นนี้ หากข้ารู้ ตีให้ตายข้าก็ไม่กล้านำมาใช้ ข้าควรจะแอบทดสอบเสียก่อน ครั้งนี้บุ่มบ่ามเกินไป ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเ้าคะ?”
ต้วนเหลยถิงโอบรอบเอวบางของเคอโยวหรานด้วยมือข้างเดียว ทั้งเดินทั้งเอ่ยปลอบโยนเสียงเบาว่า “วางใจเถิด เช้าวันนี้ยามท่านแม่กับท่านพี่เอ่ยถาม ข้าบอกพวกเขาว่าเ้าใส่ยาวิเศษที่ท่านปรมาจารย์ทั้งสองให้มาในอาหารเย็น
เหตุการณ์เมื่อเช้าน่าจะคือการชำระไขกระดูก ขับของเสียในร่างกายออกมา ท่านแม่กับท่านพี่ต่างพากันอุทานไม่หยุด กล่าวว่าการแต่งเ้าเข้าจวนช่างเป็วาสนาครั้งใหญ่ของสกุลต้วนของพวกเรา”
เคอโยวหรานยกนิ้วโป้งให้เขา เอ่ยชมว่า “ฉลาดยิ่งนักเ้าค่ะ! ถึงอย่างไรท่านปรมาจารย์ทั้งสองก็ห่วงหน้าตา ล้วนไม่มีทางปริปากเอ่ยสิ่งใด เพียงแต่ข้าถูกพวกเขาเพ่งเล็งเสียแล้ว ระยะนี้คงมิอาจพาหมาป่าน้อยขึ้นูเาไปเยี่ยมพ่อหมาป่าได้แล้วเ้าค่ะ”
ต้วนเหลยถิงแต้มจุมพิตบางลงบนริมฝีปากของนางโดยไม่บอกกล่าว ก่อนเอ่ยพลางแกว่งตะกร้าภายในมือไปมา
“หมาป่าน้อยมีพวกเราคอยดูแล พ่อหมาป่าย่อมวางใจ เื่ที่ว่าเพื่อความปลอดภัยของลูกหมาป่าจึงมิอาจพบหน้ากันได้สักระยะหนึ่ง มันจะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน”
เคอโยวหรานเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดท่านถึงพาพวกมันออกมาด้วยเล่าเ้าคะ?”
“ได้รับคำไหว้วานจากผู้อื่น ย่อมต้องพยายามสุดความสามารถ! พวกมันยังเล็กนัก ไม่ทันลืมตาเลยด้วยซ้ำ มีเพียงต้องเอาไว้ข้างกายจึงจะสามารถรับรองความปลอดภัยของพวกมันได้ ในเมื่อรับปากพ่อหมาป่ากับแม่หมาป่าแล้ว พวกเราก็ควรดูแลมันให้ดี ใช่หรือไม่?”
ครั้นเห็นต้วนเหลยถิงตอบกลับอย่างเอาจริงเอาจัง กระแสความอบอุ่นระลอกหนึ่งพลันแล่นเข้าสู่ก้นบึ้งหัวใจของเคอโยวหราน
นึกไม่ถึงว่าบุรุษผู้นี้จะมีความคิดจิตใจละเอียดอ่อน ทั้งยังมีความรับผิดชอบมากขนาดนี้ นี่ตนเก็บสมบัติได้ใช่หรือไม่?
จากนั้นเมื่อมาถึงหน้าประตูจวนผู้ใหญ่บ้านเฉิน ทั้งสองก็ต้องตกตะลึงด้วยพบว่าด้านนอกจวนมีผู้คนเข้าแถวยาวเหยียด นี่มันเกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่?
ครั้นคนสกุลเฉินที่กำลังต่อแถวหันมาเห็นต้วนเหลยถิงก็พากันโบกมือทักทายอย่างเป็มิตร
การกล่าวคำทักทายนี้ได้ดึงดูดความสนใจของเฉินต้าจ้วงผู้เป็บุตรชายคนโตสกุลเฉินที่กำลังคอยรักษาความเรียบร้อยอยู่ “ซานหลางมาแล้วหรือ? เอ๋? แม่นางน้อยผู้นี้คือโยวหรานใช่หรือไม่?”
เคอโยวหรานยกยิ้มขานรับ “เ้าค่ะ!”
“เพิ่งออกเรือนกับซานหลางได้ไม่กี่วันก็กลายเป็หญิงงามเสียแล้ว!” เฉินต้าจ้วงอุทาน
จากนั้นพลันขยับเข้าใกล้นางพลางเอ่ยเสียงเบาว่า “เ้าบอกปู่ใหญ่สักหน่อย เมื่อวานเ้าใส่ยาวิเศษอันใดลงไปในสำรับอาหารใช่หรือไม่?
ข้าจะบอกบางสิ่งแก่เ้า เช้าวันนี้ท่านพ่อ น้องรอง และข้า ร่างกายล้วนเต็มไปด้วยคราบโคลนเหนียวเหนอะ เหม็นไม่ต่างกับตกบ่อส้วม ต้องอาบน้ำตั้งหลายรอบกว่าจะดีขึ้น
ผลสุดท้าย เส้นผมของท่านพ่อกลับกลายเป็สีดำภายในชั่วข้ามคืน ข้ากับน้องรองก็แลดูเด็กลงหลายสิบปี ยามนี้รู้สึกร่างกายผ่อนคลายจนแทบจะลอยได้ก็มิปาน ช่างรู้สึกสบายตัวเป็อย่างยิ่ง”
เคอโยวหรานหัวเราะก่อนตอบ “ข้าใส่ยาวิเศษที่ท่านอาจารย์ทั้งสองให้มาลงในอาหารเ้าค่ะ ยานี้ช่วยชำระไขกระดูก ขอให้ท่านผู้าุโ ท่านปู่ใหญ่ และท่านปู่รองรับรู้เป็พอ ทว่าอย่าได้แพร่งพรายออกไปโดยเด็ดขาดนะเ้าคะ
ยาวิเศษใช้หมดไปั้แ่เมื่อเย็นวานแล้ว ข้ากับท่านอาจารย์ทั้งสองล้วนไม่มีเหลืออีก หากเื่นี้แพร่งพรายออกไป ไม่แน่ว่าอาจคือต้นเหตุในการทำลายความสงบสุขของหมู่บ้านเถาหยวนก็เป็ได้เ้าค่ะ”
เฉินต้าจ้วงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “เข้าใจแล้ว ข้าจะอธิบายให้ท่านพ่อกับน้องรองฟังอย่างลับๆ เ้าวางใจเถิด”
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] อิงเถา 樱桃 หมายถึง ผลเชอร์รี่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้