เสิ่นม่านกระซิบข้างหูของต้าเป่า ในที่สุดต้าเป่าก็หยุดร้องไห้ นางดิ้นรนจากการถูกกุมตัวเพื่อช่วยต้าเป่าเช็ดคราบน้ำตา จากนั้นเอ่ยถามเขาด้วยท่าทีจริงจัง
“จําได้หรือยัง?”
ต้าเป่าพยักหน้า แม้เขาอยากจะร้องไห้ต่อ แต่เมื่อวานท่านแม่บอกว่า ชายอกสามศอกห้าวหาญ มิควรสะอื้นไห้เฉกเช่นสตรี
จากนั้นเสิ่นม่านจึงถูกนำตัวไปโดยประการละฉะนี้
ณ หอบรรพชน
เสิ่นม่านและหวังเอ้อร์โก่วถูกจับมัดหลังชนกันโดยขึงไว้กับเสาต้นเดียวกัน แต่หวังเอ้อร์โก่วไม่ยอมอยู่เฉย เขายังคงดิ้นรนพลางหัวเราะเยาะเย้ย
“เฮ้อ ข้าว่าน้องเสิ่น เ้ายอมรับชะตาเถิด รอวันพรุ่งนี้ไปถึงที่ว่าการอำเภอ สตรีชื่อเสียงกระฉ่อนเช่นเ้าคงหนีไม่พ้นแน่!”
เสิ่นม่านรังเกียจเขาจนทนแทบไม่ไหว นางยกเท้าข้างที่ขยับได้และออกแรงถีบเข้าที่ขาของเขาทันที “มารดาแกสิ ข้าไม่ได้ทำผิด!”
หวังเอ้อร์โก่วปวดจนร้องโอดครวญ แต่กลับหัวเราะดังลั่นขึ้นอีกครั้ง “เ้าจะโกรธไปไย ก่อนหน้านี้ที่ทำร้ายข้ายังอวดดีอยู่เลยไม่ใช่หรือ?”
เสิ่นม่านยังอยากด่าเขาอีก แต่พอนึกถึงแผนการของตน นางจึงอดใจไว้ก่อน นางแสยะยิ้มมุมปากอย่างเ็า แสร้งทำเป็บ่นอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
“ใช่สิ ตอนนี้คนที่อวดดีกลายเป็เ้าแล้ว แต่ข้ากลับถูกทำให้กลายเป็แพะรับบาปแทน สมใจเ้าแล้วกระมัง?”
หวังเอ้อร์โก่วได้ยินเช่นนั้นก็สมใจ จึงอดไม่ได้ที่จะระริกระรี้เอ่ยโพล่งออกมา “จะโทษก็ต้องโทษเ้าที่โง่เขลาเอง รั้นจะมายั่วโมโหข้า สกุลเสิ่นของพวกเ้ามีแต่คนโง่งมทั้งนั้น!”
“พี่สะใภ้ของเ้าก็โง่เหมือนกัน ถึงขั้นคิดจะขายลูกแท้ๆ ของตนเอง เพื่อแต่งงานกับข้า? ไม่รู้จักดูตัวเองเสียบ้าง!”
“หากไม่เห็นแก่ว่านางพอมีเงินอยู่ในมือให้ข้าพอใช้สอยไปได้สักระยะ เ้าคิดว่าข้าหรือจะอยู่กับนาง?”
เสิ่นม่านขมวดคิ้ว พูดอยู่นาน สรุปก็คือชายคนนี้คือพวกแมงดาดีๆ นี่เอง
ไม่มีปัญญาหาเงินเอง แต่ใช้วิธีหลอกล่อสตรีที่มีช่องโหว่เพื่อลวงเงินมาเลี้ยงดูตนเอง แล้วยังคิดว่าตนเองเสียเปรียบมากมายอีกหรือ?
“ถุ้ย!” เสิ่นม่านดูถูกผู้ชายเกาะกระโปรงเช่นนี้ที่สุด
“ข้าคิดว่าที่เ้าไม่ได้สาวตัวนางโจวออกมายามนี้ เป็เพราะเ้ามีสายใยต่อนางจริงๆ เสียอีก แต่คิดไม่ถึงว่าที่แท้เ้าก็หวังเงินเล็กน้อยของนางนี่เอง...”
“นางวางแผนที่จะขายลูกแล้วหนีไปกับเ้า เงินที่ใช้ชีวิตคนแลกมา เ้ายังกล้ารับอีกหรือ?”
ใบหน้าของหวังเอ้อร์โก่วนั้นหนาจนเกินจะคาดเดา เขาหาได้รู้สึกเจ็บแสบราวกับถูกทิ่มแทงใจแต่อย่างใด กลับกันแล้วยังเผยใบหน้าไม่รู้สึกรู้สาอีก “เหตุใดข้าจึงไม่กล้ารับล่ะ ก็นั่นไม่ใช่ลูกของข้า อยากขายก็ขายไปสิ! จริงด้วย ยังมีลูกของเ้าคนนั้น หน้าตาท่าทางไม่เลว คงขายได้สักสองตำลึง!”
“รอพวกข้าได้เงินมา เ้าก็คงใกล้จะถูกจับใส่กรงหมูถ่วงน้ำแล้ว ถึงเวลาเทศกาลเมื่อใด ข้าจะเผาเงินกระดาษไปให้เ้าสักหน่อยแล้วกัน ฮ่าๆ”
เสิ่นม่านเยาะเย้ย “เ้าดูแลตนเองให้ดีก่อนดีกว่า!” หลังจากนั้นนางก็ะโออกไปนอกหน้าต่างว่า “พวกท่านได้ยินชัดเจนแล้วหรือไม่?!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ประตูบานใหญ่ของหอบรรพชนก็ถูกคนถีบออก
หลี่เถี่ยโถว ผู้ใหญ่บ้านที่จากไปก่อนหน้านี้ พาชายร่างใหญ่หลายคนยืนอยู่ตรงประตูด้วยท่าทางกราดเกรี้ยว
“หน็อยแน่ เ้าหวังเอ้อร์โก่ว ที่แท้เ้ากับโจวชุ่ยหลานคือพวกเดียวกัน! วันนี้ข้าจะพาคนจับชายโฉดหญิงชั่วอย่างพวกเ้าไปใส่กรงหมูถ่วงน้ำเอง!”
หวังเอ้อร์โก่วสะดุ้งกลัวจนตัวสั่นกับการปรากฏตัวของคนกลุ่มนี้ เมื่อครู่นี้เขาเป็คนสารภาพเกี่ยวกับแผนการคืนนี้และเื่ที่ตนเป็ชู้กับนางโจวด้วยปากของตนเอง
เขารีบส่ายหน้า “ไม่ ข้าไม่ได้...”
“ยังปฏิเสธอีกหรือ? หรือว่าพวกเรามากมายที่อยู่นี่ฟังผิดไปเอง?” ผู้ใหญ่บ้านตวาดด้วยความโกรธ
“พวกเ้าทั้งหลาย ตามข้าไปจับตัวนางหญิงชั่วไร้ศีลธรรมที่บ้านสกุลเสิ่น สามีไปเป็ทหารออกรบ แต่นางกลับทำตัวเป็ดอกซิ่งแดงออกนอกกำแพง [1] !”
“เื่เช่นนี้มีแต่จะทำลายชื่อเสียงของหมู่บ้านเรา เกิดลือออกไปคงไม่มีหน้าไปพบใครแล้ว ไป! ไปจับตัวคนผิดมาไต่สวน!” พูดจบ พวกเขาก็เตรียมจะออกไป แต่เสิ่นม่านกลับหยุดพวกเขาไว้ก่อน
“พวกท่านจากไปหมด แล้วข้าจะทำอย่างไร? ให้ใครสักคนมาแก้เชือกให้ข้าก่อนสิ!”
ผู้ใหญ่บ้านกำลังโมโหควันออกหูจึงด่าออกไป “เ้าอยู่นิ่งๆ อีกเดี๋ยวข้าจะมาจัดการเ้าอีกที!”
คำพูดนี้ราวกับว่าเสิ่นม่านทำความผิดมหันต์อย่างไรอย่างนั้น
เหตุใดนางเหมือนอยู่เฉยๆ ก็ถูกยิงเล่า
ขณะที่กำลังโมโห นางมองออกไปข้างนอกก็เห็นเหมือนสีของท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น ถัดจากนั้นก็ได้ยินคนในหมู่บ้านแผดเสียงกรีดร้อง
“ไฟไหม้! ช่วยกันที! รีบดับไฟเร็ว!”
ข้างนอกเกิดความโกลาหล เสิ่นม่านนั่งอยู่บนแผ่นหินในหอบรรพชน มือของนางยังคงถูกมัดไว้ พลันคิดในใจว่าไฟจะลามมาถึงหอบรรพชนหรือไม่?
ขณะนี้นางเพิ่งพบว่า หวังเอ้อร์โก่วที่ถูกมัดติดเสากับนาง ตอนนี้ได้แก้เชือกจนหลุดและลุกขึ้นมาแล้ว
นางถลึงตากลมโตและถีบออกไป “คิดจะหนีหรือ?”
หวังเอ้อร์โก่วเกือบถูกนางเตะตัดขา จึงอดไม่ได้ที่จะตวาดด่าทอ “นางแพศยา คืนนี้หากไม่ใช่เพราะเ้า ข้าคงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้! ฝากไว้ก่อนเถิด แค้นนี้ช้าเร็วข้าต้องกลับมาคิดบัญชีกับเ้าแน่!”
หลังจากนั้นหวังเอ้อร์โก่วก็ฉวยจังหวะที่ทุกคนไปดับไฟ แอบหนีเล็ดลอดออกไปได้
เสิ่นม่านไม่มีทางมองดูเ้านี่หนีไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้แน่ นางจึงะโ “ใครก็ได้! หวังเอ้อร์โก่วจะหนีไปแล้ว! รีบไปจับเขาเร็ว มีใครอยู่ไหม?!”
หลังจากะโอยู่นาน แต่กลับมีเพียงต้าเป่าที่วิ่งหน้าแดงเข้ามา เมื่อเห็นต้าเป่าเกาะขอบประตูหายใจหอบ ดวงตาของเสิ่นม่านก็เป็ประกาย
“ลูกรัก! เ้ามาแล้ว! รีบช่วยแก้เชือกให้แม่เร็วเข้า!”
ต้าเป่ารีบไปช่วยนางแก้มัดและรั้งนางที่กำลังจะวิ่งไปตามจับหวังเอ้อร์โก่วไว้
“ท่านแม่ เรารีบกลับบ้านก่อนเถิด บ้านของลุงช่างไม้ข้างๆ บ้านเรากำลังไฟไหม้ อีกเดี๋ยวไฟจะลามมาทางนี้แล้ว”
เสิ่นม่านส่งเสียง “เอ๋? ฤดูฝนเพิ่งผ่านไป อากาศไม่ได้แห้ง เหตุใดจู่ๆ จึงมีไฟไหม้ได้?”
ต้าเป่าจับมือนางขณะเดินออกไปด้านนอก น้ำเสียงของเขาราวกับผู้ใหญ่ก็ไม่ปาน “ข้าไม่ทราบ แต่หากเรายังไม่ไป เกรงว่าอีกเดี๋ยวคงหนีออกไปไม่ได้แน่”
ถูกต้อง หวังเอ้อร์โก่วหนีไปแล้ว เช่นนั้นนางจะมัวอยู่นี่ทำไม
เสิ่นม่านอุ้มต้าเป่าขึ้น จากนั้นประทับริมฝีปากลงบนแก้มผอมซูบของเด็กน้อย “ลูกชายแสนดีของแม่ คืนนี้เ้าช่วยชีวิตแม่ไว้เชียวนะ! รอวันรุ่งขึ้นแม่จะทำเล่าปิ่งให้เ้ากิน”
จะว่าไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะนางแอบให้ต้าเป่าไปโน้มน้าวให้หลี่เถี่ยโถวกับคนที่เหลือมาแอบเฝ้าที่หน้าประตู เดาว่าตอนนี้คนเหล่านี้ก็คงไม่มีทางรู้แผนการชั่วของหวังเอ้อร์โก่ว
ไม่ว่าจะมากหรือน้อย แต่อย่างน้อยก็กู้ชื่อเสียงกลับมาได้นิดหน่อย ต่อไปในหมู่บ้าน นางคงไม่ถึงกับจนตรอกไม่มีทางไป
ผู้ใหญ่บ้านพาพวกพ้องไปจับตัวนางโจว เช่นนั้นหลานสองคนนางก็สมควรเอามาเลี้ยงดูเอง!
เสิ่นม่านอุ้มลูกกลับบ้านด้วยใบหน้าชื่นมื่น
คงเพราะเกิดเื่ราวอลเวงมากมายเกินไป พอนางหัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ย ขณะที่กำลังหลับสนิทฝันหวานและยังนอนไม่อิ่มดี นางก็ถูกเสียงด่าทอจากนอกลานบ้านปลุกให้ตื่น
เสิ่นม่านลุกขึ้นด้วยความง่วงงุน พอเปิดประตูก็เห็นชาวบ้านที่ใบหน้าเปื้อนเถ้าถ่านยืนอยู่
เมื่อคืนหลี่เถี่ยโถวนำคนช่วยกันดับไฟทั้งคืน จนไม่มีเวลาล้างหน้าล้างตา รอจนนึกเื่ของนางโจวกับหวังเอ้อร์โก่วขึ้นได้อีกที สองคนนั้นก็หนีหายไปแล้ว
บ้านสกุลเสิ่นที่อยู่ข้างๆ ว่างเปล่าราวกับผ่านการชำระล้าง นอกจากเตียงที่นำไปด้วยไม่ได้ ส่วนที่เหลืออยู่ก็มีเพียงหม้อไหกะละมังที่ผุพังเท่านั้น
ผู้ใหญ่บ้านโมโหกับความไม่ได้ดั่งใจจึงมาเคาะประตูบ้านเก่าสกุลเสิ่น เมื่อเห็นนางก็พุ่งเข้าไปถามด้วยความเกรี้ยวกราด “เสิ่นม่านเหนียง เหตุใดเ้าจึงปล่อยหวังเอ้อร์โก่วไป?!”
เสิ่นม่าน “หา?”
นางที่มีนิสัยโมโหเวลาตื่นนอน จึงตอบอย่างไม่พอใจ “เหตุใดข้าถึงต้องปล่อยตัวหวังเอ้อร์โก่วไปด้วย? ชัดเจนว่าเขาหนีไปเอง”
มีหนึ่งในกลุ่มคนโพล่งออกมา “ยังกล้าบอกว่าเ้าไม่ได้ทำอีกหรือ? เช่นนั้นเหตุใดโจวชุ่ยหลานกับหวังเอ้อร์โก่วจึงหายไปทั้งคู่ั้แ่เช้าตรู่เช่นนี้?”
“แล้วยังเื่ไฟไหม้เมื่อคืนอีก เื่นี้มีเงื่อนงำ! เราสงสัยว่ามีคนจงใจทำให้เกิดไฟไหม้!”
-----
เชิงอรรถ
[1] ดอกซิ่งแดงออกนอกกำแพง 红杏出墙 หงซิ่งชูเฉียง แปลว่า สตรีที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว แต่กลับแอบเป็ชู้กับชายอื่น