สำหรับสีหน้าของฮวาเชียนจือนั้นซูฉีฉีก็คาดเดาได้ั้แ่แรกแล้ว นางเลยไม่ได้สนใจอะไรให้มาก
จบไปหนึ่งคนกลับต้องมีมาอีกคนทำให้ซูฉีฉีรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน
ฮวาเชียนจือยืนอยู่ตรงขอบประตูใหญ่ของจวนอ๋องสีหน้าเคร่งเครียด ริมฝีปากแดงสดเม้มแน่นแววตามีความอาฆาตเผยออกมาอย่างเด่นชัดเพราะนางเห็นภาพเหตุการณ์ที่ซูฉีฉีและม่อเวิ่นเฉินเดินเข้าไปในเรือนหลักด้วยกัน
เหมือนว่านับั้แ่ซูฉีฉีรักษาอาการาเ็ของท่านอ๋องให้หายดีได้นั้นฐานะของนางก็ค่อยๆ สูงขึ้นไปด้วย
นี่คือสิ่งที่ฮวาเชียนจือคาดคิดไม่ถึงที่นางตัดสินใจจะลงมือตอนนี้เลยก็เพราะว่าทนดูต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
นางรอมาตั้งหลายปีกลับรอจนกระทั่งมีซูฉีฉีมาปรากฏตัวขึ้นเดิมคิดว่าด้วยรูปโฉมของซูฉีฉีแล้วอย่างไรเสียตนก็สามารถเอาชนะสตรีผู้ที่ฮ่องเต้ได้สะบัดทิ้งอย่างไม่ไยดีผู้นี้ได้แน่
บัดนี้ยิ่งรู้สึกเสียดายที่โชคชะตาไม่เข้าข้างนางทำให้นางไม่ลงมือสังหารซูฉีฉีั้แ่ตอนที่นางยังอยู่โรงซักล้าง
เมื่อกลับมาถึงห้องพักแล้วความว้าวุ่นในใจของซูฉีฉีถึงได้สงบลง ใช่แล้ว ตอนนี้นางมาพักอยู่ที่เรือนเดียวกับม่อเวิ่นเฉินแล้วไม่ต้องกลับไปพักที่โรงซักล้างอีก
ตอนนี้นางถึงจะรู้สึกได้จริงๆว่าท่าทีที่ม่อเวิ่นเฉินมีต่อตนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว
ดูเหมือนว่าวันฟ้าใสที่นางรออยู่ก็ได้มาถึงเสียที
เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋องม่อเวิ่นเฉินก็ไม่ได้เดินกลับห้องไปพักผ่อนแต่รีบเรียกรวมพลองครักษ์จากทุกจุดในเมืองอ้าวและเริ่มดำเนินการตรวจสอบเื่ราวต่างๆที่เกิดขึ้นใน่หลายวันมานี้
เขายังจำได้ว่าระหว่างทางไปเมืองหลวงนั้นมีกลุ่มคนของพรรคเด็ดบุปผามาขวางทางตนเอาไว้ได้เกรงว่าพวกเขาจะถือโอกาสที่ตนไม่อยู่มาหาเื่เมืองอ้าวเพราะฉะนั้นเลยต้องตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
บางทีอาจเป็เพราะว่าใกล้ถึงปีใหม่แล้วบริเวณโดยรอบนั้นเงียบสงบมาก พวกโจรเ่าั้คงต้องฉลองปีใหม่เหมือนกันสินะถึงไม่ได้มาก่อความวุ่นวายอีก
เมืองอ้าวความจริงแล้วเป็เมืองที่อยู่อย่างสันติสุขมาโดยตลอด ปกติก็ไม่เกิดเื่อะไรขึ้นอยู่แล้วยามนี้ม่อเวิ่นเฉินจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรแต่ยามนี้กลับมีอยู่เื่หนึ่งที่ทำให้ม่อเวิ่นเฉินรู้สึกปวดหัวไม่น้อยเสด็จน้าของตนผู้ซึ่งเป็ฮ่องเต้หญิงแคว้นป่ายฮวานั้นกลับส่งจดหมายมาฉบับหนึ่งขอให้เขาดูแลฮวาเชียนจือให้ดี อีกทั้งยังฝากชีวิตที่เหลืออยู่ของฮวาเชียนจือไว้กับม่อเวิ่นเฉินด้วย
หลายปีมานี้ เขาย่อมรู้ดีถึงความคิดของฮวาเชียนจือ ทว่าเขาไม่เคยคิดกับนางเช่นนั้นมาก่อน
ตอนนี้เมื่อเห็นจดหมายลายมือของเสด็จน้าก็ทำให้เขาเกิดความรู้สึกลังเลขึ้นมา
หนึ่งคือเขาได้มีซูฉีฉีเป็พระชายาแล้วสองคือเขายังไม่คิดจะปลดฐานะพระชายาเอกของซูฉีฉีลง
เพราะฉะนั้นหากให้ฮวาเชียนจือแต่งตนก็ให้นางได้แค่ฐานะชายารองเท่านั้น
ฮ่องเต้หญิงแคว้นป่ายฮวาดูแลเขามาั้แ่เล็กบุญคุณนี้เขาจำได้ดี ตัวเขาไม่เคยเจอมารดาผู้ให้กำเนิดตนเองมาก่อนที่เขามีทุกวันนี้ได้ก็เพราะความช่วยเหลือของเสด็จน้าและแคว้นป่ายฮวาทำให้ฮ่องเต้ต้าเยียนองค์ก่อนมีความยำเกรงอยู่บ้างและทำให้ม่อเวิ่นเฉินสามารถมีชีวิตอยู่ที่วังหลวงของแคว้นต้าเยียนได้อย่างปลอดภัยอีกทั้งยังมีอำนาจในมืออย่างทุกวันนี้ด้วย
เขาไม่อาจไร้คุณธรรม ลืมบุญคุณนี้ไปได้และก็เป็เพราะคำว่าคุณธรรมทำให้หลายปีมานี้ เวลาฮวาเชียนจือลงมือทำอะไรไม่ดีหากเื่ใดเป็เื่ที่เขามองข้ามได้เขาก็เลือกที่จะมองข้ามไปไม่เคยเอาเื่เ่าั้มาต่อว่านาง ต่อให้นางโวยวายจนทำให้จวนอ๋องนั้นเดือดร้อนไปทั่วเขาก็ไม่กล่าวโทษนาง
อีกทั้งตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่สงสัยว่าผู้ที่ลงมือกับซูฉีฉีนั้นคือฮวาเชียนจือซ้ำร้ายเขายังรู้ด้วยว่าตอนที่ตนไม่อยู่ในจวนฮวาเชียนจือทำเื่อะไรกับซูฉีฉีไปบ้าง...
ทว่าตอนนั้นเขามีแต่ความเกลียดชังในตัวซูฉีฉีเลยไม่ได้คิดจะยื่นมือเข้าไปยุ่ง
ระหว่างทางกลับมา เขาได้ลงมือสังหารนักฆ่าพวกนั้นไปจนหมดแล้วที่ทำเช่นนั้นก็เพื่อให้บทเรียนแก่ฮวาเชียนจือแต่ถึงกระนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าตนอาจทำเื่เล็กให้กลายเป็เื่ใหญ่เสียแล้ว
อย่างไรเสียเขาที่สามารถให้อภัยเหลยอวี่เหยาได้ก็สามารถให้อภัยฮวาเชียนจือได้เช่นกัน
ม่อเวิ่นเฉินคิดว่าถึงอย่างไรสักวันหนึ่งฮวาเชียนจือก็ต้องออกจากจวนอ๋องและกลับแคว้นป่ายฮวาไป
ทว่าจดหมายที่ส่งมาของเสด็จน้ากลับทำให้เื่ราวลำบากมากขึ้น
ซูฉีฉีนอนหลับพักผ่อนอย่างสุขสบายหลายวันมานี้นางไม่ได้เก็บเื่อะไรมาใส่ใจจึงมีสีหน้าสดใสกว่าที่แล้วมาแต่ถึงกระนั้นเพราะการตายของมารดาทำให้นางยังคงสวมชุดไว้ทุกข์อยู่บนศีรษะของนางมีดอกไม้สีขาวที่ทำจากผ้าเสียบเอาไว้ทำให้ใบหน้าที่เดิมเรียวเล็กอยู่แล้วดูผอมซูบกว่าเดิม เหมือนว่าแค่มีลมพัดผ่านมาเบาๆก็สามารถพัดเอาตัวนางไปได้เลย
สำหรับเื่ที่แคว้นป่ายฮวาส่งจดหมายมานั้นนอกจากม่อเวิ่นเฉินแล้วก็มีเพียงเหลิ่งเหยียนเท่านั้นที่รู้เพราะฉะนั้นตอนนี้ซูฉีฉีจึงไม่รู้ว่ามีาขนาดย่อมกำลังรอคอยนางอยู่
ชีวิตที่สงบสุขของนางคงจะต้องถูกโจมตีอีกครั้งแล้ว
และเพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นฮวาเชียนจือเป็คนคุมเื่ทุกอย่างในจวนอ๋องมาโดยตลอดทำให้กิจกรรมทั้งหมดของเทศกาลปีใหม่ก็มีนางเป็คนจัดการเช่นกันม่อเวิ่นเฉินจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง ขณะที่ซูฉีฉีนั้นยิ่งไม่มีอำนาจพอที่จะไปยุ่งได้
มีเพียงเช่นนี้ ฮวาเชียนจือถึงจะไม่ะเิโทสะออกมาจริงๆมิเช่นนั้นเกรงว่านางคงลงมือทำทุกอย่างโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
ฮวาเชียนจือกำลังออกคำสั่งคนใช้อยู่ก่อนจะหันไปเห็นซูฉีฉีที่เดินออกมาจากเรือนของม่อเวิ่นเฉิน
สีหน้าที่ยังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนบนใบหน้าที่ไม่จัดว่างดงามนั้นทำให้ฮวาเชียนจือรู้สึกหมั่นไส้ยิ่ง
นางไล่คนใช้ข้างตนออกไปก่อนจะเดินเชิดหน้าไปทางซูฉีฉี
สีหน้าเต็มไปด้วยความท้าทาย
เดิมซูฉีฉีคิดจะเดินอ้อมนางแต่เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางก็รู้แล้วว่านางตั้งใจเดินมาหาตน
ซูฉีฉีลอบกำมือที่อยู่ในแขนเสื้อแน่นทว่าสีหน้าของนางยังคงไร้ซึ่งอารมณ์เหมือนเช่นเคยทำเหมือนไม่ได้เห็นสีหน้าเย่อหยิ่งของฮวาเชียนจือยังคงทำท่าจะก้าวเดินไปทางด้านหน้าต่อ
“หยุดนะ” ในทางกลับกันฮวาเชียนจือกลับมีสีหน้าโมโหขึ้นมากะทันหันสตรีผู้นี้มิรู้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกระทั่งตอนอยู่ที่โรงซักล้างนั้นก็ไม่เห็นนางฮวาเชียนจืออยู่ในสายตา
แม้ว่าซูฉีฉีจะได้ยินฮวาเชียนจือแล้วแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะหยุดฝีเท้าของตนลง
นางว่าจะไปเด็ดดอกเหมยมาประดับที่ห้องพักของตนเสียหน่อยเพราะว่าม่อเวิ่นเฉินต้องคอยดื่มยาตลอดทำให้กลิ่นยาฟุ้งไปทั่วเรือนซูฉีฉีเลยคิดจะใช้กลิ่นหอมของดอกไม้มากลบกลิ่นเ่าั้เสียหน่อย
นางเงยหน้าขึ้นเหลือบมองฮวาเชียนจือแวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้าเดินต่อดวงตาเรียวยาวยังคงไม่มีอารมณ์อะไรแฝงอยู่ในแววตาเช่นเคยดูเหมือนว่าน้ำเสียงออกคำสั่งเมื่อครู่ของฮวาเชียนจือจะไม่มีผลอะไรกับนางเลยแม้แต่นิด
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฮวาเชียนจือก็สะบัดแขนเสื้ออย่างแรงก้าวเท้ายาวๆ มาทางซูฉีฉีก่อนจะหยุดขวางอยู่ด้านหน้าซูฉีฉี “ข้าสั่งให้เ้าหยุด เ้าได้ยินหรือไม่?”
น้ำเสียงท่าทางเปี่ยมไปด้วยโทสะ
ซูฉีฉีคิดไว้แล้วว่านางจะมีท่าทีเช่นนี้จึงหยุดฝีเท้าลงก่อนจะก้าวถอยไปเล็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองสำรวจฮวาเชียนจือรอบหนึ่ง “ข้ามีชื่อ หรือจะเรียกข้าว่าพระชายาก็ได้”
นางมิได้หยิ่งยโส มิได้วางอำนาจทว่าท่าทางเฉยชาของนางนั้นกลับดูสูงส่งยิ่งกว่าฮวาเชียนจือที่พยายามเบ่งอำนาจออกทางกิริยาท่าทางเสียอีก
เสมือนว่านางเกิดมาก็มีบารมีเช่นนี้อยู่แล้ว
“เ้า...” ฮวาเชียนจือกัดฟันแน่น
“มีเื่อันใดหรือไม่? หากไม่ก็กรุณาหลีกทางด้วย” ซูฉีฉีหรี่ตาลงเล็กน้อยเหมือนไม่อยากจะสนใจนางไม่เห็นฮวาเชียนจือที่กำลังโกรธหนักอยู่ในสายตาแม้แต่นิด
ฮวาเชียนจือเห็นดังนี้ก็อยากจะดึงแส้ที่คาดอยู่ตรงเอวของตนออกมาสะบัดแต่เมื่อคิดไปถึงงานวิวาห์ในอนาคตของตนแล้วก็ได้แต่สะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้
นางพยายามข่มเพลิงโทสะในใจของตนก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นและพูดกับซูฉีฉีต่อ “ก็ไม่ได้มีเื่ใหญ่อะไร แค่อยากจะบอกพระชายาว่าหลังจากงานปีใหม่ข้าก็จะกลายเป็ชายาของท่านอ๋องแล้วเมื่อถึงเวลานั้นพวกเรา...สองพี่น้องต้องคอยช่วยกันดูแลท่านอ๋องนะ”
ตอนนี้ฮวาเชียนจือกลับเลียนแบบท่าทางของซูฉีฉี นางยิ้มบางๆก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ทว่าประโยคนี้กลับทำให้ซูฉีฉีที่เดิมยืนนิ่งอยู่นั้นเกิดอาการนิ่งอึ้งไปในทันทีสีหน้าก็พลันขาวซีดลง
เมื่อเห็นท่าทางเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจของฮวาเชียนจือนางก็รู้แล้วว่าเื่นี้ไม่ใช่เื่โกหก
ซูฉีฉีที่เกือบจะทรงตัวยืนไม่อยู่ได้แต่พยายามสงบอารมณ์ของตนลง ม่อเวิ่นเฉินจะแต่งฮวาเชียนจือเข้ามาหรือไม่นางไม่มีสิทธิ์จะไปก้าวก่าย
สำหรับม่อเวิ่นเฉินแล้ว นางอยู่ในฐานะอะไรแม้แต่ตัวนางเองก็ไม่รู้
ทว่าบัดนี้หัวใจของซูฉีฉีกลับร่วงดิ่งลงไปถึงตาตุ่มในสมองมีเพียงประโยคเดียว ม่อเวิ่นเฉินจะแต่งงานกับฮวาเชียนจือ...
“เื่นั้นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว...” ซูฉีฉีเองก็ไม่รู้ว่าตนเอ่ยเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรตอนนี้ในสมองของนางนอกจากสับสนแล้วก็มีเพียงความสับสน
ฮวาเชียนจือที่เอ่ยจบก็เชิดหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่งในที่สุดนางก็ได้เห็นซูฉีฉีในสภาพอนาถแล้ว
หัวเราะพลางเดินเลี่ยง เปิดทางให้กับซูฉีฉี “เชิญพระชายา”
ซูฉีฉีไม่ได้มองฮวาเชียนจืออีกก้าวเท้าเดินไปทางป่าดอกเหมยอย่างเหม่อลอย
นางจำได้ว่าตนนั้นต้องไปเด็ดดอกเหมยกลับมา...
อย่างไรเสียนางก็เป็เพียงพระชายาแต่ในนามของเขาเท่านั้นถ้าหากมิใช่เพราะมีราชโองการมาผูกมัด ถ้าหากมิใช่เพราะเขาเป็คนทำให้นางต้องเสียมารดาของตนไปแล้วบางทีความอ่อนโยนและการช่วยเหลือตลอดทางที่ผ่านมาก็อาจไม่มีวันเกิดขึ้น
ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาก็เป็เพียงสามีภรรยากันแต่ในนามเท่านั้น
และบางทีก็อาจจะเป็เช่นนี้ตลอดไปเพราะว่าเขากำลังจะแต่งงานกับฮวาเชียนจือแล้ว
มีเพียงสตรีรูปโฉมงดงามเช่นนั้นถึงจะคู่ควรกับเขาซึ่งเป็ถึงอ๋องติ้งเป่ยโหวถึงจะคู่ควรกับเขาผู้มีความสามารถไร้เทียมทานกระมัง
ั้แ่อดีต บุรุษมากความสามารถมักควงคู่กับหญิงงามในขณะที่นางเป็เพียงแค่หญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง!
ซูฉีฉีเด็ดดอกเหมยไปได้แค่สองดอกก่อนยืนเหม่อปล่อยให้สายลมพัดผ่านร่างกายไปปล่อยให้ผมยาวสลวยของนางถูกลมโบกสะบัดจนยุ่งเหยิง...
