หลี่หรูอี้ลอบถอนใจคำรบหนึ่ง คิ้วงามเลิกขึ้นเล็กน้อย กล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่กล่าวได้ถูกต้อง โชคดีที่ได้ชิ้นส่วนของหมูมา” เช่นนั้นก็ทำไส้ทอดแล้วกัน ส่วนพวกตับ ไต และหัวใจ ก็นำไปทำพะโล้ขาย ได้เงินน้อยสักหน่อยดีกว่าไม่ได้แม้แต่ทองแดงเดียว
“วันนี้พวกเ้าต้องคิดหาวิธีทำความสะอาดเครื่องในหมูและขาหมูให้ได้ มิฉะนั้นปล่อยไปถึงพรุ่งนี้คงเสียแล้ว” จ้าวซื่อไม่สนใจเื่เสียเวลาอย่างการทำความสะอาดของเ่าั้ อีกทั้งตอนกินยังมีกลิ่นเหม็น จึงกล่าวประโยคนี้ทิ้งท้ายไว้แล้ว กลับไปปักผ้าอยู่ในห้องต่อไปอย่างเงียบๆ
วันนี้แดดจัด ่บ่ายภายในห้องโถงจึงมีแสงสว่างเพียงพอ จ้าวซื่อปักผ้าตลอดปีทำให้สายตาไม่ค่อยดีนัก จำเป็ต้องยกขึ้นมาเพ่งดูใกล้ๆ จึงจะมองเห็นได้ชัดเจน
ฝีมือการปักผ้าของจ้าวซื่อเรียกได้ว่า มีความเป็เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร แม้ผ้าที่ปักออกมาอาจเทียบกับหญิงนักปักผ้าในเมืองหรือในอำเภออื่นไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังมีความประณีตงดงามกว่าของสตรีธรรมดาทั่วๆ ไปมากนัก ซึ่งสามารถนำไปตั้งร้านขายที่ตำบลได้
รายได้ในแต่ละปีของครอบครัว ส่วนหนึ่งก็มาจากการปักผ้าของนาง
ตอนนี้นางตั้งครรภ์อยู่ก็ยังสามารถปักผ้าได้บ้าง หากผ่านไปอีกหลายเดือนเมื่อคลอดบุตรแล้วต้องอยู่ไฟก็คงจะปักผ้าไม่ได้สักระยะหนึ่ง เมื่อออกจากการอยู่ไฟยังต้องเลี้ยงดูบุตรอีก ไปๆ มาๆ รวมระยะเวลาเป็ครึ่งเดือน ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียรายได้ไปร้อยกว่าทองแดง
นางคิดอยากจะสอนบุตรีให้ปักผ้าเป็ เพราะเป็ศิลปะงานฝีมืออย่างหนึ่ง หากเรียนรู้ได้ดียามแต่งเป็สะใภ้บ้านอื่นก็ยังสามารถหาเงินได้ยี่สิบสามสิบทองแดงต่อเดือน ครอบครัวย่อมให้ความสำคัญ
ตอนแรกหลี่หรูอี้ยอมเรียนปักผ้าแล้ว แต่ภายหลังนางถูกเข็มทิ่มจนเืไหลเต็มมือ จึงหยุดเรียนไป
นางดูออกว่าบุตรีไม่มีพร์ด้านนี้ ขอเพียงตัดเย็บเสื้อผ้าสวมใส่และเย็บเครื่องนอนได้ก็เพียงพอแล้ว
เมื่อสามเดือนก่อนหลังจากหลี่หรูอี้ลื่นหกล้มก็ไม่ยอมเรียนปักผ้าอีกเลย เมื่อหยิบจับเข็มนานหน่อย หากไม่ปวดหัวก็ต้องตาลาย
จ้าวซื่อไม่อยากบังคับมาก จึงให้บุตรีปักผ้าวันละครึ่งชั่วยามก็พอแล้ว
วันนี้นางกำลังปักลายดอกบัวบนผ้าแพรไหม
สำหรับผ้าแพรไหม เมื่อปักลายเรียบร้อยแล้วสามารถนำไปทำเป็ถุงหอม ผ้าเช็ดหน้า หรือพัดได้ และขายง่ายกว่าผ้าแพรไหมธรรมดามาก
บ้านหลี่ยากจนมาก ไหนเลยจะมีผ้าแพรไหม ผ้าพวกนี้นำมาจากร้านผ้าในตำบล ปักลายบนผ้าตามความ้าของหลงจู๊ จากนั้นค่อยนำกลับไปส่งตามกำหนดเวลา
ผ้าแพรไหมแพงมาก แม้จ้าวซื่อจะปักผ้ากับร้านผ้าในตำบลมาสิบกว่าปีแล้ว ทว่าทุกรอบที่นำผ้าแพรไหมกลับมา ก็ยังต้องจ่ายเงินมัดจำจำนวนหนึ่ง
ผ้าแพรไหมคุณภาพต่ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดครึ่งฉื่อ[1] ในมือนางต้องวางมัดจำสองทองแดง หากปักเสียหรือทำหาย นอกจากจะไม่ได้เงินมัดจำคืนแล้วยังเสียความน่าเชื่อถืออีกด้วย
ขณะที่นางทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปกับการปักผ้า หลี่หรูอี้และพี่ชายทั้งสี่ก็ยุ่งอยู่กับการทำความสะอาดเครื่องในหมูและขาหมูจนหัวหมุน
คนในหมู่บ้านต่างรู้กันว่า ใช้เกลือและแป้งข้าวโพดมาทำความสะอาดไส้หมูได้ แต่ก็รู้สึกเสียดาย ครอบครัวหลี่ก็เป็เช่นนั้น
แต่หลี่หรูอี้รู้ว่าขี้เถ้าก็ล้างไส้หมูได้เช่นกัน
เตาในห้องครัวมีขี้เถ้าอยู่ หลี่เจี้ยนอันนำขี้เถ้าออกมาคลุกกับไส้หมูตามวิธีของหลี่หรูอี้ มือทั้งสองถูไส้หมูอยู่หลายนาที จากนั้นจึงใช้น้ำล้างออก ทำซ้ำไปซ้ำมาอยู่เช่นนี้หลายรอบ จนกระทั่งไส้หมูสะอาดและกลิ่นคาวลดลง
หลี่หรูอี้นำไส้หมูที่ล้างสะอาดแล้วหั่นออกเป็ชิ้นเล็กๆ ขนาดหนึ่งในสี่ชุ่น[2] จากนั้นจึงโยนใส่เตาเพื่อทอดให้แห้ง ทอดให้มันหมูในลำไส้ออกมาทั้งหมด
ไส้หมูมีน้ำมันมาก ทอดแล้วได้น้ำมันออกมาถึงหนึ่งถ้วยเต็มๆ
“น้ำมันหมูเป็ของดี ใช้ผัดอาหารได้ ใช้ย่างแป้งก็ได้”
“นึกไม่ถึงเลยว่า ทอดไส้หมูออกมาแล้วจะได้น้ำมันหมูมากเพียงนี้”
ไส้หมูแต่ละชิ้นถูกทอดจนเหลือง มีประกายน้ำมันฉาบแวววาว จากนั้นจึงนำเหล้าเหลือง[3]ที่เหลือเพียงก้นไหในบ้านมาเทลงไปจนหมด กลิ่นคาวของไส้หมูจางลงจนแทบไม่เหลือ กลับกลายเป็กลิ่นหอมของเนื้อหมูอันเข้มข้นเข้ามาแทนที่ จากนั้นจึงคลุกเคล้าด้วยเกลือ แล้วนำกระเทียมที่หั่นเป็ชิ้นบางๆ ใส่ลงไปผัดในกระทะจนสุก แล้วจึงโรยต้นหอมที่ซอยเป็ชิ้นเล็กๆ ลงไปเพิ่ม
เพียงเท่านี้ไส้ทอดหอมกรุ่นก็เสร็จสมบูรณ์
หลี่หรูอี้ใช้ตะเกียบคีบไส้ทอดขึ้นมาหนึ่งชิ้น เนื่องจากไม่ได้ใส่พริกจึงทำให้รสชาติอ่อนลงไปบ้าง แต่ก็แก้ความอยากกินได้ดี
นางคีบไส้ทอดให้พี่ชายทั้งสี่ชิมกันคนละชิ้น หลังจากเห็นท่าทีชอบใจของทั้งสี่คนก็ตัดสินใจทันที “หากใช้ถ้วยเล็กในบ้านใส่ไส้หมู จะต้องใช้กี่ถ้วยหรือเ้าคะ?”
ไส้หมูสิบชั่ง เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยและทอดจนน้ำและน้ำมันออกมาหมด จะเหลือน้ำหนักเพียงประมาณเจ็ดชั่ง
ถ้วยในบ้านหลี่ล้วนเป็ถ้วยกระเบื้องหยาบ ทั้งสีเขียวสีดำล้วนมีครบ จะเล็กจะใหญ่รวมแล้วมียี่สิบกว่าใบ
ถ้วยเล็กที่หลี่หรูอี้พูดถึงใบหนึ่งสามารถบรรจุไส้ทอดได้ครึ่งชั่ง
หลี่ฝูคังตักไส้หมูใส่ถ้วยอย่างคล่องแคล่วได้สิบถ้วย แล้วบอกกับน้องสาวว่า “ถ้วยเล็กๆ ในบ้านไม่มีแล้ว ใช้ถ้วยใหญ่ใส่ได้หรือไม่?” ยังไม่ทันพูดจบ น้ำลายก็ไหลออกมาจากปากเสียแล้ว
หลี่อิงฮว๋าและหลี่ิ่หานยืนอยู่ด้านข้าง จ้องมองไส้ทอดไม่วางตา พวกเขากลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“ไม่ต้องใช้ถ้วยใหญ่หรอกเ้าค่ะ” หลี่หรูอี้มองไส้ทอดในกระทะ ที่ยังเหลืออยู่ประมาณสองชั่ง พลางพูดว่า “ยังเหลือไส้มากเพียงนี้เชียว”
หลี่ิ่หานชี้ไปที่มุมปากของหลี่หรูอี้ กล่าวเจือเสียงหัวเราะ “น้องสาว เ้าน้ำลายไหลออกมาแล้ว”
“พวกเรากินไส้ทอดในกระทะกันเถอะ” หลี่หรูอี้เขินจนหน้าแดง รีบหันไปนำกะละมังไม้มาใส่ไส้ทอด ตอนนี้นางและครอบครัวขาดเนื้อสัตว์ ขาดไขมัน ขาดน้ำ ทำให้เป็โรคตาบอดกลางคืนกันทุกคน อีกประเดี๋ยวกินไส้หมูสักมื้อคงเพิ่มสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการได้บ้าง
หลี่เจี้ยนอันเหลือบมองไส้หมูทอดสิบถ้วยเล็กที่อยู่บนโต๊ะ ในใจรู้สึกสงสัย ทว่าตอนนี้กินไส้หมูลงท้องก่อนค่อยว่ากัน
จ้าวซื่อที่อยู่ในห้องโถงได้กลิ่นหอมนานแล้ว ทีแรกยังไม่อยากจะเชื่อ จนกระทั่งหลี่ิ่หานวิ่งมาจัดโต๊ะด้วยท่าทางกระตือรือร้น และหลี่หรูอี้นำไส้หมูทอดเหลืองกรอบหอมกรุ่นกะละมังหนึ่งขึ้นมาวาง จึงค่อยเชื่อว่าบุตรีที่รักไม่เพียงแต่จะทำความสะอาดไส้หมูได้ ทั้งยังทำของอร่อยออกมาได้อีกด้วย
หลี่ิ่หานกล่าวด้วยท่าทางมีความสุข “ท่านแม่ ไส้ทอดที่น้องสาวทำอร่อยยิ่งนัก ท่านลองชิมดูเถิด”
จ้าวซื่อมองไปที่ไส้ทอด รู้สึกพยาธิในท้องแทบจะวิ่งออกมาอยู่รอมร่อ จึงรีบนำงานปักผ้าในมือกลับไปเก็บในห้องแล้วเดินออกมานั่งลงที่โต๊ะ ร่วมกินไส้หมูทอดด้วยกันกับบุตรชายบุตรสาวทั้งห้า
เพียงแค่ไส้หมูเท่านั้น ไม่มีอาหารหลักและไม่มีน้ำแกง ทว่าไม่มีใครรู้สึกเลี่ยน ทั้งหกคนกินไส้ทอดหนึ่งชั่งอย่างเอร็ดอร่อย ต่างสบตากันใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ
“ท่านแม่ น้องสาวทอดไส้จนได้น้ำมันหมูออกมาหนึ่งถ้วยเลยขอรับ แล้วครอบครัวของเรายังมีไส้ทอดเหลืออีกสิบถ้วย”
“เมื่อครู่น้องสาวบอกว่า อีกเดี๋ยวนางจะนำเครื่องในหมูส่วนอื่นๆ ไปทำพะโล้”
หลี่ฝูคังและหลี่ิ่หานคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ผู้เป็แม่ พูดด้วยสีหน้าดีอกดีใจ
จ้าวซื่อกินอิ่มแล้วก็รู้สึกง่วง อยากไปนอนพักเสียหน่อย จึงกล่าวชมบุตรชายบุตรสาวไปหลายประโยคแล้วกลับไปที่ห้องนอน
ตอนนี้เอง หลี่เจี้ยนอันถามขึ้นว่า “น้องสาว เมื่อครู่เ้าให้พวกเราตักไส้หมูใส่ถ้วยเป็สิบถ้วย จะเก็บไว้กินทุกวันวันละหนึ่งถ้วยหรือ? อากาศร้อนเกินไป คงเก็บได้ไม่ถึงสิบวันหรอก”
ตอนกินไส้ทอดเมื่อครู่หลี่หรูอี้ก็คิดไว้แล้ว จึงตอบไปว่า “พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าอยากปรึกษาพวกท่านเกี่ยวกับเื่บางอย่าง”
ชายหนุ่มทั้งสองถามพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “เื่อะไรหรือ?”
หลี่ิ่หานกำลังล้างถ้วยอยู่ในห้องครัว ไม่ได้อยู่ในห้องโถง ส่วนหลี่อิงฮว๋ากำลังกวาดพื้นในห้องโถง เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็เงยหน้ามองไปที่หลี่หรูอี้
หลี่หรูอี้กล่าวอย่างเนิบช้า “ตอนเช้าพวกท่านแบกฟืนหนักร้อยชั่งไปขายที่ตลาด ต้องเดินไปเกือบสิบลี้[4]คงเหนื่อยมากเป็แน่ แต่ตอนนี้อากาศร้อนเกินไป ไส้หมูสิบถ้วยนี้เก็บได้ไม่นาน ต้องลำบากพวกท่านอีกสักรอบ นำไส้พวกนี้ไปขายที่นอกประตูเมือง”
จากความทรงจำของร่างเดิมทำให้นางรู้ว่า ตอนเย็นของทุกวันจะมีตลาดเล็กๆ ที่นอกประตูเมือง ที่นั่นไม่เก็บภาษี แต่มีเวลาขายค่อนข้างน้อย เพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น
ไส้ทอดพวกนี้ได้มาโดยไม่เสียเงิน ใช้เพียงเกลือเล็กน้อยและเหล้าเหลืองเท่านั้น คนในครอบครัวก็ได้กินกันอย่างเอร็ดอร่อยไปแล้วมื้อหนึ่ง ไส้ทอดอีกสิบถ้วยที่เหลือ ขอเพียงขายได้ก็นับเป็กำไรทั้งหมด
ส่วนเื่แรงงานคน กำลังการผลิตที่นี่ต่ำมาก มองข้ามไปได้เลย
ไส้ทอดจึงนับเป็การค้าที่ไม่ต้องลงทุน
.......................................
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] ฉื่อ คือ มาตรวัดความยาวของจีน โดย 1 ฉื่อ เท่ากับประมาณ 22.7-23.1 เิเ
[2] ชุ่น คือ มาตรวัดความยาวของจีน โดย 1 ชุ่น ยาวประมาณ 3.33 เิเ
[3] เหล้าเหลือง คือ เหล้าที่กลั่นจากข้าว
[4] ลี้ คือ หน่วยวัดความยาวของจีน โดย 1 ลี้ เท่ากับประมาณ 500 เมตร