โจวเต๋อเซิงค่อยๆ เดินเข้าไปอย่างช้าๆ แล้วหยุดตรงข้างๆหลินเยว่แล้วถามขึ้นอย่างสงสัย “สหายหนุ่มหลินเยว่ คุณ้าทำอะไรหรือ?”
“ตัดหินหยกครับ ไม่อย่างนั้นจะคืนเงินได้อย่างไร”หลินเยว่พูดขึ้นเหมือนเป็เื่ธรรมดาในขณะเดียวกันมือของเขาก็กำลังควบคุมเครื่องตัดหินหยกโดยไม่ได้หยุดชะงัก
“ตัดหินหยก? คืนเงิน?” โจวเต๋อเซิงอึ้งไปชั่วครู่หลังจากนั้นจึงฝืนยิ้มออกมาแล้วถามขึ้น “คุณบอกว่าจะกลับไปหยิบเงิน 1.2 ล้านหมายถึงหินหยกก้อนนี้หรือ?”
หลินเยว่ไม่ได้หันกลับมามอง เขาตอบ “อืม”ด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วก็ลงมือจัดการกับเครื่องตัดหินหยกต่อไป
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าฝืนยิ้มของโจวเต๋อเซิงจึงฝืนยิ้มออกมามากยิ่งขึ้น
“1.2ล้านหยวนหมายถึงหินหยกหนึ่งก้อน ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะตัดได้หรือไม่ เพราะถึงแม้จะตัดได้จริงๆแล้วหินหยกก้อนนั้นจะมีมูลค่าถึง 1.2 ล้านหยวนด้วยหรือ?”
โจวเต๋อเซิงมองหินหยกที่วางอยู่ใต้เครื่องตัดหินหยกเขาถอนหายใจน้อยๆ ถึงแม้ว่าหินหยกก้อนนี้จะมีดอกสน แต่ลักษณะภายนอกดูไม่ค่อยดี โอกาสพนันได้มีไม่ค่อยสูง
แต่ทำไมเขาถึงดูมีความมั่นใจขนาดนั้นเลยล่ะ?
โจวเต๋อเซิงมองเื้ัของหลินเยว่ที่กำลังง่วนกับงานตรงหน้าอยู่ในใจของเขาเกิดความสงสัยอยู่ลึกๆ
เมื่อคนรอบๆได้ยินว่าหลินเยว่จะตัดหินหยกเพื่อใช้เงินคืน 1.2 ล้านหยวน พวกเขาต่างรู้สึกว่าโลกใบนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้วเหตุการณ์ที่พวกเขาได้เจอในวันนี้มันเกินจินตนาการที่พวกเขาสามารถรับรู้ได้
“เด็กหนุ่มคนนี้บ้าไปแล้วหรือเปล่า ตอนแรกก็ใช้เงิน1.2 ล้านหยวนเพื่อซื้อหินหยกที่มีรอยแตกร้าวก้อนหนึ่งส่วนตอนนี้ก็จะตัดหินหยกที่มีลักษณะไม่ค่อยดีเท่าไรต่อหน้าสายตาของทุกคนเพื่อใช้เงินคืน1.2 ล้านหยวนก้อนนั้น”
“ก็นั่นน่ะสิ! การกระทำก่อนหน้าก็ดูบ้าพอแล้วแต่พอดูเหตุการณ์ในตอนนี้กลับดูบ้ายิ่งกว่า เขาคงไม่รู้ว่าคำว่า ‘ตายแน่’เขียนอย่างไร”
“ผมคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้สมองคงผิดปกติไม่กี่วันก่อนเขาก็ใช้เงิน 500 หยวนพนันได้เป็4 แสนหยวนเขาอาจจะเป็พวกมือใหม่ เมื่อเห็นว่าสามารถพนันได้ในครั้งเดียวก็เลยคิดว่าตัวเองเก่งกาจไร้เทียมทานแต่กลับไม่รู้ว่าวงการอาชีพนี้มันลึกลับซับซ้อนขนาดไหน!”
“โอ้ว! เขาก็คือคนที่พนันได้จาก500 หยวนเป็4 แสนหยวนเองหรอ ดูอย่างนี้ก็เหมือนไม่มีความพิเศษเลยนะ?หรือว่ามันเป็เพียงเื่บังเอิญ?”
“80% น่าจะเป็แบบนั้นไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางทำเื่ที่ดูบ้าคลั่งได้ขนาดนี้หรอก เอาสิ เขาบ้าของเขาไปส่วนเราก็ดูของเราต่อไป ก็แค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น การเป็กลุ่มคนที่ดูละครมันก็ไม่เลวนักหรอก”
“ที่พูดก็มีเหตุผล ฮ่าๆ......”
……
เหตุการณ์หนึ่ง... จากหนึ่งบอกต่อกันเป็สิบจากสิบบอกต่อกันเป็ร้อย จึงมีคนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ล้อมเข้ามา
เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรอบๆตัวก็ลอยเข้าหูของหลินเยว่หมดทุกคำพูด แต่เขากลับทำเหมือนไม่ได้ยินเพราะความจริงย่อมเอาชนะได้ทุกสิ่ง ถึงตอนนี้เขาจะพูดอะไรออกมามันก็ไม่มีประโยชน์อันใดแต่เขาจะใช้ความจริงเป็ตัวอุดปากทุกคน!
และตอนนี้เขาก็ไม่สนใจความกังวลอื่นๆ อีกแล้ว
เขารู้สึกว่าตัวเองก็บ้าคลั่งพอดู แต่ทว่ามีเงิน 50ล้านวางกองอยู่ตรงหน้าการที่เขาจะทำเื่บ้าคลั่งสักครั้งมันก็ดูไม่เลวเลยทีเดียว
ไอ้บ้าเอ๊ยนี่มันเครื่องตัดหินหยกสมัยไหนกันเนี่ย บ้าเอ๊ย ทำไมมันใช้ยากอย่างนี้วะปรับตั้งนานแล้วทำไมยังปรับไม่ได้สักที!
ช่างเถอะ เริ่มลงมือเลยดีกว่า
ตอนแรกหลินเยว่วางแผนไว้ว่าจะลงมีดครั้งเดียวตัดออกเป็สองส่วนก็จบแล้วแต่ตอนนี้เขาจึงได้แต่ยึดใบเลื่อยของหินหยกไว้ให้ดีหลังจากนั้นก็จะใช้มืออุ้มหินหยกค่อยๆ เลื่อนเข้าไปด้านใน
หลินเยว่ลากเส้นบางๆหนึ่งเส้นลงบนเปลือกผิวของหินหยก และเปิดสวิตช์เครื่องตัดหินหยกหลังจากนั้นเขาจึงออกแรงอุ้มหินหยกแล้วค่อยๆอุ้มเลื่อนเข้าไปหาตำแหน่งที่ใบเลื่อยกำลังหมุนอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้อารมณ์ของคนที่ล้อมดูอยู่จึงเริ่มถูกปลุกความตื่นเต้นขึ้นมา
เื่ประหลาดเกิดขึ้นกันทุกปี แต่ทำไมวันนี้มันเยอะเป็พิเศษนักวะ!
หากเป็หินหยกขนาดใหญ่ประมาณฝ่ามือทั้งสองข้างแล้วทำการตัดแบบนี้ก็ยังพอเป็ไปได้เพราะอย่างน้อยมันก็ควบคุมไว้ได้ง่าย แต่เด็กหนุ่มเบื้องหน้าคนนี้กลับอุ้มหินหยกขนาดสิบกว่ากิโลกรัมทำการตัดแบบนี้เขาไม่กลัวว่าหากแรงไม่พอ มือทั้งสองสั่นไปนิดแล้วจะทำให้ตัดหยกด้านในเสียอย่างนั้นหรือ?
เมื่อเห็นการกระทำของหลินเยว่แล้ว สายตาของเถ้าแก่เกาที่มีความดีใจก็ยิ่งมีมากยิ่งขึ้นแล้วยังมีประกายดูถูกซ่อนอยู่ลึกๆ ส่วนโจวเต๋อเซิงที่ยืนดูอยู่ข้างๆกลับปรากฏรอยยิ้มอย่างสงสัยใคร่รู้ขึ้น สำหรับเขาแล้ว 1.2 ล้านหยวนก็ไม่ได้ถือว่ามากมายอะไรแต่สามารถเห็นการกระทำอันบ้าคลั่งของเด็กหนุ่มฉากหนึ่ง ก็ถือว่าคุ้มค่าทีเดียวเขาไม่ได้มีความรู้สึกตื่นเต้นจนเืพล่านขนาดนี้มานานแล้ว
เถียนเซิ่งและวัยรุ่นอีกคนต่างจ้องการกระทำของหลินเยว่ตาไม่กะพริบสายตาของพวกเขามีความตกตะลึงและยิ่งไปกว่านั้นก็คือความสงสัย
หลินเยว่เองก็กลัวว่ามือทั้งสองข้างของเขาจะสั่นอยู่เหมือนกันเป็เพราะเส้นที่เขาลากไว้นั้นเป็เส้นที่สามารถผ่าให้เห็นหยกด้านในได้พอดี หากมือของเขากระตุกเอียงเข้าไปด้านนอกก็ยังพอไหวแต่หากกระตุกเข้าด้านในแล้ว ก็จะทำให้ตัวหยกเกิดความเสียหายไปบางส่วน แต่ทว่าหลินเยว่มีความมั่นใจเขามั่นใจว่ามือและแขนทั้งสองข้างของตัวเองมีพลังเพียงพอที่จะรับน้ำหนักขนาดนี้ได้และความมั่นใจนี้ก็มาจากการฝึกฝนผ่าธูปนั่นเอง
มือของหลินเยว่ค่อยๆ เคลื่อนไปด้านหน้าใบเลื่อยที่กำลังหมุนอยู่ก็ัักับหินหยกในมือของหลินเยว่เกิดเป็เสียงบาดหูขึ้นผู้คนทั้งหลายต่างจับจ้องไปที่ใบเลื่อยและเส้นที่หลินเยว่ลากไว้เส้นนั้นพวกเขาพบว่าใบเลื่อยนั้นตัดลงบนรอยเส้นที่หลินเยว่ลากไว้อย่างแม่นยำพวกเขามองภาพนี้อย่างตกตะลึง
เขามีพลังที่น่ากลัวจริงๆ!
เป็ฝีมือการตัดหินหยกที่แม่นยำจริงๆ!
ขณะที่ทุกคนกำลังอุทานอยู่ในใจนั้นหลินเยว่ก็เริ่มเร่งความเร็วของมือตัวเองให้มากขึ้นหินหยกก็ถูกผลักเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็วเสียงบาดหูขณะตัดหินหยกก็กลายเป็เสียงการหมุนตัวของใบเลื่อยเพียงอย่างเดียวอย่างรวดเร็วหินหยกถูกตัดออกเป็สองส่วนแล้ว
เมื่อเห็นว่าหินหยกถูกตัดอย่างพอดีและการเร่งความเร็วของหลินเยว่เมื่อสักครู่พวกเขาเ่าั้จึงมองหลินเยว่ด้วยสายตาเหมือนกำลังมองตัวประหลาดอยู่
เด็กหนุ่มคนนี้ยังเป็มนุษย์อยู่หรือเปล่า?
หรือเป็ท้าวโลกบาลถือเจดีย์ลงมาจุติอย่างนั้นหรือ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนจังหวะสุดท้ายที่หินหยกถูกผ่าออกเป็สองส่วนและแต่ละส่วนก็ควรจะตกลงมาแต่หลินเยว่กลับใช้มือทั้งสองข้างอุ้มหินหยกทั้งสองส่วนไว้ส่วนที่เล็กกว่าก็ยังพอไหว แต่อีกส่วนมีน้ำหนักอย่างน้อยสิบกิโลเลยนะ
มือข้างหนึ่ง? สิบกิโลกรัม? อุ้มขึ้นมา?
หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้ฝึกยกน้ำหนักมาหรือเปล่า?
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงยังไม่มีสติกลับคืนมานั้น หลินเยว่จึงวางหินหยกทั้งสองก้อนลงบนพื้นดินหลังจากนั้นจึงปิดสวิตช์เครื่องตัดหินหยก
ตัดหินหยกเสร็จแล้ว แล้วผลของมันล่ะ?
หลินเยว่หยิบหินหยกที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาใช้น้ำในกะละมังที่ตั้งอยู่ข้างๆ ล้างผงหินสีขาว้าออกเนื้อหยกสีเขียวสดใสพลันปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเนื้อหยกนี้ หลินเยว่จึงยิ้มออกมาทันทีถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตัดหินหยกมาหลายวันแล้ว แต่ฝีมือการตัดของเขาไม่ได้ลดลงเลยดูเหมือนว่าจะมีการพัฒนาขึ้นอีกด้วย
เมื่อเห็นว่าหลินเยว่ยิ้มให้กับหินหยกโจวเต๋อเซิงจึงเป็คนแรกที่ได้สติขึ้นมา เขารู้ว่าจะต้องมีหยกปรากฏขึ้นและก็ต้องเป็หยกที่ไม่เลวด้วย เขาจึงชะโงกหน้าเข้าไปดู
เมื่อเห็นเนื้อหยกสีเขียวเช่นนี้โจวเต๋อเซิงพลันเกร็งขึ้นไปทั้งร่างกายและจิตใจ หยกชั้นดีเลยนะ!
เถ้าแก่เกาก็ได้สติขึ้นมาเช่นกันเขาจึงรีบยื่นหน้าเข้าไปดู เมื่อเห็นหยกแล้วสีหน้าของเขากลับแสดงอาการไม่อยากเชื่อขึ้นมาทันทีแต่เพียงไม่นานก็กลับกลายเป็ความริษยาลึกๆ เข้ามาแทนที่
ผู้คนรอบๆ เห็นการกระทำของผู้าุโทั้งสองพวกเขาจึงได้สติขึ้นมาบ้าง และต่างชะโงกหน้าเข้าไปดูสิ่งที่ปรากฏในสายตาของพวกเขาคือสภาพหินที่โค้งงอดูซับซ้อน เมื่อเป็สภาพเช่นนี้พวกเขาทั้งหมดต่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เป็หินที่มีความซับซ้อนจริงๆแต่เมื่อพวกเขาเห็นหยกด้านในแล้ว สายตาของพวกเขาก็มีแต่ความไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นพวกเขามีเพียงความตกตะลึง
ตัดได้แล้ว?
ต้องตัดได้แน่ๆ!
เมื่อได้สติขึ้นมาจากความตื่นตะลึงนี้แล้วสายตาของทุกคนที่มองหลินเยว่จึงเปลี่ยนไปอีกครั้ง มันดูล่องลอยและมีความซับซ้อนยิ่งขึ้นพวกเขารู้สึกไม่เข้าใจว่าทำไมหลินเยว่ถึงได้มีความมั่นใจว่าจะตัดได้ได้มากขนาดนี้ล่ะ?อีกทั้งผลสุดท้ายก็ยังตัดได้จริงๆ เสียด้วย พวกเขารู้สึกไม่อยากเชื่อเลย เพราะดูมันเหลือเชื่อยิ่งกว่ามีหิมะตกในเดือนมิถุนายนเสียอีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้