เกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบคึกคัก ครื้นเครงและน่าสนใจขึ้นทุกที
เทศกาลโคมไฟฤดูร้อนที่สิบห้าปีจะมีขึ้นครั้งหนึ่ง เนื่องจากการมาปรากฏตัวของคุณชายคนหนึ่งทำให้งานดูน่าสนใจมากขึ้น คุณชายคนนี้พลังฝีมือสูงล้ำกว่าทุกคน อย่างน้อยก็สามารถอยู่ในลำดับที่สามของทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐี คล้ายกับว่าไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ สุดยอดเคล็ดวิชาของตระกูลเฟิง ตระกูลฮวา หรือแม้กระทั่งฝ่ามือสยบัที่มีชื่อเสียงของท่านหลงจ้าวแห่งเขตปกครองเขาก็แสดงได้ยอดเยี่ยมกว่าลูกหลานที่เป็ผู้สืบทอดโดยตรงเสียด้วยซ้ำ และยังใจปล้ำขนาดมอบมารอสูรระดับเจ็ดเทอโรซอร์ที่ทั้งห้าตระกูลยังอยากได้ มอบให้เยว่ชิงเฉิงง่ายๆ โดยไม่ยี่หระ และที่สำคัญเขามาจากนครแห่งเทพ
นครแห่งเทพไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภายในใจของผู้คนทั่วทั้งทวีปัเพลิง ปกป้องคุ้มครองทั้งสามเผ่าพันธุ์มานับพันๆ ปี ทำให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างอยู่เย็นเป็สุขไม่ต้องเป็ห่วงกังวลใดๆ นครที่อยู่บนูเาสูงใหญ่เสียดฟ้าลูกนั้นคือสิ่งสำคัญที่ทำให้เป็ทวีปัเพลิงอย่างทุกวันนี้
วันนี้เหล่าคุณชายทั้งหลายที่มาจากที่ต่างๆ ของเขตปกครองเทพาได้มีโอกาสเปิดหูเปิดตาเห็นฝีมือของผู้คนจากนครแห่งเทพ พวกเขาไม่ได้ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็ความใจปล้ำ ท่วงท่าอากัปกิริยาและพลังฝีมือ ทุกๆ ด้านล้วนข่มเหล่าคุณชายที่อยู่ในงานได้ทั้งหมด และทำให้หลายคนยอมแพ้อย่างศิโรราบ ดูดังเช่นเวลาปกติทำตัวสูงส่งเหนือใครอย่างนายน้อยแห่งตระกูลเสว่ ตอนนี้อยู่ต่อหน้าเขาไม่ต่างอะไรจากสุนัขตัวหนึ่ง
พวกเขาต่างตื่นเต้นคึกคักกับสิ่งที่ได้เห็น ได้เห็นลูกหลานของทั้งห้าตระกูลที่เวลาปกติทำตัวสูงส่งเหนือผู้อื่นถูกคุณชายจากนครแห่งเทพข่มจนโงหัวไม่ขึ้น! พวกเขาคิดตามเหตุผลความเป็จริงว่า สาวงามที่ราวกับนาง์ที่อยู่้า มีเพียงผู้ที่มาจากนครแห่งเทพเพียงเท่านั้นที่จะคู่ควรกับนาง ที่จะคู่ควรจะได้นาง
อืม? สงสัยจะเล่นใหญ่จนเกินไป!
มองดูเ้าตัวใหญ่ตรงหน้าที่แผ่กลิ่นไอป่าเถื่อนดุร้ายน่ากลัวออกมา เยว่ชิงเฉิงรู้ได้ทันทีว่าตนเองเล่นใหญ่จนเกินเลยไปเสียแล้ว นางเริ่มลำบากใจขึ้นมาเพราะของขวัญพิเศษจากถูเชียนจวิน พิเศษเกินไปจริงๆ! มารอสูรระดับเจ็ดที่นครแห่งเทพไว้ใช้เป็พาหนะในการเดินทางโดยเฉพาะ ของขวัญชิ้นนี้ไม่ใช่อะไรที่เล็กน้อยทั่วไป หากรับก็เท่ากับว่ายอมรับและต้องไปกับเขา เดิมทีแค่อยากกระตุ้นและยั่วยุเย่ชิงหานเท่านั้น เพราะเย่ชิงหานทำท่าทางไม่สนใจและเฉยเมยมาตลอด ทั้งหมดล้วนเป็เพราะจิตใจของสาวน้อยที่อยากจะเอาชนะที่ก่อเื่ ตอนนี้เล่นใหญ่จนเกินเลยมาขนาดนี้เลยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี...
“ขอบคุณในความมีน้ำใจของคุณชายถู มารอสูรระดับนี้มอบให้ตระกูลเยว่ ตระกูลเยว่ก็ไม่มีความสามารถที่จะเลี้ยงเอาไว้ได้ คุณชายเก็บกลับไปก่อนเถอะ หากสุดท้ายแล้วเยว่ชิงเฉิงเลือกคุณชายค่อยมอบให้ก็ยังไม่สาย!” สุดท้ายก็เป็เยว่จีที่แสดงความเห็นออกมาช่วยแก้ไขปัญหาใหญ่ของเยว่ชิงเฉิง ประโยคนี้เยว่จีเป็คนพูดเหมาะสมที่สุด หากเยว่ชิงเฉิงพูดเองก็ไม่ต่างจากการปฏิเสธ ดังนั้นถูเชียนจวินพยักหน้าเก็บเทอโรซอร์และไม่ได้บีบบังคับจนเกินไป จากนั้นจึงหันไปคุยกับเสว่อู๋เหินอย่างสบายใจขึ้น...
มีคนมีความสุขก็ย่อมมีคนไม่มีความสุข
เฟิงจื่อหน้าดำคล้ำ ฮวาเฉ่านิ่งเงียบไม่พูดไม่จา หลงสุ่ยหลิวใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย ส่วนเย่ชิงหานยังคงกินผลไม้ของตนเองต่อไปเงียบๆ บ่งบอกความหมายชัดเจนว่าไม่เกี่ยวอะไรกับข้า เื่ในวันนี้ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งอย่างแน่นอน
“ตาแก่หนิว หน้าตาในวันนี้อย่างไรก็จะต้องกู้กลับคืนมาให้ได้...” เหล่าผู้าุโสูงสุดที่อยู่้าแม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับลอบส่งกระแสเสียงพูดคุยกัน น้ำเสียงทั้งไม่สบอารมณ์ทั้งไม่ยินยอม
“ตาแก่หนิว บอกเ้าหนูตระกูลเ้าขึ้นไปแสดงฝีมือสักหน่อยสิ เ้าพูดเองไม่ใช่รึว่าเ้าหนูตระกูลเ้าสุดยอด? นางเด็กสาวชิงเฉิงตระกูลเ้าไม่้ารึ?” ผู้าุโสูงสุดจากตระกูลฮวาส่งกระแสเสียงมาถาม
เย่ชิงหนิวดื่มน้ำชาอยู่เงียบๆ ดวงตาคู่ปูดโปนของเขาถลึงตามองไปยังผู้าุโทั้งสองคน จากนั้นมองไปที่เสว่เฟยที่อยู่ด้านข้างราวกลับหลับไปแล้วนั้น...เดิมทีเขายังคิดอยู่ว่าทำไมเย่ชิงหานถึงไม่ขึ้นไปแสดงฝีไม้ลายมือแบบคนอื่นบ้าง? ตอนนี้ถึงได้เข้าใจว่าเ้าหนูคนนี้ฉลาดไม่เบาเลย ผู้าุโตระกูลเฟิงและตระกูลฮวาส่งกระแสเสียงมาเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าอยากจะลากตระกูลของตนเองลงเหวไปด้วยกันยื่นหน้าไปให้คนอื่นตบ เขาไม่ใช่คนโง่แน่นอนว่าไม่ทำเื่เช่นนั้นอยู่แล้ว
“นายน้อยหาน หน้าตาของพวกเราครั้งนี้ต้องกู้หน้ากลับคืนมาให้ได้นาาา...” เฟิงจื่อหลังจากที่นิ่งเงียบไปสักพักจึงหันมาพูดขึ้นกับเย่ชิงหาน
ฮวาเฉ่าหูกระดิกดวงตากลอกลิ้งไปมาอยู่หลายรอบจากนั้นก็ะโเข้ามาร่วมวงแล้วพูดขึ้น “ถูกต้องที่สุด พี่น้องของข้า เ้าหัวคิดดีช่วยพี่น้องของเ้ากู้หน้ากลับคืนมาหน่อยไม่ได้รึ พวกเราทั้งห้าตระกูลล้วนมีสายสัมพันธ์กันดั่งพี่น้อง ตบหน้าพวกข้าก็ไม่ต่างจากตบหน้าเ้า”
เย่ชิงหานพ่นเมล็ดแตงโมทิ้งแล้วหยิบอันใหม่ขึ้นมากินต่อไม่ได้สนใจมองเฟิงจื่อและฮวาเฉ่าเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งทั้งสองคนทนรอไม่ไหวกำลังจะพูดขอร้องออกมาอีก เย่ชิงหานจึงพูดขึ้นด้วยความไม่แยแส “เกี่ยวอะไรกับข้า! เสว่อู๋เหินก็เป็หนึ่งในตระกูลทั้งห้ามิใช่รึ? บอกเขาขึ้นไปแสดงสิ”
“ถุย! ไอ้คนถ่อยสถุนเช่นนั้นถือเสียว่าข้าตาบอดที่เคยรู้จักมันก็แล้วกัน!” เฟิงจื่อมองไปยังเสว่อู๋เหินที่กำลังพูดคุยหัวเราะกับถูเชียนจวินด้วยสายตารังเกียจและขยะแขยง
“ต่อไปยุคของพวกเรามีเพียงแค่สี่ตระกูลใหญ่เพียงเท่านั้น ข้าไม่ยอมรับไอ้สุนัขตัวนั้นเด็ดขาด” ฮวาเฉ่าพูดออกมาอย่างเ็า สิ่งที่เสว่อู๋เหินแสดงออกมาทำให้เขาเสียใจเป็อย่างมาก
“อ้อ?” สายตาเย่ชิงหานปรากฏรอยยิ้มขึ้น เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเสว่อู๋เหินเมื่อเห็นถูเชียนจวินมาถึงได้โถมเข้าหาอย่างนอบน้อมแบบชัดเจนขนาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกในตอนนี้ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกขยะแขยงเป็อย่างมาก
เสว่อู๋เหินประพฤติตัวเช่นนี้ ตาแก่ตระกูลเสว่ที่นั่งอยู่้าก็ราวกับว่ายอมรับที่เขาทำเช่นนี้? แต่เย่ชิงหานพอใจกับการแสดงออกของตระกูลเฟิงและตระกูลฮวาที่ไม่พอใจต่อความประพฤตินอกคอกของทางตระกูลเสว่ เสว่อู๋เหินที่เคยคิดจะลักพาตัวน้องสาวของเขา และเป็ต้นเหตุให้น้องสาวของเขาต้องนอนหลับเป็เ้าหญิงนิทราอยู่ทีู่เาด้านหลังของตระกูล เสว่อู๋เหินคนนี้อย่างไรเขาก็จะต้องฆ่าให้ได้
ตอนนี้เห็นท่าทีของเฟิงจื่อและฮวาเฉ่าเขายิ่งดีใจมากยิ่งขึ้น จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มว่า “ข้ารับปากพวกเ้าทั้งสี่คนไปแล้วว่าวันนี้จะไม่ลงมือใดๆ และข้าคนนี้เป็คนที่รักษาสัญญา”
“หืม?” เฟิงจื่อและฮวาเฉ่าฟังก็เข้าใจในความหมายที่แฝงอยู่ข้างในประโยคนั้น คิ้วของทั้งสองเลิกขึ้นพร้อมกัน เ้าเด็กคนนี้ลึกลับและพิลึกกึกกือแต่ไหนแต่ไรมา หรือว่าเขาจะมีวิธีการกู้หน้าคืนมาให้พวกเขาได้? ครั้นแล้วทั้งสองคนจึงพูดออกมาพร้อมกันอย่างเคร่งขรึม “แน่นอนว่านายน้อยหานเป็คนที่รักษาคำพูด ครั้งนี้เป็พวกข้าที่ขอร้องจึงไม่ถือว่าเ้าผิดคำสัญญาแต่อย่างใด”
“เหอะๆ ที่ข้ารับปากไปคือทั้งสี่คน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเ้าทั้งสี่ก็รับปากเงื่อนไขของข้าไปแล้วด้วย” เย่ชิงหานเผยมือออกอย่างราบเรียบแสดงให้เห็นถึงความอับจนปัญญา เขาไม่อยากจะมาเสี่ยงกับเื่เล็กน้อยเพียงเท่านี้แล้วถูกคนแทงข้างหลังเมื่อเข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครอง
“พวกข้าทั้งสองคนเห็นด้วยอย่างแน่นอน และคิดว่าหลงสุ่ยหลิวก็ย่อมต้องเห็นด้วยอย่างไม่ขัดข้อง เพียงแต่ไอ้คนทรยศที่อยู่ตรงนั้น ฮึ...” เฟิงจื่อพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างลำบากใจ เชื่อแน่ว่าเสว่อู๋เหินต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
.................................
เยว่ชิงเฉิงเองก็ลำบากใจ ถูเชียนจวินคนเดียวสะกดข่มรัศมีของทุกคนโดยสมบูรณ์ และตอนนี้ก็ไม่มีคนขึ้นมาแสดงฝีมืออีก ราวกับว่าล้วนยอมแพ้ต่อคุณชายที่มาจากนครแห่งเทพคนนี้แล้ว อาจจะเป็ไปได้ว่าตนเองก็เป็ลูกหลานของหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่เช่นเดียวกันกับคนอื่น ทำให้รู้สึกเกลียดชังและเกลียดแค้นศัตรูที่เหมือนกัน หรืออาจจะเป็เพราะว่าวันนี้ถูเชียนจวินแสดงท่าทีแข็งกร้าวและโอหังอวดดีจนเกินไป ดังนั้นนางจึงไม่ได้รู้สึกดีกับคุณชายที่ทำตัวสูงส่งที่มาจากนครแห่งเทพผู้นี้เท่าใดนัก เพียงแต่...ถ้าหากไม่มีคนออกมาแสดงอีกละก็นางก็ไม่รู้ว่าจะจบเื่ราวครั้งนี้อย่างไรดี ด้วยเหตุนี้นางจึงกวาดตามองไปยังเงาร่างสีดำนั่นอีกครั้ง มองเห็นท่าทางอับจนด้วยปัญญาที่เผยมือออกของเขา ในใจนางพลันเกิดความโมโหขึ้น หลังจากที่นิ่งเงียบไปชั่วครู่ ดวงตาคู่ไข่มุกสีดำพลันปรากฏแววลิงโลดดีใจขึ้น นางกระแอมออกมาครั้งหนึ่งเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคน จากนั้นพูดออกมาอย่างราบเรียบ “ทำไมรึ? คุณชายหานคิดว่าที่คุณชายถูแสดงเมื่อสักครู่ไม่ค่อยดีอย่างนั้นรึ?”
“หืม?”
คำพูดของเยว่ชิงเฉิงดึงดูดความสนใจของทุกคนไปยังเย่ชิงหานได้สำเร็จ มองดูสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์สนุกสนานของทุกคน รวมไปถึงสายตาเ็าที่กวาดมามองของถูเชียนจวิน เย่ชิงหานมองเยว่ชิงเฉิงด้วยสายตาที่แฝงความหมายลึกซึ้งไปครั้งหนึ่งด้วยแววตำหนิ
“แน่นอนว่านายน้อยหานรู้สึกไม่ค่อยเข้าตากับการแสดงเท่าไร พร์และอัจฉริยะภาพของนายน้อยหานยากนักที่คนธรรมดาจะสามารถคาดคะเนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาก็อยากจะแสดงฝีมือสักรอบอยู่เหมือนกัน เพียงแต่...เขากังวลว่าเสว่อู๋เหิน คุณชายเสว่จะไม่เห็นด้วย?” เยว่ชิงเฉิงเพิ่งพูดจบ เฟิงจื่อดวงตาเป็ประกายรีบลุกขึ้นกล่าวออกมาด้วยเสียงอันดัง
“อ้อ? อู๋เหิน มีเื่อะไรรึ?” แววเ็าในสายตาของถูเชียนจวินวาบผ่าน เอ่ยปากถามไปยังเส่ว่อู๋เหินที่นั่งอยู่ข้างๆ เสว่อู๋เหินหัวเราะแหะๆ รีบอธิบายออกมาด้วยเสียงแ่เบา ไม่ได้สนใจต่อสายตาขยะแขยงของเฟิงจื่อและฮวาเฉ่าที่มองมายังเขา
“ฮึ! อย่างนั้นเองหรอกรึ เ้ารับปากเขาไป! ข้าก็อยากเห็นเหมือนกันว่าเขาจะมีของดีอะไรแสดงออกมาให้ดู” ถูเชียนจวินกระแทกเสียงออกมาอย่างเ็า พูดออกมาอย่างไม่แยแส
ดวงตาคู่ไข่มุกดำของเยว่ชิงเฉิงเปลี่ยนแปลงไปครั้งหนึ่ง จากนั้นเริ่มเข้าใจในหลายเื่ราว ทำให้ภายในใจยิ่งมีโทสะต่อเงาร่างสีดำนั้นมากยิ่งขึ้นไปอีก และยิ่งทำให้นางตัดสินใจได้หนักแน่นยิ่งขึ้นที่จะทำให้เย่ชิงหานขายขี้หน้าและถูกตบหน้า ครั้นแล้วนางจึงใช้น้ำเสียงที่ขุ่นเคืองพูดขึ้น “คุณชายเสว่ทำไมถึงไม่เห็นด้วย?”
“ไม่ได้มีเื่ราวเช่นที่ว่ามาเลย!” หลังจากที่เสว่อู๋เหินได้รับคำสั่งจากถูเชียนจวินเขาก็ลุกขึ้นยืนในทันทีแล้วหันหน้ามองไปยังเย่ชิงหานพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อคุณชายหานอยากที่จะปล่อยไก่สักครั้ง อู๋เหินก็จะเช็ดหน้าเช็ดตารอชมด้วยความปรารถนาอย่างยิ่ง”
“คุณชายหานแสดงฝีมือให้เต็มที่ เื่ราวอย่างอื่นไม่ต้องเป็กังวล” หลงสุ่ยหลิวในตอนนี้ลุกขึ้นมาบอกเย่ชิงหานด้วยเช่นกัน แสดงออกว่าเขายืนอยู่ข้างเย่ชิงหานอย่างชัดเจน วันนี้ถูเชียนจวินตบหน้าเขาอย่างจัง ขายหน้ายิ่งกว่าที่เย่ชิงหานตบเขาจนสลบไปนอนกองกับพื้นในตอนนั้นเสียอีก จึงทำให้เขาลืมเื่ราวเก่าที่เคยมีต่อเย่ชิงหานไปชั่วคราว เขาคิดว่าในครั้งนั้นคือการต่อสู้อย่างแท้จริงในเมื่อแพ้แล้วก็ยอมรับว่าแพ้ไม่มีอะไรน่าขายหน้ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อมาหลงอู่บอกกับเขาว่าหากเย่ชิงหานไม่ยั้งมือให้ชีวิตน้อยๆ ของเขาคงได้ลงไปเที่ยวเล่นในนรกแล้ว ดังนั้นเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาตริตรองดูแล้วจึงรีบลุกขึ้นยืนสนับสนุนเย่ชิงหานในทันที หากเย่ชิงหานแสดงได้ดีอย่างน้อยก็ช่วยกู้หน้าคืนมาให้พวกเขาได้บ้าง แต่หากแสดงได้ไม่ดีเขาก็ได้ระบายความไม่พอใจที่ถูกเย่ชิงหานตบในวันนั้นออกมาสักหน่อย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวใครที่ไหนเล่าจะไม่กระทำ
“เ้าหนูหาน หากมั่นใจละก็ขึ้นไปแสดงฝีไม้ลายมือได้เลย เ้าเด็กถูคนนี้ทำให้ตาแก่หนิวอย่างข้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก” เย่ชิงหนิวส่งกระแสเสียงมายังเย่ชิงหาน
เย่ชิงหานเอามือลูบจมูกไปมาช้าๆ ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง จากนั้นลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายบิดี้เีพร้อมกับหาวออกมาครั้งหนึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคน แล้วจึงพูดขึ้น
“ั้แ่ต้นจนจบข้าคิดว่างานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนของตระกูลเยว่ที่ให้คุณชายทุกท่านทำการแสดงเพื่อคัดเลือกผู้ชายเช่นนี้เป็วิธีการที่ผิด! ทำเช่นนี้ไม่ต่างกับให้ลิงตัวเมียแสนสวยตัวหนึ่งคัดเลือกเอาลิงตัวผู้ตัวใดที่เต้นระบำได้มีเสน่ห์ที่สุดจากทั้งหมดในฝูงเพื่อที่จะได้ขึ้นเตียงกับนาง...”
คำพูดของเย่ชิงหานทำเอาทุกคนวิพากษ์วิจารณ์กันเกรียวกราว ผู้ที่อยู่ในงานไม่น้อยที่พ่นเหล้าที่กำลังดื่มอยู่ออกมา คำพูดนี้ไม่ต่างกับการล่วงเกินคุณชายทั้งหลายที่ขึ้นไปทำการแสดง และแน่นอนรวมถึงเยว่ชิงเฉิงด้วย พวกเฟิงจื่อต่างก้มหน้าร้องด่าออกมาในใจ ส่วนถูเชียนจวินไม่ได้หน้าตาดำคล้ำหรือแสดงความไม่พอใจแต่อย่างใด แต่กลับมองดูเย่ชิงหานด้วยอารมณ์สนุกสนานอย่างสนใจคล้ายกับเด็กที่เห็นของเล่นที่สนุกสนานชิ้นใหม่ ส่วนเยว่ชิงเฉิงดวงตาที่งดงามของนางหรี่ลงและคิดอยู่ภายในใจ เ้าเด็กน่าชังคนนี้พูดคำสองคำก็ “เลือกผู้ชาย” บ้าง “ขึ้นเตียง” บ้าง ล้วนเป็คำที่ไม่ค่อยรื่นหู แถมยังเปรียบเทียบตนเองเป็ลิงตัวเมียตัวหนึ่ง แม้จะเป็ลิงตัวเมียแสนสวยแต่ก็ไม่อาจให้อภัยได้...
เย่ชิงหนิวกลับอ้าปากหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เ้าเด็กคนนี้ทั้งท่วงท่าบุคลิกลักษณะนิสัยใจคอและอารมณ์ขันเหมือนกับตนเองตอนเป็หนุ่มไม่มีผิด เต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างไม่มีผู้ใดเทียบได้
ส่วนพวกผู้าุโสูงสุดท่านอื่นๆ อึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะต่างพากันส่ายหัวไปมา ดูเหมือนว่าลูกชายของเย่เตาจะมีสินัยนักเลงและเปิดเผยไม่ยึดติดต่อธรรมเนียมใดๆ มากกว่าเขาเสียอีก
เยว่จีกลับก้มหน้าลงคล้ายกับว่ากำลังครุ่นคิดพิจารณาความหมายที่ลึกซึ้งที่แฝงอยู่ในคำพูดของเย่ชิงหาน
มองดูสายตาที่ไม่เป็มิตรของทุกคน มองดูดวงตาที่ถลึงมองมาของเยว่ชิงเฉิง มองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์สนุกสนานของถูเชียนจวิน และมองดูสีหน้าที่แสดงออกถึงอาการเยาะเย้ยของเสว่อู๋เหิน เย่ชิงหานหัวเราะแหะๆ ออกมาไม่สนใจต่อสีหน้าอารมณ์ไม่พอใจของทุกคน เขาเดินออกมาอย่างช้าๆ แล้วกล่าวต่อ
“แน่นอนว่าการเปรียบเทียบเช่นนี้อาจไม่เหมาะสมนัก...เพราะความจริงแล้วข้าคิดว่าพวกเ้าแสดงได้ยังไม่น่าดูเท่ากับลิง! พวกเ้าอย่าเพิ่งปฏิเสธ ในความคิดของข้าสำหรับรูปแบบในการแย่งผู้หญิงนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็สองรูปแบบด้วยกัน รูปแบบแรกคือการอาศัยพลังฝีมือบริสุทธิ์อย่างเดียวมาสู้กันบนเวทีแบบใครแพ้ออก อย่างนี้ไม่ง่ายกว่ารึ? ข้าคิดว่าตระกูลทั้งหลายที่บรรพบุรุษตกทอดวิชาต่างๆ ไว้ให้ไม่ใช่เพื่อให้พวกเ้าเอาไว้แสดง แต่เอาไว้สังหารศัตรูหรือเอาไว้รักษาชีวิตของตนเอง อีกรูปแบบหนึ่งคือการแสดงด้านศิลปะบริสุทธิ์อย่างเดียว แม้ข้าจะมองว่าในโลกใบนี้ไม่มีศิลปะของพรรค์นี้อยู่ แต่...พวกเ้าลองคิดกันดู เมื่อสักครู่ที่พวกเ้าขึ้นมาแสดงกลับใช้พลังฝีมือที่เป็เหมือนดั่งทุกอย่างในชีวิตมาแสดงออกเป็ศิลปะ เมื่อสักครู่สิ่งที่พวกเ้าแสดงออกมานอกจากเผยให้เห็นพลังฝีมือที่แท้จริงและสุดยอดเคล็ดวิชาของตนเองนิดหน่อยจนทำให้ตนเองรู้สึกดีมีเสน่ห์ขึ้นมา แล้วนอกจากนั้นล่ะมีอะไรอีก?”
“ดังนั้น ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่พวกเ้าแสดงสู้ลิงยังไม่ได้เลย เพราะไม่ว่าจะพูดอย่างไรลิงมันก็ยังใช้ศิลปะบริสุทธิ์ในการแสดง ซึ่งไม่เหมือนพวกเ้าที่ใช้พลังฝีมือและเคล็ดวิชาที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษมาแสดงระบำลิงกัน แล้วอย่างนี้จะไปสู้แม้แต่ลิงได้อย่างไร? ซึ่งข้าดูแล้วยังรู้สึกไม่สบายตา และข้าคนนี้เป็คนตรงรู้สึกอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น คุณชายทุกท่านที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็ระดับหัวกะทิด้วยกันทั้งนั้น มีจิตใจกว้างใหญ่ดั่งมหาสมุทรคิดว่าทุกคนคงไม่ถือโทษโกรธกัน เอาละ...วันนี้คำพูดคุยโวก็ได้พูดออกไปแล้ว หากไม่แสดงอะไรสักหน่อยพวกเ้าก็คงไม่ยอมปล่อยข้าไปเป็แน่ ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะถือโอกาสเต้นระบำเพื่อเพิ่มความสนุกสนานและเพื่อเป็การไถ่โทษก็แล้วกัน แน่นอนว่าเป็การแสดงศิลปะบริสุทธิ์แท้ๆ...ระบำชนเผ่า!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้