พอยามเหม่ามาถึงผู้ร้ายที่ไม่มีใครรู้จัก ก็ได้เวลาเดินทางออกจากเมืองถู่หลาน เพื่อกลับไปเตรียมผ้าปักลวดลายใหม่ ๆ ออกมาขาย ซึ่งมันสามารถทำเงินให้กับร้านผ้าได้มากกว่าผ้าไหมทั่วไป ถึงแม้จะขายได้แต่ราคาขายที่ไม่ได้แพงเกินไป จึงใช้เวลารวมยอดเงินหลายวัน กว่าจะได้เท่าผ้าไหมเนื้อดีที่มีการปักหนึ่งผืน
ครั้งนี้ซูอันจัดการกับตระกูลเดิมรวมถึงตระกูลฮ่วน อาจทำให้ร้านผ้าของนางไม่มีเื่วุ่นวายไปสักพัก แต่ไม่มีผู้ใดกล้ารับประกันว่า เมื่อเวลาผ่านไปจากวันเป็เดือน จากหนึ่งเดือนเป็หลายเดือน จะไม่มีคนที่โลภมากในทรัพย์สินของผู้อื่น ยื่นมือเข้ามายุ่งกับนางได้อย่างไร
เมื่อมีเื่วุ่นวายนี้เข้ามาให้นางจัดการ จึงทำให้ลืมสิ่งที่เคยตกลงไว้กับหยางไท่ิ ซึ่งยามนี้เขากับฟงเฉิงฮ่าวขี่ม้าตามขบวนนักโทษอยู่ห่าง ๆ ส่วนหัวหน้าคุมขบวนนักโทษก่อนถึงประตูเมืองหลวง ได้เปลี่ยนเป็คนของบิดาจากกรมตุลาการ และทหารจากกองทัพพิทักษ์เมือง ที่บิดาของฟงเฉิงฮ่าวส่งมาช่วยคุ้มกัน
“เฮ้อออ..ในที่สุดก็กลับมาถึงเมืองหลวงเสียทีนะอาิ ข้าล่ะปวดเมื่อยไปหมดคิดถึงที่นอนนุ่ม ๆ เต็มกลืนแล้ว” ฟงเฉิงฮ่าวบ่นกับหยางไท่ิเช่นนี้มาตลอดทาง
“เ้าจะบ่นให้ได้อะไร นี่มิใช่การเดินทางครั้งแรกเสียหน่อย”
ฟงเฉิงฮ่าวหันมองสหายเมื่อได้รับการประชด “เฮ๊ ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกแล้วอย่างไร หรือเ้าไม่รู้สึกอย่างที่ข้าพูดรึอาิ อ้อ ข้านึกออกแล้ว ใช่สิใครจะชินชากับการนอนกลางดินกินกลางทรายเหมือนเ้า ที่ชื่นชอบการเดินทางเสียเหลือเกิน เพียงแค่้าหลบหลีกพวกคุณหนูในเมืองหลวง”
หยางไท่ิได้ยินคำพูดนี้ ก็ย้อนใช้มันย้อนไปหาสหายอีกครั้ง “มีข้าคนเดียวเสียที่ไหนที่หลบเลี่ยงพวกนาง ตัวเ้าเองยังไปกินนอนอยู่ที่หอสุรา หรือไม่ก็เป็โรงรับฝากเงินมิใช่หรือไง หึ”
“เ้า!! ฮึ่ย ก็ได้ข้ายอมรับเพราะพวกนางน่ารำคาญ วัน ๆ ไม่ทำอันใดเอาแต่คอยตามว่าเ้ากับข้าอยู่ที่ใด แข่งกันแต่งกายด้วยชุดสีฉูดฉาด ใบหน้ารึก็แต่งแต้มเสียหนาเตอะ ไม่รู้ว่าพวกนางเคยสังเกตบ้างหรือไม่นะ ว่ามันน่ากลัวจนข้าเก็บไปฝันร้ายอยู่หลายครั้ง” ฟงเฉิงฮ่าวพยายามหลบเลี่ยงไม่พักอยู่ที่จวนของตน
“พูดไปก็เท่านั้นเ้ากับข้าต่างก็รู้ดี สตรีในเมืองหลวงภายนอกดูเรียบร้อย มารยาทการวางตัวการพูดจาล้วนดูดี แต่นั่นเป็แค่เพียงการสร้างตัวตน เพื่อบดบังดอกบัวขาวที่อยู่ซ่อนไว้ภายในต่างหาก กลับมาครั้งนี้ข้าจะเลิกมีเมตตากับพวกนางอย่างเด็ดขาด หากมีตระกูลใดกล้าพูดเื่การเกี่ยวดอง ข้าจะกราบทูลเสด็จลุงประทานสมรสให้พวกนางแทน” หยางไท่ิจะไม่ยอมปล่อยผ่านเื่นี้อีกต่อไป เนื่องจากเขารู้สึกว่าหากไม่ทำอันสักอย่าง วันหนึ่งถ้าซูอันรู้เข้านางคงไม่ยอมเปิดใจให้เขาเป็แน่
ฟงเฉิงฮ่าวคิดว่าที่หยางไท่ิพูดมาสมเหตุสมผลอยู่มาก ในเมื่อพวกนางอยากมีสามี ก็แค่หาวิธีให้พวกนางได้ออกเรือน เพียงเท่านี้เขาก็ใช้ชีวิตอย่างเป็สุขได้แล้ว “เ้าพูดได้ดีมากอาิ ข้าจะเอาวิธีของเ้าไปใช้บ้างก็แล้วกัน แม้ข้าจะมิใช่พระนัดดาของฝ่าา แต่ท่านพ่อของข้าก็มีอำนาจไม่น้อยหน้าผู้ใด บุรุษทุกชนชั้นในเมืองหลวงมีมากมาย สตรีพวกนั้นจะมีสามีกี่คนข้ายินดีหาให้พวกนางด้วยความเต็มใจ ฮ่า ๆ ๆ”
สองสหายขี่ม้าผ้านเข้ามาจนถึงเมืองหลวงชั้นใน ก็ถึงเวลาต้องแยกกันกลับจวนของตนเอง และที่สำคัญคือหีบไม้จากซูอันกับเยี่ยนหลิง ที่พวกเขาต้องนำกลับจวนไปด้วย
“พวกเราแยกย้ายกันตรงนี้เถิดอาฮ่าว ไว้พบกันที่หอสุราอย่าลืมมาเล่าให้ข้าฟัง ว่าท่านป้าชื่นชอบของฝากจากคุณหนูเยี่ยนหลิงหรือไม่”
ฟงเฉิงฮ่าวเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ประหนึ่งเป็การยืนยันว่ามารดาของตน ย่อมชื่นชอบสิ่งที่เยี่ยนหลิงคัดเลือกมาให้ “ท่านแม่ของข้าต้องชอบอย่างแน่นอน และข้าจะบอกท่านแม่เื่ที่ข้าพึงใจหลิงเอ๋อร์ด้วย ไห่หยวนอย่าลืมนำหีบผ้าไหมตามข้ากลับจวนล่ะ”
“ขอรับคุณชายรอง”
จวนฉางิ เป็จวนพระราชทานที่ฮ่องเต้ทรงมอบให้พระขนิษฐาอย่าง เป่ยชางฉางเล่อกงจู่ หรือก็คือมารดาของหยางไท่ิ ที่ทรงอภิเษกกับเสนาบดีกรมตุลาการ หยางหย่งชาง
เมื่อหยางไท่ิมาถึงหน้าจวน อารมณ์ดี ๆ ที่เคยมีก็แห้งเหือดหายไปจากใบหน้า หลังจากเห็นรถม้าจากจวนตระกูลเวย ซึ่งเป็ตระกูลที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเหยียนอิ่นฝู เพียงแต่ว่ายังมีรถม้าอีกคันจากจวนสามีของพี่สาวตนเองจอยู่ หยางไท่ิคิดออกเพียงเื่เดียวเท่านั้น ว่าตระกูลเวยมาพบมารดาของตนด้วยเื่ใด
อู๋ซวนเห็นสีหน้าของเ้านายก็รู้ว่าอามรมณ์ไม่ดีแล้ว “คุณชายขอรับ”
“หึ วางแผนกันดีจริง ๆ คิดว่าท่านแม่ของข้า พูดคุยได้ง่ายเื่การแต่งงานของข้างั้นหรือ ยกหีบไม้ตามข้าไปที่โถงรับแขกเถิด คงมีเื่สนุก ๆ รอข้าอยู่ที่เรือนนั้นเสียแล้ว”
“ขอรับคุณชาย”
หยางไท่ิเมื่อรู้แล้วว่ามารดาของตน ต้องคอยปั้นหน้ารับแขกที่ไม่อยากเสวนา จึงได้พาตนเองเข้าไปพบเพื่อช่วยไล่แขกทางอ้อม ซึ่งด้านนอกโถงรับรองมีพ่อบ้านหยาง ยืนรอรับคำสั่งหากเ้านายเรียกหา เมื่อเห็นว่าผู้ที่เดินมาถึงคือผู้ใดก็รีบเดินไปรับทันที
“โอ้ คุณชายขอรับในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที ช่างโชคดีจริง ๆ ที่ท่านกลับมาในวันนี้ ท่านรู้หรือไม่ยามนี้องค์หญิงใหญ่อารมณ์ไม่ดี แต่ยังอดทนกับสองแม่ลูกตระกูลเวยอยู่ขอรับ”
“พวกนางมาทำอันใดที่จวนกันช่างหน้าไม่อาย ทั้งที่สามีของตนเข้าพรรคเข้าพวกกับเหยียนอิ่นฝูแท้ ๆ”
“เฮ้อ คุณชายก็น่าจะรู้อยู่แล้วกระมังขอรับ ว่าพวกนางสองแม่ลูกมาพบองค์หญิงใหญ่ด้วยเื่อันใด บ่าวทนฟังเสียงประจบประแจงไม่ไหว จึงออกมายืนรออยู่ด้านนอกแทนขอรับ” พ่อบ้านหยางระอาใจกับสองแม่ลูกเสียเหลือเกิน ระหว่างที่หยางไท่ิไม่อยู่ พวกนางพากันมาขอคารวะองค์หญิงใหญ่วันเว้นวันเห็นจะได้
หยางไท่ิเข้าใจความรู้สึกของพ่อบ้านหยาง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าบ่าวคนนี้ของบิดาคิดอันใดอยู่ “ไม่เป็ไรข้าจะจัดการเอง ท่านทำหน้าที่ของตนเองต่อไปก็พอ”
“บ่าวทราบแล้วขอรับคุณชาย”
“อู๋ซวนนำหีบนั่นตามข้าเข้าไป วันนี้ต้องมีคนเก็บอารมณ์กลับไปอาละวาดที่จวนตนเอง” หยางไท่ิคิดเื่สนุกออกมาได้ จึงให้อู๋ซวนรีบยกหีบไม้ตามเข้าไปด้านในโถงรับรอง
เมื่อหยางไท่ิเดินข้ามธรณีประตู เสียงพูดคุยเพียงฝ่ายเดียวก็หยุดชะงัก และเป็เวยหนิงซีที่ดีใจมากจนลืมนึกถึงมารยาท นางลุกขึ้นยืนเรียกหยางไท่ิจนเกือบจะก้าวเท้าออกมารับ แต่นางต้องดีใจเก้อเพราะหยางไท่ิมองนางเป็เพียงอากาศธาตุ เขาตรงไปทำความเคารพมารดาและพี่สาวเพียงคนเดียวของเขาเท่านั้น
องค์หญิงใหญ่ที่ต้องนั่งปั้นหน้าอยู่นาน ก็มีสีหน้าที่ดีขึ้นเมื่อบุตรชายเพียงคนเดียวกลับมา “ิเอ๋อร์เ้ากลับมาั้แ่เมื่อใดหรือ”
“คารวะท่านแม่ พี่หญิงขอรับ/ถวายบังคมองค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ คารวะอิ่นฮูหยินขอรับ”
“มา ๆ ๆ มานั่งข้าง ๆ แม่ดีกว่า เป็อย่างไรบ้างการเดินทางครั้งนี้ มีปัญหาอันใดเกิดขึ้นกับพวกเ้าบ้างหรือไม่ แม่ยังบ่นกับพี่สาวของเ้าอยู่เลยนะ ว่าเ้าจะไปนานกว่าครั้งก่อนหรือจะกลับเร็วกันแน่” องค์หญิงใหญ่ไม่สนใจแขกสองคนที่นั่งหัวโด่ตรงหน้า หลังจากบุตรชายสุดรักกลับมาถึงจวน
หยางไท่ิไม่สนใจเื่มารยาทกับคนที่เกลียดชัง จึงนั่งลงข้าง ๆ มารดาและบอกเล่าเื่การเดินทาง “ท่านแม่การเดินทางไปตรวจโรงรับฝากเงินครั้งนี้ พบเจอเหตุการณ์รุนแรงอยู่บ้าง แต่ไม่น่าสนใจเท่าสิ่งที่ข้านำกลับมาฝากท่านแม่กับพี่หญิงหรอกขอรับ”
การกระทำของหยางไท่ิช่างขัดตาเวยฮูหยินยิ่งนัก ไม่มีการทักทายนางก็ช่างเถิดแต่กับบุตรสาวที่งดงามของนาง หยางไท่ิก็ไม่มีท่าทีจะหันมามองสักนิด ความขุ่นมัวในดวงตาของเวยฮูหยินนั้น มีหรือที่สามแม่ลูกจะมองไม่ออก แต่นี่คือสิ่งที่เวยฮูหยินต้องเจอทุกครั้งที่เยือนจวนขององค์หญิงใหญ่
