“ท่านพ่อ ท่านแม่เ้าคะ” กู้เจิงร้องเรียกสองสามีภรรยาเสิ่นที่เดินอยู่ด้านหน้า
พวกเขาหันกลับมามองนาง
“ข้าอยากช่วยสวี่เจาเ้าค่ะ” ยายเฒ่าสกุลสวี่มองปราดเดียวก็รู้ว่ารับมือยาก แต่ในเมื่อที่นี่ก็มีพ่อแม่สามีอยู่ และสามีก็อยู่ที่นี่ด้วย นางจึงอยากได้การสนับสนุนจากพวกเขา
สองสามีภรรยาเสิ่นมองหน้ากัน
นางหญิงเสิ่นมองลูกสะใภ้ นางเองก็อยากจะช่วยเเต่ในใจก็ยังลังเลอยู่ตลอด นางมองไปทางสามีด้วยสายตาอ้อนวอน “ท่านพี่?”
นายท่านเสิ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาเข้าใจความคิดของภรรยาและลูกสะใภ้ดี อีกอย่างในไหใต้เตียงในบ้านก็ยังมีเงินเก็บอยู่หลายร้อยตำลึงสำหรับเป็เงินสำรอง หากจะถูกตระกูลสวี่หลอกลวงจริงก็คงจะไม่มีอะไรมาก เขาตัดสินใจแล้วพยักหน้า “ช่วยก็ช่วย”
กู้เจิงและชุนหงต่างดีใจ ลอบยิ้มให้แก่กัน
กู้เจิงหมุนตัวออกไป ไม่นึกว่าจะเห็นเสิ่นเยี่ยนยังยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาของเขามองนางด้วยความอบอุ่น เมื่อครู่เขาไม่ได้ตามมาหรือ? นางมัวคิดแต่เื่สวี่เจาจนไม่สังเกตเห็นเขา ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาจะมามัวสงสัย กู้เจิงรีบเข้าไปหาท่านหมอชราแล้วพาเข้าไปในห้อง
“นี่ พวกเ้า...” ก่อนที่หญิงชราตระกูลสวี่จะพูดจบ ก็ถูกชุนหงเตะจนล้มลงไปกองกับพื้น
กู้เจิงส่งสายตาชมเชยให้ชุนหง นางผลักประตูห้องของแม่สวี่เจาออก แล้วพาท่านหมอชราเข้าไป
ภายในห้องมีหมอตำแยคนหนึ่ง นางเอาแต่นั่งมองหญิงตั้งท้องอยู่เฉยๆ ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย พอเห็นคนผลักประตูเข้ามาก็ใ
กู้เจิงเห็นมารดาของเสี่ยวเจานอนร้องไห้ทรมานอยู่บนเตียง ใบหน้าของนางเป็สีเขียวเข้ม ทำเอาคนที่เห็นรู้สึกกลัวไปด้วย
“เป็ท่านหมอเฒ่าแห่งถนนสามนี่เอง แม่ของสวี่เจารอดแล้ว” หมอตำแยดีใจมากที่เห็นท่านหมอเฒ่า
“มีอะไรที่ข้าช่วยได้ไหม?” กู้เจิงถาม
ตอนนั้นเอง นายหญิงเสิ่นก็เดินเข้ามา “น้ำเดือดหรือยัง?”
“ยังเลย” หมอตำแยกล่าว
“ข้าจะไปดูเอง” เสียงของนายท่านเสิ่นดังขึ้นจากนอกห้อง
ท่านหมอเฒ่าเริ่มตรวจชีพจรให้แม่ของสวี่เจา ก่อนจะเปิดกล่องยาแล้วหยิบเข็มเงินออกมา
หมอตำแยมองกู้เจิงพลางกล่าวว่า “เ้ายังไม่เคยคลอดลูกกระมัง ตรงนี้เ้าช่วยอะไรไม่ได้หรอก ออกไปก่อนเถอะ” ว่าแล้วก็ดันกู้เจิงออกไป
กู้เจิงมองสีหน้าของท่านหมอเฒ่าตอนที่จะออกไป แม้สีหน้าของท่านหมอจะดูเคร่งขรึมแต่ก็ไม่ถึงขั้นตระหนก กู้เจิงถอนหายใจและเดินออกจากประตูไป เมื่อออกมานางก็เห็นเสิ่นเยี่ยนยืนคุยอยู่กับยายเฒ่าสกุลสวี่ ยายเฒ่าคนนั้นไม่ได้ทำท่าหยิ่งผ่องเหมือนเมื่อครู่ นางกลับตัวสั่นงันงก
เมื่อเห็นกู้เจิงออกมาจากห้องแล้ว เสิ่นเยี่ยนจึงเอ่ยถาม “แม่ของเจาเอ๋อร์ไม่เป็อะไรใช่ไหม?”
“ไม่รู้เหมือนกันเ้าค่ะ ท่านหมอไม่ได้พูดอะไรเลย” ทันทีที่กู้เจิงเอ่ยจบ เสียงะโอย่างเ็ปของแม่เสี่ยวเจาก็ดังขึ้นจากในห้อง
“ท่านแม่” สวี่เจาคิดจะวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อดูมารดา แต่ชุนหงได้ห้ามไว้ก่อน
“เสี่ยวเจา มานี่” เสิ่นเยี่ยนกวักมือเรียกเขา
“พี่เสิ่นเยี่ยน พี่สะใภ้” สวี่เจาเช็ดน้ำตาแล้วโขกศีรษะคำนับให้กู้เจิงและเสิ่นเยี่ยน เขาไม่รู้ว่าควรจะกล่าวขอบคุณอย่างไรดี รู้เพียงแต่ว่า ไม่ว่าท่านแม่จะเป็อะไรไปหรือไม่ พวกเขาล้วนเป็คนดีที่ช่วยมารดาไว้
กู้เจิงรีบพยุงเด็กคนนี้ขึ้นมา นางมองใบหน้าเล็กอันซูบผอมของเสี่ยวเจาพร้อมเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “วางใจเถอะ แม่เ้าจะต้องไม่เป็อะไรแน่ เ้าเฝ้าแม่อยู่ข้างนอกเถอะนะ เข้าไปก็มีแต่จะทำให้แม่เ้าเป็ห่วง?”
สวี่เจาพยักหน้าอย่างว่าง่าย
กู้เจิงหันไปพูดกับชุนหง “ชุนหง เ้าไปที่ร้านขายยาดูว่ามียาบำรุงอะไรที่ช่วยหญิงคลอดบุตรได้หรือไม่ ถ้ามีก็ซื้อมาเยอะหน่อย”
“เ้าค่ะ” ชุนหงรับคำและรีบจากไป
หลังจากจัดการเื่ทุกอย่างเสร็จ กู้เจิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ว่าอย่างไรนางก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว นางเงยหน้ามองเสิ่นเยี่ยน ความอ่อนโยนในดวงตาของเขาทำให้นางเขินอาย
กู้เจิงมองยายเฒ่าสกุลสวี่ที่คอยประจบประแจงพวกเขา ในใจก็เกิดความสงสัยกับการเปลี่ยนแปลงนี้ ทว่านางมีเื่สำคัญยิ่งกว่า จึงจูงเสิ่นเยี่ยนไปถามเสียงเบาว่า “ท่านพี่ ที่จริงเมื่อครู่ท่านตัดสินใจจะช่วยเสี่ยวเจาอยู่แล้วใช่หรือไม่เ้าคะ?”
“ใช่” เสิ่นเยี่ยนมองภรรยาพร้อมเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “แต่เ้าก็ทำได้ดีมาก”
กู้เจิงกลับไม่สังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงของเสิ่นเยี่ยน “ถ้าข้าไม่ช่วยคนเล่า? ทานจะผิดหวังในตัวข้าไหมเ้าคะ?”
“เ้าเป็ภรรยาของข้า ไม่ว่าเ้าจะทำอะไร สิ่งนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
กู้เจิงกะพริบตาปริบๆ ประโยคนี้ฟังแล้วคลุมเครือมาก แต่ไม่ว่าอย่างไร กู้เจิงก็รู้สึกดีใจที่ตัวเองตัดสินใจที่จะช่วยชีวิตคนๆ นึง
เสียงเ็ปของแม่เสี่ยวเจาดังขึ้นอีกครั้ง เสียงร้องนี้ขาดๆ หายๆ เป็เวลาตลอดครึ่งชั่วยาม
ชุนหงซื้อยาบำรุงมากองใหญ่ มีหมดทุกอย่างหลากหลายแบบ ถึงกับใช้เงินเดือนทั้งเดือนของนางเลยทีเดียว หมอที่นั่นบอกว่าอันไหนดีนางก็ซื้อมาอย่างละนิด ชุนหงรีบเข้าไปในห้องเอาไปให้ท่านหมอเฒ่าเลือก
ระหว่างนั้น นายหญิงเสิ่นกับหมอตำแยก็ยกอ่างน้ำเจือเืใบใหญ่ออกมาเป็ระยะ พวกนางนำมาเปลี่ยนเป็น้ำสะอาดแล้วเข้าไปใหม่ ส่วนนายท่านเสิ่นก็คอยต้มน้ำอยู่ในห้องครัว
สายตาของกู้เจิงจับจ้องไปยังบิดาของเสี่ยวเจาที่ขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง นางดูแคลนผู้ชายคนนี้ แม้แต่ภรรยาและลูกยังดูแลให้ดีไม่ได้เลย หากเป็ในชาติที่แล้วของนาง ตอนนี้นางคงพุ่งเข้าไปก่นด่าเขานานแล้ว
“คิดอะไรอยู่หรือ?” เห็นคิ้วของภรรยาขมวดแน่น เสิ่นเยี่ยนจึงถาม
“ถ้าแม่ของเสี่ยวเจาคลอดบุตรเป็ลูกผู้หญิงจะทำยังไงเ้าคะ?” กู้เจิงเป็ห่วงเื่นี้
เสิ่นเยี่ยนจูงมือกู้เจิงเดินไปหายายเฒ่าสกุลสวี่ ก่อนเอ่ยเสียงเย็น “ท่านป้าสวี่ ถ้าแม่ของเสี่ยวเจาให้กำเนิดบุตรสาว ท่านวางแผนจะทำยังไง? "
“แน่นอนว่าต้องดูแลให้ดีอยู่แล้ว” ป้าสวี่ยิ้มแหย
กู้เจิงมองสามีอย่างงุนงง นางอยากถามว่าเขาทำอะไรลงไป?
เสิ่นเยี่ยนมองยายเฒ่าสกุลสวี่แล้วเอ่ยขึ้นอีกว่า “จำสิ่งที่ท่านพูดไว้ให้ดี หากข้ารู้ว่าท่านทำอะไรไม่ดีกับเด็กและแม่เสี่ยวเจา ข้าจะไปแจ้งกับทางการเื่ที่ลูกชายของท่านแอบขโมยของ”
หญิงชราใจนเกือบคุกเข่าลง “ข้ารู้ ข้ารู้ ข้าจะปฏิบัติต่อแม่ของเสี่ยวเจาและบุตรสาวที่คลอดออกมาอย่างดีอย่างแน่นอน”
กู้เจิงประหลาดใจ พ่อของเสี่ยวเจาขโมยของด้วยหรือ? การข่มขู่ป้าสวี่นับว่าเป็ความคิดที่ดี
จู่ๆ ในห้องก็เงียบไป กู้เจิงใ “ทำไมจู่ๆ ถึงไม่มีเสียงแล้วล่ะ?”
เสิ่นเยี่ยนขมวดคิ้วและมองไปในห้อง
ทุกคนได้ยินเพียงเสียงร้องของแม่เสี่ยวเจา จากนั้นก็ได้ยินเสียงของหมอตำแยดังตามมา “คลอดแล้ว คลอดแล้ว แย่แล้ว เด็กกลั้นหายใจอยู่ในท้องนานเกินไป ไม่หายใจแล้ว”
กู้เจิงได้ยินดังนั้นก็อดจับแขนสามีไว้แน่นไม่ได้
เสิ่นเยี่ยนมองใบหน้าซีดเซียวของภรรยาแล้วกอดนางไว้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จนประตูห้องเปิดออก นายหญิงเสิ่นเดินออกมาด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย ตามมาด้วยท่านหมอเฒ่าและหมอตำแย สีหน้าของทั้งสามคนดูเคร่งเครียดอย่างมาก
ในใจของกู้เจิงมีลางสังหรณ์ไม่ดี
“ท่านแม่ แล้วเด็กล่ะขอรับ?” เสิ่นเยี่ยนถาม
ยายเฒ่าสกุลสวี่ บิดาของเสี่ยวเจา และเสี่ยวเจาล้วนมองนายหญิงเสิ่น
ตอนที่นายหญิงเสิ่นส่ายหน้า ท่านหมอเฒ่าก็พูดอย่างเสียดายว่า “ช่วยเด็กเอาไว้ไม่ได้ เป็เด็กผู้ชาย จ้ำม่ำน่าเอ็นดูทีเดียว”
ยายเฒ่าสกุลสวี่และพ่อเด็กทรุดตัวลงนั่งกับพื้นในพริบตา ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ สองมือของยายเฒ่าทุบลงกับพื้น ร่ำไห้ออกมา
เมื่อเห็นสองแม่ลูกคู่นี้ กู้เจิงก็อยากจะเอาไม้สักท่อนมาตีพวกเขาเพื่อระบายความโกรธออกมา แม้จะบอกว่าสมควรแล้วกับความคิดอันชั่วร้าย แต่เด็กที่ตายไปแล้วเล่าเขาผิดอันใดกัน? การเอาการตายของเด็กมาสมน้ำหน้าคนชั่วเช่นนี้ จิตใจของนางจะดีไปกว่ากันสักแค่ไหนกันเชียว?
“ท่านป้าเสิ่น ท่านแม่ข้าไม่เป็อะไรใช่ไหมขอรับ?” เสี่ยวเจาเดินไปถามนายหญิงเสิ่นเสียงเบา ใบหน้าผอมแห้งดำคล้ำฉายแววหวาดกลัว
นายหญิงเสิ่นลูบแก้มเสี่ยวเจาด้วยความเอ็นดู “นางไม่เป็ไร แต่นางเหนื่อยแล้ว จำต้องพักผ่อนให้เต็มที่”
ในที่สุดใบหน้าของเสี่ยวเจาก็ปรากฏรอยยิ้มผ่อนคลายออกมา
ในคืนดาวพร่างฟ้า อากาศหนาวเหน็บ
คนตระกูลเสิ่นไม่ได้นั่งรถม้ากลับบ้าน แต่พากันค่อยๆ เดินกลับบ้านแทน
ตลอดทางไม่มีใครพูดอะไรเลย ทุกคนยังคงหมกมุ่นอยู่กับเื่ของตระกูลสวี่ที่เกิดขึ้นในวันแรกของปีใหม่
นายท่านเสิ่นถอนหายใจ “ต่อให้เด็กคนนั้นเกิดในตระกูลสวี่ ก็ไม่มีทางมีความสุขหรอก”
“โชคดีที่แม่ของเสี่ยวเจาไม่เป็อะไร” เสี่ยวเจาเป็เด็กดี แม้นายหญิงเสิ่นจะเสียดายเด็กอีกคนที่ตายไป แต่นางเป็ห่วงอนาคตของเสี่ยวเจายิ่งกว่า
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชุนหงก็ปรนนิบัติกู้เจิงล้างเนื้อล้างตัว
กู้เจิงเอาแต่นั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง จนแม้แต่เสิ่นเยี่ยนเดินเข้ามาในห้องนางก็ไม่ได้ยินเสียง
ชุนหงถืออ่างน้ำเอาเข้ามาให้เสิ่นเยี่ยน ก่อนจะออกไปและปิดประตูตามหลัง
เสิ่นเยี่ยนใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากของภรรยา เขากล่าวเสียงเรียบว่า “เลิกคิดได้แล้ว นอนเถอะ เื่ของคนอื่น อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วย อะไรที่ทำเต็มที่แล้วแต่ช่วยไม่ได้ก็ไม่จำเป็ต้องเก็บมาใส่ใจ”
ถ้อยคำนี้ฟังดูไร้ความปราณีจริงๆ แต่กู้เจิงก็รู้ว่ามันเป็เื่จริง นางจึงพยักหน้าแล้วปีนขึ้นเตียง