หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นและมองไปที่หมอาุโเครายาวซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กระนั้นนางก็ไม่ได้พูดอะไร
ลู่จื่อยู่เห็นว่าไม่มีคนไข้คนไหนเข้ามาหาหลินกู๋หยู่
"เดินไปต่อแถวทางนั้นก็ได้" ลู่จื่อยู่เหลือบมองฝูงชน พูดพลาง โบกมือให้บางส่วนในบรรดาคนไข้ไปหาหลินกู๋หยู่พลาง
เพียงแต่ผู้ป่วยเ่าั้แต่ละคนต่างก็ก้มศีรษะลงแกล้งทำเป็ไม่รู้ ยังคงเข้าแถวตามเดิม
หลินกู๋หยู่ชำเลืองมองไปยังผู้คนในโรงหมอ แพทย์ที่ตรวจรักษาคนไข้ในโรงหมอแห่งนี้ล้วนมีหนวดเคราสีขาว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีอายุมากแล้ว
ไม่แปลกว่าทำไมคนไข้ถึงไม่มาหานางเพื่อตรวจอาการ ตัวนางเองอายุเพียงสิบสี่ปี นางอายุยังน้อย และอ่านอ่านหนังสือแพทย์มาไม่กี่ปีเท่านั้น บางทีบรรดาหมอที่อยู่ในที่แห่งนี้ตรวจรักษาคนไข้มามากกว่าหนังสือทางการแพทย์ที่นางอ่านเสียอีก
ลู่จื่อยู่มองไปที่ฝูงชนที่ยังคงเข้าแถวอยู่ในตำแหน่งเดิมพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย " อย่ามองว่าหมอหลินอายุน้อยเกินไป ก่อนหน้านี้คนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งติดเชื้อไข้ทรพิษ ถ้าไม่ใช่เพราะหมอหลินช่วยรักษาไว้ เกรงว่าคนในหมู่บ้านจะไม่มีใครรอดชีวิตได้ มีเพียงคนชราสองสามคนเท่านั้นที่ไม่รอด ส่วนคนอื่นๆ ก็หายป่วยกันทุกคนแล้ว"
หมอตู้ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหลินกู๋หยู่มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความประหลาดใจ
เนื่องจากเขาเคยได้ยินลู่จื่อยู่เคยพูดถึงหลินกู๋หยู่เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว เขามองใบหน้าหลินกู๋หยู่เป็เวลานาน ก็เข้าใจในทันทีว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ใส่เสื้อผ้าผู้ชาย
"หมู่บ้านที่เกิดไข้ทรพิษเป็หมู่บ้านของครอบครัวของท่านแม่ของข้า ข้าได้ยินมาว่าหมอเป็สตรี" คนไข้คนหนึ่งพูดอย่างกังขา แล้วก็กระแอมไอสองครั้งอย่างควบคุมไม่ได้
"เป็ผู้หญิงงั้นหรือ?"
"ใช่แล้ว และข้าก็ได้ยินมาว่าคนในหมู่บ้านนั้นนับถือสตรีคนนั้นราวกับเป็เทพธิดา ว่ากันว่าผู้ใหญ่บ้านถึงกับเตรียมเงินเป็พิเศษเพื่อสร้างศาลเ้าให้กับสตรีนางนั้น"
“จริงหรือเท็จ เป็สตรีจริงหรือ?”
“ดูเหมือนว่าจะอายุเพียงสิบสี่ปีเท่านั้น”
......
ระหว่างฟังการสนทนาของพวกเขา หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยความสงสัย "ทำไมข้าถึงไม่รู้เื่การก่อสร้างศาลเ้าละ?"
“ข้าแนะนำเ้าว่าอย่าปลอมตัวเป็สตรีคนนั้นจะดีกว่า เ้าเห็นหรือไม่ ก็เห็นๆ อยู่ว่าเ้าเป็ผู้ชาย”
"เ้าสิบแปดมงกุฎ!"
“ถูกต้อง เขาเป็สิบแปดมงกุฎ!”
“รีบไสหัวออกไปเสีย อย่าทำให้ชื่อเสียงของสตรีนางนั้นต้องแปดเปื้อน”
“เ้าเด็กน้อย เ้าเรียนอะไรไม่เรียน แต่ริอ่านเลียนแบบตรวจรักษาโรคเหมือนสตรีคนนั้น เ้าดูตัวเ้าสิ แค่เพศสภาพของเ้าก็ไม่เหมือนแล้ว แม้เ้าจะปลอมตัวมาก็เถอะ อย่างไรเสียก็ควรที่จะปลอมตัวให้มันเหมือนมากกว่านี้”
.....
ใบหน้าของหลินกู๋หยู่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นางมองดูคนเ่าั้อย่างสงบเย็น
ลู่จื่อยู่เดินมาบังตัวหลินกู๋หยู่ไว้ข้างหลังเขา พูดด้วยใบหน้าที่กระอักกระอ่วน "เพื่อความสะดวก ข้าให้แม่นางหลินใส่เสื้อผู้ชาย!"
หลินกู๋หยู่ลุกขึ้นช้าๆ เดินไปที่เด็กอายุห้าขวบที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ ใบหน้าของเด็กซีดเซียวจนน่ากลัว หญิงที่อยู่ข้างๆ เด็กชายคอยถูที่แผ่นหลังของเขาไม่หยุด ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างก็ดูร้อนใจอย่างมาก
“เ้าเจ็บคอ มีน้ำมูกไหล หรือเจ็บหน้าอกหรือไม่?” หลินกู๋หยู่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา เอ่ยถามอย่างช้าๆ
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด สตรีคนนั้นก็มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความประหลาดใจ ความกังวลก็ปรากฏบนใบหน้าของนางอย่างชัดเจน นางพยักหน้าเศร้าๆ "ใช่"
“เป็ไข้มานานเท่าไรแล้ว?”
“สิบกว่าวันแล้ว” สตรีคนนั้นพูดทั้งน้ำตา เมื่อได้ยินเด็กชายไอ นางก็อดไม่ได้ที่จะเช็ดริมฝีปากเด็กชายด้วยผ้าขนหนู “เพียงแต่ใน่หลายวันนี้อาการไม่ดีขึ้นเลย ทานยามามากแล้วแต่ไม่ได้ผลอะไรเลย”
แม้ว่าการกินยาจะไม่ได้ผล แต่กระนั้นก็ต้องมาพบหมอ
หลินกู๋หยู่โน้มตัวไปข้างหน้าเด็ก มองลงไปที่เด็กอย่างจริงจัง แล้วพูดว่า "ถ้าข้าดูไม่ผิด เขาน่าจะเป็โรคหัด"
"ไร้สาระ!" จู่ๆ หมอตู้ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปด้านหน้าเด็กและมองดูอย่างระมัดระวัง จากนั้นพูดต่อ "เห็นได้ชัดว่าเด็กเป็ไข้ ไม่ใช่โรคหัดดังที่เ้าพูดเสียหน่อย"
"ข้าคิดว่าข้าดูไม่ผิด" หลินกู๋หยู่หันศีรษะไปมองหมอตู้ พูดอย่างสงบ "ไอ น้ำมูกไหล มีน้ำตา มีไข้ บางทีอาการทั้งหมดนี้อาจจะเป็อาการของไข้ แต่เมื่อสังเกตดูให้ดี จะเห็นได้ว่าตาของเขาบวมน้ำ น้ำตาไหลมาก ขอบเปลือกตาล่างปรากฏเส้นเืแนวนอนสีแดง"
เมื่อพูดดังนั้น หลินกู๋หยู่ก็หยุดจังหวะการพูดชั่วคราว ก่อนที่จะกล่าวต่อว่า "ถ้าเป็โรคหัด ก็ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการรักษาไข้ได้"
เมื่อทุกคนฟังคำพูดของหลินกู๋หยู่ พวกเขาแต่ละคนก็ตกอยู่ในความงุนงง
หลินกู๋หยู่พูดต่อว่า "เด็กคนนี้เป็โรคหัดระยะแรก ตราบใดที่เขาได้รับการรักษาที่เหมาะสม ก็จะสามารถหายเป็ปกติได้ เมื่อพบว่าเป็โรคหัด ส่วนใหญ่จะอยู่ใน่ที่มีผื่นขึ้น ในระยะแรกจะมีผื่นแดงเบาบาง ขึ้นเฉพาะหลังใบหูและลำคอ แล้วค่อยๆ ลามไปเรื่อยๆ"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด จู่ๆ ก็ได้ยินคนร้องอุทาน
“ท่านพี่ ท่านมีผื่นแดงที่หลังใบหูจริงๆ ด้วย” ผู้หญิงคนหนึ่งเปล่งเสียงร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ
เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูด หลายคนก็เริ่มที่จะตรวจสังเกตร่างกายของคนใกล้ชิดของตนเอง และก็พบว่าหลายคนมีผื่นขึ้น
หลายคนเริ่มเชื่อว่าหลินกู๋หยู่ตรวจรักษาได้ สิ่งที่นางพูดนั้นถูกต้องและกระจ่างแจ้ง
อย่างไรก็ตาม ยังมีคนบางส่วนที่ไม่เชื่อ ทักษะทางการแพทย์หากไม่เรียนรู้ให้มาก ไม่ตรวจรักษาสั่งสมประสบการณ์ให้มาก ความเชี่ยวชาญในการรักษาจะพัฒนาได้อย่างไร มองหลินกู๋หยู่เช่นนี้ ทักษะของนางคงจะด้อยกว่าหมอคนอื่นๆ
ใบหน้าของหมอตู้ซีดลง เขามองไปทางอื่นด้วยใบหน้าที่มืดมน พูดอย่างเ็าว่า "เหลวไหล ร่างกายของใครบ้างที่ไม่เคยมีผื่นแดง มีผื่นไม่ได้หมายความว่าจะเป็โรคหัดไปเสียทั้งหมด"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอตู้พูด หลินกู๋หยู่ก็ลดสายตาลงช้าๆ "สิ่งที่ท่านพูดนั้นถูกต้อง แต่บางสถานการณ์ก็จำเป็ต้องวิเคราะห์โดยละเอียดให้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆ"
หลังจากที่หลินกู๋หยู่พูดจบ นางก็ตรงไปที่โต๊ะของนางและนั่งลง และเริ่มกระจายกระดาษ
ผู้ป่วยคนหนึ่งเดินมายืนอยู่ข้างหน้าหลินกู๋หยู่ จากนั้นคนไข้ก็กรูไปข้างหน้านาง
ลู่จื่อยู่มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความพึงพอใจ จากนั้นขอให้ผู้ป่วยแต่ละคนเข้าแถวอย่างเป็ระเบียบ
ผู้ที่ได้ตรวจโรคคนแรกนั้นเป็เด็กชายตัวเล็กๆ คนนั้น หลินกู๋หยู่ยืนยันว่าเด็กชายคนนี้เป็โรคหัดระยะแรก นับว่าเขาตรวจพบโรคเร็ว สามารถรักษาโรคให้หายได้เร็วเช่นกัน
หลังจากถามคำถามเพิ่มเติม หลินกู๋หยู่ก็หยิบพู่กันเพื่อจะจดใบสั่งยา
มือของหลินกู๋หยู่ที่ถือพู่กันสั่นเล็กน้อย จากนั้นนางก็วางพู่กันในมือลงบนโต๊ะ
ลู่จื่อยู่เดินไปหาหลินกู๋หยู่ด้วยความสงสัยว่า "เกิดอะไรขึ้นหรือ?"
“ข้า” หลินกู๋หยู่กำลังจะบอกว่านางเขียนไม่เป็ แต่อย่างไรเสีย นางก็เกรงว่าคนเหล่านี้จะตื่นตระหนกเอาได้ จึงพูดว่า “หรือว่าขอให้ใครสักคนช่วยเขียนให้ข้า ลายมือของข้าไม่สวยเท่าใดนัก เรียกคนมาช่วยเขียนแทน ข้าจะบอกแค่ตัวยาก็ได้แล้ว"
ลู่จื่อยู่พยักหน้า แล้วส่งคนงานข้างๆ เข้ามาช่วย
"คราบจักจั่นสองเฉียน [1] เป่ยจื่อฉ่าวหกเฉียน หนิวป้างจื่อสี่เฉียน เก๋อเกินสิบสองเฉียน..." หลินกู๋หยู่พูดอย่างคล่องแคล่ว หมอตู้ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามนางถึงกับใ หลังจากคิดไตร่ตรองครู่หนึ่ง หลินกู๋หยู่ก็กล่าวว่า "สิ่งเหล่านี้แบ่งเป็ถุงแต่ละชนิด ทานวันละสองส่วนก็เพียงพอแล้ว"
ผู้หญิงที่อุ้มเด็กมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างตื้นตัน สายตาเต็มไปด้วยความขอบคุณ
ตรวจผู้ป่วยคนแล้วคนเล่า หลินกู๋หยู่ตรวจอาการและสามารถสั่งยาได้ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
บางคนเป็หัด บางคนเป็ไข้ธรรมดาทั่วไป และอีกคนมีอาการท้องเสีย
หลินกู๋หยู่ง่วนอยู่กับการตรวจรักษาตลอดทั้ง่เช้า ในขณะที่นางกำลังจะเตรียมทานอาหารในตอนเที่ยง นางก็เห็นว่ายังมีคนจำนวนมากยังคงรออยู่ด้านนอก
หมอหลายคนวิ่งวุ่นไปมาโดยไม่ได้หยุดพัก
ในตอนเที่ยง ลู่จื่อยู่แบ่งหมอสี่คนออกเป็สองกลุ่ม ผลัดกันรับประทานอาหาร
เมื่อหลินกู๋หยู่กลับมาที่ลานหลังโรงหมอ นางก็เห็นโต้ซานั่งอยู่บนเก้าอี้และรับประทานอาหารด้วยช้อน มีเด็กหนุ่มทำงานตากยาสมุนไพรสองสามคนอยู่ข้างๆ และคอยคีบอาหารให้โต้ซา
“ท่านแม่!” โต้ซาะโเสียงดังทันทีที่เห็นหลินกู๋หยู่ ใบหน้าเล็กๆ แดงระเรื่อ ดูเหมือนไม่ได้เขินอายแล้ว
เด็กน้อยเลื่อนลงจากเก้าอี้ด้วยขาสั้นๆ รีบวิ่งไปหาหลินกู๋หยู่ด้วยความเร็ว
“รบกวนพวกเ้าที่ช่วยดูแลลูกให้ข้าแล้ว ขอบคุณจริงๆ” หลินกู๋หยู่มองไปที่คนเ่าั้อย่างจริงใจ
"ไม่เป็ไร พวกเราทุกคนชอบโต้ซา โต้ซาเป็เด็กดีมาก เช้านี้โต้ชาก็รู้จักยาสมุนไพรไม่น้อยเลย!" คนที่นั่งข้างโต้ซาพูดด้วยรอยยิ้ม
“รู้จักยาสมุนไพรหรือ?” หลินกู๋หยู่มองเด็กชายคนนั้นด้วยความประหลาดใจ และอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “เขายังเด็กมาก”
“ท่านแม่” โต้ซาดึงมือเล็กๆ ของหลินกู๋หยู่ และชี้นิ้วมือไปที่บางสิ่งข้างตัว แล้วพูดว่า “จิน… จินอิ๋นฮวา[2]”
นี่… หลินกู๋หยู่มองไปที่กองดอกสายน้ำผึ้งที่โต้ซาชี้ให้ดูด้วยความประหลาดใจ จากนั้นมุมปากของนางก็ค่อยๆ โค้งขึ้น
"โก่วจื่อ" โต้ซาชี้ไปที่โก่วฉี ลังเลอยู่นาน และพูดด้วยน้ำเสียงเด็ก
“โต้ซา น้าบอกกี่ครั้งแล้วว่ามันคือโก่วฉี ไม่ใช่โก่วจื่อ!” เด็กตากยาหยุดทานอาหาร เดินมาหาโต้ซา ก่อนที่จะแก้ไขในสิ่งที่โต้ซาพูดผิดด้วยท่าทางจริงจัง
"โก่ว... จื่อ[3]?" โต้ซาเอียงศีรษะ มองไปที่เด็กตากยาด้วยความสงสัย หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดว่า "โก่ว... ฉี[4]"
"เยี่ยมเลย!"
"ท่านแม่" โต้ซาดึงหลินกู๋หยู่เดินออกไปด้านนอก พร้อมชี้ไปที่เหลียนเฉียว[5] ที่กำลังตากแดดด้านนอก "เหลียนเฉียว ... มันขดตัวอยู่"
"น่าทึ่งมาก" หลินกู๋หยู่ก้มลงอุ้มโต้ซาขึ้นมา จูบริมฝีปากโต้ซาฟอดหนึ่ง แล้วพูดว่า "โต้ซาฉลาดมาก"
ทุกคนที่มองการกระทำของหลินกู๋หยู่ต่างลดศีรษะลงด้วยความเขินอาย
ลู่จื่อยู่เดินเข้ามาจากด้านนอก เห็นหลินกู๋หยู่ยังคงยืนอยู่ที่สนามหญ้า จึงเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า "ทำไมเ้าไม่เข้าไปทานอาหารละ?"
"ข้ากำลังจะเข้าไปเดี๋ยวนี้" หลินกู๋หยู่มองไปที่ลู่จื่อยู่ด้วยรอยยิ้ม เดินเข้าไปพร้อมกับโต้ซาในอ้อมแขน
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินไปที่ด้านข้างของลู่จื่อยู่ กระซิบบางอย่างข้างใบหูของเขา จากนั้นเขาจึงหันกลับและเดินไปที่บ้านข้างๆ
"จื่อยู่ ผู้หญิงคนนั้นมีปัญหา ทำไมเ้าถึงพาคนเช่นนี้มาที่นี่" หมอเฒ่าลู่นั่งด้านหน้าโต๊ะ พูดพลาง เขียนอักษรลงบนกระดาษอย่างเป็ธรรมชาติราวกับก้อนเมฆที่ลอยละล่องอยู่และคล้ายกับสายน้ำไหลเอื่อยๆ
"ท่านปู่" ลู่จื่อยู่ยืนเบื้องหน้าหมอเฒ่าลู่ด้วยความเคารพนอบน้อม พูดอย่างช้าๆ ว่า "นางมีความสามารถนั้นจริงๆ"
"ตลกสิ้นดี!" จู่ๆ หมอเฒ่าลู่ก็วางพู่กันในมือไว้ข้างๆ หมึกหนาหยดหนึ่งหยดลงบนกระดาษ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเบิกกว้างมาก มองไปที่ลู่จื่อยู่อย่างเ็า
"ท่านปู่ ข้าก็แค่อยากจะขอให้นางมาช่วยก็เท่านั้น" ลู่จื่อยู่อดไม่ได้ที่จะพูดแก้ต่าง
หมอเฒ่าลู่เดินช้าๆ ไปยังตรงหน้าลู่จื่อยู่ ใบหน้าของเขาน่าเกลียดมาก "สิ่งที่นางทำข้างนอก เ้าไม่เห็นหรือ? เ้ารีบส่งนางกลับไปให้เร็ว ไม่เช่นนั้นข้าจะหาคนไปไล่นางด้วยตัวเอง!"
………………………………………………………………………………………
[1] เฉียน มาตราชั่งตวง หนึ่งเฉียนเท่ากับห้ากรัมตามมาตราชั่งตวงในปัจจุบัน
[2] จินอิ๋นฮวา ชื่อไทยคือ ดอกสายน้ำผึ้ง
[3] โก่วจื่อ หมายถึง ไอ้ลูกหมา
[4] โก่วฉี (จีนกลาง) เก๋ากี๋ (จีนแต้จิ๋ว) Barbary Wolfberry Fruit
[5] เหลียนเฉียว (จีนกลาง) เหลี่ยงเคี้ยว Weeping Forsythia Capsule
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้