เช้าวันต่อมา ถังชิงหรูสวมชุดของน่าหลันหลิน ทั้งยังรวบผมขึ้นเกล้ามวยกลางกระหม่อม และแต่งกายเยี่ยงบุรุษ
ในหมู่บ้านมีวัวเทียมเกวียนรับจ้าง แต่ตอนนี้นางกำลังจนกรอบ ไม่มีเงินนั่งรถ จึงวางแผนไว้ว่าจะเดินเข้าไปในเมือง พอออกจากหมู่บ้านมาไม่นาน ก็มีรถเทียมโคตามหลังมา
"แม่นางถัง เ้าจะเข้าเมืองหรือ" เ้าของวัวเทียมเกวียนผู้นี้เป็ชายวัยกลางคนนามว่าฉินหง เอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ถังชิงหรูปรายตามองเรียบๆ พลางขานตอบอย่างเ็า "อื้ม" หลังจากนั้นพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงเอ่ยถาม "ท่านจำข้าได้อย่างไร ข้าอุตส่าห์เปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วเชียวนะ"
ฉินหงตอบอย่างเหนียมอาย "หนึ่งท่าทางการเดินของเ้า มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็สตรี สองจากต่างหูของเ้า ทั้งหมู่บ้านมีเ้าคนเดียวที่สวมต่างหูแบบนี้"
ถังชิงหรูคลำติ่งหูของตนเอง พบว่ามีต่างหูสวมอยู่ พลันรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก รีบถอดออกทันที ส่วนเื่ท่าทางการเดิน คนผู้นี้กลับช่วยเตือนสติทางอ้อม นางมีชาติกำเนิดเป็คนตระกูลสูง จึงได้รับการอบรมกิริยามารยาทมาโดยเฉพาะ ย่อมมีบุคลิกที่คนสามัญทั่วไปไม่มี ดูท่าตนเองคงต้องเก็บงำเสียหน่อย หากถูกใครพบเข้าว่าไม่ใช่เ้าของร่างเดิม ไม่แน่ว่าอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็ตัวประหลาด เกิดถูกจับไปเผาทั้งเป็แล้วจะยุ่ง เื่แบบนี้ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น
"ตอนนี้เล่า ยังมีตรงไหนมิเหมาะสมหรือไม่" ถังชิงหรูจงใจก้าวใหญ่ๆ ออกมาสองสามก้าว "เป็อย่างไร ยังมองออกว่าเป็ข้าอยู่หรือไม่"
"แบบนี้ค่อยดูเป็บุรุษขึ้นหน่อย" ฉินหงลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนยิ้มกล่าวด้วยความจริงใจ "จริงสิ แม่นางถัง ท่านอยากขึ้นมานั่งหรือไม่ ถึงอย่างไรก็ไปที่เดียวกัน มิสู้นั่งรถของข้าดีกว่า คนหมู่บ้านเดียวกันก็เหมือนญาติพี่น้อง ถึงวันนี้ไม่มีเงิน วันหน้าค่อยทยอยจ่ายก็ได้"
ถังชิงหรูไม่นึกอยากข้องเกี่ยวกับคนในหมู่บ้านเท่าไรนัก เื่เมื่อวานเป็ประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำ เห็นชัดว่าคนในหมู่บ้านเ็ากับพวกนางและนายบ่าว ดังนั้นจึงเพิกเฉยเมื่อตนเองถูกคนในวัยเดียวกันเ่าั้รังแก เมื่อเป็เช่นนี้ ก็ควรต่างคนต่างอยู่ น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลองจะดีกว่า จะมากระตือรือร้นแสดงน้ำจิตน้ำใจอะไรตอนนี้ นางไม่ใช่คนใจกว้างนักหรอกนะ
"ทยอยจ่ายก็ต้องจ่ายอยู่ดี ตอนนี้ข้าไม่มีเงินสักอีแปะ ไม่มีคืนให้หรอก ดังนั้นความปรารถนาดีของท่านข้าขอรับไว้ด้วยใจก็แล้วกัน" ถังชิงหรูกล่าวจบก็เดินมุ่งหน้าต่อไป บนเกวียนมีสตรีออกเรือนแล้วสองสามคนกับหญิงสาวแรกรุ่นอยู่สองสามคน หนึ่งในนั้นก็คือฉินเหยา แล้วก็ฉินลี่ที่เคยช่วยพูดแทนนางตอนนั้นอีกคน ถังชิงหรูเห็นฉินลี่ยิ้มให้ตนเอง ส่วนฉินเหยา แค่ไม่ลุกขึ้นมาตบก็ดีมากแล้ว ตอนนี้ยังไม่อยากก่อเื่ ดังนั้นคิดเสียว่านางเป็อากาศธาตุไปเสียดีกว่า
"ลุงหง ผู้อื่นไม่รับน้ำใจ ก็อย่าไปคะยั้นคะยอเลย ไม่แน่ว่าใครบางคนอาจชอบเดินก็ได้" เมื่อว่านฉินเหยาตกเป็เบี้ยล่างให้ถังชิงหรู ตอนนี้ใบหน้ายังบวมฉึ่ง คนในบ้านห่วงว่านางจะเสียโฉม จึงตัดสินใจพาไปให้หมอรักษา อายุนางปีนี้ถึงเวลาคุยเื่แต่งงานแล้ว หากมีคุณชายบ้านไหนมาหมายตา ก็พร้อมแต่งออกไปได้ทุกเมื่อ จึงไม่อาจปล่อยให้รูปโฉมถูกทำลาย
ฉินหงยิ้มเก้อ เตรียมบังคับเกวียนจากไป ถึงอย่างไรตนเองก็ออกปากแล้ว อีกฝ่ายไม่รับไมตรี ตนเองก็ไม่ควรบากหน้าตามตอแยต่อไป แม้ว่าคิดจะดึงผู้เยี่ยมยุทธ์มาเป็พวก แต่หากจงใจประจบสอพลอเกินไปกลับจะทำให้ผู้อื่นนึกรำคาญเสียมากกว่า
ถังชิงหรูมองฉินเหยาปราดหนึ่ง ก่อนหันไปยิ้มกล่าวกับฉินหง "เกวียนของท่านเต็มแล้ว ข้าขึ้นไปจะนั่งตรงไหน ดีชั่วอย่างไรข้าก็เป็แขก มิสู้ให้นางยืน แล้วข้าจะได้นั่งแทนที่นาง"
ถังชิงหรูชี้ไปที่ฉินเหยา
ผู้ที่นั่งข้างฉินเหยาคืออวี๋ซื่อ นางขึงตาใส่ถังชิงหรูพลางแค่นเสียงเยาะ "เพ้อเจ้อ พวกเราจ่ายเงินแล้ว ผีขอทานอย่างเ้านอกจากจะอยากนั่งรถ ยังคิดจะแย่งที่นั่งของพวกเราอีกหรือ ฝันไปเถอะ!"
เมื่อวานอวี๋ซื่อถูกถังชิงหรูตีจนสลบ เพิ่งฟื้นขึ้นมาเมื่อเช้านี้ พอนางตื่นขึ้นมาได้ยินเื่ที่ถังชิงหรูทำกับตนเองก็คับแค้นใจคันปากยิบๆ แต่คนในบ้านบอกว่าสตรีผู้นี้เป็วรยุทธ์ อย่าไปหาเื่จะดีกว่า มิเช่นนั้นต่อให้เกณฑ์คนมาทั้งบ้านก็หาใช่คู่ต่อสู้ของนาง
เพราะได้รับคำเตือนจากคนในบ้าน วันนี้ทั้งอวี๋ซื่อและฉินเหยาจึงไม่สู้กับถังชิงหรูด้วยมือ แต่สู้ด้วยฝีปากแทน แท้ที่จริงพวกนางสองคนแทบอยากจะกลืนอีกฝ่ายเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว หากไม่ใช่คนทางบ้านตักเตือนด้วยความห่วงใย ประกอบกับฝีมือของสตรีผู้นี้ พวกนางคงลงไปก่อเื่วิวาทั้แ่เห็นหน้ากันแล้ว
ฉินหงได้ยินความ้าของถังชิงหรูก็เอ่ยอย่างลำบากใจ "ไม่ค่อยเหมาะกระมัง แม่หนูเหยากับสะใภ้อวี๋จ่ายเงินแล้ว ข้าไม่อาจทำเช่นนั้นได้หรอก"
"งั้นก็ช่างเถอะ" ถังชิงหรูเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ "ข้าเองก็ไม่อยากนั่งรถคันเดียวกับคนปากโสโครกเช่นนั้น"
"ที่จริงเบียดๆ กันหน่อยก็ได้ น้องสาว เ้ามานั่งที่ข้าดีกว่า ข้าเป็คนแข็งแรง ยืนหน่อยก็ไม่เป็ไร" ฉินลี่เอ่ยกับถังชิงหรู
"ขอบใจในความปรารถนาดีของเ้า แต่ข้าเห็นใครบางคนแล้วหงุดหงิด เว้นเสียแต่คนผู้นั้นไม่นั่ง ข้าถึงจะขึ้นไป" ถังชิงหรูส่ายหน้ากล่าวยิ้มๆ
ฉินลี่มองฉินเหยา ก่อนรั้งสายตาไปที่ฉินหง คนเชิญถังชิงหรูเป็เขา ส่วนคนที่ไม่กล้าล่วงเกินฉินเหยากับอวี๋ซื่อก็เป็เขาอีกเช่นกัน ฉินลี่เห็นเขาทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้ แสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่้าล่วงเกินคนในหมู่บ้านเพื่อคนนอก ก็อดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ นางลุกขึ้นหันไปพูดกับหลี่ว์ซื่อ "พี่สะใภ้ ข้าจะตามน้องสาวท่านนี้เข้าเมือง ท่านล่วงหน้าไปก่อนเถอะ แล้วพบกันที่ร้านผ้า"
หลี่ว์ซื่อใ คิดจะห้ามปราม แต่ฉินลี่ก็ะโจากเกวียนลงไปแล้ว หลี่ว์ซื่ออยากพูดบางอย่าง แต่เห็นถังชิงหรูทอดสายตามาก็รีบหุบปาก หัวเราะกลบเกลื่อน "เช่นนั้นพี่สะใภ้ไปก่อนล่ะ"
"อื้ม" ฉินลี่หันไปมองถังชิงหรู ยิ้มกล่าว "ท่านไปเถอะ น้องหญิงถังเป็คนเก่งมีความสามารถ ข้าตามนางไปท่านวางใจได้เลย"
เกวียนเทียมโคจากไปแล้ว บนถนนใหญ่เหลือเพียงฉินลี่กับถังชิงหรูสองคน ฉินลี่ยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า "ข้านามว่าฉินลี่ น้องหญิงถัง ข้าอยากเป็สหายกับเ้าได้หรือไม่"
ถังชิงหรูทอยิ้มอ่อนจาง "เ้าเป็คนไม่เลว ข้ายินดีเป็สหายด้วย"
"เยี่ยมไปเลย" ฉินลี่ปรบมือด้วยความดีใจ "ต่อไปข้าก็มีเพื่อนคุยเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว"
"พวกเรารีบไปเดินกันเถอะ ญาติผู้พี่ของข้าอยู่บ้านคนเดียว ร่างกายของเขาอ่อนแอ ไม่อาจขาดคนอยู่ข้างกาย ข้าต้องรีบกลับไปเร็วหน่อย มิเช่นนั้นคงไม่วางใจ" ถังชิงหรูเอ่ยเรียบๆ "ข้าเดินเร็ว เ้าตามให้ทันเล่า"
"ไม่ต้องห่วง ข้าเป็คนเดินเร็วอยู่แล้ว อย่าเอาไปเหมารวมว่าเหมือนกับฉินเหยาจอมเสแสร้งดัดจริตผู้นั้นเสียล่ะ ข้าน่ะ เก่งกาจมากอยู่นะจะบอกให้" ฉินลี่กล่าวจบก็สาวเท้าก้าวใหญ่มุ่งไปด้านหน้า
ถังชิงหรูเห็นนางรีบเดินเข้ามาก็ยิ้มอ่อน ระหว่างทางทั้งสองไม่ได้สนทนากัน ถังชิงหรูเดินเร็วมาก ฉินลี่ต้องใช้วิธีวิ่งถึงจะตามทัน
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม ก็มาถึงเมืองชิ่งตามคำเล่าขาน ถังชิงหรูยืนอยู่หน้าประตูเมือง เอี้ยวศีรษะหันไปมองฉินลี่ที่วิ่งตามมาจนเหนื่อยหอบแฮ่กๆ อีกฝ่ายมีเกวียนเทียมโคสำหรับเดินทางแท้ๆ แต่กลับยังมาเดินเป็เพื่อน แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า้าผูกมิตรกับตนเอง ถังชิงหรูจงใจเร่งฝีเท้า และไม่มีทีท่าว่าจะรอแม้แต่น้อย ทำเอาอีกฝ่ายเหนื่อยจนลิ้นห้อย ยามนี้ค่อยดูนางอีกที ปรากฏว่าผู้ที่มาตามหลังกลับไม่มีท่าทีขุ่นเคืองใดๆ ทั้งสิ้น ฉินลี่วิ่งจนสายตัวแทบขาดจนมาถึงหน้านาง กล่าวพลางหอบหายใจ "น้องสาว เ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก มิเสียแรงที่เป็ยอดฝีมือ"
"ข้ามีธุระไม่อาจอยู่เป็เพื่อนเ้าได้ เราแยกกันตรงนี้เถิด ต่อไปหากมีเวลาว่างก็มาหาข้าที่บ้านได้" คนผู้นี้ไม่เลว ตนเองอยู่ที่นี่ไม่มีสหาย หากมีเพื่อนที่สามารถบอกเล่าความในใจได้ก็ไม่เลวเหมือนกัน ขอแค่เป็คนที่ควรค่าแก่การคบหาสมาคม แต่ไรมานางก็หาใช่คนใจแคบ
"ดีเหมือนกัน วันหลังข้าจะไปเที่ยวบ้านเ้านะ" ฉินลี่อารมณ์เป็ปรกติ เช็ดเหงื่อพลางเอ่ยวาจา
ถังชิงหรูแยกกับฉินลี่ตรงนั้น หลังเข้าไปในเมืองนางก็เปลี่ยนท่าทางเป็บุรุษ หาที่ว่างปักหลัก นำโต๊ะไม้ตัวเล็กที่ทำไว้เมื่อคืนมาตั้งด้านหน้า ก่อนวางกระเป๋าใส่ชุดฝังเข็มไว้บนนั้น
ก่อนหน้านี้นางเอาโต๊ะไม้ใส่กระเป๋าเป้ในระบบ หลังเข้ามาในเมือง ก็หาสถานที่ลับตาคนค่อยเอาออกมาใช้ เสียดายที่ไม่มีกระดาษพู่กันน้ำหมึก อยากจะเขียนป้ายประกาศสักแผ่นก็ไม่ได้
อุปกรณ์การแพทย์ที่สามารถใช้ได้ตอนนี้นอกจากชุดฝังเข็ม สเต็ทโตสโคป ปรอทวัดอุณหภูมิร่างกาย รวมถึงมีดผ่าตัดครบชุด แท้จริงแล้วยังมีของประเภทเข็มฉีดยาอีกด้วย แต่ตัวยาหยิบออกมาไม่ได้ ถึงมีเข็มก็ไร้ประโยชน์
"นี่มาทำอะไร ขายมีดรึ" พวกชาวบ้านเห็นนางเอาของมาวางบนโต๊ะ ก็อดใจไม่ไหวเข้ามามุงล้อมด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"แลดูประหลาดชอบกล ไม่เหมือนมีดที่จะใช้การได้เลย เล็กขนาดนี้จะไปหั่นอะไรเข้า" หญิงชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยปากด้วยสีหน้าเหยียดหยัน
ถังชิงหรูถอนใจเบาๆ เมื่อก่อนมีแต่ผู้อื่นมาขอร้องให้นางรักษา ยามนี้ตกต่ำถึงขั้นต้องมาตั้งแผงลอยข้างถนน เอาล่ะ ตั้งก็ตั้งสิ! ดีชั่วอย่างไรก็เป็หน้าตาให้นางได้บ้าง แต่คนโบราณเหล่านี้ไม่รู้จักของดี นอกจากจะไม่รู้จักเครื่องมือแพทย์ ยังถึงขั้นชักสีหน้ารังเกียจใส่นางอีก ถังชิงหรูเคยรับความไม่เป็ธรรมแบบนี้เสียที่ไหน
นางสูดหายใจลึก ลอบสะกดจิตตนเองอยู่เงียบๆ "เพื่อการดำรงชีวิตของตนเอง จงปล่อยวางเื่หน้าตาลงก่อน ข้ามด่านยากตรงหน้าไปได้แล้วค่อยว่ากัน เสี่ยวอี้าแหล่งพลังงาน หากหาไม่ได้ ก็ไม่สามารถเปิดระบบ เพื่อเสี่ยวอี อดทน อดทน อดทน"
แปะ แปะ แปะ! นางปรบมือ ริมฝีปากทอยิ้มพร่างพรายก่อนเอ่ยวาจา " พี่ป้าน้าอาทุกท่าน ผู้น้อยเป็หมอ พวกท่านเจ็บไข้อันใดก็มาให้ผู้น้อยรักษาได้ ผู้น้อยตรวจอาการให้ เขียนเทียบยาให้โดยไม่คิดเงินทอง หากไม่อยากกินยา ฝังเข็มก็รักษาให้หายได้ ผู้น้อยฝังเข็มไม่คิดเงิน ว่าอย่างไร จะลองดูหรือไม่"
ทุกคนต่างตกตะลึง พลางชี้มาที่นางเอ่ยวิพากษ์วิจารณ์
"เ้าเป็หมอ? หมอที่ไหนจะเด็กขนาดนี้"
"ถ้าเป็หมอ แล้วไฉนถึงไม่เห็นมียาสักเม็ดเลยล่ะ ขนาดหมอพเนจรในยุทธภพเ่าั้ยังรู้จักทำยาลูกกลอนมาหลอกคนบ้าง แต่ดูเ้าสิ แม้แต่เครื่องมือใช้หลอกลวงคนยังไม่ต้องใช้เลยหรือ"
"ใต้หล้านี้ไหนเลยจะมีเื่ดีขนาดนั้น ยังไม่เก็บเงินตอนนี้ รอเข้ารักษาก่อน เ้าถึงจะเริ่มขูดรีดเงินทองจากพวกเราใช่ไหมเล่า"
พวกชาวบ้านที่มามุ้งล้อมอยู่เมื่อครู่ต่างพากันแยกย้าย สายตาเหยียดหยันของแต่ละคนทำให้ถังชิงหรูใบหน้าร้อนผ่าว เพียงชั่วพริบตา จากที่มีคนมาเบียดเสียดมุงล้อมมากมายก็กลายเป็โล่งโจ้งไม่เหลือใคร
รอยยิ้มบนใบหน้าของถังชิงหรูพลันเจื่อนลง โยนมีดผ่าตัดตรงหน้าเล่นในมือ
"สินค้าไม่เป็ที่รู้จักแท้ๆ ฉันเป็หมอเทวดาข้ามมิติมา นึกไม่ถึงว่าจะถูกเอาไปเปรียบเทียบกับหมอเถื่อนในยุทธภพ" ถังชิงหรูบ่นพึมพำ "ไหนว่าสมัยโบราณคนจนมากมายไม่มีปัญญาหาหมอไงเล่า ฉันอุตส่าห์มาตรวจให้ฟรี พวกเขายังตั้งแง่รังเกียจอีกเหรอ"
ถังชิงหรูเซื่องซึมลงมาเล็กน้อย ่นี้แต่ละวันกังวลถึงแต่เื่กิน หากไม่ไปจับปลาที่แม่น้ำก็ขึ้นเขาไปเด็ดผลไม้ เหน็ดเหนื่อยทั้งกายใจ กว่าจะเจียดเวลากลับมาทำอาชีพเดิมไม่ใช่ง่ายๆ ยังถูกคนโบราณล้าหลังรังเกียจเอาอีก ภายในใจรู้สึกหมดแรง
"ท่านหมอ ไม่คิดเงินจริงหรือ ข้าเป็แค่ขอทาน ไม่มีเงินทอง" หญิงชราขอทานคนหนึ่งทั้งตัวมีแต่กลิ่นเหม็นเดินเข้ามา พลางเอ่ยปากอย่างกระสับกระส่ายต่อหน้านาง
ถังชิงหรูนั่งเหยียดหลังตรง มองพิจารณาหญิงขอทานตรงหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม "ไม่คิดเงินแน่นอน เฮ่อ... ท่านไม่รู้หรอกว่าอาจารย์ของข้าเป็หมอจิตใจดี เห็นการรักษาคนเป็ภารกิจสำคัญที่สุดในใต้หล้า ที่ยามนี้ท่านพเนจรไปทั่วทุกสารทิศ ให้ข้าสืบสานงานที่ท่านยังทำไม่แล้วเสร็จ ท่านยาย อย่าเห็นว่าข้าอายุน้อย แท้จริงแล้วข้าเป็ศิษย์ที่อาจารย์ภาคภูมิใจที่สุด ยังบอกว่าข้าเป็อัจฉริยะฟ้าประทานอีกด้วย ท่านวางใจได้เลย ขอแค่ปัญหาไม่หนักมาก ข้าต้องช่วยรักษาให้หายได้แน่นอน"
"ความหมายของเ้าก็คือหากข้าป่วยหนัก เ้าก็รักษาไม่ได้งั้นหรือ" หญิงขอทานทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เอ่ยปากด้วยความโศกเศร้า
"ท่านยาย ท่านก็เห็นตอนที่ข้ามา ในมือไม่มีเงินสักอีแปะ แต่ข้าก็ยังเป็หมอที่ยึดถือคุณธรรม ไม่อาจรับเงินคนไข้ ดังนั้นถึงแม้ข้ารู้ว่าท่านเจ็บป่วยด้วยโรคอันใด ไม่มีเงินก็ไปซื้อหยูกยา ก็ไม่อาจช่วยท่านได้อยู่ดี แต่เท่าที่ข้าดูจากสีหน้าท่านไม่เหมือนคนเจ็บหนัก ยื่นมือของท่านมาให้ข้า ข้าจะช่วยตรวจชีพจรให้" ถังชิงหรูยื่นมือออกไปที่ขอทานหญิงชรา
ชาวบ้านที่สลายตัวไปเมื่อครู่เห็นหญิงขอทานมาขอให้นักต้มตุ๋นคนนั้นช่วยรักษา แต่ละคนก็เข้ามาห้อมล้อมอีกคราหมายชมเื่สนุก แต่มีคนหวังดีเกลี้ยกล่อมให้หญิงขอทานอย่าไปหลงกล
ถังชิงหรูไม่นำพาต่อวาจาของพวกเขา ตั้งใจวิเคราะห์ชีพจรของหญิงชราอย่างพิถีพิถัน ไม่นานนัก ก็วินิจฉัยอาการได้
"ท่านต้องลมกรำแดดมาหลายปี เคยผ่านการอดอาหารมาบ่อยครั้ง ดังนั้นร่างกายจึงทรุดโทรมไปมาก อาการของท่านไม่นับว่าเบา ฝังเข็มรักษาแค่ครั้งเดียวอาจไม่ได้ผลมากนัก ต้องสักสองสามครั้งถึงจะดีขึ้น" ถังชิงหรูกล่าว "ตอนนี้ขาของท่านคงกำลังเจ็บมากอยู่กระมัง นั่นคืออาการของโรคลมชื้น[1]ขั้นรุนแรง เดี๋ยวข้าจะช่วยท่านบรรเทาความเ็ปทรมานลง"
--------------------------------------------------------------------------------
[1] โรคลมชื้น เป็กลุ่มโรคที่เกิดจากความชื้นทำให้ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว และข้อต่างๆ ในร่างกาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้