หลี่อี้พยักหน้า “แน่นอน แต่พลทหารถูกส่งไปนอกสำนัก เมืองชิงหยางไร้ขุนนางและพลทหารในตอนนี้!”
หลินฟู่อินขยับเล็กน้อยขณะจ้องหลี่อี้ “ชิงหยางคือเมืองชายแดนสำคัญ ไม่จำเป็ต้องรอพึ่งพาทหารของราชสำนัก แต่ไปยังกองทัพเพื่อขอความช่วยเหลือเองได้เลย! มีคนบอกว่าโจรเป่ยหรงชอบลักลอบเข้ามาฆ่าชาวบ้านไม่เลือกหน้ามิใช่หรือ?”
“นี่…” หลี่อี้ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนใบหน้าหล่อจะแผ่ประกายแห่งความยินดีออกมา “ความคิดดียิ่งนัก ข้ารู้จักถิงชาง หากข้าหนีไปได้ ข้าจะไปเกลี้ยกล่อมให้เขาส่งพลทหารมาช่วยผู้คนอพยพอีกที”
ถิงชางก็คือเ้าเมือง ในต้าเว่ยมักเรียกเ้าเมืองกันว่าถิงชาง
โจรย่อมกลัวทหารมาั้แ่สมัยโบราณ ไม่ว่าจะเก่งกาจมาจากไหนก็ต้องกลัวเหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อยู่ดี
“โอ ไม่นะ พวกทหารรักษาการณ์อยู่ไกลจากตัวเมืองมาก ช้าเกินไป…” หลี่อี้ตอบทันที เขาไม่มีเวลามานั่งคิดว่าหลังจากหนีออกไปได้แล้ว หลินฟู่อินจะให้เรียกทหารกลับมาหอพระจันทร์เพื่ออะไร เขารู้เพียงว่าหากเป็สิ่งที่หลินฟู่อิน้า เขาก็ต้องช่วยเหลือนาง!
ปัญหาใหญ่คือทุกครั้งที่หลินฟู่อินเห็นหวงฝู่จินมองกลับมา นางก็สั่นสะท้านไปทั้งหัวใจ
ด้านหวงฝู่จินก็โล่งใจที่หลินฟู่อินฉลาดพอที่ไม่รีบร้อนเผยตัวออกมาหาเขา
กล่าวอย่างตรงไปตรงมาก็คือนางฉลาดกว่าหลีอู่มาก
กลุ่มคนชุดดำล้อมรอบตัวชายหญิงทั้งสอง ชั้นสามของหอพระจันทร์เปลี่ยนเป็สมรภูมิสุดอลหม่าน ชาวบ้านที่หนีไม่ทันาเ็กันถ้วนหน้า พวกเขาถูกทุบตีให้บอบช้ำ ทั้งยังมีรอยขีดข่วนจากคมดาบ เสียงร้องขอชีวิตดังไปทั่วบริเวณ
“ฆ่า!” หลินฟู่อินได้ยินหนึ่งในชายชุดดำะโลั่น
นางต้องรีบหนีออกไปขอกำลังเสริมมาช่วยหวงฝู่จิน
หลินฟู่อินชะโงกหน้ามองชั้นล่าง นางพบดอกไม้ที่ทำจากผ้าไหมสีแดงดอกใหญ่ผูกกับรั้วจึงมองกลับมาอย่างมีความหวัง
“พี่หลี่อี้ เราไปแอบที่รั้วนั่นกันเถิด” เด็กสาวกล่าวเสียงเบาหวิว
เพื่อปกป้องหญิงสาวข้างกาย หวงฝู่จินขยับตัวไปยืนกลางห้องทำให้ถูกชายชุดดำล้อมรอบตัว
ขณะนั้นเองชาวบ้านที่หลงเหลืออยู่ก็กรีดร้องแล้ววิ่งกรูกันลงไปชั้นล่าง เป็เหตุให้บันไดถูกปิดกั้นโดยสมบูรณ์
หลินฟู่อินและหลี่อี้อาศัยจังหวะชุลมุนขยับตัวไปยังรั้วที่พูดถึง ทั้งสองช่วยกันแกะดอกไม้ผ้าไหมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนำผ้าไหมที่คลายออกแล้วผูกกับเสาขนาดใหญ่
“พี่หลี่อี้ ท่านลงไปก่อน ข้าจะคอยระวังให้ท่านเอง”
เพราะหลี่อี้น้ำหนักตัวค่อนข้างมาก ประกอบกับศาสตร์ด้านกังฟูเป็ศูนย์ นางจึงกังวลว่าชายหนุ่มจะล้มาเ็
“ไม่ เ้าลงไปก่อน ข้าจะระวังเ้าจาก้าเอง” หลี่อี้เองก็กลัวว่าหลินฟู่อินจะได้รับาเ็ระหว่างรอเขาอยู่ที่ชั้นบนเช่นกัน
“ไม่มีเวลาเถียงกันแล้ว เรารีบออกไปจากที่นี่ก่อนเถิด” หลินฟู่อินหันไปมองการต่อสู้ที่มุมห้องด้านหลังอย่างกังวล
โชคดีที่เหล่าลิ่วกลับมาแล้ว หลินฟู่อินจึงเบาใจได้ในที่สุด
หลี่อี้ไม่อาจขัดใจเด็กสาวได้ เขารีบคว้าผ้าไหมสีแดงสดแล้วโรยตัวลงไปชั้นล่างอย่างปลอดภัย หลินฟู่อินรีบทำตามทันที
“ไปหาถิงชางกันเถิด เขามีอาวุธครบมือใช่หรือไม่?” ยิ่งหลินฟู่อินดูกระวนกระวายใจมากเท่าไร หลี่อี้ก็ยิ่งหนักแน่นมากขึ้นเท่านั้น
“ใช่แล้วฟู่อิน เ้าเมืองถิงคือผู้ก่อตั้งกองทหารรักษาการณ์ ทั้งยังได้เสนาบดีอย่างหวังเยวี่ยนหวายร่วมระดมกำลังทหารหลายสิบนาย…”
“ดีมาก!” หลินฟู่อินตามหลี่อี้ไปยังฐานทัพของเ้าเมืองทันที
หอพระจันทร์ถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี หวงฝู่จินพยายามปกป้องหลีอู่อย่างสุดความสามารถ แม้จะมีวิชาสูงเพียงใด แต่หากถูกโจมตีโดยโจรชั่วฝีมือระดับปรมาจารย์เป็สิบคนเช่นนี้ ก็ยากที่จะเอาชีวิตรอดเช่นกัน
ชีวิตหวงฝู่จินแขวนอยู่บนเส้นด้าย โชคดีที่หญิงสาวด้านหลังเขาไม่ได้รับาเ็แม้แต่น้อย
“อาจิน เ้าไม่ต้องห่วงข้า อย่าฝืนตัวเองนัก! คนพวกนี้ไม่กล้าทำอะไรข้าอยู่แล้ว!” หลีอู่พยายามโน้มน้าวให้ชายหนุ่มหนีไป แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินนางเลย
หลินฟู่อินหนีไปกับชายผู้นั้นแล้ว เขาวางใจได้
“เหล่าลิ่ว พาคุณหนูหลี่หนีไปก่อน!” หวงฝู่จินสั่งต่อทันทีที่เห็นเหล่าลิ่วเข้ามา “คาดว่าจะมีนักฆ่าไล่ตามเ้าไป เ้าพาหลีอู่ไปหาตวนมู่เฉิงโดยด่วน!”
ในใจเหล่าลิ่วค้านคำสั่งนั้นอย่างแรงกล้า แต่เขารู้ดีเช่นกันว่าหากไม่รีบไปหาตวนมู่เฉิงตอนนี้ ผู้เป็นายและลูกน้องอาจจบชีวิตในหอพระจันทร์แห่งนี้ก็เป็ได้
“นายท่านดูแลตัวเองด้วย! รอข้าพาหัวหน้าตวนมู่มา!” เหล่าลิ่วมองหวงฝู่จินอย่างมุ่งมั่น ก่อนใช้ด้ามมีดทุบเบาๆ ให้หลีอู่หมดสติ ป้องกันไม่ให้หญิงสาวขัดขืนระหว่างทาง
หวงฝู่จินมองเหล่าลิ่วพาหลีอู่หนีไปอย่างโล่งใจ
เขาคว้ากระบี่สลักลายบุปผาอันงดงามออกมา ดวงตาคมฉายแววกระหายเืและเย็นะเืราวกับเทพาปรากฏท่ามกลางสมรภูมิรบ ชายสวมหน้ากากดำรีบปิดล้อมวางกลยุทธ์วงกว้างก่อนลงมือโจมตีพร้อมเพรียงกัน
หัวหน้ากลุ่มชายชุดดำะโลั่น “กำจัดเขาเดี๋ยวนี้!”
ทั้งกระบี่ทั้งดาบปะทะกันอย่างดุเดือด เืสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
เป็เวลาเดียวกับที่หลินฟู่อินและหลี่อี้กลับมาพร้อมกับเ้าเมืองและพลทหาร ทว่าชั้นสามของหอพระจันทร์กลับเละเทะไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
ร่างกายของหวงฝู่จินที่เต็มไปด้วยเืยืนตระหง่านท่ามกลางร่างไร้ลมหายใจของกลุ่มชายชุดดำ
ถิงชางอายุอานามเข้าวัยเลขห้าแล้ว แต่ไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดจนทำให้ลมแทบจับขนาดนี้มาก่อน!
หลี่อี้ลุกขึ้นเตือนว่ากองทัพต้าเว่ยมาถึงแล้ว การโจมตีตอนกลางวันแสกๆ เช่นนี้เป็เื่ผิดมหันต์ ให้พวกเขาวางอาวุธลงและยินยอมให้ทางการจับตัวไปแต่โดยดี
หน่วยทหารรักษาการณ์มาในชุดเต็มยศ พวกเขาสวมหมวกหน้าตาคล้ายกับพลทหารแคว้นต้าเว่ย ชายชุดดำมองหน้ากันอย่างตระหนก ดวงตาของพวกเขาฉายแววหวาดกลัวชัดเจน
หนึ่งในชายชุดดำมองหวงฝู่จินอย่างโกรธเคือง เขารู้แล้วว่าวันนี้ไม่ใช่วันตายของชายตรงหน้า แม้ร่างกำยำของเขาจะเต็มไปด้วยเื แต่กลับเป็เืของเขาส่วนน้อย กล่าวคือชายผู้นี้ยังมีพลังต่อสู้เหลือล้น!
ตอนนี้เื่ถึงหูทางการต้าเว่ยแล้ว พวกเขาควรถอยทัพออกมาก่อน
“พวกข้ายอมจำนน” หัวหน้าชายชุดดำกล่าวเสียงดัง ได้ยินดังนั้นชายชุดดำที่เหลือก็หยุดต่อสู้แล้วยอมมอบตัวแต่โดยดี
หัวหน้าถิงและพลทหารจ้องไปยังกลุ่มชายหน้ากากดำเขม็ง
หลินฟู่อินกับหวงฝู่จินถอนหายใจอย่างโล่งอก ทันทีที่เห็นเืบนตัวของอีกฝ่ายน้ำเสียงของนางก็เริ่มสั่นเทา “ท่านาเ็ที่ใดบ้าง? ให้ข้าดู…”
“ข้าสบายดี” หวงฝู่จินกระซิบเสียงแ่ทว่าดังพอให้หลินฟู่อินได้ยิน นางเบาใจขึ้นมาอีกเปราะ ก่อนหวงฝู่จินจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูของนางอีกครั้ง “นี่ไม่ใช่ที่ที่เราต้องคุยกัน!”
เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็แสร้งทำเป็ไม่รู้จักเด็กสาวทันที ด้านหลินฟู่อินเองก็เข้าใจสถานการณ์เป็อย่างดี
หวงฝู่จินบอกเป็นัยว่านางไม่ควรให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขารู้จักกัน จะได้ไม่เกิดปัญหาใหญ่ภายหลัง
นางตวัดเสียงดังขึ้นมาทันควัน “พี่หลี่อี้ เขาไม่อยากผิดใจกับหญิงของเขา ท่านมาดูอาการาเ็ของเขาแทนได้หรือไม่”
หลี่อี้ก้าวเข้ามาโดยไม่ติดใจอะไร หลินฟู่อินไม่ได้บอกเขาว่านางรู้จักกับชายร่างชุ่มเืผู้นี้ เขาจึงเดินไปหาหวงฝู่จินแล้วพูดอย่างอบอุ่นว่า “คุณชาย ให้ข้าดูแผลของท่านเสียหน่อย เหมือนว่าแขนสองข้างของท่านจะาเ็ ให้ข้ารักษาก่อนเถิด”
หวงฝู่จินเผยสีหน้าเ็า ไม่บ่งบอกอาการยินดียินร้ายแต่อย่างใด
หลี่อี้ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนเผยรอยยิ้มใจดี เขาเพียงยืนนิ่งเพื่อรับมือกับคนตรงหน้า
ก่อนกลับมายังชั้นสามของหอพระจันทร์แห่งนี้ เขาตั้งใจกลับไปหยิบกล่องยาติดตัวมาด้วยเพราะเกรงว่าจะมีคนได้รับาเ็
หวงฝู่จินยินยอมให้อีกฝ่ายรักษาในครั้งนี้ ทว่าใบหน้าหล่อเหลายังคงไว้ซึ่งความเ็า
“คุณชาย เหตุใดกลุ่มนักฆ่าสวมหน้ากากดำเ่าั้ถึง้าเอาชีวิตท่าน?” หลังกลับมามีสติอีกครั้ง ถิงชางจึงยิงคำถามทันที
เกิดเหตุนองเืในเขตการปกครองของเขาเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาต้องถามที่มาที่ไปให้ชัดเจน เพราะหากมีการลอบสังหารเกิดขึ้นเช่นนี้ เขาจำเป็ต้องรายงานไปยังราชสำนัก
ชายชราเริ่มเกิดอาการวิงเวียน หากเขารายงานไปยังราชสำนัก ไม่อยากคิดว่าตำแหน่งและอำนาจของเขาจะสั่นคลอนขนาดไหนในปีนี้
ใจจริงหวงฝู่จินอยากไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขากลัวว่าหลินฟู่อินจะมองว่าเป็ตัวปัญหา เขาจึงอยู่เพื่อจัดการเื่ทั้งหมดให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
“ข้าตามครอบครัวของข้ามาอ่านหนังสือที่หอพระจันทร์แห่งนี้ ส่วนพวกนี้ตั้งใจมาปล้นเ้าของกิจการบ้านเซียตงนานแล้ว” หวงฝู่จินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบและห่างเหิน ถิงชางเข้าใจว่าเขาคือทหารประจำตัวใครบางคน ดูจากลักษณะนิสัยเช่นนี้
ชายชราพยักหน้าก่อนถามกลับอย่างไม่เชื่อหู “เล็กน้อยเช่นนั้นเชียวหรือ? เ้าของกิจการผู้นั้นไปไหนแล้วล่ะ เ้านายของท่านไปไหนแล้ว?”
หวงฝู่จินเอ่ยปากตอบ “หนีไปยังที่พักกับผู้คุ้มกันแล้ว เขาคือพ่อค้าใหญ่ในเป่ยหรง”
“โอ หมายความว่าพ่อค้าเป่ยหรงถูกคนเป่ยหรงหมายหัวเช่นนั้นหรือ?” ใจที่หนักอึ้งของถิงชางเบาลงเมื่อได้ยินคำตอบของหวงฝู่จิน
นี่เป็เื่ของคนเป่ยหรง ตราบใดที่ไม่เกี่ยวกับคนของต้าเว่ย เขาย่อมยินดี
เ้าเมืองเฒ่ายกมือขึ้นมาลูบเคราของตนพลางกล่าวอย่างภูมิใจ “หากเป็การสู้รบกันภายในของคนเป่ยหรง เช่นนั้นเ้าไม่ควรสร้างปัญหาในเขตปกครองของข้า! แม้ชิงหยางจะเป็เมืองชายแดนระหว่างสองแคว้นก็ตาม!”
ต่อมอารมณ์ของหวงฝู่จินกระตุกทันที “พ่อค้าของเราเดินทางจากเป่ยหรงมาต้าเว่ยหวังได้รับการคุ้มกันเช่นเดียวกัน เพราะทางบ้านเซียตงเองก็ยังสงสัยว่ากลุ่มนักฆ่าเ่าั้ถูกส่งมาจากเป่ยหรงจริงหรือไม่ ท่านส่งเื่ไปยังทางการต้าเว่ยเพื่อสอบสวนอีกขั้นก็ย่อมได้ ใครจะไปรู้ว่าอาจมีคนต้าเว่ยแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนเ่าั้ด้วย”
ใบหน้าของถิงชางแดงก่ำด้วยความโกรธ
ขณะนั้นเองชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบก็เดินขึ้นบันไดมารายงานว่า “ท่านเ้าเมือง จากการตรวจสอบ นอกจากชาวบ้านที่เจ็บหนักไม่กี่ราย าเ็เล็กน้อยไม่เท่าไร ทางเราไม่พบเจอผู้เสียชีวิตขอรับ”
ถิงชางถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนมองไปที่หวงฝู่จิน “ได้ยินแล้วใช่หรือไม่ เจ็บหนักไม่กี่ราย าเ็ไม่เท่าไร ครอบครัวของท่านจะทำเช่นไร?”
ถิงชางรู้ดีว่าหากผู้เป็นายของชายหนุ่มผู้นี้จากไปแล้ว เขาคงไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีกแน่นอน แต่เมื่อเป็ต้นเหตุให้มีผู้คนาเ็เช่นนี้ อย่างน้อยขอให้เขารับผิดชอบบ้างย่อมดี ถิงชางจ้องไปยังหวงฝู่จินนิ่งงัน
ด้วยอำนาจของเงินแค่นี้ก็ปิดปากผู้คนที่าเ็ได้แล้ว
แน่นอนว่าหวงฝู่จินฉลาดพอที่จะเข้าใจความหมายที่ถิงชางแฝงไว้ในคำพูด
“ข้าน้อยคนเป่ยหรงสามหาวมากไปแล้ว เมื่อคนของท่านาเ็เพราะคนของเรา นายท่านย่อมยินดีชดใช้” หวงฝู่จินไม่ลืมรักษาภาพลักษณ์ให้กับคนเป่ยหรง ก่อนมือหนาจะยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้อีกฝ่าย “สองพันตำลึงเงินสำหรับชดเชยให้ผู้าเ็และเถ้าแก่เ้าของหอพระจันทร์แห่งนี้ ถือเป็น้ำใจช่วยเหลือท่านเ้าเมือง”
หลังได้ยินจำนวนมากถึงเพียงนั้น ใจของถิงชางก็เบิกบานทันที
พ่อค้าเป่ยหรงผู้นี้ช่างมีเหตุผลและมนุษยธรรมเปี่ยมล้น ชายชราจ้องไปที่ใบหน้าหวงฝู่จิน “จะว่าไป คิดไม่ถึงว่าคนเป่ยหรงจะมีเหตุผลเช่นนี้”
พูดมาได้…
หลินฟู่อินพูดไม่ออก เ้าเมืองผู้นี้คงโกรธเคืองชาวเป่ยหรง และจงใจแสดงท่าทีรังเกียจหวงฝู่จินชัดเจน
หวงฝู่จินแสร้งทำเป็ไม่ได้ยิน เขายกมือบอกลาเ้าเมืองอย่างรวดเร็ว “ข้าขอลา!”
พูดจบร่างสูงโปร่งก็หายวับไปกับตา
“นี่…” ถิงชางไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองอีกครั้ง เขาหันหน้ากลับมาหาหลี่อี้ “คุณชาย ท่านไม่รู้จักเ้าหนุ่มเป่ยหรงคนนั้นจริงหรือ?”
“ดูท่านพูดเข้า แน่นอนว่าข้าไม่รู้จักเขาสักนิด” หลี่อี้ยิ้มรับอย่างอารมณ์ดี “หากพวกข้ารู้จักเขา จะไม่โหดร้ายเกินไปหรือที่เขาจะปฏิบัติต่อพวกข้าเช่นนี้?”
ถิงชางนึกถึงดวงตาที่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวของชายกระหายเืเมื่อครู่ก็เกิดอาการคุกรุ่นอยู่ในใจ “ดีแล้วที่ไม่รู้จักคนเช่นนั้น เขาน่าอึดอัดเกินไป ราวกับเป็คนชอบลิ้มรสเืสดบนปลายมีดอย่างไรอย่างนั้น ไม่ใช่เื่ดี ไม่ใช่เื่ดี…”
ริมฝีปากของหลินฟู่อินกระตุกเมื่อได้ยินถิงชางพูดเช่นนั้น
“อ้อ ต่อให้ท่านเป็หมอก็อย่าใจร้อนเกินไปนัก รักษาชีวิตของตัวเองด้วย” ถิงชางบอกหลี่อี้
หลี่อี้ยิ้มรับ “ข้าเข้าใจแล้ว”
ชายชราโบกมือก่อนตอบปัด “รีบกลับไปได้แล้ว อย่าทำให้พ่อแม่เป็ห่วงนักเลย”
หลี่อี้พาหลินฟู่อินลงไปชั้นล่างทันที ถิงชางไม่ได้สนใจเด็กสาวข้างกายชายหนุ่มมากนัก เขาคิดเพียงว่านางคือชาวใช้คนโปรดจากโรงหมอที่หลี่อี้พามาเที่ยวเล่น
โชคดีที่หลินฟู่อินไม่อยากให้ตัวเองสะดุดตาถิงชางมากไปเช่นกัน หากพลาดหลุดออกไปว่านางรู้จักกับหวงฝู่จินคงเป็เื่ซวยไม่น้อย
หลังกลับขึ้นรถม้านางก็รีบเอ่ยปากหาเื่กลบเกลื่อนกับหลี่อี้ “พี่หลี่อี้! ข้าใมากวันนี้ ข้าอยากกลับบ้านไปพักผ่อนแล้ว โปรดส่งคนไปที่หูลู่แล้วบอกย่าหลี่ทีว่าข้ายังไม่กลับหมู่บ้านคืนนี้”
หลี่อี้เข้าใจว่าเด็กสาวใมากขนาดไหนในวันนี้ เขาอดโทษตัวเองไม่ได้ “ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย เ้ากลับบ้านไปพักผ่อนเถิด”
หลินฟู่อินพยักหน้าก่อนหลับตาลง นางเป็ห่วงหวงฝู่จินมากเหลือเกิน
เหตุผลที่นางตัดสินใจกลับบ้านในเมือง เพราะนางคาดการณ์เอาไว้ว่าหวงฝู่จินอาจหนีไปหลบอยู่ในบ้านใหม่ของนาง
หลี่อี้พูดคุยหลังส่งเด็กสาวหน้าประตูไม่กี่คำ ก่อนจะพารถม้ากลับโรงหมอสกุลหลี่เช่นเดิม
หลินฟู่อินหันหลังกลับหวังเปิดประตูเข้าบ้าน ทว่าร่างเล็กกลับโดนกระชากเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มปริศนาเสียก่อน
เด็กสาวที่ตื่นตระหนกพยายามจ้องใบหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ชายหนุ่มผู้นี้จะเป็ใครอื่นได้นอกจากหวงฝู่จิน
แม้ร่างกายจะเปื้อนเืไปกว่าครึ่ง รูปโฉมของเขากลับยังงดงามไม่เสื่อมคลาย
แต่คราบเืที่ปรากฏชัดเจนทำให้หัวใจของหลินฟู่อินตกไปอยู่ที่ตาตุ่มอีกครั้ง
เจ็บหนักขนาดนี้เชียวหรือ?
เด็กสาวไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป นางพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของหวงฝู่จิน ไม่สนว่าเสื้อผ้าของตนจะเปื้อนเืไปด้วย
“หวงฝู่จิน ท่านเป็เช่นไรบ้าง? มาเถอะ ให้ข้ารักษาแผลของท่านในบ้าน”
“ยังไม่ตาย” ชายหนุ่มดื้อดึงคว้าตัวอีกฝ่ายกลับเข้ามาในอ้อมแขน “ชายที่อยู่กับเ้าวันนี้ชื่อหลี่อี้งั้นหรือ?”
หวงฝู่จินเกือบกัดปากตัวเองจนเืไหลขณะเอ่ยถาม
“เมื่อไรกันที่ท่านสนใจชื่อเสียงเรียงนามคนอื่น?” หลินฟู่อินสงสัย ร่างกายเจ็บเช่นนี้ยังมีหน้ามาถามเื่ไร้สาระอีก
นางพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนคว้าแขนแกร่งขึ้นมาแปะผ้าพันแผลลงไปแบบไม่คิดออมแรง
“อา…” หวงฝู่จินหายใจยาวจากอาการเจ็บที่หลินฟู่อินแก้แค้นเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
“ฮึ!” หลินฟู่อินยักคิ้วยั่วยุ “ไม่เลว ไม่เลว… อย่างน้อยท่านก็ยังรู้จักเจ็บเหมือนชาวบ้านบ้าง! ตามข้าเข้ามาข้างในด้วย ให้ข้าดูแผลของท่านหน่อย!”
หวงฝู่จินยืนนิ่งไม่คิดขยับราวกับหุ่นไม้ เขาจ้องไปยังหลินฟู่อินโดยไม่สนว่าเด็กสาวจะพูดหรือทำอะไร เขาเพียงอยากถามในสิ่งที่เขาอยากรู้
“เ้าสนิทสนมกับหลี่อี้คนนั้นหรือ? สนิทขนาดไหนกันเชียว?”
หลินฟู่อินจ้องชายหนุ่มกับด้วยสีหน้าเย็นะเื “แล้วจะทำไม? ข้าสนิทสนมกับเขามากขนาดไหนแล้วเกี่ยวอะไรกับท่าน? เช่นนั้นข้าขอถามบ้าง ท่านกับหญิงสาวที่นั่งร่วมโต๊ะท่านวันนี้ ท่านสนิทสนมกับนางมากเพียงใด?”
หวงฝู่จินััได้ว่าเด็กสาวตรงหน้าโกรธเคืองมากขนาดไหน แต่เขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เด็ดขาด
“เมื่อเ้าถามข้าย่อมยินดีตอบ” น้ำเสียงหวงฝู่จินเ็าลงไม่ต่างกับสายตาของหลินฟู่อิน “แต่ข้าเป็คนถามเ้าก่อน เ้าควรตอบข้าก่อนใช่หรือไม่ มิเช่นนั้นข้ายอมตายดีกว่าให้เ้ารักษา”
เขาหัวเราะเล็กน้อยเพราะรู้ดีว่าหลินฟู่อินจะเ็ปยิ่งกว่าหากไม่ได้ตรวจดูอาการาเ็ของเขา
เห็นอีกฝ่ายดื้อด้านเช่นนี้ หลินฟู่อินทำได้เพียงถอนหายใจยาว นางไม่มีความรู้เื่าแภายนอกมากขนาดนั้น แต่อย่างน้อยนางก็เคยรักษาคนไข้ที่าเ็และถูกพิษร้ายให้หายภายในไม่กี่วัน
“ก็ได้ พี่หลี่อี้กับข้าเป็เพียงพี่น้องที่ดีต่อกัน เขาคอยช่วยเหลือข้า ข้าติดหนี้บุญคุณเขา”
“พี่ชายกับน้องสาวอย่างนั้นหรือ?” หวงฝู่จินพ่นลมหายใจะเือีกครั้ง “ดูเหมือนเขาจะไม่มองเ้าเป็เพียงน้องสาวหรอกนะ”
หลินฟู่อินสังเกตได้ว่าคนตรงหน้าพร้อมปะทุไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง เขาไม่สามารถเก็บโทสะไว้ในใจอีกต่อไป
“ท่านพูดจบหรือยัง? จะให้ข้าทำแผลให้อยู่หรือไม่? อีกประเดี๋ยวท่านจะเสียเืตายแล้ว อย่ามาตายในสวนของข้าได้หรือไม่ เดี๋ยวบรรดาลูกน้องของท่านจะมารุมทึ้งข้าทีหลัง”
อย่ามาตายในสวนของข้า…
ั์ตาของหวงฝู่จินฉายแววของความเ็ปจากประโยคนั้น
“เช่นนั้นข้าจะไม่ตายในสวนของเ้าก็แล้วกัน” หวงฝู่จินหันหลังเตรียมก้าวออกจากประตู แต่หลินฟู่อินรีบวิ่งไปผลักแผ่นหลังกว้างให้กลับเข้าไปด้านใน “อย่าคิดหนีไปไหนเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก!”
หวงฝู่จินสังเกตสีหน้าของเด็กสาว ครั้งนี้เขาเห็นความกังวลปรากฏในแววตาของนางจึงเดินกลับเข้าบ้านเงียบๆ โดยไม่มีใครสังเกตว่าครู่หนี่งแววตาของเขาเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
หลินฟู่อินโล่งใจขณะมองชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้อง
นางแอบด่าไล่แผ่นหลังกว้างอยู่ในใจ ไอ้คนหยิ่งผยองจอมกะล่อน!
ช้าก่อน… นางตอบเื่หลี่อี้ไปแล้ว แต่หวงฝู่จินยังไม่อธิบายเื่สาวงามข้างกายนามหลีอู่เลยนี่!
“หวงฝู่จิน แล้วท่านกับสาวงามนามหลีอู่นั่นเล่า?!” เด็กสาวะโไล่หลังชายหนุ่มดังลั่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้