แววตาสีมรกตกะพริบราวกำลังทบทวนสิ่งที่ผ่านมา เธอคิดแล้วว่าการแต่งงานนั้นช่างแปลก มิกาเอลที่เอาแต่วิ่งไล่ไขว่คว้าเซลีนอย่าง คลุ้มคลั่งนะหรือจะมาสนใจสตรีที่หยิ่งยโสอย่างนาเซีย ร่างบางเก็บจดหมายลงในลิ้นชักก่อนจะดึงเอากุญแจเก็บใส่ถุงผ้าไหมเล็ก ๆ ‘ฉันจะไม่ยอมรีรอที่จะกลับหรอกนะ’ นาเซียเดินกลับมายังห้องนอนก่อนจะสั่งให้อันเอาชุดขี่ม้ามาให้
“ดัชเชสจะออกไปข้างนอกหรือคะ” อันถามขึ้น นางมองร่างบางที่กำลังรวบเส้นผมสีดำสลวยขึ้นสูงเผยลำคอระหง นาเซียเอียงตัวมอง
“เราจะออกไปเพียงผู้เดียว” นาเซียกล่าวเพียงสั้น ๆ ก่อนจะหันกลับไปคว้ามีดสั้นอีกเล่มเหน็บชายเอวไว้ อย่างน้อยการที่เธอออกไปข้างนอกเพียงผู้เดียวก็ควรที่จะมีอาวุธติดตัวไปด้วย เธอคิดไม่ผิดที่ให้วิลเลี่ยมสอนการขี่ม้าฟันดาบให้ อย่างน้อยเธอก็จะสามารถใช้มันได้หากต้องใช้ชีวิตอยู่ที่แห่งนี้
สายลมเย็นปะทะใบหน้าในขณะที่เธอกำลังพุ่งตัวไปบนหลังม้า จนชา แต่ความมุ่งมั่นกลับไม่ได้ลดน้อยลงในแววตาเธอเลย นาเซียกำลังที่จะออกไปยังเหมืองหินเวท สถานที่ที่มีหินเวทมากมาย ในที่นี้ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ใด หากไม่ใช่มิกาเอล แต่สำหรับเธอนั้นไม่ใช่เื่ยาก เนื้อหาบอกไว้ว่าอยู่ทางใต้ของดินแดนกาบริเอล นั่นก็คือส่วนที่อยู่ติดเขตสัตว์ปีศาจ นาเซียใช้เวลาพักใหญ่จนคิดว่าสถานที่ตรงหน้าน่าจะเป็ทางเข้าเหมือง อุโมงค์ขนาดใหญ่ถูกปิดด้วยพลังมานาขั้นสูง ราวกับเป็ชั้นกระจก แก้วหนา เธอยกมือลูบจุดที่คิดว่าสามารถเปิดออก ในความจริงคนที่รู้เื่การเปิดประตูอุโมงค์นี่คือเซลีน ในตอนที่นางถูกมิกาเอลนำตัวมากักขัง และนั่นทำให้ลาฟาซใช้โอกาสนี้ในการเหมืองหินเวทจนเอาชนะมิกาเอลได้ นาเซียลูบคลำหาอยู่พักใหญ่ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์นอกจากจะหาไม่เจอแล้ว บรรยากาศรอบด้านก็ดูมืดลง นาเซียจำใจที่จะตัดความหวังไว้เพียงเท่านี้ เพราะหากค่ำกว่านี้เธออาจหลงทางก็เป็ได้ นาเซียยอมที่จะกลับมาตั้งหลักที่ปราสาทอีกครั้ง ทันทีที่เธอมาถึงหน้าปราสาทเส้นผมที่ถูกรวบรัดไว้ก็ถูกปล่อยสลาย มันดูเปียกชื้นเพราะสายหิมะโปรยปรายด้านนอก ร่างบางก้าวเดินตรงมายังห้องทำงานตนเอง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อมิกาเอลกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเธอ
“เ้าออกไปไหนมา” ดยุกกาบริเอลวางสีหน้าเรียบเฉยแฝงไว้ด้วยความเ็าขณะเอ่ยถาม
“ทำไมต้องสนใจด้วยคะ” นาเซียเดินไปหยิบใบส่งเสบียงอย่างไม่ใส่ใจ ระหว่างนี้เธอคิดเพียงแค่หน้าที่ที่ควรทำ กับการอยู่ให้ห่างจากเขาก็เท่านั้น
“แต่เ้าเป็ดัชเชส การออกไปไหนมาไหนมันอันตรายนะเซีย” เขาลุกยืนก่อนจะเดินเข้ามาที่เธอ
“วิลเลี่ยมสอนวิชาดาบให้ฉันแล้วค่ะ ท่านดยุกไม่ต้องห่วง”
“ดูเหมือนเ้าจะสนิทสนมกับไอ้อัศวินนั่นเป็พิเศษสินะ ถึงเอ่ยเรียกราวกับคนสนิท” น้ำเสียงดูประชดประชัน ทั้งยังยืนจ้องหน้าเธออย่างไม่วางตา
“วิลเลี่ยมคือสหายของฉันค่ะ ฉันขอตัวเพราะจะรีบไปตรวจสินค้าที่ห้องครัว”
“แล้วข้าละ ทำไมเ้าไม่เอ่ยเรียกชื่อข้าบ้าง”
“....” นาเซียหรี่ตามอง เขา้าสิ่งใดจากเธอกันแน่
“มิกาเอล ท่านอยู่นี่เอง” เสียงหนึ่งเรียกดังพร้อมร่างสตรีที่ดูสง่างาม ดูนางคงจะใเล็กน้อยเมื่อเห็นเธออยู่ด้วยกับเขาตรงนี้
“เรียกท่านดยุกนะดีแล้วค่ะ” นาเซียตอบก่อนจะเดินสวนสตรีผู้นั้นไป
นาเซียนอนคิด เธอน่าจะผลักหรือแกล้งเดินชนเลดี้อีวอนเสียหน่อย เพราะถึงอย่างไรชื่อเสียงของนาเซียก็ร้ายกาจอยู่แล้ว แต่ไม่ได้เธอจะไปชนผู้หญิงคนนั้นล้มได้ยังไงกัน เพราะดูนางน่าจะแข็งแรงกว่าเธออยู่มากโข นาเซียแกว่งแขนไปมากลางที่นอนกว้าง ก่อนเสียงประตูห้องนอนจะถูกเปิดออก ‘อะไรกันไม่ได้จะนอนที่ห้องทำงานหรอกเหรอ’ นาเซียพลิกตัวทำท่าว่าตนนั้นกำลังหลับ เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่กำลังเดินตรงมาที่เตียงนอน ััของที่นอนที่ยุบตัวตามน้ำหนักของใครบางคน นาเซียพยายามสงบสติตนเองให้ดูเหมือนคนที่หลับอยู่ แต่มือหนึ่งกลับคว้าตัวเธอพลิกกลับก่อนร่างสูงจะคร่อมอยู่บนตัวเธอ กลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้ง ‘นี่เขาดื่มไปเหรอ’ นาเซียจ้องมองแววตานั่นพลางสงสัย ใบหน้าขาวซีดสะท้อนผ่านแสงของดวงจันทร์ แววตาสีฟ้าครามดูสั่นไหวมองมาที่เธอ นาเซียเดาความคิดเขาในตอนนี้ไม่ออกว่าเขากำลังจะทำอะไรเธอแน่ หรือว่าอาการป่วยของเขากำลังกำเริบ เขากำลังจะฆ่าเธอหรือ นาเซียขบเม้มริมฝีปากอย่างเคยตัวก่อนที่เขาจะหยุดการกระทำที่ชอบกัดริมฝีปากตัวเองด้วยริมฝีปากอุ่น ๆ ของเขา ลมหายใจอุ่นส่งผ่านริมฝีปากที่กำลังบดคลึง เรียวลิ้นร้อนค่อย ๆ แทรกผ่านโพรงปากเล็ก ๆ ของเธอ ไม่รู้ว่าเพราะร่างกายของเธอ หรือความคุ้นชินกัน เธอถึงยินยอมตอบสนองเขาทันที นาเซียจ้องแววตาคมที่กำลังมองเธอราวของหวานตรงหน้า เขาบดจูบอย่างอ่อนโยนก่อนค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าลงมาตามลำคอ ปลายััของลิ้นที่ค่อย ๆ ลากไล้ลงต่ำ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังบินวนอยู่ในช่องท้อง ชุดนอนบางถูกปลดออกอย่างง่ายดาย เพียงแค่จูบััของเขาก็ทำให้เธอใจเต้นแรงจนเรียวแรงเหือดหายไม่สามารถต่อต้านการกระทำใด ๆ ของเขาได้
“ม่ะ...ไม่” นาเซียร้องห้ามเมื่อใบหน้างดงามของเขาเคลื่อนย้ายลงมายังพื้นที่ไวััด้านล่างของเธอ เรียวขาสวยถูกยกขึ้นอย่างน่าอาย แม้จะเอามือปัดป้องแต่ก็ถูกปัดออก เรียวลิ้นสากลากไล้ไปมาทำให้สติของเธอไม่สามารถจดจ่อสิ่งอื่นใดได้ เธอเพียงคิดว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป
“อร๊ะ..” ร่างบางสั่นสะท้านเมื่อปลายลิ้นของเขาสอดแทรกผ่านกลีบกลางกายนาเซียพยายามใช้สองมือดันศีรษะทุย ๆ ของเขาให้หยุด แต่ร่างกายกับสนองแอ่นรับอย่างเต็มใจ ยิ่งเรียวลิ้นแทรกลึกความเสียวซ่านที่พุงตรงทำให้เธอบิดส่ายสะโพกเร้า
“เรียกข้า เซีย” ใบหน้าคมละบอกแต่นิ้วมือยังคงเขี่ยเมล็ดทับทิมสีสวยของเธอไปมาจนเธอไม่สามารถควบคุมสติได้
“ท่านดยุก อ๊ะ” นาเซียเอ่ยเรียกตามที่เขาสั่ง แต่กลับถูกบดคลึงที่แรงขึ้นอย่างไม่พอใจ
“เรียกนามข้าว่ามิกาเอล” เขายังคงดื้อดึงอย่างไม่ลดละ
“มิ...กาเอล อึ๊กกก” นาเซียเอ่ยเรียกชื่อของเขา ก่อนที่แท่งเนื้อท่อนใหญ่จะกดลงจนแนบสนิท
“เซีย เรียกนามข้า”
“มิกาเอล อร๊าง” สะโพกสอบขยับเร็วขึ้นตามจังหวะที่เธอเอ่ยเรียก ร่างบางถูกจับรั้งราวดิ้นไม่หลุด แรงกดที่คอย ๆ เพิ่มความหนักหน่วง นาเซียร้องครางอย่างอดไม่อยู่ เสียงเนื้อที่ตีกันดังไปทั่วห้องดูน่าอาย คราบน้ำเหนียวข้นที่ค่อย ๆ ไหลไปตามเรียวขาของเธอจนเหนอะหนะ มิกาเอลจับเธอคว่ำตัวลงก่อนจะโน้มทับตามมาอีกครั้ง ดูเหมือนสติของเขาเองก็คงไม่อาจควบคุมได้ เธอไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขายอมปล่อยให้เธอได้หลับ
นาเซียพลิกตัวมองใบหน้าที่กำลังหลับตาพริม ขนตาแพรหนาดูงอนงาม สันจมูกที่โด่งลับกับใบหน้าจนอดชื่นชมความงดงามไม่ได้ นาเซียพลิกตัวที่จะเดินออกไปแต่กลับถูกเขาคว้ากอดเอวไว้ ร่างสูงยังคงหลับตา แต่แขนเขากลับคว้าตัวเธอทัน
“เ้าจะไปไหนเซีย” เขาถามขณะที่ยังคงหลับตาไว้ ไม่ผิดแน่เขาเรียกชื่อเธอ นาเซียมองไปที่คนกอดตัวเธอไว้อย่างหงุดหงิดเล็กน้อย เขาเพิ่งจะปล่อยให้เธอได้พักเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้แล้วยังจะรั้งเธอไว้อีก
“ฉันอยากชำระตัวค่ะ” นาเซียตอบ เธออยากจะชำระร่างเหนียว ๆ ของเธอเสียเต็มที เธอมองเตียงนอนที่เต็มไปด้วยคราบขุ่นของเธอและเขา ‘มันเป็เื่ธรรมดาของสามีภรรยาสินะ’ เธออดคิดแบบนั้นไม่ได้ ต่อให้ไม่ได้รักใคร่ชอบพอ เื่เช่นนี้ย่อมต้องเกิดขึ้นเป็ธรรมดาของสามีภรรยา เธอยังนึกถึงในตอนที่ยังไม่ได้มาอยู่ร่างนี้ พ่อกับแม่เธอมักจะทะเลาะกันรุนแรง แต่หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเหนื่อยหอบออกมาอยู่ดี ทั้งที่ตอนเช้าอีกวันทั้งสองแทบจะไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำ นาเซียคิดที่กำลังจะลุกแต่ทำไมภายใต้ผ้าห่มนั้นกลับดูชูขึ้น มิกาเอลจับร่างเธอกดลงก่อนจะซุกไซ้ปลายจมูกโด่งลงลำคอของเธอ มันช่างเป็ยามเช้าที่เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน นอกจากเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอชำระร่างตัวแล้ว น้ำขุ่นเหนียวยังเพิ่มขึ้นอีก ดีหน่อยที่เขาเป็ผู้อุ้มเธอไปชำระตัวเอง เพราะเรียวแรงทั้งหมดของเธอถูกเขาดูดกลืนไปเสียหมดจนแข้งขาเธอแทบจะไม่มีแรงจะก้าว นาเซียนั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โซฟากลางห้องก่อนที่อันจะยกมื้อเช้าของวันมาเสิร์ฟ เขาสั่งให้คนเตรียมอาหารมาให้เธอก่อนจะสั่งให้เธอรอเขาอยู่แต่เพียงในห้อง ‘แล้วจะทำไมฉันต้องฟังนายด้วย’ นาเซียพลางคิดเธอคงไม่ล้มเลิกเื่หาหินเวทอย่างง่าย ๆ หรอกนะ ตราบใดที่เธอยังไม่ได้เปิดหินเวทนั้นจริง ๆ