“ยินดีด้วยเสี่ยวเม่ย”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเสิ่นเสี่ยวเม่ยด้วยรอยยิ้ม สองชั่วยามที่ผ่านมาเขาเฝ้าดูอยู่ตลอด นอกจากข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาแก้ไขได้ทันเวลาแล้ว เสิ่นเสี่ยวเม่ยทำสำเร็จได้ด้วยตัวเองทั้งหมด
ด้วยประสบการณ์ของเสิ่นเสวียนแล้วยังรู้สึกขนลุกขึ้นมาเลย
ร่างกายของเสิ่นเสี่ยวเม่ยในตอนนี้ เขายังไม่กล้ารับรองว่าจะไปได้ถึงขั้นไหน แต่การฝ่าด่านเคราะห์กลายเป็เซียนนั้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
“เมื่อครู่เป็เพียงก้าวแรกในการสร้างพื้นฐาน กินสองขวดนี้เข้าไปพร้อมกัน”
ระหว่างที่กล่าว เสิ่นเสวียนส่งขวดสีดำอีกสองขวดให้เสิ่นเสี่ยวเม่ย
“อื้ม”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยรับยาน้ำสกัดสองขวดนั้นมาด้วยความดีใจ แล้วนางก็ดื่มเข้าไปทั้งหมดโดยไม่ลังเลเช่นเคย
ทว่าอานุภาพของยาน้ำสกัดสองขวดไม่ได้ธรรมดาเหมือนขวดเดียว เสิ่นเสี่ยวเม่ยเพิ่งดื่มเข้าไปก็ทำให้นางถึงกับเหม่อลอยอยู่ตรงนั้นในทันที
หลังจากนั้นร่างกายก็เริ่มมีน้ำแข็งเกาะอย่างรวดเร็ว กลายเป็มนุษย์น้ำแข็งในเวลาเพียงสามลมหายใจ
เสิ่นเสวียนมองเสิ่นเสี่ยวเม่ยด้วยแววตาเป็ประกาย พลังก่อตัวขึ้นในมือแล้วสลายหายไปอยู่หลายครั้ง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ลงมือใดๆ
ยาน้ำสกัดจากหลินจือโมรามีฤทธิ์ร้อนแรง เมื่อผสานเพลิงิญญาเข้าไปทำให้พลังของมันถูกกลั่นกรองอย่างเต็มที่ ยาน้ำสกัดหนึ่งขวดเพียงพอจะกระตุ้นร่างิญญาเพลิงของเสิ่นเสี่ยวเม่ยให้ตื่นขึ้นได้ แต่ก็เพียงกระตุ้นเท่านั้น ยังมิอาจทำให้นางลุกขึ้นยืนได้จริงๆ
นี่คือเหตุผลที่เขาต้องใช้อีกสองขวด
สองขวดนี้ไม่เพียงทำให้ร่างิญญาเพลิงของเสิ่นเสี่ยวเม่ยอยู่ในสภาวะกึ่งสมบูรณ์ได้เท่านั้น ขณะเดียวกันยังทำให้เส้นชีพจรที่ขาถูกเปิดออกทั้งหมด จากนั้นก็โคจรพลังไปตามชีพจรเพื่อรักษาขาให้หายดี
“พี่เชื่อว่าเ้าทำได้”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเสิ่นเสี่ยวเม่ยพลางกำหมัดแน่น รู้สึกตึงเครียดยิ่งกว่าใคร
แน่นอนว่าหากถึงขั้นที่ไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาสามารถช่วยนางได้
ภายในลาน เสิ่นเสี่ยวเม่ยยังคงนั่งอยู่บนรถเข็น กลายเป็รูปแกะสลักน้ำแข็งไปแล้ว รวมไปถึงรถเข็นของนางด้วยที่ตอนนี้กลายเป็น้ำแข็งก้อนใหญ่ และที่พื้นในรัศมีหนึ่งจั้งยังถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งหนา
เสิ่นเสวียนมองเสิ่นเสี่ยวเม่ยอยู่นิ่งๆ เขายังคงไม่ได้เข้าช่วยเหลือ แม้เขาจะช่วยได้แต่นั่นจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ด้อยลง
ในบางเส้นทางนางจำเป็ต้องเดินออกมาด้วยตนเอง เมื่อพ้นความลำบากออกมาได้แล้วจะพบเจอกับความสุข
ร่างน้ำแข็งคงอยู่อย่างนั้นไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็เริ่มหลอมละลาย หยดน้ำไหลร่วงลงมาไม่หยุดหย่อน ร่างของเสิ่นเสี่ยวเม่ยค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป เวลาผ่านไปหนึ่งเค่อพลันมีเปลวเพลิงสีเขียวพวยพุ่งออกมาจากร่าง ทำให้ชั้นน้ำแข็งเ่าั้หลอมละลายไปอย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงลุกโชนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เสิ่นเสี่ยวเม่ยกลายเป็มนุษย์เพลิงในพริบตา
เพลิงนี้ไม่ใช่เปลวเพลิงร้อนแรง แต่เป็เพลิงิญญา
“อืม”
เสิ่นเสวียนเห็นดังนั้นในที่สุดเขาก็พยักหน้า เนื่องจากบรรลุเป้าหมายของเขาแล้ว
ร่างิญญาเพลิงยอดเยี่ยมยิ่งนัก แม้จะหาได้ยาก แต่หลายๆ คนก็มีร่างนี้ ทว่าหากได้บ่มเพาะเพลิงิญญาก็จะต่างออกไปอีก
เพลิงิญญาหาได้ยากมาก ทั่วทั้งทวีปหลิงโซ่วน่าจะมีอยู่เพียงเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นเพลิงิญญาที่เสิ่นเสี่ยวเม่ยบ่มเพาะขึ้นมายังมีต้นกำเนิดมาจากหม่าเมี่ยน เซียนิญญาแห่งยมโลกอีกด้วย เคล็ดวิชาอะไรหลังจากนี้ไม่สำคัญสำหรับนางเลย ขอเพียงบ่มเพาะเพลิงิญญาบริสุทธ์ขึ้นมาได้ก็เพียงพอที่จะกวาดล้างคนในระดับเดียวกันได้แล้ว
เพลิงิญญาปกคลุมทั่วร่างของเสิ่นเสี่ยวเม่ย กำลังชำระล้างร่างกายให้นางอย่างต่อเนื่อง เพลิงพลังหยางแผดเผาร่างกาย เพลิงิญญาแผดเผาจิตใจ คนทั่วไปััโดนเพียงเล็กน้อยอาจทำให้จิติญญาแตกสลายไปเลยก็ได้
ทันใดนั้นเองเสิ่นเสี่ยวเม่ยขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเ็ป ทว่านางยังคงกัดฟันอดทนต่อ เสิ่นเสวียนรู้ว่าตอนนี้เพลิงิญญาเริ่มแผดเผาจิตใจแล้ว จิติญญาโดนแผดเผาอย่างร้อนแรงที่สุด แต่ถ้าทำสำเร็จจะมีผลดีตามมาอีกมากมาย
ยิ่งผ่านไปนานเข้า สีหน้าเ็ปของนางก็ค่อยๆ คลายลง
รถเข็นที่นางนั่งอยู่ถูกเพลิงิญญาหลอมละลายจนกลายเป็ของเหลวกองอยู่บนพื้น แล้วของเหลวเ่าั้ก็ระเหยกลายเป็ไอ สลายหายไปทั้งหมด
เสิ่นเสี่ยวเม่ยในตอนนี้ยังคงอยู่ในท่านั่ง แต่พลังจากสองขาของนางเพียงพอที่จะประคองร่างกายของนางไว้ได้แล้ว
พลังทั่วทั้งร่างถูกนางควบคุมให้โคจรไปตามเส้นชีพจรภายในร่างอย่างเป็ระบบ และพลังของนางก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย
ขั้นริเริ่ม
ขั้นนักรบ
ขั้นปรมาจารย์!
พลังที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวะโนี้รวดเร็วยิ่งกว่าเสิ่นเสวียนก่อนหน้านี้เสียอีก
ขั้นแม่ทัพ!
กระทั่งพลังทะลวงขึ้นมาถึงขั้นแม่ทัพ ความเร็วจึงค่อยๆ ลดลง
“ขั้นแม่ทัพ! ไม่เลวเลยทีเดียว”
เสิ่นเสวียนมองเสิ่นเสี่ยวเม่ยอย่างเหลือเชื่อ
คิดไม่ถึงเลยว่ายาน้ำสกัดจากหลินจือโมราสามขวดจะทำให้เสิ่นเสี่ยวเม่ยมีพลังยุทธ์ถึงขั้นแม่ทัพได้ พลังของนางทะลวงไปถึงขั้นแม่ทัพระดับกลางแล้วจึงหยุดนิ่งลง การที่พลังภายในร่างปะทุขึ้นมาอย่างผิดปกติสามารถทำให้ร่างกายะเิได้ทุกเมื่อ
“รวบรวมสติเอาไว้ โคจรพลังไปสู่จุดจ่านจู๋[1] ผ่านประตูมิติเข้าไป”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยทำตามในทันที แล้วก็เป็ไปตามคาด พลังบนร่างของนางค่อยๆ สงบนิ่งลง
“ใช่แล้ว ทำแบบนั้นแหละ แล้วเ้าก็ปิดประตูมิติและพยายามรักษาสมดุลไว้”
เสิ่นเสวียนชี้แนะไป เสิ่นเสี่ยวเม่ยก็ทำตาม เพียงสิบกว่าลมหายใจนางก็สามารถโคจรพลังบ้าคลั่งเ่าั้ได้อย่างอิสระ
หลังจากทุกอย่างสงบลงแล้ว เสิ่นเสี่ยวเม่ยจึงลืมตาขึ้นมองไปทางเสิ่นเสวียน
“ท่านพี่ ข้าทำสำเร็จแล้ว!”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายของนางเบาราวกับขนนก นางไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
“ลองดูขาของเ้าสิ”
เสิ่นเสวียนมองขาเหยียดตรงของเสิ่นเสี่ยวเม่ย ในตอนนี้นางยืนอยู่บนพื้นอย่างมั่นคง รถเข็นของนางกลายเป็จุณไปแล้วเพราะเพลิงิญญาแผดเผาก่อนหน้านี้
เสิ่นเสี่ยวเม่ยก้มหน้ามองขาของตนเอง นางกำลังยืนอยู่บนพื้นจริงๆ นางขยี้ตาคล้ายจะไม่เชื่อ แล้วนางก็ย่ำเท้าอยู่กับที่ เมื่อมั่นใจแล้วว่าตนยืนได้จริงๆ นางก็วิ่งเข้าไปหาเสิ่นเสวียนและโอบกอดเขาไว้แน่น
“ท่านพี่! ข้าคิดว่าข้าจะลุกขึ้นยืนไม่ได้อีกแล้ว”
“ท่านพี่ ข้าคิดว่าก่อนหน้านี้ท่านเพียงปลอบประโลมข้าเท่านั้น”
“ท่านพี่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้เป็เื่จริงใช่ไหม”
เสิ่นเสวียนสูงกว่าเสิ่นเสี่ยวเม่ยประมาณครึ่งหัว เสิ่นเสี่ยวเม่ยกอดเอวเขาพลางวางหัวแนบอก น้ำตาไหลจนเปียกเสื้อไปหมด
“เด็กโง่ พี่เคยโกหกเ้าเมื่อไรกัน”
เสิ่นเสวียนลูบผมยาวดำขลับของเสิ่นเสี่ยวเม่ยด้วยความรักพลางกล่าวปลอบนาง
“เอาล่ะ ไม่ร้องแล้ว ตอนนี้เ้าเป็ผู้ฝึกตนขั้นแม่ทัพแล้ว อย่าให้ใครหัวเราะเยาะเ้าได้”
“อื้ม”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยเช็ดน้ำตา สามารถดูออกได้ว่าแม้นางจะไม่กล่าวถึงขาของตนเองใน่หลายปีที่ผ่านมา แต่ภายในใจยังคงคาดหวังว่าจะดีขึ้น ตอนนี้ฝันของนางกลายเป็จริงขึ้นมาแล้ว นางจะไม่ดีใจได้อย่างไร โดยเฉพาะพลังยุทธ์ขั้นแม่ทัพระดับกลาง ทำให้นางกลายเป็ยอดฝีมือในทันที
“ไหนดูซิ พลังของเ้าเป็อย่างไร”
ขณะที่กล่าว เสิ่นเสวียนผายมือเชิญเสิ่นเสี่ยวเม่ยให้แสดงพลัง
“ได้เลย”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยควบคุมร่างิญญาเพลิงเข้าโจมตีเสิ่นเสวียนอย่างรวดเร็ว
ทว่าในขณะนั้นเอง กลับมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือนเมืองอวี่ฮว่าเสียแล้ว
คนผู้นี้คือชายวัยกลางคนที่ออกจากยอดหอคอยตระกูลหานไปก่อนหน้านี้ เขามาถึงด้านหน้าตระกูลหานพลันััได้ถึงไอพลังที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา เขาแอบเข้ามาด้านหน้าตระกูลหานอีกครั้ง หลังจากััได้ถึงไอพลังนั้นแล้วเขาก็ออกจากเมืองอวี่ฮว่าไปอย่างรวดเร็ว
“เฮอะ! ตระกูลเสิ่น พวกเ้าโอหังยิ่งนัก! พวกเ้าจบเห่แน่”
คนผู้นี้ยืนอยู่นอกเมืองอวี่ฮว่า หันมองไปทางตระกูลเสิ่นด้วยสีหน้าโเี้ จากนั้นเขาก็หันหลังแล้วเดินจากไป
........................................................
[1] จ่านจู๋ (攒竹) เป็ชื่อของจุดลมปราณ อยู่บริเวณรอยบุ๋มที่หัวคิ้วทั้งสองข้าง