ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยอมสารภาพตามตรง แต่เขาไม่ได้ลวนลามสวี่ฮุ่ยจริง ๆ
หลี่ไห่ปรายตามองเขาอย่างดูแคลน “วางใจเถอะ การควบคุมตัวไม่ต้องติดคุก แค่จำกัดบริเวณที่เดินทางได้เท่านั้น ไม่กระทบการดูแลย่าของนายหรอก”
จูฉีเจี้ยนโล่งใจขึ้นมาบ้าง ถามต่อด้วยความกล้า “หลังจากถูกควบคุมตัวแล้ว ผมยังไปเมืองเอกได้ไหม?”
หลี่ไห่ประชดประชัน “ฝันไปเถอะ ถ้าไปเมืองเอกได้จะเรียกว่าควบคุมตัวเหรอ? เมื่อศาลตัดสินแล้ว นายจะเดินทางออกนอกตำบลเถาฮวาไม่ได้”
จูฉีเจี้ยนร้อนรน “คุณตำรวจ คุณช่วยผ่อนปรนหน่อยได้ไหม ตอนนี้ผมกำลังจะจัดสรรงานหลังเรียนจบแล้ว ต้องไปมหาวิทยาลัย”
หลี่ไห่หัวเราะเยาะ “นายทำผิดกฎหมายแล้วจะมีคุณสมบัติได้รับการจัดสรรงานเหรอ? นายยังไม่ตื่นใช่ไหม?”
จูฉีเจี้ยนหน้าเสียราวกับคนหมดอาลัยตายอยาก ถามด้วยใบหน้าหม่นหมอง “คุณตำรวจ ตอนนี้ผมสามารถสารภาพเื่อื่น ๆ จะสามารถขอผ่อนโทษหนักเป็เบาได้ไหมครับ? ”
หลี่ไห่ทำตามหน้าที่ เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ขึ้นอยู่กับว่าข้อมูลที่นายสารภาพมีค่ามากแค่ไหน และเป็เื่จริงหรือไม่”
จูฉีเจี้ยนกัดฟันตัดสินใจซัดทอดสวี่เยว่ออกมา
บอกว่าสวี่เยว่เป็คนบงการให้เขามาหาสวี่ฮุ่ย เพื่อโน้มน้าวให้สวี่ฮุ่ยสละโอกาสเรียนมหาวิทยาลัยให้กับสวี่เยว่
อะไรคือ “สละ” มันคือการสวมรอยชัด ๆ !
หลี่ไห่กวาดตามองจูฉีเจี้ยนั้แ่หัวจรดเท้า
ชายหนุ่มตรงหน้ามีใบหน้ายาว คางยื่น แถมยังเตี้ย ไม่รู้ว่าสูงถึงร้อยเจ็ดสิบเิเหรือเปล่า
ทั้งตัวไม่มีอะไรดึงดูดใจผู้หญิงเลยสักนิด เขาเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงคิดว่าสวี่ฮุ่ยผู้เลอโฉมและเฉลียวฉลาดจะเชื่อฟังเขา?
หลี่ไห่เอ่ยถามข้อสงสัยในใจออกมา
จูฉีเจี้ยนทำท่าทางอวดเบ่งเล็กน้อย “ผมเป็คนที่สวี่ฮุ่ยแอบชอบ เธอเชื่อฟังผมทุกอย่าง ผมให้เธอไปทางทิศตะวันออก เธอก็ไม่กล้าไปทางทิศตะวันตก”
หลี่ไห่มองรอยแผลที่สวี่ฮุ่ยตีเขาด้วยถังน้ำบนใบหน้า แล้วพูดแดกดัน “แล้วทำไมเธอยังวิ่งไล่ตีนายอีก?”
จูฉีเจี้ยนบิดตัวไปมาบนเก้าอี้ด้วยความลำบากใจ “ผมหมายถึงเมื่อก่อน”
หลี่ไห่ให้เขาพิมพ์ลายนิ้วมือและเซ็นชื่อบนบันทึก “แม้ว่านายจะถูกคนอื่นบงการ แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับการที่นายไปลวนลาม”
“ข้อมูลที่นายพูดมาไม่ถือว่าเป็การสารภาพ จึงไม่ได้รับการผ่อนผัน”
จูฉีเจี้ยนตกตะลึงตาค้างทันที เพื่อไม่ให้ถูกตัดสินโทษและยังมีสิทธิ์ได้รับการจัดสรรงาน เขาถึงกับซัดทอดคนที่ตนแอบชอบออกมา แต่กลับไม่มีประโยชน์อะไรสักนิด
รู้งี้ไม่น่าลากคนในดวงใจเข้ามาเกี่ยวข้องเลย
หลี่ไห่ออกมาจากห้องสอบสวน สวี่ฮุ่ยให้ปากคำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังนั่งอยู่ในห้องโถงกับลู่ฉี่เสียน
หลี่ไห่เล่ากระบวนการสอบปากคำจูฉีเจี้ยนทั้งหมดให้พวกเขาฟังคร่าว ๆ
พูดกับสวี่ฮุ่ยด้วยความเห็นใจ “น้องสาวคุณยังไม่ยอมแพ้ ยังคิดจะสวมรอยแทนคุณ ก่อนจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยคุณต้องระวังน้องสาวให้ดี ๆ ”
สวี่ฮุ่ยพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง “ฉันจะระวังค่ะ”
หลี่ไห่หัวเราะเยาะอีกสองสามคำรบ “นายจูฉีเจี้ยนนั่นบอกว่าคุณแอบชอบมัน สภาพอย่างนั้นใครจะไปแอบชอบ? หลงตัวเองจริง ๆ ! สหายสวี่ฮุ่ย ผมพูดถูกไหม?”
สวี่ฮุ่ยอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
เธอพูดเสียงแ่เบา “ฉัน...เคยตาบอดมาก่อน”
คราวนี้ถึงตาหลี่ไห่อายบ้าง เขาจึงรีบหาข้ออ้างว่ามีงานต้องทำแล้วชิ่งหนีไป
ลู่ฉี่เสียนหันไปมองสวี่ฮุ่ย
หญิงสาวก้มหน้า แม้ว่าขนตาจะยาวและหนาจนบดบังอารมณ์ในดวงตาของเธอ แต่เขาก็ยังััได้ถึงความเศร้าโศกในใจเธอจนอดสงสารไม่ได้
เขาลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับสวี่ฮุ่ย “ไปกันเถอะ”
สวี่ฮุ่ยลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่าย เดินตามลู่ฉี่เสียนไปสองก้าว ทันใดนั้นเธอก็นึกบางอย่างขึ้นได้และถามว่า “พี่ลู่ ถ้าคน ๆ หนึ่งทำผิดกฎหมาย ประวัติอาชญากรรมจะติดตัวไปตลอดชีวิตเลยใช่ไหมคะ?”
ลู่ฉี่เสียนพยักหน้า “ใช่”
“ฉันได้ยินมาว่านักเรียนที่มีประวัติอาชญากรรม มหาลัยจะไม่จัดสรรงานให้ จริงเหรอคะ?”
“จริง และไม่มีสิทธิ์สมัครเป็ทหารด้วย”
“งั้นรบกวนพี่ลู่บอกคุณตำรวจหลี่ให้แจ้งเื่นี้ไปยังมหาวิทยาลัยของจูฉีเจี้ยนด้วยได้ไหมคะ?”
ลู่ฉี่เสียนพยักหน้า “ได้สิ”
ไม่รู้ว่าถ้าจูฉีเจี้ยนไม่ได้รับการจัดสรรงานแล้ว สวี่เยว่จะยังอยากคบกับเขาแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่หรือเปล่า
หลังจากออกมาจากสถานีตำรวจตำบลเถาฮวา สวี่ฮุ่ยกำลังคิดว่าจะชวนลู่ฉี่เสียนไปกินข้าวอย่างไรดี
การให้เธอเป็ฝ่ายรุกจีบผู้ชาย เธอก็ยังเขินอยู่
ลู่ฉี่เสียนกลับพูดก่อนว่า “ขึ้นรถ ไปบ้านเธอกัน”
สวี่ฮุ่ยงง “ไปบ้านฉันทำไมคะ?”
“ไปสั่งสอนน้องสาวเธอ!”
สวี่ฮุ่ยดีใจมาก รีบขึ้นรถตามลู่ฉี่เสียนไป
สวี่เยว่มีใจให้ลู่ฉี่เสียน เธอสังเกตเห็นั้แ่อยู่ที่สถานีอนามัยประจำตำบลครั้งนั้นแล้ว
การถูกผู้ชายที่ตัวเองชอบสั่งสอน สวี่เยว่คงจะดีใจน่าดู
ลู่ฉี่เสียนขับรถจี๊ปพาสวี่ฮุ่ยมาถึงหน้าบ้านสวี่อย่างรวดเร็ว ทำให้เพื่อนบ้านที่นั่งตากลมอยู่ข้างนอกพากันมามุงดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
สวี่เยว่ได้ยินเสียงรถยนต์หน้าบ้าน เธอมองออกไปด้วยความสงสัย
พอเห็นสวี่ฮุ่ยลงจากรถจี๊ปพร้อมกับลู่ฉี่เสียน ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
เธอกำลังจะออกไปต้อนรับ กู่ซิ่วก็เลิกงานกลับมาพอดี
กู่ซิ่วพูดกับลู่ฉี่เสียนอย่างกระตือรือร้น “คุณตำรวจลู่ มาได้จังหวะพอดีเลย ตอนนี้เที่ยงแล้ว กินข้าวที่บ้านเราก่อนสิ”
ลู่ฉี่เสียนทำหน้าเคร่งขรึม “ผมไม่ได้มากินข้าว ผมมาสั่งสอนสวี่เยว่!”
บังเอิญสวี่ต้าซานก็เลิกงานกลับมาเหมือนกัน ได้ยินคำพูดของลู่ฉี่เสียน เขาก็ลงจากจักรยาน ถามด้วยความปวดหัว “คุณตำรวจลู่ เยว่เยว่ทำอะไรผิดอีกเหรอครับ?”
ลู่ฉี่เสียนเล่าเื่ที่สวี่เยว่ยุยงจูฉีเจี้ยนให้ไปโน้มน้าวสวี่ฮุ่ย เพื่อให้เธอได้เธอสวมรอยไปเรียนมหาวิทยาลัย
เขาพูดกับสวี่ต้าซานด้วยใบหน้าเ็า “ก่อนหน้านี้ผมเคยเตือนพวกคุณแล้วนี่ว่าอย่าคิดสวมรอยแทนสวี่ฮุ่ยไปเรียนมหาวิทยาลัยอีก สวี่เยว่ของคุณกลับไม่ยอมแพ้!”
“ผมบอกพวกคุณไว้เลย ผมจะจับตาดูสวี่เยว่ ถ้าเธอกล้าสวมรอยสวี่ฮุ่ยไปเรียนมหาวิทยาลัย ผมจะจับเธอซะ!”
สวี่เยว่ที่อยู่ในบ้านใหน้าซีดเผือด เสียใจจนแทบอยากจะกัดลิ้นตาย
ทั้งหมดเป็เพราะเธอไม่ทันได้บอกจูฉีเจี้ยนว่าสวี่ฮุ่ยรู้เื่ความสัมพันธ์ลับ ๆ ของพวกเขาแล้ว
ตอนนี้ทุกอย่างพังหมด ลู่ฉี่เสียนรู้เื่แล้ว แถมยังมาตำหนิเธอต่อหน้าเพื่อนบ้านมากมาย!
สวี่เยว่กลอกตาไปมา ร้องไห้ฟูมฟายออกมาจากบ้านราวกับญาติเสีย “พี่ลู่ ฉันไม่ได้ทำแบบนั้น จูฉีเจี้ยนใส่ร้ายฉัน ฉันไม่เคยติดต่อกับเขา จะไปบงการเขาได้ยังไง?”
“พี่สาวต่างหากที่แอบชอบจูฉีเจี้ยน ทั้งให้เงินทั้งดูแลย่าของเขามาตลอด ต้องเป็พี่สาวที่ร่วมมือกับจูฉีเจี้ยนใส่ร้ายฉันแน่ ๆ ฮือ ๆ”
“แต่ฉันไม่โทษพี่สาวหรอก ก่อนหน้านี้ฉันทำผิดกับพี่สาวไว้เยอะ พี่สาวจะแก้แค้นฉันยังไงฉันก็ไม่ถือสา”
“พี่ลู่ ได้โปรด อย่าตำหนิพี่สาวฉันเลย ฮือ ๆ”
ลู่ฉี่เสียนมองเธออย่างเ็า “พอเถอะ เลิกแสดงได้แล้ว จูฉีเจี้ยนสารภาพหมดแล้ว พวกเธอเป็แฟนกัน”
“แล้วก็ เรียกผมว่าตำรวจลู่ด้วย”
“ฉันกับจูฉีเจี้ยนไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ กันจริง ๆ คุณตำรวจลู่ คุณต้องเชื่อฉันนะ!” สวี่เยว่ยังคงร้องไห้อยู่ แต่ไม่กล้าเรียกลู่ฉี่เสียนว่าพี่ลู่อีกแล้ว
สวี่ฮุ่ยมองกำไลเงินที่มือของสวี่เยว่แล้วถามเสียงเฉยชา “เธอไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับจูฉีเจี้ยนจริง ๆ เหรอ?”
สวี่เยว่เห็นสวี่ฮุ่ยจ้องมองกำไลเงินที่มือของเธอ สีหน้าก็แข็งค้าง
เช้านี้เธออยู่บ้านคนเดียว เลยเอากำไลเงินมาใส่เล่น ๆ
ลู่ฉี่เสียนมาหาที่บ้านกะทันหัน เธอตื่นเต้นไปชั่วขณะจนลืมถอดกำไลเงินออก
จะถอดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เธอได้แต่เอามือซ่อนไว้ด้านหลัง
สวี่ฮุ่ยเดินเข้าไปสองก้าว จับมือที่สวมกำไลเงินของเธอขึ้นมาให้ทุกคนดู“กำไลเงินวงนี้ไม่ใช่ของแทนใจที่จูฉีเจี้ยนให้เธอหรอกเหรอ?”
“พวกเธอแอบคบกันแล้วยังบอกว่าไม่ได้ติดต่อกันอีก เธอจะหน้าด้านไปถึงไหน?”
สวี่เยว่ร้องไห้น้ำตาไหลพราก “ฉันบอกพ่อกับแม่ไปแล้วว่ากำไลเงินวงนี้เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งให้เป็ของขวัญวันเกิด”
“พี่ ฉันรู้ว่าพี่เกลียดฉัน แต่พี่ก็ไม่ควรโกหกนะ!”
สวี่ต้าซานมองสวี่เยว่ด้วยความประหลาดใจ
เธอเคยบอกเื่ที่มาของกำไลเงินกับเขาและภรรยาตอนไหนกัน?
ถึงจะรู้ว่าลูกสาวคนเล็กกำลังโกหก แต่เขาก็ไม่สามารถเปิดโปงได้
ชื่อเสียงของลูกสาวคนเล็กแย่พออยู่แล้ว เขาจะปล่อยให้ชื่อเสียงของเธอแย่ลงไปอีกไม่ได้