ทั้งสองคนออกจากตำหนักเยถิงและเข้าไปในสวนของวังหลวง ป้าโฉ่วรีบก้าวไปข้างหน้าทันทีพลางเอ่ยกระซิบ “นางกำนัลผู้นั้นถูกวางยาพิษจนเสียชีวิตเ้าค่ะ”
เหยียนอู๋อวี้ส่งสายตาเ็า
เมื่อครู่นี้นางรู้สึกว่านางกำนัลผู้นั้นเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงํา ริมฝีปากของนางเป็สีดำและรูม่านตาเป็สีเหลืองอ่อน อาการของนางนั้นก็แปลกประหลาด ก่อนจะออกไปนางยังคิดหาวิธียืนยัน เมื่อครู่ที่บังเอิญชนกับซินกุ้ยเหริน ทำให้นางได้ดังใจหวัง ต้องขอบคุณความฉลาดของป้าโฉ่ว แค่เพียงสายตา นางก็เข้าใจความคิดของป้าโฉ่วทันที
ยามนี้นางกำนัลเองก็ถูกวางยาพิษจนเสียชีวิตอีกคนหนึ่งแล้ว!
“เ้าแน่ใจหรือ?”
“เป็พิษกู่ที่เข้าสู่หัวใจและเสียชีวิตในทันที!” ป้าโฉ่วลดเสียงต่ำเอ่ยว่า “หากคุณหนูไม่เชื่อ สามารถควักหัวใจของคนผู้นั้นออกมาดูก็จะพบช่องโหว่นับไม่ถ้วน!”
เข็มนับพันแทงทะลุหัวใจ โหดร้ายยิ่งนัก! สีหน้าของเหยียนอู๋อวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะกำมือแน่น เต๋อเฟยภายนอกนั้นเป็คนดีไหว้พระถือศีล มีความเมตตากรุณามาโดยตลอด ไม่คาดคิดว่าจะทำสิ่งที่โหดร้ายเช่นนี้ได้
แม้นางจะเพิ่งมีอำนาจเพียงไม่กี่วัน ทว่านางก็เป็คนสนิทของไทเฮา แม้ฮวารั่วซีจะไม่เต็มใจเข้ามาเกี่ยวข้องกับเื่ของตำหนักหลัง ทว่าฮวารั่วซีย่อมไม่กล้าขัดคำสั่งไทเฮาอย่างแน่นอน เพียงแต่ยามนี้พิษกู่กลับมาปรากฏขึ้นที่นี่อีกครั้ง สาเหตุและเงื่อนงำที่อยู่เื้ันั้น ทำให้ผู้คนต่างครุ่นคิด
คาดว่าซ่งอี้เฉินเห็นความผิดปกติบางอย่าง จึงอยู่เสวยพระกระยาหารต่อ ทางข้างหน้ามีขันทีผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นนางจึงโค้งคำนับอย่างนอบน้อมพร้อมก้าวไปข้างหน้าพลางเอ่ยกระซิบว่า “วันนี้เป่าหลินมิได้เปิดเผยเกี่ยวกับเื่ที่สะกดรอยตามเซียวเป่าหลินและซินกุ้ยเหรินออกไปแม้แต่น้อย” เหยียนอู๋อวี้เข้าใจจุดประสงค์ของเขาทันที สิ้นคำนั้นป้าโฉ่วพลันก้าวไปข้างหน้าและยื่นเงินสินน้ำใจให้แก่ขันทีผู้นั้น หลังจากได้สินน้ำใจแล้ว ขันทีตัวน้อยรู้สึกพึงพอใจจึงกล่าวขอบคุณนางและจากไปอย่างรวดเร็ว
ขันทีตัวน้อยผู้ช่างประจบประแจงเดินไปทางศาลาที่เงียบสงบในสวนของวังหลวงแล้วหยุดเดิน
บนศาลาเห็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งสวมชุดสีขาวยืนหันหลังอยู่ อาภรณ์ของบุรุษผู้นั้นพลิ้วไหวท่ามกลางสายลม
ขันทีที่ยิ้มแย้มพลันปรับสีหน้าให้เรียบร้อยขึ้นพลางเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “องค์ชายจวิน ท่านคาดการได้แม่นยำเหมือนดั่งเทพเซียนจริงๆ”
บุรุษในชุดขาวหันกลับมาและเหลือบมองไปในระยะไม่ไกลนัก
นี่เป็ครั้งที่สามที่เหยียนอู๋อวี้พบบุรุษที่อยู่ตรงหน้า! ในเวลานั้นขันทีไม่เห็นนาง ยามที่ขันทีผู้นั้นมาเรียกรับรางวัลหลังเสร็จงาน นางรู้สึกแปลกและผิดปกติ จึงคิดที่จะติดตามไป และนางก็ได้พบกับเขาตามที่คาดไว้
องค์ชายจวิน? มีองค์ชายแบบนี้อยู่ในตำหนักหลังั้แ่เมื่อใด?
ทั้งสองคนสบสายตากัน ขณะที่เหยียนอู๋อวี้กำลังครุ่นคิด องค์ชายจวินพลันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
นางเองก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่นาน จึงหันหลังเดินจากไป เมื่อกลับไปถึงตำหนัก เวลาเพียงไม่นานกลับเกิดเื่มากมายเสียจนนางรู้สึกเหนื่อยล้าจึงเอนกายนอนลงไป นางไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าซ่งอี้เฉินปรากฏตัวั้แ่เมื่อใด ขณะที่นางตื่นขึ้นมา ก็พบเขานั่งอ่านฎีกาอยู่ด้านข้างและใช้พู่กันที่อยู่ในมือเขียนด้วยท่าทางสงบนิ่ง
แม้ว่าซ่งอี้เฉินจะออกว่าราชการด้วยตนเองแล้ว อย่างไรก็ตามกิจการบ้านเมืองจำต้องผ่านตามลำดับขั้น และฎีกาที่อยู่ในมือของเขานั้นส่วนใหญ่ไม่มีนัยสำคัญ ราชสำนักมีรายชื่อบัณฑิตหลายคนต้องให้เขาอนุมัติ และหนังสือบางเล่มจำเป็ต้องให้เขามอบนามให้ ไม่มีเื่อื่นมากกว่านี้แล้ว
เหยียนอู๋อวี้รู้สึกไม่สบายและไม่้าเอ่ยสิ่งใดกับเขา นางจึงหลับตาลงและแสร้งทำเป็หลับต่อ จากนั้นไม่นาน เว่ยหรูไห่พลันเข้ามาด้วยท่าทางเร่งรีบ “ฝ่าา มีข่าวว่าซินกุ้ยเหรินเกิดอุบัติเหตุพลัดตกสระน้ำจมน้ำเสียชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ซ่งอี้เฉินขมวดคิ้ว เมื่อเงยหน้ามองและเห็นว่าเหยียนอู๋อวี้ยังคงนอนสงบอยู่บนเตียง จึงเอ่ยตอบด้วยเสียงแ่เบาอย่างไม่เป็ทางการ “เจิ้นรู้แล้ว”
ตำหนักหลังใหญ่โตและมีผู้คนจำนวนมาก มีผู้เสียชีวิตย่อมเป็เื่ปกติ เขารู้มาั้แ่จำความได้ว่า ผู้อื่นนั้นเสียชีวิตเช่นใดก็ได้ ทว่าเพียงแค่ตัวเขาเองนั้นไม่สามารถเป็เช่นนั้นได้
……
สายลมด้านนอกเรือนค่อนข้างรุนแรงเสียงดังอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าิญญาบริสุทธิ์ของผู้ใดล่องลอยอยู่
ทว่าไม่มีผู้ใดสนใจ สิ่งที่ผู้ที่ยังมีลมหายใจต้องทำคือพยายามมีชีวิตอยู่รอดต่อไปให้ได้
เมื่อเทียบกับซ่งอี้เฉินที่นอนไม่หลับทั้งคืน เหยียนอู๋อวี้กลับนอนหลับอย่างสบายอารมณ์
ั้แ่ซินกุ้ยเหรินเริ่มลงมือ นางรู้ว่าจะต้องมีผู้ลงมือจัดการนางอย่างแน่นอน เพียงแต่นางไม่คิดว่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้
ตระกูลของซินกุ้ยเหรินก็ใช่ว่าจะไร้อำนาจ ทว่าสำหรับคนในตระกูลแล้ว หมากที่ไร้มันสมองนั้นนับว่าไม่มีประโยชน์เท่าใดนัก และอาจจะเป็เื่ที่ไม่ดีเสียด้วยซ้ำ เสียชีวิตไปแล้วก็เสียไป มิได้ส่งผลกระทบอันใด
ภายในตำหนักหลัง เื่วันนี้ถอยก้าวหนึ่ง พรุ่งนี้ไปข้างหน้าได้ไกลกว่าเดิมนั้นเป็เื่ปกติ
ทว่าการแย่งชิงอำนาจในราชสำนักนั้น กลับไม่อาจยอมได้แม้แต่น้อย
หากถอยแม้เพียงก้าว อาจต้องสูญเสียอย่างใหญ่หลวง!
......
เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่นางตื่นนอน ซ่งอี้เฉินออกไปแล้ว ไทเฮามีรับสั่งเรียกนางสนมในตำหนักหลังเข้าเฝ้าอีกครั้ง
เหยียนอู๋อวี้สวมชุดสีน้ำเงินที่ไม่โดดเด่นมากนัก ประดับด้วยปิ่นสีเงินฝังไพลินเรียบง่าย นางพยายามทำให้ตัวเองไม่ให้โดดเด่นมากนัก ซึ่งนางยังคงไม่เข้าใจความคิดของไทเฮา จึงไม่อาจสร้างความขัดแย้งใน่หัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้
ทันทีที่นางเดินออกไป กลับพบว่ามีคนรออยู่ที่ประตู
เมื่อซูอิ่งเห็นนายหญิงของตนออกมาจึงรีบเข้าไปทักทายพลางเอ่ยว่า “เมื่อวานนายหญิงเกือบล้มลงที่ประตูตำหนักเยถิง และฝ่าาทรงเป็กังวลเกี่ยวกับสุขภาพของนายหญิง ทรงมีรับสั่งให้มีคนหามเข้าไปเ้าค่ะ”
“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าา” แก้มของเหยียนอู๋อวี้เปลี่ยนเป็สีแดงระเรื่อ นางหันไปทำความเคารพซ่งอี้เฉินก่อนจะก้าวไปข้างหน้าโดยมีป้าโฉ่วคอยช่วยประคอง
ครั้งนี้ดูเหมือนไทเฮาจะมีเื่สำคัญ ดังนั้นเต๋อเฟย ซูเฟย เหลียงเจาอี๋ และเซียวเป่าหลินที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งต่างถูกเรียกตัวมาที่นี่ทั้งหมด เหยียนอู๋อวี้พร้อมผู้ติดตามมาถึงประตูตำหนักอี้คุน ก่อนนางจะก้าวลงจากเกี้ยว ผู้ที่แบกเกี้ยวกลับมีอาการซวนเซทรงตัวไม่อยู่ ทำให้นางตกลงมาทันที
เมื่อทุกคนหันไปมองก็พบว่าเกี้ยวของซูเฟยที่ตามหลังเกี้ยวของเหยียนอู๋อวี้มาติดๆ คล้ายจะชนจนทำให้เหยียนอู๋อวี้ตกลงมา
ป้าโฉ่วรีบพยุงเหยียนอู๋อวี้ขึ้น ทว่าในขณะที่เงยขึ้นกลับพบว่าฮวารั่วซีจากไปแล้ว
เหยียนอู๋อวี้เดินมาด้วยมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนนางเข้าไปขวางฮวารั่วซีที่กำลังจะเดินเข้าไปในตำหนักอี้คุนได้ทันเวลาพอดี นางกล่าวทำความเคารพอย่างนอบน้อม “ซูเฟย หม่อมฉันมีเื่บางอย่างอยากจะสอบถามเพคะ” เหยียนอู๋อวี้ทำความเคารพพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงกดต่ำ
“ถามเถิด!” ฮวารั่วซีเหลือบมองนางด้วยสีหน้าแลดูใจดี
เหยียนอู๋อวี้ชี้ไปทางขันทีที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะเอ่ยอย่างมั่นใจ “คนรับใช้ของซูเฟยไม่ระวังชนเข้ากับคนของหม่อมฉันโดยบังเอิญ จนทำให้หม่อมฉันล้มลงเพคะ?”
ฮวารั่วซีตอบปฏิเสธ “จริงหรือ? ข้าไม่เห็นเลยจริงๆ น้องหญิงเื่พวกนี้ก็เป็เพียงแค่ผู้น้อยประมาทเลินเล่อเล็กน้อย ข้าคิดว่าน้องหญิงจะใจกว้างและคงไม่ลดตัวไปอยู่ระดับเดียวกับบ่าวรับใช้เหล่านี้กระมัง!” หากเป็คนทั่วไป บางทีอาจจะทำอันใดไม่ถูกและอดกลั้นเอาไว้
ในทางกลับกันเหยียนอู๋อวี้กลับแสดงความประหลาดใจ “ซูเฟยพูดอยู่เสมอว่า ในวังหลวงมีกฎเกณฑ์ เห็นได้ชัดว่าขันทีผู้นี้ทำงานผิดพลาด จะปล่อยผ่านไปเช่นนี้ได้อย่างไร? วันนี้ชนหม่อมฉันซึ่งสามารถให้อภัยได้ ทว่าหากวันใดชนฮ่องเต้เล่า? ยิ่งกว่านั้นเกี้ยวนั่งนี้เป็ของประทานจากฮ่องเต้ ทว่าพระสนมกลับไม่เห็น เขากล้าทำความผิดเช่นนี้ได้อย่างไร!”
สีหน้าขันทีผู้นั้นซีดลงทันที ก่อนจะรีบคุกเข่าลงบนพื้นร้องขอความเมตตาด้วยเสียงแ่เบา “บ่าวสำนึกผิดไปแล้ว ซูเฟยโปรดเมตตาบ่าวด้วยพ่ะย่ะค่ะ ทว่าบ่าวทำผิดจริง ขอให้ซูเฟยลงโทษด้วย”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดปากออกมา ดูเหมือนเหยียนอู๋อวี้จะไม่ยอมให้อภัย
ฮวารั่วซีอารมณ์ดี ทว่าแสร้งทำเป็ลำบากใจ “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าต้องลงโทษเ้า โดยจะลงโทษเ้า......” โดยการหักเบี้ยหวัดสองเดือน!
ยังไม่ทันเอ่ยคำสุดท้ายจบ จู่ๆ กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้น “โบยจนตาย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้