เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของซ่งฉียวนค่อยๆห่างออกไป เส้นประสาทที่ตึงเครียดของข้าจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลง แต่ถึงอย่างไรอารมณ์ในตอนนี้ก็สงบลงไม่ได้อยู่ดี
สิ่งที่ซ่งฉียวนทำในคืนนี้ช่างน่าตกตะลึงอยู่พอสมควรจริงๆคำพูดแปลกประหลาดเ่าั้ที่เขาพูดออกมามักทำให้ข้ารู้สึกขนลุกขนพองอยู่เสมอ
ข้ารู้เื่ความสัมพันธ์ระหว่างหวังตัวจวี๋กับโม่ชิงฝ่ายอวี๋เคอผู้ที่อยู่ในงานเขียนนั้นก็เป็คนประเภทที่ชอบกินได้ทั้งชายและหญิงเช่นกันดังนั้นส่วนตัวข้าจึงไม่คิดว่าการรักร่วมเพศเป็เื่แปลก แต่ตัวข้าเองกลับเป็ชายแท้ทั้งแท่งที่ไม่เคยสนใจผู้ชายเลยแม้แต่น้อยส่วนซ่งฉียวนผู้ที่อยู่ในงานเขียนก็เป็เหมือนอย่างข้าที่มีนิสัยตรงทื่อราวกับเสาไฟฟ้าบนถนน และยังเป็คนประเภทที่ไม่ชอบไม้ป่าเดียวกันอีกด้วยดอกท้อที่ข้าเขียนให้เขาบ้างก็เป็ผู้หญิงที่สวยบริสุทธิ์ บ้างก็สวยแบบเ็าบ้างก็เป็พี่สาวที่จู้จี้ ซึ่งทุกคนล้วนมีเส้นผมที่ยาวสลวยและมีรูปโฉมที่งดงามจับใจ
เนื่องจากลักษณะนิสัยที่เป็คนเฉื่อยชาเขาจึงไม่มีทางชอบผู้ชายได้อย่างแน่นอน แล้วนับประสาอะไรกับอาจารย์อย่างข้าผู้นี้อีกอย่างซ่งฉียวนก็เป็เด็กที่ค่อนข้างเคารพอาจารย์และเชื่อฟังในคำสั่งสอนอยู่พอสมควรเขาคงไม่กระทำเื่ประเภทนอกรีตและผิดศีลธรรมทั้งที่รู้อยู่แก่ใจเป็แน่
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าค่อนข้างสมเหตุสมผลบางทีวันนี้เขาอาจจะสับสน และความรู้สึกของเขาที่มีต่อข้าอาจจะเป็แค่ความรู้สึกแบบคนในครอบครัว? อย่างไรเสียเขาก็... ไม่ได้จูบปากข้าสักหน่อยเพียงแค่จูบที่หน้าผากเท่านั้น ข้าก็แค่คิดเสียว่ามันเป็เพียงการจูบเพื่อบอกฝันดี?
“ข้าอยากจะถอดหน้ากากอันนี้ของท่านอาจารย์ออกจริงๆอยากจะดูว่าใบหน้าที่องค์หญิงแห่งเผ่าภูตหิมะโปรดปรานนั้นจะมีรอยแผลเป็เหมือนอย่างที่ท่านเคยกล่าวไว้ในวันนั้นหรือไม่”
ทันใดนั้นประโยคนี้ของเขาก็แวบเข้ามาในหัวที่ยังไม่สร่างเมาเต็มที่ทำให้ข้าอดกลืนน้ำลายไม่ได้ เพิ่งจะคิดได้ว่าตอนนั้นตัวเองช่างประมาทเสียจริงที่เอาเื่แผลเป็อะไรนั่นมาเป็ข้อแก้ตัวโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน กลายเป็ว่าขุดหลุมขึ้นมาให้ตัวเองเสียดื้อๆและอาจเป็เพราะนิสัยของซ่งฉียวน เขาน่าจะนึกสงสัยถึงหน้ากากอันนี้ของข้าได้ั้แ่เมื่อสองปีก่อนแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ยื่นมือไปถอดมันออกไม่อย่างนั้นตอนนี้พวกเราสองคนคงจะต้องเปิดศึกห้ำหั่นกันไปแล้ว
แต่ที่ได้ยินเขาพูดว่า “ต้องคอยห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำตามใจปรารถนาในตอนกลางวัน” เมื่อครู่นี้ ข้าค่อนข้างมึนงงอยู่พอสมควร ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดนี้อย่างสิ้นเชิงเป็ไปได้ไหมว่าเด็กคนนี้จะมีสองบุคลิก??!
บ้าเอ้ย! นี่มันจะสุดยอดเกินไปแล้ว!
แม้จะรู้สึกใเป็อย่างมากแต่ความรู้สึกง่วงนอนของข้ากลับไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย จึงเอาแต่นอนคิดอยู่แบบนั้นจนหลับไป
หากตอนกลางวันมีสิ่งที่เรียกว่าฝันกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนก็มีสิ่งที่เรียกว่าฝันกลางคืนในเวลานี้ข้าจึงรู้ซึ้งแล้วว่าตัวเองกำลังฝันในยามค่ำคืนอยู่แต่เื่ราวในความฝันนี้กลับทำให้ข้าต้องเสียวสันหลังวาบ
ณ เวลานี้ สถานที่ที่ข้ากำลังยืนอยู่แห่งนี้ก็คือคุกน้ำในสำนักฉิงชางที่ข้าถูกทรมานจากชาติที่แล้วเพียงแต่ครั้งนี้ภายในคุกนั้นกลับดูสะอาดสะอ้านและไม่มีน้ำอยู่เลยข้ายืนมองอยู่ด้านข้างในฐานะผู้ชม ส่วนเบื้องหน้านั้นมีคนที่รูปลักษณ์เหมือนกับข้าทุกอย่างกำลังถูกโซ่ตรวนแขวนอยู่ตรงกลางหน้ากากสีแดงเข้มบนใบหน้าของเขาแตกออกเป็รอยแยกจนเผยผิวที่ซีดเผือดออกมาให้เห็นเล็กน้อย ทว่าร่างกายกลับไม่ได้รับาเ็ใดๆ
จากนั้นก็มีเสียงดังมาจากฝั่งประตูคุก และคนที่กำลังเดินเข้ามาก็คือซ่งฉียวนที่โตเป็ผู้ใหญ่แล้วเขาเดินเข้าไปหา “ข้า” แล้ววางมือลงบนหน้ากาก ที่หางตาและหางคิ้วของเขาแสดงออกถึงความปีติยินดีและภาคภูมิใจ “ท่านอาจารย์ ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าต้องลำบากเพียงใดในการตามหาท่าน? ”
เมื่อสิ้นเสียงนั่นก็เห็นนิ้วมือทั้งห้าของเขาเลื่อนไปถอดหน้ากากออกมา
“ในที่สุดข้าก็จะได้เห็นใบหน้าของท่านที่อยู่ภายใต้หน้ากาก...อวี๋เคอ!!! ”
สีหน้าที่แสดงออกถึงความดีใจของซ่งฉียวนในตอนแรกกลับเปลี่ยนเป็ตกตะลึงขึ้นมาในทันทีจากนั้นเสียง “ปึก” ก็ดังขึ้น หน้ากากตกกระแทกกับพื้นหินอย่างจังท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัดเช่นนี้ทำให้เสียงนั้นยิ่งดังขึ้นอย่างชัดเจน
“ไม่... เป็ไปไม่ได้! ไม่ใช่... มันไม่ควรเป็แบบนี้!เป็ไปไม่ได้... ไม่...” ซ่งฉียวนราวกับได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างหนักหน่วงปากก็พร่ำพูดปฏิเสธไม่หยุด สภาพของเขาในตอนนี้ราวกับคนเสียสติ เขาเอาแต่ก้าวถอยไปด้านหลังไม่ยอมหยุดจนกระทั่งแผ่นหลังของเขาแนบติดกับประตูคุก ทำให้ไม่อาจถอยไปไหนได้อีก
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเมื่อเห็นซ่งฉียวนเป็แบบนี้แล้ว ข้ากลับรู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางหัวใจ ซ้ำความเจ็บนั้นยังรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับอาการโรคหัวใจกำเริบแบบโลกปัจจุบัน ข้าเอามือกุมหน้าอกแล้วย่อตัวลงแต่กลับรู้สึกว่าตรงกลางมือขวาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา เมื่อแบฝ่ามือออกก็พบว่าตราประทับหินสีดำนั้นเปล่งแสงจางๆออกมา หนำซ้ำในหัวยังเหมือนกับมีความโศกเศร้าบางอย่างแตกกระจายออกมาอีกด้วย
“ท่านอาจารย์เหตุใดท่านจึงใส่หน้ากากตลอดเวลาเลยเล่าขอรับ? ”
“เ้าไม่จำเป็ต้องรู้”
“ท่านอาจารย์ ฉียวนไม่อยากไปที่สำนักฉิงชางเลยขอรับฉียวนอยากติดตามท่านอาจารย์ตลอดไป”
“ชะตาของเ้ากับข้าสิ้นสุดกันเพียงเท่านี้แล้วสำนักฉิงชางคือที่ที่แท้จริงที่เ้าจะต้องไปอาศัย”
......
ทันใดนั้นสองตาของข้าก็ลืมขึ้นมาทันที แล้วพบว่าแสงอาทิตย์จากภายนอกได้สาดส่องเข้ามาภายในห้องยามนี้ท้องฟ้าสว่างแล้ว ในใจบอกว่าข้าได้นอนหลับไปนานพอแล้ว ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าผากที่เกิดอาการปวดครั้นอยากจะนึกถึงคำพูดที่ดังก้องอยู่ในหัวเมื่อครู่ ทว่านึกอย่างไรก็นึกไม่ออก จำได้เพียงแววตาของซ่งฉียวนในความฝันที่แสดงออกถึงความรู้สึกเ็ปและะเืใจหลังจากที่รู้ความจริงข้าอดรู้สึกกล้ำกลืนอย่างขมขื่นไม่ได้
เมื่อมาถึงตอนนี้ ข้าจึงตั้งปณิธานไว้แล้วว่าไม่ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่เปิดเผยตัวตนเป็อันขาด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้