“ไท่ไท่ หลินชุ่ยมาขอรับ บอกว่ามาเชิญท่านไปร่วมทานอาหารที่บ้านหลินในวันที่หกนี้ วันนั้นบ้านหลินจะจัดงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ เชิญแขกมาหลายคน” หลินหวั่นชิวนั่งรับแดดอ่านหนังสืออยู่กลางลานบ้าน เจียงเป่าเข้ามารายงาน
งานเลี้ยงฉลองปีใหม่?
เหมือน่ที่นางยังเด็กจะเคยจัด แต่หลายปีต่อจากนั้นก็ไม่ได้จัดแล้ว
ในหมู่บ้านจึงมีแค่สองพี่น้องบ้านสวีที่จัดเป็ประจำทุกปี สวีเหล่าซานไม่เคยจัด
จู่ๆ จะจัดงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ เพื่อโอ้อวดเท่านั้นหรือ?
“เ้าไปบอกนางว่าวันที่หกข้าจะไปร่วมงาน” ลองไปดูแล้วกัน ไม่ไปดูคงไม่รู้ว่าบ้านหลินมีแผนกระไร
“ขอรับ” เจียงเป่าถอยออกไปได้ไม่นาน ป้าสองจ้าวกับหวางกุ้ยเซียงก็มาหา
“วันที่หกนี้บ้านหลินจัดงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ เชิญพวกข้าสองครอบครัวด้วย หวั่นชิว พวกเราจะไปหรือไม่?” ป้าสองจ้าวนั่งลงแล้วถามทันที
“พี่สะใภ้ว่าอย่างไรข้าจะว่าตามนั้น พี่สะใภ้บอกให้ไปก็ไป บอกให้ไม่ไปก็ไม่ไป” หวางกุ้ยเซียงพูดตาม
หลินหวั่นชิวยิ้ม “ไปสิ เหตุใดจะไม่ไป พวกเราสามครอบครัวนั่งโต๊ะตัวเดียวกันได้พอดี”
“จริงหรือ…พวกนางจะเล่นลูกไม้กระไรหรือไม่?” ป้าสองจ้าวกังวลเล็กน้อย
หลินหวั่นชิวส่ายหน้า “ข้าไม่กลัว ตอนนั้นพวกเขาขายข้าทิ้ง ข้าเป็แค่บ่าวของบ้านเจียง ไม่อาจทำตามใจตนเอง ตัดสินใจเองไม่ได้ พวกนางทำกระไรข้าไม่ได้เช่นกัน”
“อีกอย่าง หากถึงคราวเคราะห์ จะให้ข้าหลบอย่างไรก็คงหลบไม่พ้น มีโจรเป็ร้อยวัน ข้าจะป้องกันโจรได้ทั้งร้อยวันหรือ ครั้งนี้ข้าหลีกเลี่ยง เช่นนั้นครั้งหน้าเล่า? ครั้งหน้าๆ เล่า? ยิ่งนานวัน ความมีเหตุผลของข้ายิ่งจะกลายเป็ไร้เหตุผล”
“ก็ถูก หากปฏิเสธบ่อยเกินไป ไม่รู้คนพวกนั้นจะกล่าวหาเ้าว่าอย่างไร”
คนเราจะใช้ชีวิตในสังคม เป็ไปไม่ได้ที่จะไม่สนใจกระไรเลย
แต่แน่นอนว่าสาเหตุสำคัญที่สุดคือ หลินหวั่นชิวไม่อยากให้คนบ้านหลินมีโอกาสสาดน้ำสกปรกใส่ตัวเองอย่างไม่เกรงใจ
หลินหวั่นชิวเล่าเื่ที่บ้านหลินเชิญไปร่วมให้งานเลี้ยงให้เจียงหงหย่วนฟังเมื่อเขากลับมาในตอนกลางคืน เจียงหงหย่วนขมวดคิ้ว “วันที่หกข้าไม่ว่าง”
“ท่านไม่ต้องไป ไปแล้วเหมือนให้เกียรติพวกเขาเปล่าๆ” หลินหวั่นชิวพูด “ท่านเป็ต้าเหยียบ้านเจียง ส่วนพวกเขาเป็ผู้ใดเล่า? สำคัญขนาดให้ท่านต้องไปด้วยตัวเองเชียวหรือ ข้าอยากไปดูว่าพวกเขาคิดจะทำกระไร อยู่ต่อหน้าชาวบ้านตั้งมาก ข้าจะได้โวยวายด้วยเื่ที่พวกเขาขายข้าอีกสักรอบ หากพวกเขาบอกว่าจะไถ่ตัวข้าคืนอีก ได้สิ บอกไปเลยว่าถ้ายอมจ่ายหมื่นตำลึงท่านถึงจะปล่อยคน หลังจากนั้นข้าจะแต่งงานกับท่าน”
“เ้านี่นะ…” เจียงหงหย่วนยีหัวหลินหวั่นชิว “เหตุใดจึงน่าเอ็นดูขนาดนี้” หลินหวั่นชิวปัดมือเขาทิ้ง “ผมข้ายุ่งหมดแล้ว ทำใหม่ต้องเสียเวลามาก” นางเรียนวิธีทำผมสองสามแบบมาจากป้าฝูหรง แต่ละครั้งล้วนยุ่งยาก
“ข้าทำให้!” เจียงหงหย่วนหลุบตามองนาง มือหนาเกี่ยวผมนางเล่นไปมา
“ต้าเหยียโปรดปราณีด้วยเถิด บ่าวไม่อยากหัวล้าน” หลินหวั่นชิวนึกสนุก นางเกี่ยวแขนรอบคอเจียงหงหย่วน ใช้มือข้างหนึ่งเชยคางที่มีตอหนวดของเขา ส่งสายตาหยาดเยิ้มให้ “เหยีย…ยิ้มให้บ่าวหน่อยเ้าค่ะ”
เจียงหงหย่วนเม้มปาก หันไปสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว หลุดหัวเราะดังพรืด
“เหยียต้องยิ้มให้มากๆ ยิ้มแล้วดูดี! ยิ้มแล้วแผลเป็บนใบหน้าดูน่ารักยิ่งนัก”
“เหิมเกริมเอาใหญ่แล้ว!” เจียงต้าเหยียจับท้ายทอยบ่าวตัวน้อย ประกบริมฝีปากลงไปแบบไม่เกรงใจ
หลินหวั่นชิวตัวอ่อนระทวยในอ้อมแขนชายฉกรรจ์อย่างรวดเร็ว
ว่ากันด้วยเหตุผล ฮอร์โมนของชายฉกรรจ์รุนแรงมาก หลินหวั่นชิวแค่ได้กลิ่นกายเขาก็จิตใจฟุ้งซ่าน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลาถูกจูบจนหายใจไม่ทัน
“ดึกแล้วจะทำผมให้ผู้ใดดู? หรือคิดจะออกไปข้างนอกอีก?” เจียงหงหย่วนปล่อยตัว จ้องคนในอ้อมแขนเหมือนหมาป่า
หลินหวั่นชิว “…”
นางกะพริบตาปริบๆ นั่นสิเนอะ ดึกแล้วจะทำผมเพราะเหตุใด?
สติปัญญานางติดลบทุกครั้งที่อยู่กับชายฉกรรจ์
เห็นภรรยาตัวน้อยเผยอปากกะพริบตาปริบๆ ในอ้อมแขน ชายฉกรรจ์อดใจก้มลงจูบอีกครั้งไม่ได้ เกี่ยวลิ้นไปมา
“วันที่หกกินข้าวที่บ้านให้อิ่มก่อนค่อยไป อย่าดื่มอย่ากินของบ้านพวกเขา อย่าอยู่ตามลำพังกับคนบ้านหลิน” หลังจากปล่อยตัวหลินหวั่นชิวอีกครั้ง ชายฉกรรจ์กำชับคนตัวนุ่มนิ่มในอ้อมแขน
“อื้อ” หลินหวั่นชิวยังคงมึนงง ตอบไปตามสัญชาตญาณ
ชายฉกรรจ์เป่าตะเกียงอย่างพึงพอใจเมื่อได้รับคำตอบ เขากอดนาง “เอาล่ะ นอนได้แล้ว อย่ายั่วข้าล่ะ”
หลินหวั่นชิว “…”
ผู้ใดยั่วยวนกันแน่?
สักวันข้าจะสั่งสอนเ้า!
สั่งสอนให้ร้องหาพ่อ!
หลินหวั่นชิวคิดในใจ จากนั้นค่อยๆ หลับไปกลางกลิ่นอายที่วนเวียนของชายฉกรรจ์
หลับสนิทมาก
วันที่หก เจียงหงหย่วนกำชับหลินหวั่นชิวอีกรอบก่อนไป แต่กำชับเสร็จแล้วเขาก็ยังไม่สบายใจ ไปบ้านหวางขอให้หลิวซื่อกับหวางกุ้ยเซียงอย่าอยู่ห่างจากหลินหวั่นชิว
หลินหวั่นชิวเชื่อฟังที่เจียงหงหย่วนสั่ง กินอาหารรองท้องไปจากบ้าน จากนั้นซื้อกล่องเก็บของปิดมิดชิดใบใหญ่จากเสียนอวี๋มาเก็บในช่องเก็บของ
ทุกอย่างพร้อมแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเสร็จก็ตามสมาชิกหญิงจากบ้านหวางกับสองแม่ลูกบ้านจ้าวที่รออยู่ในโถงบุปผาไปบ้านหลินด้วยกัน
“วันนี้พี่สะใภ้สวยยิ่งนัก” ระหว่างทาง หวางกุ้ยเซียงพูดชม
หลินหวั่นชิวสวมเสื้อท่อนบนสีชมพูสดปักลายหงส์ล้อโบตั๋น กระโปรงจีบผ้าแพรสีแดงปักลายผีเสื้อเลื่อมทอง เท้าสวมรองเท้าผ้าฝ้ายส้นหนาสีชมพูปักลายสีฟ้า
ทำผมทรงมวยลาด ด้านซ้ายปักปิ่นพู่ระย้าปลายยาวสีเงิน ด้านขวาปักดอกไม้กำมะหยี่สีชมพูอ่อน
พู่ระย้าส่ายไปมาตามจังหวะการเดิน ดอกไม้กำมะหยี่สีชมพูอีกข้างช่วยขับดันให้หน้าตานางยิ่งชดช้อย
จ้าวหงฮวามองหลินหวั่นชิวอย่างริษยา นางสวมชุดใหม่ที่สวมเฉพาะวันปีใหม่เช่นกัน เป็สีแดงเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะฝีมือในการตัดเย็บหรือลวดลายล้วนด้อยกว่าของหลินหวั่นชิวมาก ผมนางประดับดอกไม้ลูกปัดสองดอก แต่งแต้มชาดบนใบหน้า แต่การแต่งตัวด้วยความตั้งใจของนางกลับดูเหมือนตัวตลกเมื่ออยู่กับหลินหวั่นชิว
ยืนอยู่ข้างกันแล้ว นางเหมือนสาวใช้ของอีกฝ่าย
จ้าวหงฮวาไม่สบอารมณ์มาก เคียดแค้นหลินหวั่นชิว
นังจิ้งจอกก็คือนังจิ้งจอก สามีไม่อยู่บ้านแท้ๆ แต่งตัวขนาดนี้คิดจะไปยั่วผู้ใดกัน?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้