แม่นมฮวาไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย
“พระชายาเพคะ สำรับอาหารวันนี้ไม่ต้องใส่น้ำส้มสายชูนี่เพคะ! ”
แม่นมฮวามั่นใจว่าอาหารได้รับการปรุงรสอย่างดีแล้วรสชาติไม่แย่อย่างแน่นอน
“ท่านอ๋องโปรดเสวย! ”
ซูจิ่นซีขยิบตาไปทางแม่นมฮวา
แม่นมฮวาพลันเข้าใจสิ่งใดบางอย่างขึ้นมา นางรีบตอบรับสองครั้งแล้ววิ่งเข้าไปในห้องเครื่องเพื่อหยิบน้ำส้มสายชู
ทันใดนั้นเยี่ยโยวเหยาก็กุมมือของซูจิ่นซีทันที “จิ่นซี... ”
ซูจิ่นซีตกตะลึงไปชั่วขณะ
นี่เป็ครั้งแรกที่เยี่ยโยวเหยาเรียกชื่อของซูจิ่นซีเช่นนี้
“เยี่ยโยวเหยา ท่านบอกให้หม่อมฉันทราบได้หรือไม่ว่าท่านหมายความว่าอันใดกันแน่เพคะ? ”
ท่านสามารถให้คำอธิบายที่ชัดเจนได้หรือไม่ เพื่อให้หม่อมฉันสบายใจ
“มีเื่ราวมากมายที่ตอนนี้ข้ายังไม่ได้เอ่ยกับเ้าให้ชัดเจนทว่าเชื่อข้าเถิด ชีวิตนี้ข้ามีเพียงเ้าเป็พระชายาเพียงผู้เดียว จะไม่มีสตรีอื่นอีก”
นี่นับว่าเป็คำสารภาพรักที่ยืนยาวหรือไม่?
ซูจิ่นซีคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา
ท่านอ๋องที่เกิดในยุคโบราณมีศักดินาเ้าขุนมูลนายจะมีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร?
ท่านอ๋องในยุคโบราณล้วนไม่ได้มีมากชู้หลายเมียกันหรอกหรือ?
“เยี่ยโยวเหยาเพคะ ท่านพูดแล้วนะเพคะ! ”
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปาก
“ข้าพูดแล้ว! ” น้ำเสียงของเยี่ยโยวเหยามั่นคง
มุมปากของซูจิ่นซีค่อยๆ ยกยิ้มขึ้น รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าราวกับดอกไม้ที่กำลังผลิบานอย่างไรอย่างนั้นสว่างไสวเจิดจ้าเก็บอย่างไรก็เก็บไม่อยู่
แม้แต่มุมปากของเยี่ยโยวเหยาก็ถูกรอยยิ้มที่แสนประทับใจนั้นทำให้ยกขึ้นเล็กน้อย
ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็มองอย่างตกตะลึงแล้วกล่าวว่า “สง่างามยิ่งนัก! ”
“กระไร? ” เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้ว
“รีบเสวยเถิดเพคะ! ”
ซูจิ่นซีก้มหน้าก้มตาออกแรงจ้วงข้าวเข้าปากของตน ที่หางตาและคิ้วโค้งเป็รอยยิ้มขึ้นมาอย่างยับยั้งไม่อยู่
ในที่สุด นางก็รอคอยจนถึงวันนี้!
ทว่าซูจิ่นซีไม่รู้ว่า ในความเป็จริงแล้วเยี่ยโยวเหยาไม่เคยแย้มยิ้มมาก่อนเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นกระทั่งแม่นมฮวาที่ดูแลเยี่ยโยวเหยามาั้แ่เล็กจนเติบใหญ่ก็ไม่เคยเห็นเขายิ้มเลยจนได้พบกับซูจิ่นซี
นับไม่ถ้วนแล้วว่าเยี่ยโยวเหยายิ้มไปกี่ครั้ง มันเป็รอยยิ้มสำหรับซูจิ่นซีโดยเฉพาะ
“พระชายาเพคะ น้ำส้มสายชูมาแล้วเพคะ! ”
แม่นมฮวาถือน้ำส้มสายชูเดินยิ้มแฉ่งมาทางนี้
ทว่าซูจิ่นซีกลับก้มหน้าก้มตาทานข้าว ไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใด
“พระชายาเพคะ? ” แม่นมฮวาะโเรียกอีกครั้ง
ซูจิ่นซีก็ยังคงไม่มีการตอบรับ
“ท่านอ๋องเพคะ นี่... ”
แม่นมฮวามึนงงเล็กน้อย
“แม่นมฮวา น้ำส้มสายซูไม่อาจทานได้ตามอำเภอใจ ยิ่งไม่ควรทานมากจนเกินไปไม่ดีต่อร่างกาย! ” ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยตอบทั้งยังเล่นสำนวนความหมายกำกวม
ครานี้แม่นมฮวายิ่งมึนงงมากกว่าเดิม
น้ำส้มสายชูนี่ไม่ใช่พระชายาให้นางไปเอามาหรอกหรือ?
“ถูกต้อง! ”
เยี่ยโยวเหยาที่สายตาจ้องมองอยู่ที่สำรับอาหาร กล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
แก้มของซูจิ่นซีแดงก่ำขึ้นชั่วขณะ นางจ้องมองไปที่เยี่ยโยวเหยา หลังจากนั้นจึงก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อ
เยี่ยโยวเหยาก็ทานข้าวต่อเช่นกัน ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก
แม่นมฮวายืนอยู่ด้านข้าง ขวาก็ไม่ใช่ ซ้ายก็ไม่เชิง [1] ยิ่งไม่รู้ว่าจะถามกระไรอีก ทั้งยังไม่รู้ว่าควรจะวางน้ำส้มสายชูไว้บนโต๊ะเล็กๆที่ทั้งสองท่านกำลังทานข้าวอยู่ หรือว่าเอากลับไปเก็บไว้ในห้องเครื่อง นางทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นและดื่มน้ำส้มสายชูทั้งขวด
หลังจากดื่มเสร็จ ใบหน้าของแม่นมฮวาที่เดิมทีมีรอยเหี่ยวย่นไม่น้อยก็ยิ่งย่นเข้าไปอีกนางหลับตาปี๋ ลืมตาทั้งสองข้างไม่ได้
น้ำส้มสายชูนี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย ไม่สามารถกินได้ตามอำเภอใจยิ่งไม่ควรกินมากจนเกินไป
เปรี้ยวเสียจริง!!!
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว แม่นมฮวาก็เก็บกวาดชามและตะเกียบ ส่วนลวี่หลีก็เตรียมผลไม้จำนวนหนึ่งพร้อมแล้วนางวางผลไม้ลงบนโต๊ะด้านขวาของลาน
เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีทานผลไม้ไปเล็กน้อย ทั้งสองว่างงานว่างการไม่มีเื่ให้ต้องทำซูจิ่นซีจึงแนะนำว่าควรเอากระถางดอกไม้บนเรือนอวิ๋นไคเ่าั้ลงมาให้เยี่ยโยวเหยาเลือกสรรจำนวนหนึ่งเพื่อนำไปวางประดับไว้ที่ตำหนักฝูอวิ๋น
ดอกไม้ที่ซูจิ่นซีปลูกมีความแตกต่างจากดอกไม้ที่ผู้อื่นปลูกเล็กน้อย ดอกไม้เหล่านี้ล้วนเป็ยาจีนที่สามารถผลิดอกออกผลมีทั้งหวงฉิน [2] เฟิ่งเซียน [3] ฮั่วเซียง [4] ตู๋เจี่ยวเหลียน [5] หลูฮุ่ย [6] และอื่นๆ
ซูจิ่นซีพบว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ใช่ผู้ที่ชื่นชอบดอกไม้อย่างที่เคยได้กล่าวไว้ในตอนที่เลือกดอกไม้จึงไม่รู้ว่าควรจะเริ่มที่ใด
ซูจิ่นซีแนะนำกระถางดอกไม้ให้เขาอยู่หลายใบ เยี่ยโยวเหยาก็ล้วนส่ายศีรษะต่อเนื่องไม่หยุดท้ายที่สุดแล้ว คาดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะพอใจต้นหูเตี๋ยหลาน [7] สองกระถางที่ซูจิ่นซีวางไว้บนระเบียงชั้นสองของเรือนอวิ๋นไคทว่าไม่ได้สั่งให้คนยกลงมา “นั่นแล้วกันย้ายไปวางไว้ที่ห้องหนังสือของข้าก็พอ”
นั่นเป็ดอกไม้ที่ซูจิ่นซีโปรดปรานที่สุด! ไม่ง่ายเลยที่นางจะปลูกจนมันผลิดอกมันเป็ดอกไม้ที่ซูจิ่นซีรักที่สุดเลยทีเดียว! นางไม่สั่งให้ยกลงมาเพราะไม่ได้วางแผนว่าจะมอบให้เยี่ยโยวเหยา
ทว่าเยี่ยโยวเหยาเอ่ยปากขอแล้วซูจิ่นซีก็ทำได้เพียงยอมสละทรัพย์สมบัติอันเป็ที่รัก
ผู้ใดใช้ให้เขาเป็เยี่ยโยวเหยาเล่า!
แม่นมฮวาที่ยืนอยู่ด้านข้างตกตะลึงเล็กน้อย
นอกจากนี้ยังมีพ่อบ้านที่ยืนอยู่ตรงปากประตูทางเข้าเรือนชิงโยว พร้อมที่จะเข้ามากระทำการเื่ที่เยี่ยโยวเหยามอบหมาย
คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่ง เยี่ยโยวเหยาจะได้ััถึงต้นไม้ใบหญ้า เดิมทีพวกเขาคิดว่าเยี่ยโยวเหยาเกิดมาเพื่อเป็ปฏิปักษ์กับสิ่งเหล่านี้
ทว่าเรือนชิงโยวมีสิ่งเหล่านี้บ้างก็ดีไม่น้อย ทำให้มีชีวิตชีวา!
พระชายาช่างไม่ธรรมดาเสียจริง!
การปรากฏตัวของนางสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อท่านอ๋องเป็อย่างยิ่ง
จะพูดอย่างไรดีเล่า... แม้ว่าพ่อบ้านจะไม่แสดงออกมากนักทว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องและพระชายา ตลอดจนความเปลี่ยนแปลงของท่านอ๋องล้วนอยู่ในสายตาของเขา
ในพระชนม์ชีพของท่านอ๋องราวกับว่า... ถูกดึงดูดเข้าไปในแสงของพระอาทิตย์
หลังจากนั้น พ่อบ้านก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา เขาทำเพียงหันหลังเดินออกไปจากเรือนชิงโยว
แม่นมฮวาขยิบตาอย่างรวดเร็ว ส่งสัญญาณว่าจะไปเข้านอน ทว่าก่อนจะออกไป นางก็ได้ถอนกำลังผู้ช่วยที่ดูแลเรือนชิงโยวออกไปด้วย
“เยี่ยโยวเหยาเพคะ... เยี่ยโยวเหยาเพคะ... ”
ซูจิ่นซีย้ายต้นหูเตี๋ยหลานเข้าไปไว้ในห้องหนังสือของเยี่ยโยวเหยาหลังจากที่เดินออกมาก็พบว่าเยี่ยโยวเหยาราวกับกำลังคิดสิ่งใดอยู่ด้วยท่าทีเหม่อลอยเล็กน้อยนางจึงยื่นมือโบกไปมาตรงหน้าของเยี่ยโยวเหยา
เมื่อเยี่ยโยวเหยาได้สติกลับมา เขามองไปยังซูจิ่นซี มุมปากยกยิ้มขึ้น
“คิดกระไรอยู่หรือเพคะ? ”
เยี่ยโยวเหยาดึงซูจิ่นซีให้นั่งลงบนม้านั่งหินด้านข้างของตน หลังจากนั้นจึงหยิบขวดแก้วใสที่เขาชอบนำออกมาดูบ่อยๆออกมาจากอกเสื้อ
“คิดถึงสิ่งนี้อยู่! ”
“โอ้ นี้คือกระไรเพคะ? งดงามยิ่งนัก! ”
ขวดแก้วใสสีฟ้าอ่อน ภายในบรรจุสิ่งที่ไม่รู้จัก คล้ายใยแมงมุมทว่าก็ดูไม่คล้ายเช่นกันราวกับสิ่งที่เป็ควันอย่างไรอย่างนั้น หากมองอย่างละเอียดก็ดูเหมือนน้ำอย่างไรก็ตาม ของสิ่งนี้ทำให้คนรู้สึกถึงความลึกลับที่แปลกประหลาด อีกทั้งยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามันคือสิ่งใดกันแน่
ซูจิ่นซีหยิบขวดแก้วจากในมือของเยี่ยโยวเหยานำมาเขย่าสองครั้ง ทว่าสิ่งของด้านในราวกับไม่มีการเปลี่ยนแปลงซูจิ่นซีกำลังคิดจะเปิดฝาดมกลิ่น ทันใดนั้นเยี่ยโยวเหยาก็จับมือของนางเอาไว้ “ระวัง นี่เป็พิษที่รุนแรง! ”
พิษรุนแรง???
ซูจิ่นซีรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย
ระบบถอนพิษไม่ตอบสนองเลยแม้แต่น้อย!
เป็ไปไม่ได้กระมัง?
ทว่าการแสดงออกของเยี่ยโยวเหยาดูไม่เหมือนเป็การล้อเล่น
“พิษนี้มีชื่อว่าพิษอั้นหรานเซียวหุน สีของพิษที่เ้ามองเห็นนั้นไม่มีกลิ่นทว่าความเป็พิษของมันสามารถแผ่ขยายไปได้ไกลเกินกว่าที่เ้าจะคาดการณ์ได้ เพียงหยดเดียวทุกคนในเมืองตี้จิงแห่งนี้ก็จะถูกกวาดล้างจนสิ้น”
พระเ้า!
ซูจิ่นซีมองขวดแก้วในมือของตนเองอย่างยากที่จะเชื่อ
กล่าวเช่นนี้ ฟังเหมือนกับอาวุธชีวภาพที่ญี่ปุ่นพัฒนาออกมาใน่าต่อต้านญี่ปุ่นอย่างไรอย่างนั้น
“ตามตำนานเล่าว่า ในหลุมฝังศพของจิ่นอีโฮ่ว เทพเ้าแห่งาของราชวงศ์โจวตะวันตกถูกผนึกด้วยความลับของการครองโลก บางคนกล่าวว่ามันเป็สมบัติล้ำค่าหายากบางคนกล่าวว่าคือทหารม้าจำนวนมาก ทว่าไม่มีผู้ใดทราบว่าข้างในนั้นคือสิ่งใดกันแน่ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงตำแหน่งเฉพาะของสุสานจิ่นอีโฮ่ว ในพื้นพิภพโลกหล้าล้วนพูดกันปากต่อปากว่าเพียงแค่เปิดพิษอั้นหรานเซียวหุนออกเท่านั้น ก็จะสามารถไขปริศนาตำแหน่งของสุสานจิ่นอีโฮ่วได้”
ขณะที่เยี่ยโยวเหยาพูดเช่นนี้ ซูจิ่นซีก็ทำเพียงจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขาตลอดเวลา
ั์ตาสีดำสนิทคู่นั้นดูเหมือนจ้องมองไปยังที่ที่ห่างไกลออกไป ไกลเสียจนซูจิ่นซีตระหนักได้ว่าจิตใจของเยี่ยโยวเหยานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด
ความยิ่งใหญ่ของจวนโยวอ๋อง กระทั่งจงหนิงก็ล้วนไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่เขา้าอาจมากกว่านั้น
นั่นคือจิตใจของบุรุษเงียบขรึมผู้หนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีกลับคิดว่า เหตุใดเื่ราวเหล่านี้จึงฟังดูไม่น่าเชื่อถือนัก!
......
เชิงอรรถ
[1] ขวาก็ไม่ใช่ ซ้ายก็ไม่เชิง สุภาษิตจีน หมายถึง ทำสิ่งใดไม่ถูก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
[2] หวงฉิน คือสมุนไพรจีน มีสรรพคุณช่วยขับร้อนหรือดับร้อนที่ปอด ขับพิษ หยุดเืและบำรุงครรภ์
[3] เฟิ่งเซียน คือสมุนไพรจีน ชื่อไทยคือดอกเทียนบ้าน
[4] ฮั่วเซียง คือ สมุนไพรจีน ชื่อไทยคือต้นพิมเสน มีรสขมและฤทธิ์อุ่นมีสรรพคุณปรับสมดุลและขจัดความชื้นในกระเพาะอาหาร ระบายความร้อนอบอ้าว
[5] ตู๋เจี่ยวเหลียน คือ สมุนไพรจีนชื้นแห้ง มีสรรพคุณแก้เสมหะ ขับลม หยุดอาการกระตุก ล้างพิษและขจัดความเมื่อยล้า
[6] หลูฮุ่ย คือ สมุนไพรชื่อไทยคือว่านหางจระเข้ สรรพคุณของวุ้นว่านหางจระเข้ เป็ยาฆ่าเชื้อ สมานแผลห้ามเื ในเวลาเดียวกันยังเป็ตัวกระตุ้นเซลล์เนื้อเยื่อให้เจริญเติบโตทำให้แผลหายเร็วขึ้น
[7] ต้นหูเตี๋ยหลาน คือต้นกล้วยไม้ผีเสื้อราตรี ภาษาดอกไม้ หมายความถึงการมาถึงของรักแรกและมีความหมายว่า “ฉันรักคุณ”