ผ่านไปสักพัก ในที่สุดงานประมูลก็ใกล้จะจบลง ซึ่งของประมูลชิ้นต่อไปคือหญ้าหนวดั
ผู้คนจำนวนมากตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น ทันทีที่ชายชราผู้ดำเนินการเปิดกล่องไม้ที่บรรจุหญ้าหนวดัก็มีปราณัพวยพุ่งออกมา ก่อนจะกลายเป็แรงกดดันเข้ากดทับเหล่าผู้คน ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังแบกของหนัก ๆ ก็ไม่ปาน
“นั่นก็คือหญ้าหนวดั ทรงพลังเกินไปแล้ว มิน่าถึงสามารถฟื้นคืนชีพคนตายได้” ผู้คนต่างต้องตกตะลึงขณะมองสมุนไพรยาวครึ่งฉื่ออย่างหญ้าหนวดัที่อยู่ในกล่องไม้
“หญ้าหนวดัคือสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่เติบโตนอกแดนชิงอวิ๋น จึงเป็สิ่งล้ำค่ามาก ทางหอการค้าเทียนจี๋ตามหามันมาอย่างยากลำบาก ไม่รู้ว่าใครจะได้หญ้าหนวดัไป” คนผู้หนึ่งกล่าว โดยที่อดเดาไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้วหญ้าหนวดัจะตกเป็ของใคร
“ทางหอการค้าเทียนจี๋ซื้อหญ้าหนวดัจากนอกแดนชิงอวิ๋นมาในราคาที่ดี มีสรรพคุณในการฟื้นคืนชีพที่ทรงพลัง ส่วนราคาของมันเริ่มที่ 3,000 หินหยวนระดับกลาง เริ่มประมูล ณ บัดนี้!” ชายชราผู้ดำเนินการกล่าวกับทุกคน พร้อมกับสายตามองไปที่เย่เฟิง ก่อนจะเก็บหญ้าหนวดั
ชายชราไม่รู้ว่าเย่เฟิงจะเข้าร่วมประมูลหญ้าหนวดัหรือไม่ เมื่อครู่นี้ที่นายน้อยเอ่ยถามเขาเช่นนั้น ชายชราก็ยังไม่เข้าใจ ทว่าบัดนี้เขากลับได้กลิ่นทะแม่ง ๆ
“10,000 หินหยวนระดับกลาง!”
เมื่อสิ้นเสียงชายชรา พลันเสียงคนหนึ่งดังขึ้น ทั้งยังประมูลในราคาที่สูงมาก ซึ่งผู้พูดก็คือองค์ชายเหลียงปู้ผั่วแห่งอาณาจักรเหลียง ก่อนหน้านี้เหลียงปู้ผั่วไม่สนใจเกราะทองคำกิเลนและจูกั่วหมื่นปีสองชิ้น แต่ครั้งนี้เขาอยากลองดูสักครั้ง
ส่วนเว่ยเจิ้นเทียนนั้นรอหญ้าหนวดัมาตลอด เขามีพลังป้องกันที่แข็งทนทานจากเกราะทองคำกิเลน หากได้หญ้าหนวดัมาอีก เว่ยเจิ้นเทียนก็จะมีวิธีปกป้องชีวิตของตนให้รอดพ้นจากอันตราย ถึงเวลานั้นแม้จะเจอศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า เขาก็ไม่จำเป็ต้องกังวลอีกต่อไป
“12,000 หินหยวนระดับกลาง!” เว่ยเจิ้นเทียนเสนอราคาที่สูงยิ่งกว่า ซึ่งเกราะทองคำกิเลนที่เขาได้มาก่อนหน้านี้ก็ประมูลมาด้วยราคาหินหยวนระดับกลาง 10,000 ก้อน ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าต้องได้หญ้าหนวดัมาด้วยหินหยวนที่เขามีอยู่ตอนนี้
เว่ยเจิ้นเทียนและเหลียงปู้ผั่วต่างเข้าร่วมการประมูลหญ้าหนวดั ไม่นานราคาของมันก็ขึ้นสูงจนน่าสะพรึงกลัว เพียงเวลาสั้น ๆ ก็ไม่มีผู้ใดเข้าร่วมประมูลนอกจากสองคนนี้ เพราะว่าพวกเขาทนราคาเช่นนี้ไม่ไหว
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ทั้งสองคนก็ประมูลราคาหญ้าหนวดัสูงถึง 30,000 หินหยวนระดับกลาง
“บัดซบที่สุด!” จ้าวหยางสบถ หากเมื่อครู่นี้ไม่ถูกเย่เฟิงเล่นงานให้ประมูลจูกั่วหมื่นปีในราคาสูง ๆ เขาคงเข้าร่วมประมูลหญ้าหนวดัไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับเข้าร่วมไม่ได้แล้ว เพราะเขามีหินหยวนไม่มากพอ
“40,000 หินหยวนระดับกลาง!”
หลังจากผ่านการประมูลไปสองสามครั้ง จู่ ๆ เว่ยเจิ้นเทียนก็เสนอราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิม
เหลียงปู้ผั่วเผยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี เขานั้นพกหินหยวนระดับกลางมาแค่ 45,000 ก้อนเท่านั้น หากประมูลต่อไปก็คงต้องนำทรัพย์สินของตนออกมาทั้งหมด เช่นนั้นมันคงไม่คุ้มค่าเท่าไร ดังนั้นเหลียงปู้ผั่วนิ่งเงียบไป เขาเกลียดตัวเองที่ไม่เตรียมตัวมาให้พร้อมกว่านี้ หากมีครั้งต่อไป เขาไม่มีทางให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนวันนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง
แต่ขณะเดียวกันเย่เฟิงตาทอประกาย เขารู้ว่าถึงเวลาที่ตัวเองจะประมูลได้แล้ว จึงพูดขึ้นว่า “45,000 หินหยวนระดับกลาง!”
เมื่อผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็หันไปมองเย่เฟิงในทันที ก่อนจะได้ยินคนผู้หนึ่งพูดขึ้นว่า “เมื่อครู่คนผู้นี้ก็เล่นงานจ้าวหยาง ครั้งนี้จะเล่นงานเว่ยเจิ้นเทียนงั้นหรือ?”
แม้ประโยคนี้จะเป็เพียงการคาดเดา แต่คนจำนวนไม่น้อยที่ได้ยินต่างก็พยักหน้า ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เย่เฟิงก็มีเื่กับผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรเว่ย เย่เฟิงก็เลยจงใจประมูลในราคาสูง
“เ้าจงใจประมูลให้ราคาสูงขึ้นงั้นหรือ?” เว่ยเจิ้นเทียนเอ่ยถามเย่เฟิง พร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มิอาจบอกได้!” เย่เฟิงเหยียดยิ้มอย่างเย็นะเื พร้อมกล่าวต่อว่า “ถ้าเ้าไม่แน่ใจ เ้าก็ถอนตัวไปซะ”
“46,000 หินหยวนระดับกลาง!” เว่ยเจิ้นเทียนกล่าว เขาไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน
ผ่านมาสักพักใหญ่ ๆ ไม่ว่าเว่ยเจิ้นเทียนจะเสนอราคาสูงเพียงใด เย่เฟิงก็จะเสนอราคาที่สูงกว่า ผ่านไปครึ่งก้านธูปราคาของหญ้าหนวดันั้นเพิ่มสูงถึง 60,000 หินหยวนระดับกลาง ทำให้ผู้คนในที่แห่งนั้นอดใจเต้นโครมครามไม่ได้
“ยอดเยี่ยมมาก ไม่นึกว่าหญ้าหนวดัจะมีราคาที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ แต่ชายผู้นั้นเป็ใครกัน เขากล้ามากที่เพิ่มราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ร้ายกาจมากจริง ๆ ” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว ซึ่งเขาสงสัยในตัวตนของเย่เฟิงมาก
แม้แต่เว่ยเจิ้นเทียนก็เริ่มอยู่ไม่นิ่ง สีหน้าดูไม่ดีเล็กน้อย เย่เฟิงเป็เพียงคนธรรมดา แต่กล้ามากที่มาแข่งขันกับเขา
“ชายผู้นี้เป็ใคร ข้าล่ะสงสัยตัวตนของเขายิ่งนัก” หวงเจาอี๋ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หวงเหยียนิเอ่ยถาม
“เขาน่าจะไปเจอคลังสมบัติ ไม่งั้นจะมีกำลังทรัพย์ขนาดนี้ได้ยังไง” หวงเหยียนิกล่าว พร้อมดวงตาฉายแววละโมบ
“เ้าแน่ใจหรือว่าจะสามารถนำหินหยวนระดับกลาง 60,000 ก้อนออกมาประมูลหญ้าหนวดัได้?” เว่ยเจิ้นเทียนเอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง
“ข้ายังคงคำเดิม หากเ้าไม่คิดแข่งต่อก็ถอนตัวไปซะ ไม่มีใครบังคับให้เ้าเพิ่มราคาสูง ๆ” เย่เฟิงกล่าวพลางแสยะยิ้ม
“61,000 หินหยวนระดับกลาง!”
เว่ยเจิ้นเทียนกัดฟันกรอด เขาไม่มีทางปล่อยหญ้าหนวดัไปง่าย ๆ
“70,000 หินหยวนระดับกลาง!” เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็เสนอราคาที่สูงกว่าในทันที โดยไม่ปล่อยให้เว่ยเจิ้นเทียนมีโอกาสใด ๆ
“หมอนี่บ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่เพิ่มราคาสูงในคราเดียว!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวพร้อมดวงตาเผยประกายคมกริบ มีหลายคนที่เคยเข้าร่วมงานประมูลมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยพบเจอคนบ้าเช่นนี้มาก่อน
สำหรับทุกคนแล้วหินหยวนระดับกลาง 70,000 ก้อนคือจำนวนมหาศาล แต่กลับดูน้อยค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฟิง บัดนี้เขาคนเดียวมีสมบัติทั้งหมดของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะถึงสี่คน อีกอย่างสมบัติที่ได้มาจากถ้ำปลายยอดปีศาจพิภพที่เขาเทียนเสวียนก็ไม่ด้อยไปกว่าสมบัติของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะคนหนึ่งเลย
“ตาเ้าแล้ว!” เย่เฟิงกล่าวขณะมองเว่ยเจิ้นเทียน
“อย่าเพิ่งได้ใจไป!” เว่ยเจิ้นเทียนเผยสีหน้าอึมครึม ก่อนจะกัดฟันพูดขึ้นว่า “75,000 หินหยวนระดับกลาง!”
“80,000 หินหยวนระดับกลาง!” แต่ทันทีที่สิ้นเสียงของเว่ยเจิ้นเทียน เย่เฟิงก็เสนอราคาต่อในทันที
สุดท้ายแล้วเหล่าคนที่นิ่งเงียบมาตลอดก็อยู่นิ่งไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาต่างมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“ตาเ้าแล้ว!” เย่เฟิงกล่าวกับเว่ยเจิ้นเทียน โดยไม่สนใจสายตาของเหล่าผู้คน
“บอกมา เ้าเป็ใครแล้วมีหินหยวนมากขนาดนี้ได้อย่างไร?”
หินหยวนระดับกลาง 80,000 ก้อนนั้นเกินขีดจำกัดของเว่ยเจิ้นเทียนไปแล้ว แต่ในฐานะองค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรเว่ย เขาเว่ยเจิ้นเทียนไม่ยอมให้หญ้าหนวดัตกไปอยู่ในมือของเย่เฟิงง่าย ๆ
“ข้าเป็ใครไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือเ้าเสนอราคาที่สูงกว่านี้ได้หรือไม่” เย่เฟิงไม่สนใจคำถามของเว่ยเจิ้นเทียน เพราะตอนนี้เขา้าหญ้าหนวดัโดยด่วน
เว่ยเจิ้นเทียนมองเย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาต แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร แม้เขาจะเป็องค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรเว่ย แต่เขาก็มีหินหยวนจำกัด ตอนนี้ราคาของหญ้าหนวดัเกินขีดจำกัดของเขาไปมาก แล้วเขาจะเสนอราคาได้อย่างไร จึงทำได้เพียงมองเย่เฟิงประมูลหญ้าหนวดัไป
เมื่อเว่ยเจิ้นเทียนแพ้เย่เฟิงในการประมูล ทำให้คนเ่าั้ที่เยาะเย้ยเย่เฟิงต่างหุบปากสนิท
“เป็ไปได้ยังไง? เห็นชัดว่าเป็สวะขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 แต่จะมีกำลังทรัพย์มากขนาดนี้ได้ยังไง?” เฉินซงกล่าวด้วยความใ เขาดูถูกเย่เฟิง คิดว่าเย่เฟิงเป็เพียงคนธรรมดา แต่ตอนนี้เขากลับคิดผิดมหันต์ เมื่อเทียบกับเย่เฟิง เขานับเป็สิ่งใดกัน?
แม้แต่กงซุนหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ เย่เฟิงก็ยังใเช่นกัน แม้นางมาเข้าร่วมงานประมูลกับเย่เฟิง แต่กงซุนหลิงเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าเย่เฟิงมีกำลังทรัพย์อยู่เท่าใดกันแน่ บัดนี้ดูเหมือนว่ากำลังทรัพย์ของเย่เฟิงจะเกินความคาดหมายของนางไปมาก จนนางอดเอามือป้องปากไม่ได้
ในที่สุดหลังจากชายชราผู้ดำเนินการประกาศราคาประมูลครบสามครั้ง หญ้าหนวดัก็ตกเป็ของเย่เฟิง ต่อจากนั้นเย่เฟิง จ้าวหยาง และเว่ยเจิ้นเทียนเดินขึ้นเวทีประมูลพร้อมกัน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนสุดท้าย
เว่ยเจิ้นเทียนและจ้าวหยางมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นะเื หากฆ่าคนได้ เช่นนั้นเย่เฟิงคงตายเป็พัน ๆ ครั้งไปแล้ว
“ไป เมื่อทำการแลกเปลี่ยนกับคนนั้นเสร็จสิ้น ก็ฉวยโอกาสเจาะเข้าไปในร่างกายของเขาซะ”
ขณะเดียวกันหวงเหยียนิหายตัวไปจากฝั่งที่นั่งของแขกผู้มีเกียรติ แต่ไปปรากฏตัวในอีกห้องหนึ่งของสนามประมูล ซึ่งตอนนี้มีหญิงสาวผู้หนึ่งปรากฏตัวที่ข้างกายของหวงเหยียนิ หญิงผู้นี้อายุประมาณ 17-18 ปี แต่ดูอ่อนน้อมถ่อมตนเมื่ออยู่ต่อหน้าหวงเหยียนิ ซึ่งนางก็คือนักฆ่าที่ทางหอการค้าเทียนจี๋ฝึกฝนมาโดยเฉพาะ พวกนางได้รับการฝึกจากหอการค้าเทียนจี๋มาั้แ่เด็ก มีความเป็มืออาชีพสูง สามารถทำภารกิจยาก ๆ ได้ อีกอย่างพวกนางสามารถฆ่าคนโดยไร้ร่องรอยใด ๆ และผู้ฝึกยุทธ์ที่ตายคามือพวกนางก็ยังมีตบะที่สูงกว่า
เช่นเดียวกับหญิงสาวผู้นี้ นางเคยฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคนหนึ่งมาก่อน ทั้งยังไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้อีกด้วย
ครั้งนี้หวงเหยียนิเห็นเย่เฟิงร่ำรวย จึงวางแผนร้ายขึ้น โดยจะให้นักฆ่าหญิงของหอการค้าเทียนจี๋ใช้เข็มพิษจู่โจมเย่เฟิง หากสำเร็จ เย่เฟิงจะตายในครึ่งชั่วยามเพราะถูกพิษกัดกร่อน ถึงเวลานั้นเขาจะส่งผู้ฝึกยุทธ์ไปชิงสมบัติของเย่เฟิงมา
ยามนั้นหวงเหยียนิไม่เพียงแต่ได้หินหยวนของเย่เฟิง แต่ยังได้หญ้าหนวดัที่เย่เฟิงประมูลได้กลับมาอยู่ในมือเขาอีกครั้ง
ธุรกิจลับที่อยู่ในการควบคุมของหวงเหยียนิ แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่หอการค้าเทียนจี๋ ภายนอกหอการค้าเทียนจี๋ยังคงเป็หอการค้าอันดับหนึ่งแห่งเมืองลอยฟ้าและมีชื่อเสียงโด่งดัง
เมื่อหญิงผู้นี้เป็คนออกโรง หวงเหยียนิก็วางใจ ถึงอย่างไรในสายตาของหวงเหยียนิ เย่เฟิงเป็เพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 หากเขา้าลอบสังหารเย่เฟิง แน่นอนว่าเป็เื่ง่ายราวปอกกล้วยเข้าปาก
“เ้าค่ะ นายน้อย!” หญิงสาวพยักหน้า จากนั้นรับเข็มพิษมาจากหวงเหยียนิและเก็บไว้ในแขนเสื้อ ก่อนจะออกจากห้องไป
“สมบัติพวกนั้นไม่ควรเป็ของเ้า!”
หลังจากหญิงสาวออกไป รอยยิ้มเย็นะเืพลันปรากฏบนใบหน้าของหวงเหยียนิ ทั้งยังแฝงด้วยความอาฆาต เมืองลอยฟ้าคือสถานที่ที่เกิดการเข่นฆ่าบ่อยครั้ง แต่ผู้คนหารู้ไม่ว่าคนส่วนใหญ่ที่ถูกฆ่าล้วนมีจวนเ้าเมืองอยู่เื้ัทั้งสิ้น
