ในที่สุดก็ครบ 49 ชั่วยาม พลังยาไหลเวียนทั่วเส้นลมปราณ อวัยวะ กระดูก และทุกองค์ประกอบในกายของเฒ่าจิง จนกระทั่งการทำงานของร่างกายใกล้เคียงกับคนปกติ ด้วยการสนับสนุนจากเย่เฟิง จึงรักษาตบะของเฒ่าจิงไว้ได้ หากพักผ่อนอีกสักระยะ เขาต้องกลับมาเป็เหมือนเดิมแน่นอน
“เย่เฟิง เ้าช่วยข้าไว้หรือ?”
หลังจากนอนไม่ได้สตินานหลายวัน ในที่สุดดวงตาของเฒ่าจิงก็ค่อย ๆ เปิดกว้างขึ้น ซึ่งเงาร่างแรกที่ปรากฏในวิสัยทัศน์ของเฒ่าจิงก็คือเย่เฟิง ก่อนจะมีแสงแห่งความซาบซึ้งใจทอประกายจากดวงตาเขา
เฒ่าจิงััถึงพลังในร่างกายของตนเอง เขาพบว่าเส้นลมปราณที่เคยเสียหายอย่างหนักได้รับการรักษาแล้ว นี่ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
“ใช่แล้ว”
เย่เฟิงมองเฒ่าจิงด้วยรอยยิ้ม “อาการของเฒ่าจิงดีขึ้นมากแล้ว อีกไม่นานก็จะหายเป็ปกติ”
“ครั้งนี้เคราะห์ดีที่ได้เ้าช่วยไว้” เฒ่าจิงกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ
“ไยกล่าวเช่นนี้เล่าเฒ่าจิง? หากวันนั้นไม่ได้ท่านช่วยไว้ ข้าคงถูกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะสี่คนนั้นจับตัวไปแล้ว” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มจาง ๆ แน่นอนว่าแม้เฒ่าจิงไม่ได้รับาเ็เพราะเขา แต่เขาไม่มีทางทนดูอีกฝ่ายทุกข์ทรมานอยู่เฉย ๆ ได้
“จริงสิ ข้าอยากรู้ว่าปรากฏการณ์ในสำนักยุทธ์เทียนเสวียนวันนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาเปิดร่างเจตจำนงในสำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้าได้จริง ๆ?” เฒ่าจิงลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเอ่ยถามเย่เฟิง
วันนั้นเฒ่าจิงได้รับาเ็สาหัส แต่ในสภาวะใกล้สิ้นสติ เขาก็เห็นปรากฏการณ์นั้นเช่นกัน ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะ เฒ่าจิงย่อมรู้ว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยพลังเจตจำนงหมายความเช่นไร
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา หรือจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาามาเยือนสำนักยุทธ์เทียนเสวียนจริง ๆ?” เฒ่าจิงสงสัยมาตลอด เขาจึงเอ่ยถามเช่นนั้นกับเย่เฟิง
“อันที่จริงปรากฏการณ์นั้นเกิดขึ้นเพราะผู้เยาว์เปิดร่างเจตจำนง ส่วนการคุกคามของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเทวะสี่คนนั้น ผู้เยาว์กลัวสำนักยุทธ์ได้รับผลกระทบ จึงต้องปลอมเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา เพื่อไล่อีกฝ่ายไป” เย่เฟิงบอกกับเฒ่าจิงตามความจริง
“อะไรนะ?”
เฒ่าจิงได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแข็งทื่อ ดวงตาคู่นั้นยังเผยประกายด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนจะเอ่ยถามเย่เฟิงด้วยเสียงอันสั่นเทาว่า “เ้ากำลังบอกว่าเ้าคือคนที่เปิดร่างเจตจำนงงั้นหรือ?”
“ขอรับ” เย่เฟิงพยักหน้า
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด ตบะของเ้าในเวลานี้อยู่จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 แต่กลับเปิดร่างเจตจำนงได้แล้วหรือ? ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!”
หลังจากได้รับการยืนยันจากเย่เฟิง เฒ่าจิงจึงยิ่งใเข้าไปใหญ่ ในความคิดของเขา ร่างเจตจำนงเทียบเท่ากับความพิเศษของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา เมื่ออยู่ขั้นยุทธ์เทวะสูงสุดก็จะเปิดร่างเจตจำนงได้ แต่เย่เฟิงอายุเพียง 17 ปี อยู่จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 แต่หลังจากผสานกับผลึกเจตจำนงแรกเริ่มก็เปิดร่างเจตจำนงได้สำเร็จ นี่ทำให้เฒ่าจิงผู้มีอายุเกือบร้อยปี ผู้มีพลังแห่งอำนาจขั้นผันแปร่ปลายจะสามารถเทียบเคียงได้หรือ?
นี่สินะ เด็กรุ่นหลังผู้มีความสามารถมากกว่าคนรุ่นก่อน!
เฒ่าจิงถอนหายใจยาวและพยายามสงบจิตสงบใจ เขารู้ว่าเย่เฟิงพูดความจริง ผู้สืบทอดาาเสวียนจะใช่คนธรรมดาได้อย่างไรกัน?
แม้เฒ่าจิงจะสงบจิตสงบใจได้แล้ว ทว่าหัวใจของเขาก็ยังคงเต้นแรง อัจฉริยะอะไรกัน? นี่เรียกว่าสัตว์ประหลาดชัด ๆ
“ผู้เยาว์ก็แค่โชคดีเท่านั้น” เย่เฟิงกล่าวพลางส่ายหน้า การเปิดร่างเจตจำนงเป็เื่ที่น่าตกตะลึง จึงไม่แปลกใจที่เฒ่าจิงจะใเพียงนี้
“จำไว้ นอกจากเ้ากับข้า ทางที่ดีอย่าให้ผู้ใดรู้เื่นี้เป็อันขาด หาไม่แล้วจะนำหายนะมาสู่ตนเอง” เฒ่าจิงกำชับเย่เฟิง ในฐานะผู้พิทักษ์มรดกาาเสวียน เฒ่าจิงย่อมไม่หวังให้เย่เฟิงถูกผู้มากฝีมือหมายหัว
“ผู้เยาว์เข้าใจแล้ว” เย่เฟิงพยักหน้าตอบรับเฒ่าจิง
พลังหยวนของเย่เฟิงถูกผลาญไปไม่น้อยเพราะรักษาเฒ่าจิง เขาจึงใช้เวลาอีกหนึ่งวันในการฟื้นฟูพลังอยู่ที่ห้องของเฒ่าจิง ส่วนเฒ่าจิงก็ไม่ได้นิ่งเฉย เขาเริ่มปรับลมหายใจ เพื่อพยายามทำให้ตัวเองฟื้นฟูให้ถึงสภาวะสูงสุด
นอกห้องของเฒ่าจิง ฉินเจิ้นถิงและบุคคลระดับสูงของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนต่างมารอกันอยู่นานแล้ว เพราะวันนี้คือวันที่สามที่เย่เฟิงให้สัญญาไว้ พวกเขาจึงรุดมาอย่างรวดเร็ว
ฉินเจิ้นถิงเอาสองมือไพล่หลัง เดินไปมาในลานบ้านด้วยท่าทีร้อนใจ
“นานขนาดนี้แล้วยังไม่ออกมาอีก ข้าว่าเ้าเด็กนั่นยังคงรักษาท่านผู้นำไม่สำเร็จกระมัง เขาก็เลยไม่กล้าออกมาสู้หน้า!” หัวหน้าพรรคเทียนจีกล่าวพลางเหยียดยิ้มเ็า
ทว่าทันทีที่สิ้นเสียงเขาก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ประตูห้องถูกผลักออกมา ก่อนจะปรากฏสองเงาร่างในสายตาของทุกคน ทำให้ทุกคนตะลึงไปเล็กน้อย สีหน้าของพวกเขาดูใระคนยินดี แต่มีเพียงหัวหน้าพรรคเทียนจีที่เผยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะว่าผู้ที่ปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขาก็คือเย่เฟิงและเฒ่าจิง
เฒ่าจิงเดินออกมา ซึ่งตรงกันข้ามกับชายชราที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงเมื่อหลายวันก่อนอย่างเห็นได้ชัดราวกับคนละคนก็ไม่ปาน
“อาจารย์ อาการาเ็ของท่านหายดีแล้วหรือ?” ฉินเจิ้นถิงเดินมาข้างหน้า ก่อนจะเอ่ยถามเฒ่าจิงเช่นนั้น
“อืม” เฒ่าจิงพยักหน้าให้ฉินเจิ้นถิง จากนั้นหันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาซาบซึ้งใจแล้วกล่าวว่า “เคราะห์ดีที่ได้เย่เฟิงช่วย ไม่เช่นนั้นข้าคงรักษาชีวิตนี้ไว้ไม่ได้”
“เป็ไปได้ยังไง เหตุใดเ้าถึงรักษาได้?”
หัวหน้าพรรคเทียนจีเผยสีหน้าตื่นตระหนก ั้แ่ต้นจนตอนนี้เขาก็ยังไม่เชื่อว่าเย่เฟิงจะรักษาเฒ่าจิงให้หายได้ ไม่เช่นนั้นเขาก็มิอาจใช้คำพูดเ่าั้ให้ร้ายเย่เฟิง
ในสายตาของหัวหน้าพรรคเทียนจี เย่เฟิงเป็เพียงคนรุ่นเยาว์ที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 แม้พร์จะฝืนลิขิต์ แต่ก็ไม่มีทางทำในสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดอย่างพวกเขาทำไม่ได้ ซึ่งสาเหตุที่หัวหน้าพรรคเทียนจีไม่พอใจเย่เฟิงมาตลอด เพราะว่าการผงาดของเย่เฟิงทำให้พรรคเทียนเสวียนรุ่งเรืองไปด้วย แต่พรรคเทียนจีกลับตกต่ำและไม่รุ่งเรืองเฉกเช่นอดีต มิหนำซ้ำยังสูญเสียความเจิดจรัสในวันวาน ดังนั้นหัวหน้าพรรคเทียนจีจึงชิงชังเย่เฟิงและหาโอกาสกำจัดมาตลอด
“หัวหน้าพรรคเทียนจี?”
เมื่อเฒ่าจิงเห็นท่าทีของหัวหน้าพรรคเทียนจีก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เ้าไม่ยินดีที่ข้ารักษาจนหายดีงั้นหรือ?”
นาทีต่อมาแรงกดดันแผ่ออกจากร่างเฒ่าจิง บรรยากาศเปลี่ยนไปกดดันอย่างฉับพลัน นี่ทำให้หัวหน้าพรรคเทียนจีเผยสีหน้าดูไม่ได้ เขาจะกล้าอวดดีต่อหน้าเฒ่าจิงได้อย่างไร บริเวณหน้าผากของเขาจึงมีเหงื่อเย็นไหลออกมา
“มิกล้าขอรับ ข้าภักดีต่อท่านเ้าสำนัก บัดนี้ท่านอาการดีขึ้น ข้าก็ย่อมดีใจ” หัวหน้าพรรคเทียนจีกล่าวด้วยท่าทีร้อนรน แต่สายตาเหลือบมองไปที่เย่เฟิงอย่างไม่ตั้งใจ
“หึ!”
เฒ่าจิงปรายตามองหัวหน้าพรรคเทียนจีแวบหนึ่ง จากนั้นสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป คนอื่น ๆ ก็ตามเขาไปเช่นกัน โดยทิ้งหัวหน้าพรรคเทียนจีไว้ เมื่อเขาถูกเฒ่าจิงดุต่อหน้าทุกคน ทำให้เขารู้สึกขายหน้าอย่างมาก
หัวหน้าพรรคเทียนจีเผยสีหน้าอึมครึม “ไอ้หนู ไม่ช้าก็เร็วข้าจะทำให้เ้าได้เห็นดี!”
เย่เฟิงไม่สนใจหัวหน้าพรรคเทียนจี เมื่อรักษาเฒ่าจิงเสร็จสิ้น เขารู้สึกเหมือนได้ยกก้อนหินออกจากอก ต่อไปเขาก็ทำธุระของตัวเองต่อได้แล้ว
ภายในห้อง เย่เฟิงไขว้ขานั่งลงขัดสมาธิ ระดมพลังหยวนในกาย จากนั้นมีพลังงานก้อนหนึ่งปรากฏที่จุดตันเถียนและจุดชี่ไห่ แต่ว่ามันเป็พลังงานผิดแปลก ซึ่งพลังงานก้อนนั้นคือสิ่งที่เย่เฟิงได้มาจากการกลืนกินอู๋เจ่อ ตอนที่อยู่ในถ้ำของเทือกเขาลอยฟ้า เย่เฟิงไม่ได้หลอมพลังงานนั้นไปทั้งหมด แต่ถูกเก็บไว้ในจุดตันเถียนและจุดชี่ไห่
บัดนี้เหลือเวลาอีกสามวันก็จะถึงวันประลองยุทธ์เลือกคู่ของจ้าวซินอี๋ แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่ลืม ดังนั้นเขาจึง้าใช้เวลาสามวันนี้หลอมพลังงานที่เหลือทั้งหมด เพื่อให้ตบะของตนเองยกระดับไปอีกขั้น
ตอนที่เย่เฟิงบำเพ็ญตบะอย่างสุดกำลัง ในเมืองหลวงแห่งอาณาจักรจ้าวก็เปลี่ยนไปครึกครื้น เพราะอีกสามวันก็จะถึงวันประลองยุทธ์เลือกคู่ ผู้ฝึกยุทธ์จากทั่วสารทิศจึงมาเยือนเมืองหลวง พวกเขาต่างชื่นชมความสง่างามขององค์หญิงซินอี๋แห่งอาณาจักรจ้าว
หากแสดงความเฉิดฉายบนเวทีประลองยุทธ์เลือกคู่ เช่นนั้นไม่เพียงแต่ได้หญิงงามมาอยู่ในอ้อมกอด แต่ยังได้สำแดงพลังของตนต่อหน้าผู้ฝึกยุทธ์จากทั่วสารทิศของแดนชิงอวิ๋น ดังนั้นการประลองยุทธ์เลือกคู่ครั้งนี้จึงเป็ความรุ่งเรืองอย่างหนึ่งในรอบหลายสิบปีของแดนชิงอวิ๋น อัจฉริยะหัวกะทิจากทั่วสารทิศมารวมตัวกัน เปิดฉากต่อสู้บนเวทีประลองยุทธ์เลือกคู่ เรียกได้ว่าเป็อีกงานชุมนุมหนึ่งของแดนชิงอวิ๋น
“อีกสามวันจะเป็วันประลองยุทธ์เลือกคู่ขององค์หญิงซินอี๋ ผู้ฝึกยุทธ์จากกองกำลังใหญ่ ๆ ต่างมาถึงกันแล้ว นี่ทำให้ผู้คนรอคอยที่จะเห็นฉากต่อสู้บนเวทีประลอง”
“ใช่ การประลองยุทธ์เลือกคู่ครั้งนี้มีผู้ฝึกยุทธ์มาไม่น้อย องค์ชายจากราชวงศ์เจ็ดอาณาจักรแห่งแดนชิงอวิ๋น รวมถึงอัจฉริยะผู้โดดเด่นจากเมืองลอยฟ้าต่างก็มาเข้าร่วม ในนั้นมีเว่ยเจิ้นเทียน เหลียงปู้ผั่ว และหวงเหยียนิสามในสี่อัจฉริยะบุรุษแห่งแดนชิงอวิ๋น แต่ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วผู้ใดจะได้หญิงงามไปอยู่ในอ้อมกอด?”
“องค์รัชทายาทเว่ยเจิ้นเทียนแห่งอาณาจักรเว่ย เขาอยู่ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด ปลุกิญญาาคู่ เป็ผู้นำสี่อัจฉริยะบุรุษแห่งแดนชิงอวิ๋น ข้าเดาว่าเว่ยเจิ้นเทียนอาจเป็ผู้คว้าอันดับที่หนึ่งไปครองและได้ตัวองค์หญิงซินอี๋กลับไป!”
“มันก็ไม่แน่ หวงเหยียนิองค์ชายแห่งเมืองลอยฟ้าก็ไม่ด้อยไปกว่าเว่ยเจิ้นเทียน ถึงเวลานั้นก็ไม่แน่ว่าผู้ใดจะชนะ”
เสียงแล้วเสียงเล่าดังขึ้นจากทั่วทุกมุมของเมืองหลวง ทุกกองกำลังของแดนชิงอวิ๋นต่างเตรียมพร้อมเพื่องานประลองยุทธ์เลือกคู่ครั้งนี้ ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อ้าแต่งงานกับองค์หญิงสูงศักดิ์ผู้เป็หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งแดนชิงอวิ๋น และการได้หญิงงามมาอยู่ในอ้อมกอดก็ถือเป็เกียรติยศสูงสุด
ซึ่งมีข่าวลือออกมาว่าอาณาจักรเว่ยในฐานะผู้ทำให้การประลองยุทธ์เลือกคู่ถือกำเนิด จึงให้องค์รัชทายาทเว่ยเจิ้นเทียนออกโรงแทนเว่ยฉีเทียนผู้เป็น้องชายของเขา หากเว่ยเจิ้นเทียนคว้าอันดับที่หนึ่งไปครองได้ เช่นนั้นจ้าวซินอี๋จะกลายเป็ชายาเอกแห่งอาณาจักรเว่ย
นี่อาจเป็วิธีที่ดีที่สุดในการกู้ศักดิ์ศรีของตนกลับคืนมา เริ่มแรกอาณาจักรเว่ยมาสู่ขอถึงอาณาจักรจ้าว พยายามให้จ้าวซินอี๋แต่งกับเว่ยฉีเทียน แต่ภายใต้การกดดันจากอาณาจักรเว่ย องค์าาจ้าวจึงยอมตกลง แต่ในงานพิธีหมั้นกลับถูกเย่เฟิงทำลายทั้งหมด
เว่ยฉีเทียนถูกเย่เฟิงเล่นงาน จนเห็นด้วยกับการประลองยุทธ์เลือกคู่ สำหรับอาณาจักรเว่ยแล้วมันเป็เื่ที่น่าอัปยศอดสู
อีกอย่างถ้าอาณาจักรเว่ยมิอาจคว้าอันดับที่หนึ่งมาครองได้ พวกเขาจะอับอายขายหน้าไปทั่วทั้งแดนชิงอวิ๋น เว่ยฉีเทียนจะอยู่ไม่เป็สุข หากเขาเข้าร่วมการประลองยุทธ์เลือกคู่ เกรงว่าแค่รอบแรกก็ผ่านไม่ได้แล้ว ดังนั้นเมื่อพิจารณาในหลาย ๆ เื่ ราชวงศ์เว่ยจึงตัดสินใจให้เว่ยเจิ้นเทียนเข้าร่วมการประลองยุทธ์เลือกคู่แทน เช่นนั้นอาจมีโอกาสคว้าอันดับที่หนึ่งมาครองได้
การเข้าร่วมของเว่ยเจิ้นเทียนทำอาณาจักรจ้าวตื่นตระหนก ผู้คนมากมายเริ่มคาดการณ์ว่าจ้าวซินอี๋อาจได้แต่งเข้าราชวงศ์เว่ย ถึงอย่างไรผู้คนต่างรู้ดีว่าพลังของเว่ยเจิ้นเทียนเป็เช่นไร แทบไร้พ่ายในหมู่คนรุ่นเยาว์อายุต่ำกว่า 25 ปีในแดนชิงอวิ๋น แล้วใครเล่าจะต่อกรด้วยได้?
อย่างไรก็ตามในวันที่สองมีอีกข่าวลือแพร่ออกมาว่า ซือคงเสวียนผู้เป็ศิษย์สายตรงของรองเ้าสำนักชิงอวิ๋นมาเยือนอาณาจักรจ้าวเพื่อเข้าร่วมการประลองยุทธ์เลือกคู่ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
