เซี่ยโม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงแ่เบา “พี่ซ่ง ฉันรู้แล้วค่ะ พวกเราแยกกันไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่าค่ะ อีกอย่างฉันก็ยังเด็ก ยังไม่อยากคิดถึงเื่รักๆ ใคร่ๆ ตอนนี้”
ซ่งมู่ไป๋มองเด็กสาวที่กำลังขี่จักรยานจากไป เวลานี้มั่นใจอย่างยิ่งว่าอีกฝ่ายรู้ถึงความคิดของเขาแล้วเป็แน่
ชายหนุ่มนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ต่อมาความรู้สึกหวาดกลัวก็เข้ามาจู่โจม กลัวว่าต่อไปเด็กสาวจะรังเกียจและไม่สนใจเขาอีกแล้ว
ความรู้สึกมากมายประดังประเดเข้ามาจนเขารับมือไม่ทัน มือเท้าพลันเย็นเฉียบ ในหัวใจหนักอึ้งเหมือนมีหินก้อนใหญ่ถ่วงไว้
ท่ามกลางความสิ้นหวัง ทันใดนั้นก็มีความคิดหนึ่งแล่นผ่าน ซ่งมู่ไป๋ะโออกไปอย่างมีความหวัง เหมือนเพิ่งคว้าหญ้าช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ “โม่โม่ ฉันจะไปเยี่ยมคุณตา รอฉันด้วย”
เซี่ยโม่ยังคงขี่จักรยานต่อไปแสร้งทำเป็ไม่ได้ยิน
ทันใดนั้นเองเธอได้ยินเสียงกระดิ่งรถจักรยานจากทางด้านหลัง ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะขี่จักรยานตีคู่ขึ้นมา
“ฉันคิดถึงคุณตา ว่าจะเอาเหล้าชั้นดีไปให้ท่านสักสองขวด” ซ่งมู่ไป๋พูดอย่างประจบเอาใจ
เธอเคยเจอคนหน้าไม่อายมาก็มาก แต่ยังไม่เคยเจอใครที่หน้าไม่อายถึงขนาดนี้เลย
ผู้ชายคนนี้โกหกตาไม่กะพริบ หน้าหนาชะมัด!
ก่อนหน้านี้ไปหาพี่พั่งจื่อ เห็นได้ชัดว่ามีธุระ แต่ตอนนี้กลับทำเป็พูดว่าอยากเอาเหล้าไปให้คุณตา ถ้า้าไปจริงตามที่อ้าง ก็ควรตรงไปหาคุณตาที่บ้านแต่แรกสิ จะมาที่นี่ก่อนทำไมกัน
ส่วนเื่ที่ว่าจะเอาเหล้าไปให้ เธอไม่สนใจหรอก
ความจริงนับั้แ่ที่เซี่ยโม่เปิดเทอม ซ่งมู่ไป๋ก็ไม่ได้เจอหน้าเด็กสาวอีกเลย ก่อนหน้านี้เขาลาหยุดเพื่อไปจัดการธุระของทางบ้าน หลังจากกลับมาต้องเข้ากะเพื่อชดเชยตามวันที่ได้ลาไป ในที่สุดวันนี้ก็ทำงานจนครบชั่วโมงเสียที เขารู้สึกโล่งใจเป็อย่างมาก
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าไปหาเด็กสาวที่โรงเรียน เพราะกลัวจะทำให้อีกฝ่ายเสียชื่อเสียง และไม่อยากให้คนอื่นมองเด็กสาวในแง่ไม่ดี
ซ่งมู่ไป๋จึงหอบหิ้วเหล้าสองขวดไปที่บ้านในตำบล แต่ปรากฏว่าต้องไปเจอภาพบาดตาเข้า ความทุกข์ใจจากการไม่ได้เห็นหน้าเด็กสาวเลยะเิออกมาโดยที่เขาไม่อาจควบคุมได้เลย
เซี่ยโม่ยังคงนึกถึงภาพพี่พั่งจื่อกระอักเืออกมา เธอลงจากรถจักรยาน หันไปพูดกับชายหนุ่มที่ขี่จักรยานตามมาข้างๆ ด้วยน้ำเสียงเ็า “พี่ซ่ง ฉันดูถูกพี่ที่สุด”
ซ่งมู่ไป๋ลงจากรถจักรยานเช่นกัน ก่อนจะถามอย่างสงสัย “เพราะอะไร”
“พี่โมโหแล้วลงไม้ลงมือกับคนอื่น แต่กลับทิ้งเขาเอาไว้แบบนั้นเนี่ยนะ?” เด็กสาวพูดอย่างไม่เกรงใจ
ชายหนุ่มถึงค่อยนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อครู่ตนเองซัดพั่งจื่อจนกระอักเื ก่อนหน้านี้มัวแต่คิดจะง้อเด็กสาวเลยลืมลูกไล่ที่แสนจะดวงซวยของเขาไปเสียสนิท ได้ยินเด็กสาวกล่าวเช่นนี้ สมองพลันหมุนคิดหาวิธีอย่างรวดเร็ว
พอคิดได้เขาจึงเอ่ยออกไปว่า “งั้นเดี๋ยวฉันกลับไปดูก่อนว่าพั่งจื่อเป็ยังไงบ้าง แล้วค่อยไปเยี่ยมคุณตาเธอที่บ้าน”
เซี่ยโม่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ แม้พี่ซ่งจะเป็คนโมโหร้ายไปหน่อย แต่พอรู้ว่าตัวเองผิดก็พร้อมแก้ไข ทั้งยังกล้าที่จะยอมรับผิด
พิจารณาดูแล้ว ชายหนุ่มมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย
ด้านซ่งมู่ไป๋ พอเห็นเด็กสาวพยักหน้า ในใจรู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง เด็กสาวไม่โกรธเขาแล้ว! เด็กสาวให้อภัยเขาแล้ว!
“โม่โม่ งั้นเธอเอาเหล้าสองขวดนี้กลับบ้านไปด้วย ฉันว่าน่าจะต้องพาพั่งจื่อไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล หากไม่เป็อะไรมากเดี๋ยวฉันตามไป” เขาพูดอย่างเอาใจ พลางยื่นถุงที่ด้านในใส่ขวดเหล้าให้อีกฝ่าย
“ได้ค่ะ” เซี่ยโม่รับถุงมาก่อนจะแขวนไว้ตรงแฮนด์จักรยาน จากนั้นเธอปลีกตัวออกมาแล้วขี่จักรยานไปรับน้องชายที่โรงเรียน ในขณะที่ซ่งมู่ไป๋ขี่จักรยานกลับไปบ้าน
ในเวลาเดียวกัน หลังจากได้ดื่มน้ำพั่งจื่อก็รู้สึกดีขึ้นมาก ก่อนจะเอ่ยถามคู่หูด้วยความสงสัย “นี่ผอม แกรู้ไหมว่าทำไมลูกพี่ถึงต่อยฉัน”
โซ่วจื่อขมวดคิ้ว “นี่แกทำอะไรลงไปยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ แค่ลูกพี่ต่อยแกนับว่าเบามากแล้ว หากเป็ฉันละก็คงฆ่าแกไปแล้ว”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะจับมือน้องสาวสักหน่อย ตอนนั้นฉันแค่ลืมตัวไปชั่วขณะ” สีหน้าของพั่งจื่อสลดลงอย่างคนรู้สึกผิด
“อารมณ์ชั่ววูบคือปีศาจร้าย!”
“นี่ไอ้ผอม แกแอบฟังตอนฉันกับน้องสาวคุยกันใช่ไหม” พั่งจื่อนึกเอะใจเลยถามออกไป
“ก็พอได้ยินบ้าง ไม่ได้ฟังตลอด” โซ่วจื่อพยักหน้า
“งั้นแกก็รู้น่ะสิว่าทำไมฉันถึงดีใจจนลืมตัว” พั่งจื่อซักไซ้อย่างหวาดระแวง
“ฉันจะไปรู้ได้ไง แกเสียสติไปชั่วขณะมั้ง” คนถูกถามกลอกตาคล้ายเหนื่อยหน่าย
พั่งจื่อถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้าเ้าโซ่วจื่อรู้ว่าน้องโม่โม่พูดให้เขาตามจีบน้องชุ่ยจื่อต่อ อีกฝ่ายก็ต้องตามจีบด้วยแน่นอน พอถึงตอนนั้น น้องชุ่ยจื่อจะเลือกใครก็เป็เื่ยากคาดเดา
โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้ยิน
จังหวะนั้นใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในบริเวณบ้าน พั่งจื่อมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูให้ถนัด ก่อนจะเห็นว่าเป็ลูกพี่นั่นเองที่กลับมาอีกครั้ง
ลูกพี่กลับมาทำไม หรือซ้อมเขายังไม่สาแก่ใจ เลยจะกลับมาซ้อมต่อ?
“โซ่วจื่อ พวกเราเป็สหายที่เคยร่วมหลุมหลบภัยเดียวกัน แกเห็นฉันกำลังจะตายแล้วไม่ช่วยไม่ได้นะ อีกเดี๋ยวแกช่วยขอร้องให้ฉันด้วย อย่าให้ลูกพี่ซ้อมฉันต่อ…” เขารีบพูดกับโซ่วจื่ออย่างขลาดกลัว
โซ่วจื่อนึกสงสัยมาครู่ใหญ่แล้วว่า น้องสาวพูดอะไรถึงทำให้เ้าพั่งจื่อดีใจจนลืมตัวได้ขนาดนั้น
“ถ้าอยากให้ฉันช่วยก็ต้องแสดงความจริงใจออกมา น้องโม่โม่พูดอะไรกับแก แกถึงได้ดีใจจนลืมตัวขนาดนั้น”
เขาพูดออกไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันเกี่ยวพันถึงความสุขใน่ชีวิตที่เหลือหลังจากนี้
“ให้ตายฉันก็ไม่บอกแกหรอก” พั่งจื่อกัดฟัน เื่อะไรจะยอมปริปาก
“งั้นก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะช่วยแก” โซ่วจื่อปฏิเสธทันที “หากแกถูกลูกพี่ซ้อมจนตาย ฉันไม่รู้ด้วยนะ”
“ฉันไม่ต้องให้แกช่วยก็ได้” พั่งจื่อถลึงตาใส่อีกฝ่าย
เวลานี้เองที่ซ่งมู่ไป๋เดินเข้ามาในบ้าน ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเป็ห่วง “พั่งจื่อ เป็ยังไงบ้าง เดี๋ยวฉันพาไปโรงพยาบาล”
พั่งจื่อถึงกับงงเป็ไก่ตาแตก ที่แท้ลูกพี่ไม่ได้จะมาซ้อมเขา แต่กลับมาเพื่อจะพาเขาไปโรงพยาบาลนี่เอง
“ลูกพี่ ผมไม่เป็อะไร เื่ในวันนี้เป็ความผิดผมเอง ผิดที่ผมดีใจจนลืมตัว” เขาน้ำตาไหลพราก เอ่ยตอบอย่างซาบซึ้งใจ
ซ่งมู่ไป๋ยื่นมือมาตบไหล่เขาเชิงปลอบใจทีหนึ่ง “ลูกผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอก แกร้องไห้ทำไม ยังไงเราก็เป็ทหารที่เคยร่วมหลุมหลบภัยเดียวกัน รู้สึกไม่สบายตัวก็รีบบอก หากาเ็ภายในแล้วไม่รีบรักษา ต่อไปเสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้ว มา เดี๋ยวฉันพาไปโรงพยาบาล โซ่วจื่อ แกก็ไปด้วย”
“ลูกพี่ผมไม่ได้เป็อะไรจริงๆ ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก” พั่งจื่อกล่าวอย่างเกรงใจ
เห็นพั่งจื่อพูดแบบนี้ซ่งมู่ไป๋ยิ่งร้อนใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “เร็วๆ เข้า หากฉันไม่พาแกไปโรงพยาบาล เกิดแกเป็อะไรขึ้นมา โม่โม่รู้เข้าเดี๋ยวจะมาโกรธฉันอีก”
พั่งจื่อถึงค่อยเข้าใจ ที่แท้ลูกพี่กลับมาเพราะน้องสาวบอกให้กลับมานี่เอง
น้องสาวเป็คนที่จิตใจดีจริงๆ
“ก็ได้ ผมไปก็ได้”
หลังจากไปให้หมอที่โรงพยาบาลตรวจดูโดยละเอียด ปรากฏว่าพั่งจื่อไม่ได้เป็อะไรมาก ตอนนั้นด้วยความกลัวจึงเผลอกัดลิ้นตัวเอง เืถึงได้ไหลออกมา ทุกคนต่างยินดีกับผลวินิจฉัย
ซ่งมู่ไป๋ทั้งโมโหทั้งขำ พอทราบแน่ชัดว่าพั่งจื่อไม่ได้เป็อะไรมาก เขาจึงขี่จักรยานไปที่หมู่บ้านเซิ่งลี่
ด้านเซี่ยโม่ หลังจากถีบจักรยานจนใกล้จะถึงโรงเรียนประถม มือล้วงหยิบเอาเนื้อหมูกับกระดูกหมูหลายกิโล รวมถึงปลากระป๋องออกมาจากในโกดังสินค้า
เธอหยิบปลากระป๋องออกมาดู บนฉลากไม่ได้แจ้งวันผลิตและวันหมดอายุ สถานที่ผลิตก็ไม่มีระบุเอาไว้เช่นกัน
เธอจะอ้างว่าเพื่อนร่วมชั้นให้ของเหล่านี้มา ปลากระป๋องสามารถเก็บเอาไว้ได้นาน เธอสามารถมอบให้พี่ซ่งเก็บเอาไว้กินได้
เซี่ยโม่หยิบออกมาหลายกระป๋อง ก่อนจะใช้กระดาษไขห่อเนื้อหมู กระดูกหมู และปลากระป๋องเอาไว้ จากนั้นใส่ทั้งหมดลงในกระเป๋านักเรียน
ทันทีที่ขี่จักรยานไปถึงหน้าโรงเรียน เธอเห็นน้องชาย สือโถว และโฉ่วหวากำลังเล่นอยู่ด้วยกัน
หลังจากเด็กทั้งสามคนกลายมาเป็เพื่อนกัน ก็ไม่มีเด็กในโรงเรียนคนไหนกล้ารังแกทั้งสามคนอีก
เด็กชายทั้งสามคนสนิทสนมกันมาก เวลามีเื่อะไรก็จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้เด็กคนอื่นหวาดกลัวและไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย
“เฉินเฟิง สือโถว” เธอร้องเรียก
พอได้ยินเสียงเรียกเซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยก็หันไปมองตามเสียง ก่อนแววตาจะเป็ประกาย วิ่งปรี่เข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว “พี่ครับ…”