กลุ่มเด็กยากจนปรึกษากันจริงจังอึมครึมอยู่มุมหนึ่ง คิดแผนการออกมาในทันที เริ่มลงมือขึ้นมาบ้าง
อีกด้านหนึ่ง
“เหอะๆ พวกโง่ไม่มีจะกินนั่นเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวล่ะ” ท่ามกลางหมู่ชนชั้นสูงแวดล้อมนั่นเอง ร่างสูงสมบูรณ์แบบ หน้าขาวเกลี้ยงเกลา เป็บุรุษหล่อเหลาจนน่าทึ่ง แต่หน้าผากกลับแผ่ไอร้ายกาจออกมาชัดเจน มุมปากเหยียดยิ้มเย้ยเยาะ
ศิษย์หนุ่มรูปงามผู้นี้เป็ศูนย์กลางพวกชนชั้นสูงอย่างเห็นได้ชัด ตำแหน่งต้องไม่ธรรมดาแน่
“ศิษย์พี่ย่าหลิน พวกเราลงมือสักหน่อยดีไหมขอรับ?” ศิษย์คนหนึ่งเอ่ยถาม
“ไม่จำเป็” เด็กหนุ่มรูปงามเฉวียนย่าหลินส่ายหน้า “ทำตามแผนที่วางไว้ก็พอ พวกเศษเดนชั้นต่ำนั่น นอกจากเยี่ยนสิงเทียนแล้ว คนอื่นก็หาใช่ปัญหาไม่ เฮอะๆ ขอแค่พวกเราดำเนินการรัดกุม หลังศึกท้าประลองครานี้ รายชื่อทั้งสิบจะไม่มีที่เหลือให้พวกมันโงหัว เฮอะๆ!”
“ศิษย์พี่เฉวียนฉลาดล้ำลึกยิ่ง พวกเราศรัทธาตัวท่านอย่างหาที่สุดมิได้!”
“ฮ่าๆ มีพลังศิษย์พี่ฉินอู๋ซวงเป็แกนหลัก บวกกับการวางแผนอันแยบยลของศิษย์พี่เฉวียน พวกขยะต่ำต้อยรุ่นนี้ ไม่ให้มันได้ตายตาหลับแน่!”
“ใช่แล้ว พวกเดนชั้นต่ำนั่น อาจหาญคิดจะเทียบชั้นกับพวกเรา ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเสียจริง...พวกสมควรตายแล้วเกิดใหม่กี่ชาติๆ ก็เป็ได้แค่ทาสพวกนั้น!”
สมุนรอบข้างเอ่ยปากยกยอปอปั้นเฉวียนย่าหลินไม่ได้หยุด
ริมฝีปากของเขายกขึ้นเป็ยิ้มทระนงและเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี
เขาเกิดมาในนครลู่ิ ฐานันดรเป็ชนชั้นสูงระดับกลาง พร์วรยุทธ์พอไปวัดไปวาได้ ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร ดังนั้นจึงมิได้เข้าเป็หนึ่งในรายชื่อทั้งสิบ ในบรรดากลุ่มเดียวกันแล้ว ไม่ได้มีตำแหน่งใดอลังการเป็พิเศษ
ทว่าความคิดเขานั้นเล่ากลับปราดเปรื่องเป็กรด วางแผนแยบยลรอบคอบ บริหารจัดการเป็เอก ภายหลังได้ดึงดูดความสนใจของฉินอู๋ซวงจนสำเร็จ หยิบยืมอำนาจและความเชื่อใจจากฉินอู๋ซวง ค่อยๆ เผยตัวขึ้นมา ศักดิ์ศรีงอกงามอย่างรวดเร็ว มีหน้ามีตาเป็ดั่งเสนาธิการทหารของเหล่านักเรียนชั้นสูง
แผนการที่ยืมศึกท้าดวลคราวนี้ก็เป็การวางหมากของเขาด้วยเช่นกัน
เขาให้ความสำคัญกับแผนการนี้ยิ่งนัก
เป็โอกาสหายากเหมือนเพชรของเหล่าคนชั้นเดียวกันอย่างไม่มีข้อแม้
ว่ากันตามจริง แผนนี้ไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร แต่เป็การสมคบคิดที่สุดแสนจะธรรมดา เหมาะสมกับพวกโง่เง่าเต่าตุ่นอย่างชั้นต่ำพวกนั้นดีแล้วมิใช่หรือ?
เหตุเพราะในบรรดานักเรียนปีหนึ่ง ล้วนมีศิษย์ชนชั้นสูงอย่างพวกเขายึดกุมอำนาจทั้งด้านปริมาณและคุณภาพไว้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ถึงพวกมันจะอ่านออกแต่ก็สิ้นปัญญาจะตอบโต้อยู่ดี
“โอ๊ะ ใช่แล้วขอรับ ศิษย์พี่เฉวียน แล้วเ่ิูล่ะขอรับ พวกเราจำเป็ต้องกันเขาไว้ด้วยไหม?” คนหนึ่งถามแว่วมา
หลายวันผ่านมานี้ นอกจากเยี่ยนสิงเทียนแล้ว การมีอยู่ของเ่ิูก็เหมือนหนามแทงราก ทิ่มทะลุใจดำของเหล่าลูกผู้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเขาเอาชนะเซี่ยโหวอู่กับหลิวเล่ยได้อย่างราบคาบ ความระมัดระวังที่พวกเขามีต่อเขานี้ไม่เคยอ่อนด้อยลงเลย
“เ้าคนนั้น...” เฉวียนย่าหลินครุ่นคิดรู่หนึ่ง
เ่ิูทำให้เขาเกิดความรู้สึกประหลาดยากจะอธิบาย อิงตามการคาดคะเนของเขาแต่ก่อน เ่ิูต้องสามารถเข้าเป็ลำดับหนึ่งในยี่สิบของการทดสอบระหว่างเดือนได้แน่ แต่ไม่รู้ทำไม อันดับถึงได้ตกฮวบฮาบถึงเพียงนั้น...
เพราะตกต่ำจริงแท้ หรือไม่ยอมปล่อยของดีกันแน่?
เฉวียนย่าหลินเดาทางไม่กระจ่าง
“เ่ิูกำลังทำอะไรอยู่?” เขาไถ่ถาม
“จากที่คนของเราคอยจับตามองเขาอยู่ เ่ิูไม่ได้มาที่ลานแสดงยุทธ์ แต่ไปหอสมุดคลังแสงแล้วขอรับ” ศิษย์สูงศักดิ์ด้านข้างตอบ
“ไปหอสมุดคลังแสงอีกแล้วหรือ?” เด็กหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วอีกหน จากการลอบติดตามสองสามวันมานี้ เ่ิูดูเหมือนจะลุ่มหลงอยากเข้าหอสมุดเป็พิเศษ ส่วนจะเข้าไปเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่นั้น ยังบอกได้ไม่เต็มปาก
“ดูท่าเ้าเ่ิูนี่ยังรู้จักประมาณตนอยู่ ไม่กล้ามามีเื่กับพวกเรา ข่าวว่าเขาก็ไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรกับพวกยากแค้น หรือจะกลายเป็ว่าเป็นกสองหัวแทน?” พรรคพวกเผยยิ้มพลางเสริม “พวกไร้จุดยืนอย่างเ้านี่ เราไม่จำเป็ต้องไปใส่ใจอะไรมันมากหรอก มันคงไม่กล้าแส่มาทำลายแผนการพวกเรากระมัง”
มีศิษย์ชาติตระกูลสูงไม่น้อยที่เห็นด้วยกับความคิดนี้
ทว่าเฉวียนย่าหลินกลับส่ายหน้าคิด
เ่ิูมิใช่คนกลัวเกรงเื่อะไรมาแต่เริ่ม มิเช่นนั้นแล้วคงไม่กล้าลงไม้ลงมือกับเซี่ยโหวอู่หรือหลิวเล่ยที่เป็ทายาทชนชั้นสูงแน่ แต่ว่า...แท้จริงแล้วคนๆ นี้กำลังหมกเม็ดลูกไม้อะไรอยู่กันแน่?
ลองทดสอบดูดีหรือไม่?
เฉวียนย่าหลินทอดสายตามองไปยังสังเวียนห่างไกล
ยามมองเห็นเรือนร่างเล็กแกร็นกำลังต่อสู้อยู่บนสังเวียนนั้น ใจพลันกระตุกทีหนึ่ง ราวมีแผนการบางอย่างผุดขึ้นมา เขาเปรยว่า “ได้ยินมากลายๆ ว่า่เี่ิกับเ่ิูมีสัมพันธ์อันดีต่อกันใช่ไหม?”
“เด็กตัวกะจ้อยช่างสนเท่ห์นั่นน่ะหรือ? อื้อ ดูเหมือนจะเป็เช่นนั้นแหละ สหายในสำนักของเ่ิูก็มีอยู่คนเดียวคือนาง สงสัยรสนิยมประหลาดของมันจะเห็นแม่นั่นอยู่ในสายตาล่ะมัง?”
“ฮ่าๆ ที่จริงเ้าอย่าพูดเลย แม่นั่นก็มีรสนิยมดีใช่หยอก” ฉับพลันก็มีกองเสริมอีกคนยั่วเย้าอย่างมุ่งร้ายขึ้นมา
“ในเมื่อเป็เช่นนี้...” เฉวียนย่าหลินผุดยิ้มขึ้นมา
เขามีแผนหนึ่งในใจแล้ว
...
เ่ิูเหยียดแขนบิดี้เี เพิ่งอ่านหนังสือจบไปเล่มหนึ่งแล้ววางกลับชั้นเดิม
นอกจากหนังสือประเภทฝึกวิชาต่างๆ แล้ว ยังมีเื่เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองทั่วไปในแคว้นเสวี่ย ตำนานเื่เล่า ชีวประวัติบุคคลสำคัญ นิยายปรัมปรา เ่ิูล้วนอ่านได้หมดทั้งสิ้น
เขาหาได้จู้จี้จุกจิกกับหนังสือไม่
ขอแค่ให้เป็หนังสือ เขาก็อ่านมันทั้งหมดนั่นแล
นับแต่เล็กจนเติบใหญ่ในนครลู่ิ นอกจากการทดสอบลงสนามจริงคราวก่อนแล้ว ก็ยังมิเคยได้ออกนอกรั้วกำแพงเมืองมาก่อน เขาแทบไม่รู้เลยว่าโลกภายนอกมีหน้าค่าตาเป็อย่างไร แต่เมื่อเขารู้จักกับหนังสือ ราวกับว่าเขาได้เปิดประตูมองเห็นสีสันสดสวยกำลังคลี่คลายออกอย่างเชื่องช้า
สองสามวันมานี้ เขาเหมือนจะหมกมุ่นอยู่แต่กับหนังสือ
เขายืนอยู่หน้าชั้นหนังสือ อ่านไปทีละแถวๆ ไม่ละเลยแม้แต่เล่มเดียว และเพราะความจำอันดีเลิศเกินมนุษย์ของเขา จึงแทบจะกลายเป็ว่าอ่านรอบเดียวก็จดจำได้ทั้งหมด
ราวว่าขอเวลาอีกเพียงสิบกว่าวัน เด็กหนุ่มจะสามารถอ่านหนังสือทุกเล่มที่มีในหอสมุดคลังแสงนี้จนหมดสิ้น
เมื่ออ่านจบไปอีกเล่ม เ่ิูก็เริ่มขยับเขยื้อน กะเวลาแล้วไม่ขาดไม่เกินนัก กลับไปฝึกซ้อมที่ห้องนอน
เขาเก็บหนังสือกลับที่เก่า แล้วเดินกลับห้อง
ยามเขาเพิ่งออกจากประตูของหอสมุดคลังแสงมาได้ชั่วครู่ แสงอาทิตย์ยามบ่ายยังส่องแสงจรัสอยู่เป็หยาดหย่อม เหยียดแขนยืดกายผายแผ่อายงามอย่างอารมณ์ดี กำลังจะกลับหอพัก ขณะนั้นเอง...
“ศิษย์พี่เย่ ศิษย์พี่เย่....”
เสียงรีบลุกลนดังมาจากที่ไกลๆ
ทันใดก็มีร่างอ้วนตุ๊ต๊ะวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา พอเห็นเ่ิูก็มองเยี่ยงยินดี เอ่ยปากเร่งเร้า “ศิษย์พี่เย่ เร็ว เร็วเข้า เสี่ยวจวินเกิดเื่แล้ว...”
หนุ่มน้อยอ้วนกลมคนนี้มีนามว่าลี่จิน ชาติตระกูลเป็พาณิชย์ พลังเป็ระดับกลางๆ ในบรรดาปีหนึ่ง กายขาววิบวับราวพระสังกัจจายน์ ทั้งวันเอาแต่หัวเราะ นิสัยดียิ่ง
ลี่จินเป็สหายของแน่งน้อย่เี่ิ
ไม่เหมือนกับอุปนิสัยเก็บตัวไม่สุงสิงชาวบ้านเช่นเขา ความมึนงงงวยของ่เี่ิ ทำให้ใครเห็นใครก็รักนาง ดึงดูดสหายคบหาไม่น้อย ลี่จินเองก็เป็หนึ่งในนั้น
และเป็เพราะสาเหตุจากนางนั่นเอง เขาถึงจดจำลี่จินได้
“ค่อยๆ พูดเถิด ทำไมหรือ?” เ่ิูตรงเข้าประคองเด็กอ้วนผู้หอบฮั่ก
“ศิษย์พี่เย่ ข้าหาท่านมานานเหลือเกิน ท่านรีบไปเถอะ...ไปดูที่ลานแสดงยุทธ์ ่เี่ิเจอปัญหาเข้าแล้วขอรับ...” ลี่จินสีหน้ากระวนกระวาย ดึงเ่ิูตรงไปลานทันใด
“สรุปแล้วมันเกิดอะไรกันขึ้นหรือ?” เ่ิูเดินพลางถามพลาง
“มีคนวางแผน จะเขี่ยนางออกจากสิบรายชื่อ เสี่ยวจวินาเ็แล้วขอรับ...” ลี่จินตอบอารามร้อนใจ
...
“เด็กน้อยเอ๋ย เ้าะโลงไปเองจะดีกว่ามั้ง”
บนสังเวียน
เซี่ยโหวอู่สีหน้ายโส เหยียดยิ้มเย็น
ในมือของเขากำดาบโค้งเปล่งราศีน่าสะพรึงไว้ ปลายดาบมีโลหิตหยาดรินดังติ๋งๆ
และตรงหน้าเขา คือ่เี่ิที่าแลึกจนถึงกระดูก ปากอ้าเอาอากาศหายใจ นางเหนื่อยล้ามากแล้ว หลังเอาชนะผู้ท้าชิงมาได้สิบกว่าคน ถึงที่ผ่านมาจะยังมีเวลาให้พักหายใจหายคอชั่วเทียนไขละลายได้ครึ่ง แต่ตอนนี้กลับเหนื่อยจนแทบขาดใจ
ไม่รู้เพราะเหตุใด หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ คนท้าประลองนางถึงได้เยอะนัก แล้วพลังยังมากมายขึ้นเรื่อยๆ อีก ล้วนแล้วแต่เป็ศิษย์สูงศักดิ์ทั้งนั้น แต่ละคนลงมือหนักข้อยิ่ง ไม่คิดจะถนอมน้ำใจกันเลย
เซี่ยโหวอู่คือคู่มือคนที่สิบเจ็ดของนาง
เป็คนหนึ่งที่พลังมหาศาลที่สุด และลงมืออย่างโหดร้าย
ถึงข้าจะแพ้ ก็จะไม่แพ้ให้เขาเด็ดขาด สาวน้อยไม่ปริปากเอ่ยคำใด แต่แนวฟันขาวราวหิมะกลับกัดริมฝีปากแน่นหนัก แววตามาดมั่น
“เฮอะๆ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ทีแรกเ้า่ชิงตำแหน่งหนึ่งในสิบรายชื่อของข้าไป หลงคิดว่าแค่เ่ิูมันคอยให้ท้ายเ้าแล้วจะปลอดภัยไร้กังวลหรือไง? ฮ่าๆ” เซี่ยโหวอู่กระตุกมุมปาก ในม่านตาป่าเถื่อนมีความตื่นเต้นเริงรำอยู่
ไม่ใช่เลยสักนิด!
เด็กหญิงเบ้ปากน้อยเนื้อต่ำใจ ในใจประกาศิต ตำแหน่งนี้เป็ของข้ามาแต่เริ่ม เป็ของข้าแต่เพียงผู้เดียว
“ฮึ ตอนนี้เ้าสวะเ่ิูมันตกอับไปแล้ว สุดท้ายก็เป็ได้แค่กากเดน...” เซี่ยโหวอู่เหยียดหยามไม่เว้น่
“ไม่ใช่สักนิด” ่เี่ิเอ่ยออกมาในที่สุด “ศิษย์พี่ชิงหยู ไม่ได้ตกอับ...”
“อยู่ลำดับที่ห้าร้อยกว่าแล้ว ไม่ใช่สวะข้างถนนแล้วจะเรียกว่าอะไร!” เด็กหนุ่มหัวเราะเยาะ
“เ้านั่นแหละสวะ เขาเคยชนะเ้าได้!” สาวน้อยยังยืนหยัดโต้เถียง
“นั่นมันอดีตผ่านพ้นไปแล้ว มันในตอนนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอีกต่อไปแล้ว...” เซี่ยโหวอู่สีหน้ามืดมน
“ศิษย์พี่ชิงหยูแค่หมัดเดียวก็ชนะเ้าได้แล้ว” น้ำเสียงนางหนักแน่นนัก
“เ้านี่มัน...เฮอะๆ ข้าเป็อันดับเก้าในทดสอบระหว่างเดือน มันจะมาเทียบชั้นข้าได้อย่างไร...” เด็กหนุ่มยิ้มเย็น
“แค่หมัดเดียวเ้าก็พ่ายแล้ว” ่เี่ิเอ่ยตัดบทเขา คิ้วโค้งดั่งคันศรเลิกขึ้น
“นังนี่...” เซี่ยโหวอู่ชักเริ่มคลั่ง
“แค่หมัดเดียวเองน้า” เด็กหญิงส่ายกำปั้นขาวใสของตัวเองให้ดูเป็ขวัญตา
“มารดามันเถอะ เส่หาเื่ตาย” เซี่ยโหวอู่ตบะแตก ะเิโทสะกราดเกรี้ยว เื่นั้นเป็ดั่งแผลเป็ของเขา เป็ความอัปยศอดสูที่ไม่อยากให้ใครเอ่ยถึง
คมดาบดั่งสายฟ้า นำพาความโกรธไร้ขีดจำกัดแฝงฝังทั่วทุกอณู ฟาดฟันออกไป
่เี่ิฮึมฮัม ดาบยาวในมือะเืลั่นอื้ออึง สาดไอสีเงินวาดเข้าตั้งรับ