ซ่งอี้เฉินจับมือของนางมาวางบนริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว “มืออวี้เอ๋อร์เย็นถึงเพียงนี้เชียวหรือ? เจิ้นจะให้ความอบอุ่นแก่เ้าเอง”
นางงอนิ้วมือลง ข้อนิ้วของนางเลื่อนผ่านสันกรามบนใบหน้าของเขาอย่างแช่มช้าคล้ายตั้งใจไม่ตั้งใจ ทว่าใบหน้ากลับ ทั้งเขินอายทั้งโกรธ มืออีกข้างดันหน้าอกซ่งอี้เฉินเบาๆ ด้วยความขุ่นเคือง
“ที่แท้อวี้เอ๋อร์ชอบตรงนี้?” ซ่งอี้เฉินจับมือของนางสอดเข้าไปในคอเสื้อของตนเองพร้อมวางแนบหน้าอกเขา
ใต้ฝ่ามือของนางคือหัวใจที่เต้นระรัว ทว่าความรู้สึกเช่นการถูกคนแทงทะลุหน้าอกนั้นเขาสมควรลิ้มรสเสียหน่อย
ความคิดของเหยียนอู๋อวี้จมดิ่ง ทั้งลำคอและหน้าอกล้วนเป็จุดตาย เขากำลังทดสอบนางอยู่หรือไม่? เขากล้าดีอย่างไร?
นางเกือบลืมไปแล้ว นางคือเหยียนอู๋อวี้!
แน่นอนว่าเขาไม่มีความขุ่นข้องหมองใจใดๆ กับนาง
เมื่อคิดถึงตรงนี้นางจึงรีบหดมือกลับ ทว่าเขาจับมือนางไว้แน่น ซ่งอี้เฉินแย้มยิ้มสะกิดปลายจมูกงามแฉล้มของนาง “อยู่เป็เพื่อนเจิ้นอ่านหนังสือสักประเดี๋ยวเถิด”
เขาเอ่ยพลางดึงนางมาอยู่ในอ้อมแขนพร้อมกระซิบที่ข้างหูนางว่า “ปกติอวี้เอ๋อร์อ่านหนังสือใดหรือ?”
ตำราพิชัยาซุนจื่อ สามสิบหกกลยุทธ์…
เหยียนอู๋อวี้แย้มริมฝีปากแดงชาดกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็แค่จำพวกนิยายทั่วไป ประเภทสตรีเลอโฉม บุรุษมีความสามารถเพคะ”
ซ่งอี้เฉินยกมือขึ้นหยิบหนังสือจากบนโต๊ะเล่มหนึ่งมาเปิดอ่านพลางกล่าวหยอกล้อ “เล่มนี้เป็อย่างไร?”
ในฐานะที่เขาเป็ฮ่องเต้ เขากลับมีนิยายพื้นบ้าน รักๆ ใคร่ๆ วางอยู่บนโต๊ะ ไม่เสียแรงที่ได้ชื่อว่าเป็ทรราช
เหยียนอู๋อวี้กัดริมฝีปากล่างแน่น “หม่อมฉัน…...ไม่เคยอ่านนิยายจำพวกนี้มาก่อนเพคะ”
ครั้นสิ้นเสียงพูดนาง ซ่งอี้เฉินพลันหัวเราะลั่น พร้อมโยนหนังสือไปด้านข้างแล้วเอ่ยว่า “เ้ายังเล็ก ไม่เหมาะจะอ่านของพวกนี้”
นางได้ยินเช่นนี้ใบหน้าอ่อนช้อยของนางจึงเผยสีหน้าไม่พึงพอใจออกมาทันที นางอมลมพองแก้ม “หม่อมฉันเลยวัยปักปิ่น[1]นานแล้ว ยังเล็กเสียที่ไหนเพคะ?”
“อืม บางมุมถือว่าไม่เล็กแล้วจริงๆ” ซ่งอี้เฉินมองหญิงสาวในอ้อมแขนอย่างละเอียดั้แ่้าลงไปด้านล่างอย่างมีความหมายลึกซึ้ง แม้รูปร่างของเหยียนอู๋อวี้จะเพรียวบาง หากแต่ก็เรียกได้ว่าอวบอัด ความหมายแฝงในคำพูดนั้นชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบาย
เขามองเหยียนอู๋อวี้เสียจนนางรู้สึกกระอักกระอ่วนนัก นางจึงดึงมือกลับมาบังภาพเบื้องหน้าโดยตั้งใจ “ฝ่าา...…”
ซ่งอี้เฉินพลันหัวเราะออกมาดังลั่นเพราะการกระทำอันแสนน่ารักไร้เดียงสาของนาง ซ่งอี้เฉินโอบนางพลางทิ้งตัวลงนอนบนตั่งัพร้อมดึงผ้าขึ้นมาคลุมให้เป็อย่างดี “นอนเถิด”
เหยียนอู๋อวี้ใกับการกระทำของเขาพลางมองเขาด้วยท่าทีสงสัย “ฝ่าา?”
ซ่งอี้เฉินนอนตะแคงข้างใช้ฝ่ามือค้ำศีรษะเพ่งมองนาง ดวงตาดำขลับเรียวยาวแสดงถึงอารมณ์อันซับซ้อนเป็อย่างยิ่ง หากมองเข้าไป อย่างละเอียดจะพบว่าภายในนั้นไม่สามารถแยกแยะสิ่งใดได้เลย “ไว้เ้าถึงเวลาที่สามารถดูได้ เจิ้นจะให้นิยายกับเ้าเอง”
นางได้ยินคำพูดนี้พลันน้ำตาเอ่อคลอ พยายามอดกลั้นความเสียใจแล้วใช้ผ้าห่มคลุมศีรษะ เสียงสะอื้นไห้จับใจความไม่ได้ดังขึ้นว่า “หม่อมฉันไร้ความสามารถ ทำให้ฝ่าาทรงผิดหวัง”
ซ่งอี้เฉินเห็นท่าทางของนางเช่นนี้ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้พลางเอ่ยว่า “เจิ้นชอบสตรีบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เ้าเป็เช่นนี้ดีมากทีเดียว”
แน่นอนว่านางรู้เื่นี้ดี พระสนมซูเฟยในปีนั้นก็เป็เช่นนี้มิใช่หรือ? มีผู้ประสบความสำเร็จคนแรก ย่อมมีคนที่สองอย่างแน่นอน
“เชื่อฟังเจิ้น เจิ้นแค่ไม่อยากทำลายความดีงามของเ้า คืนนี้นอนเป็เพื่อนเจิ้นแต่โดยดีเถิด” เขาโอบกอดนางผ่านผ้าห่ม ผ่านไปครู่หนึ่งก็หลับสนิท
นางถูกปกคลุมอยู่ใต้ผ้าห่ม มองไม่เห็นแสงสว่างแม้เพียงนิด มืดมนราวกับโลกทั้งใบ
นางลืมตาฟังเสียงลมหายใจดังสม่ำเสมอข้างใบหูพร้อมทั้งกำหมัดแน่น ไร้ซึ่งความรู้สึกง่วงงุนใดๆ
ความทรงจำในสมองสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนทีละฉาก คอยย้ำเตือนนาง และปลุกนางให้ตื่นขึ้น
บางคนถูกฆ่าล้างโคตร บางคนกลับรุ่งโรจน์มั่งคั่ง บางคนถลำลึกอยู่ในนรกโลกันตร์ บางคนกลับหลับสบายทุกราตรี
มีดเล่มหนึ่งกรีดเฉือนในจิตใจไม่หยุดหย่อน ความเ็ปคอยย้ำเตือนนางตลอดเวลาว่าอย่าหลงลืม
“อู๋เหยียน...…”
เสียงละเมอดึงนางออกมาจากห้วงลึก นางรู้สึกกายสั่นเทิ้มเล็กน้อย
อู๋เหยียน อวิ๋นอู๋เหยียนหรือ?
เขามีสิทธิ์อันใดมาเรียกชื่อนี้?
ยามเขาถือกระบี่ยาวไว้ในมือ เคยคิดถึงความรู้สึกลึกซึ้งที่คนผู้นั้นมีต่อเขาบ้างหรือไม่?
ยามที่กระบี่คมกริบของเขาเสียบทะลุหน้าอก เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าในท้องของคนผู้นั้นกำลังแบกเืเนื้อเชื้อไขที่ใกล้ถือกำเนิดของเขาอยู่ด้วย
จุดที่เ็ปเลือนรางปกคลุมอาการสั่นเทิ้มเล็กน้อยทั้งหมดของนาง
หน้าอกซ้ายแข็งแกร่งประหนึ่งเหล็กกล้า
เชิงอรรถ
[1] วัยปักปิ่น หมายถึง หญิงสาว่อายุ 15 ปี จะถือว่าเป็วัยออกเรือนมีครอบครัวได้แล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้