บทที่ 4 การสังหารหมู่
เมื่อลูกกลมพลังงานิญญาตกลงบนบรรทัดนั้น ลู่ไป๋ก็ท่องในใจว่า “สำเร็จ!”
ลูกกลมพลังงานิญญาไม่ขยับ และตัวอักษรก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ขั้นหลอมกระดูกขั้นที่หนึ่งที่เขาเฝ้ารอคอยก็ยังไม่สำเร็จ
ไม่มีวี่แววของการเปลี่ยนโครงกระดูกและกล้ามเนื้อ หรือรูขุมขนที่พ่นโคลนออกมาตามตำนานเลย…
“ก็คิดไปเองเสียหน่อย”
ลู่ไป๋ส่ายหัวอย่างเงียบ ๆ
การจะยกระดับวรยุทธ์นั้นต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถใช้ทางลัดได้
ลู่ไป๋มองดูตัวอักษรอีกบรรทัดหนึ่ง
【ท่าเสาเสือดุร้าย (ขั้นลี้ลับ) (ยังไม่สำเร็จ) (สามารถซ่อมแซมได้)】
ลองอีกครั้ง
ลู่ไป๋ควบคุมลูกกลมพลังงานิญญาให้ตกลงบนตัวอักษรบรรทัดนี้ และท่องในใจว่า “เข้าใจ!”
ทันทีที่เขานึกในใจ ลูกกลมพลังงานิญญาก็รวมเข้ากับตัวอักษรอย่างรวดเร็ว
ในวินาทีต่อมา ประสบการณ์และความเข้าใจมากมายเกี่ยวกับ ‘ท่าเสาเสือดุร้าย’ ก็ไหลเข้ามาในสมองของเขาเหมือนกับได้รับภูมิปัญญา
ราวกับว่ามีเมฆหมอกหนาทึบถูกปัดออกไป และทุกอย่างก็แจ่มแจ้งขึ้นในทันที!
โดยไม่รู้ตัว ลู่ไป๋ก็ย่อเข่าลงเล็กน้อย หลังและเอวโก่งเป็คันธนู เท้าทั้งสองข้างเหมือนกรงเล็บเสือที่ฝังลงไปในดินอย่างแ่า กระดูกสันหลังโค้งงอเล็กน้อยเหมือนัตัวใหญ่ แขนทั้งสองข้างก็กางออกราวกับเสือที่กำลังจะกระโจนเข้าใส่จากบนเนินเขา และขาของเขาก็ยืนได้อย่างมั่นคงราวกับหินผา
แม้แต่จังหวะการหายใจของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หนักแน่นและยาวนานเหมือนเสียงหอบต่ำ ๆ ของเสือดุร้าย
ลู่ไป๋รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกาย พลังงานบริสุทธิ์สายหนึ่งจากขาของเขาก็ส่งไปทั่วร่างกายซึมซาบเข้าไปในหนังและเนื้อ กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเขาดูเหมือนจะพองและแข็งแรงขึ้น!
สำเร็จแล้ว!
ลู่ไป๋รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าลูกกลมพลังงานิญญาจะไม่สามารถยกระดับวรยุทธ์ของเขาได้โดยตรง แต่มันสามารถช่วยให้เขาทำความเข้าใจวรยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว!
นี่เป็เื่สำคัญมากสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ์
ตราบใดที่มีลูกกลมพลังงานิญญาช่วย วิชาที่ต้องใช้เวลาสามถึงห้าเดือนในการทำความเข้าใจ เขาก็จะสามารถทำความเข้าใจได้ในเวลาอันสั้น!
ตอนนี้เขาเข้าใจ ‘ท่าเสาเสือดุร้าย’ แล้ว ตราบใดที่เขาฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง เขาก็จะสามารถถึงขั้นหลอมกระดูกขั้นที่หนึ่งได้ในอนาคตอันใกล้นี้!
นอกจากนี้ วรยุทธ์ยังแตกต่างจากวิชา ซึ่งแบ่งออกเป็ ขั้นเริ่มต้น ขั้นสำเร็จเล็กน้อย ขั้นสำเร็จ และขั้นสมบูรณ์ ตามระดับความเข้าใจในวรยุทธ์
หากลูกกลมพลังงานิญญาสามารถช่วยให้เขาทำความเข้าใจวิชาได้เร็วขึ้น มันก็อาจจะสามารถช่วยให้เขายกระดับวรยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน!
เช่นหมัดห้าก้าวของเขา ตอนนี้อยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น
หากสามารถยกระดับไปถึงขั้นสมบูรณ์ได้ พลังต่อสู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
น่าเสียดายที่ในกระจกโบราณไม่มีลูกกลมพลังงานิญญาแล้ว
ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาก็สามารถทดสอบทฤษฎีของเขาได้แล้ว
ลู่ไป๋ยืนอยู่ในท่าเสาเสือดุร้าย เพียงแค่คิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง เหงื่อก็เริ่มไหลออกมาจากร่างกายของเขา
ในไม่ช้า เขาก็รู้สึกอ่อนแรงจนไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป
ก่อนหน้านี้การที่เขากลืนกินิญญาชั่วร้ายนั้นก็ทำให้เืลมของเขาพร่องลงไป
เมื่อกลับมา เขาก็ไม่ได้กินอาหารเย็น แล้วยังฝึกหนักอีกครั้ง หลังจากความพยายามทั้งหมดนี้ ร่างกายของเขาก็ไม่มีแรงเหลือแล้ว
ลู่ไป๋หยุดยืน และมองไปที่กระจกโบราณอีกครั้ง
ตัวอักษรบนกระจกก็เปลี่ยนไปตามคาด
【ท่าเสาเสือดุร้าย (ขั้นลี้ลับ) (สามารถซ่อมแซมได้)】
คำว่า ‘ยังไม่สำเร็จ’ หายไป เหลือเพียงคำว่า ‘สามารถซ่อมแซมได้’ เท่านั้น
ลู่ไป๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และนึกถึงคำพูดของเฉินเถี่ยซานที่เคยสอนท่าเสาเสือดุร้าย
ว่ากันว่า ‘ท่าเสาเสือดุร้าย’ ฉบับสมบูรณ์มีชื่อว่า ‘เคล็ดลับหลอมกระดูกราชันย์ูเา’ ซึ่งเป็วิชาระดับ์ที่สามารถฝึกได้ทั้งเอ็น กระดูก และิัพร้อมกัน
แต่คัมภีร์ระดับ์เกือบทั้งหมดอยู่ในราชวงศ์หรือในสำนักชั้นนำต่าง ๆ และไม่มีใครเผยแพร่ออกไปง่าย ๆ
วิชาที่ถูกเผยแพร่ออกมานั้นล้วนถูกลดความซับซ้อนและตัดทอนไปแล้ว
ถึงแม้จะถูกลดความซับซ้อนไปหลายครั้ง ‘ท่าเสาเสือดุร้าย’ ก็ยังเป็วิชาระดับลี้ลับ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของมัน!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ดวงตาของลู่ไป๋ก็สว่างขึ้น
คำว่า ‘สามารถซ่อมแซมได้’ หมายความว่ามันสามารถซ่อมแซม ‘ท่าเสาเสือดุร้าย’ ให้กลับไปเป็วิชาระดับ์ได้ใช่หรือไม่?
น่าเสียดายที่ไม่มีลูกกลมพลังงานิญญาให้ตรวจสอบ
เมื่อมาที่นี่ครั้งแรก ลู่ไป๋ยังคงหวาดกลัวต่อการมีอยู่ของสิ่งลี้ลับอย่างิญญาชั่วร้าย
แต่ตอนนี้ เขากลับอยากให้มีิญญาชั่วร้ายมาให้เขาเก็บเกี่ยวให้เยอะ ๆ เพื่อที่จะได้มาเป็ลูกกลมพลังงานิญญาในกระจกโบราณและช่วยให้เขาฝึกฝน!
แต่เื่แบบนี้ก็รีบไม่ได้
ท้ายที่สุด การกลืนกินิญญาชั่วร้ายก็ทำให้เืลมของเขาพร่องลงด้วย ตอนนี้เขาต้องฟื้นฟูร่างกายของเขาก่อน
ลู่ไป๋ค่อย ๆ สงบจิตใจลง และส่งสัญญาณให้หมาดำที่อยู่ข้าง ๆ และเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ
เขาต้องหาอะไรกินเพื่อฟื้นฟูร่างกายและเติมพลังให้ตัวเอง
เมื่อมาถึงหน้าประตู เขาเห็นเงาของท่านฝูไป๋เพียงคนเดียวกำลังเฝ้าศาลาอยู่ เพื่อให้แน่ใจว่าเทียนและธูปยังคงติดอยู่ตลอดเวลา
ในความมืด ลู่ไป๋มองดูท่านฝูไป๋ที่กำลังเฝ้าโลงศพอยู่เพียงลำพังด้วยสีหน้าเ็านิดหน่อย เขาไม่ได้เดินเข้าไปหา
ประสบการณ์ที่ครอบครัวของเ้าของร่างเดิมต้องเผชิญ ประกอบกับเขาเพิ่งมาถึงที่นี่ ทำให้เขาต้องระมัดระวังกับทุกคน
ที่นี่แตกต่างจากโลกก่อนของเขา ที่เมื่อทำผิดแล้วยังมีโอกาสที่จะแก้ไข
โลกนี้มีแม้กระทั่งวิชาเยี่ยนเซิ่งและิญญาชั่วร้าย ใครจะรู้ว่ามีอันตรายที่ไม่รู้จักอีกเท่าไหร่ที่ซ่อนอยู่ในความมืด
ถ้าเขาสะเพร่าแม้แต่นิดเดียว เขาก็อาจจะเสียชีวิตได้
แม้แต่คนรอบข้าง ลู่ไป๋ก็ยังไม่ค่อยไว้ใจ
นางหวังยังพอไว้ใจได้อยู่ เพราะเสือก็ไม่กินลูกตัวเอง
และยังเป็ความจริงที่ว่าบ้านแตกสาแหรกขาดและไม่มีผู้สืบทอดก็ไม่ได้ทำให้นางได้ประโยชน์อะไรเลย
ส่วนท่านฝูไป๋นั้นไม่สามารถพูดได้เลย
ถ้าตอนแรก ลู่ไป๋แค่ไม่ไว้ใจท่านฝูไป๋
แต่เมื่อเขาพบ ‘อิฐไว้ทุกข์’ เขาก็เริ่มสงสัยในตัวท่านฝูไป๋แล้ว
ในการปรับปรุงและขยายจวน ท่านฝูไป๋ในฐานะพ่อบ้านเก่าแก่ของตระกูลลู่ เป็คนดูแลงานส่วนใหญ่
หากเขาทำการบางอย่าง หรือสมคบคิดกับคนนอก ก็คงจะไม่มีใครสังเกตเห็นได้ง่าย
แน่นอน นี่เป็เพียงแค่ความสงสัยของลู่ไป๋เท่านั้น
ท่านฝูไป๋มีปัญหาหรือไม่ และน่าเชื่อถือหรือไม่ เขาจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจอีกครั้ง
การที่ให้ท่านฝูไป๋นำอิฐไปเผาก็เป็การทดสอบอย่างหนึ่ง
ลู่ไป๋ไม่ได้ทำให้ท่านฝูไป๋ใ เขาลอบเข้าไปในครัวด้านหลังและหาอาหารที่เหลืออยู่ กินกับเ้าหมาดำ
เมื่ออิ่มท้องแล้ว ลู่ไป๋ก็ยังคงรู้สึกหนาวเล็กน้อย
เ้าของร่างเดิมอ่อนแออยู่แล้ว การที่กระจกโบราณกลืนกินิญญาชั่วร้ายและใช้เืลมนั้นมีผลกระทบอย่างมากต่อร่างกายของเขา
แต่ก็ยังดีที่ตระกูลลู่ทำธุรกิจสมุนไพร มีของบำรุงมากมาย
ลู่ไป๋ใช้ความทรงจำของเ้าของร่างเดิม ไปที่ร้านขายยาของครอบครัว หยิบไหเหล้าสมุนไพรโสมเก่า ๆ ขึ้นมาและดื่มเข้าไปคำใหญ่
เมื่อเหล้าสมุนไพรเข้าสู่ปาก มันก็เหมือนมีเปลวไฟเผาไหม้ในลำคอ เมื่อไหลลงไปในท้อง มันก็กลายเป็กระแสอุ่น ๆ ที่ไหลไปทั่วร่างกาย ขับไล่ความหนาวเย็นออกไป
“เอาหน่อยไหม?”
ลู่ไป๋เทใส่ชามหนึ่งและยื่นให้หมาดำที่อยู่ข้าง ๆ
หมาดำยื่นลิ้นออกมาเลีย และรู้สึกเผ็ดร้อนจนส่ายหัวไม่หยุดและน้ำตาไหล มันถอยหลังไปสองก้าวและไม่คิดจะลองอีก
หมาดำตัวนี้ไม่มีสีอื่นบนร่างกายเลย แม้กระทั่งลิ้นของมันก็ยังเป็สีดำ
ลู่ไป๋ยิ้มเล็กน้อย ปรับตัว แล้วดื่มเข้าไปอีกหลายคำ
หลังจากดื่มเหล้าสมุนไพรไปครึ่งไห สีหน้าของเขาก็เริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกค่อนข้างมึนเมา มีความร้อนไหลเวียนอยู่ในท้อง และความอ่อนแอในร่างกายก็หายไปหมด
ลู่ไป๋อาศัยฤทธิ์ของเหล้า และเริ่มฝึกท่าเสาเสือดุร้ายอีกครั้ง
หลังจากอิ่มท้องแล้ว ร่างกายก็ฟื้นตัวขึ้นมาก และการฝึกยืนในครั้งนี้ก็สามารถยืนได้นานกว่าเดิมมาก
เมื่อทนไม่ไหวแล้ว ลู่ไป๋ก็หยุดพักชั่วครู่
จากนั้นก็ฝึกยืนต่อ
หลังจากทำแบบนี้อยู่หลายครั้ง ฤทธิ์ของเหล้าและสมุนไพรในร่างกายก็หมดไป
ลู่ไป๋รู้สึกได้ว่าพละกำลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อฤทธิ์ยาหมดลง ลู่ไป๋ก็ดื่มเหล้าสมุนไพรอีกสองสามคำ และฝึกฝนต่อไป
ในที่สุด คืนหนึ่งก็ผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อย
เหล้าสมุนไพรไหนั้นถูกดื่มจนหมดแล้ว และฤทธิ์ของมันก็ถูกดูดซับไปทั้งหมด
ลู่ไป๋ฝึก ‘ท่าเสาเสือดุร้าย’ ตลอดทั้งคืน แต่เขากลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลย และยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากด้วย
เขาฝึกหมัดห้าก้าวอีกรอบ และรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามันแตกต่างจากเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว
การก้าวเท้าของเขาดูมั่นคง และหมัดของเขาก็เต็มไปด้วยพลัง!
การฝึกฝนเพียงคืนเดียวก็สามารถเทียบได้กับการฝึกฝนของเ้าของร่างเดิมที่ใช้เวลาหลายปี
หากเขายังคงฝึกฝนในอัตรานี้ ควบคู่ไปกับสิ่งของบำรุงต่าง ๆ เช่นเหล้าสมุนไพรนี้ เขาก็อาจจะสามารถถึงขั้นหลอมกระดูกขั้นที่หนึ่งได้ภายในเวลาไม่กี่วัน!
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่การเผชิญหน้ากับบอดี้การ์ดสองคนที่ทรยศตระกูลลู่ก็น่าจะไม่เป็ปัญหาแล้ว
ลู่ไป๋ออกจากร้านขายยาและมองไปที่ศาลาจัดงานศพ
ตลอดทั้งคืน ศาลาจัดงานศพนั้นเงียบสงบ ท่านฝูไป๋เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดทั้งคืน
อาจเป็เพราะอายุมากแล้วจึงทนไม่ไหวและหลับไปในที่สุด
ลู่ไป๋พาเ้าหมาดำออกไปจากจวนตระกูลลู่เงียบ ๆ
การจะเพิ่มพละกำลังได้อย่างรวดเร็ว นอกจากการฝึกฝนอย่างไม่หยุดพักแล้ว ยังต้องมีลูกกลมพลังงานิญญาช่วยด้วย
ในขณะที่ฟ้ายังไม่สว่างเต็มที่ ลู่ไป๋วางแผนที่จะออกไปเดินเล่นรอบ ๆ เมืองหลิ่วซี ดูว่าเขาจะเจอิญญาชั่วร้ายอะไรไหม จะได้เก็บเกี่ยวมาโดยตรง และทำความคุ้นเคยกับการใช้งานกระจกโบราณด้วย
เมื่อมีเนตรมายา เขาก็ไม่กลัวว่าิญญาชั่วร้ายจะซ่อนตัวได้
น่าเสียดายที่คนหนึ่งคนกับหมาอีกตัวเดินไปทั่วเมือง แต่เมื่อฟ้าสว่างแล้วก็ยังไม่พบอะไรเลย
เห็นได้ชัดว่าการกำเนิดของิญญาชั่วร้ายและผีนั้นไม่ใช่เื่ง่าย และอาจมีกฎเกณฑ์พิเศษบางอย่าง
คนบนถนนในเมืองเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พ่อค้าแม่ค้าก็เริ่มตั้งแผงขายของกันแล้ว
ไม่ไกลนัก มีควันสีเขียวลอยขึ้นมา ผู้คนจำนวนมากต่างพากันไปทางนั้น
“ได้ยินไหม เมื่อคืนนี้ครอบครัวของช่างไม้จางไฟไหม้ ช่างไม้จางถูกไฟคลอกตาย เหลือแต่นางหลิวกับลูกอีกสี่คน น่าสงสารจริง ๆ”
“เ้ายังไม่รู้เื่อะไรเลยใช่ไหม? ตอนแรกช่างไม้จางถูกไฟคลอกตาย แต่่กลางดึกบ้านของเขาก็ไฟไหม้อีกครั้ง นางหลิวและลูกอีกสี่คนก็ถูกไฟคลอกตาย ไม่มีใครรอดเลย!”
“อะไรนะ น่าสงสารขนาดนั้นเลยหรือ!”
“นี่มันราชันย์แห่งยมโลกมาเอาชีวิตแล้ว! ไม่รู้ว่าครอบครัวของช่างไม้จางทำบาปอะไรไว้ ถึงหลบหนีไปไม่ได้ ต้องถูกฆ่าล้างตระกูลแบบนี้”
ดวงตาของลู่ไป๋สั่นไหวเล็กน้อยและครุ่นคิด
ดูเหมือนว่าวิธีแก้ ‘อิฐไว้ทุกข์’ จะได้ผลแล้ว
แต่ตามที่ในหนังสือเขียนไว้ การเผา ‘อิฐไว้ทุกข์’ จะส่งผลกรรมต่อผู้ใช้คาถาเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น
นั่นหมายความว่าการตายของช่างไม้จางเป็เพราะผลกรรมจากวิชาเยี่ยนเซิ่ง
การตายของคนอื่น ๆ ในครอบครัวจางที่ถูกไฟคลอกตายใน่กลางดึกนั้นไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับผลกรรมของวิชาเยี่ยนเซิ่ง
“คงถูกฆ่าปิดปากแล้ว”
ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในสมองของลู่ไป๋ และเขาก็รู้สึกใเล็กน้อย
ช่างเป็วิธีที่เหี้ยมโหดนัก!
นอกจากช่างไม้จางแล้ว คนอื่น ๆ อีกห้าคน รวมถึงเด็กสี่คนก็ไม่มีใครรอดเลย
เมื่อคืนท่านฝูไป๋อยู่ในจวนตระกูลลู่ ไม่ได้ออกไปไหน เื่นี้จึงไม่เกี่ยวกับเขา
ดังนั้นจึงเหลือเพียงความเป็ไปได้อย่างเดียว
ช่างไม้จางถูกผลกรรมและเผาตัวเองจนตาย ซึ่งทำให้คนเื้ัสังเกตเห็น
ลู่ไป๋มาถึงบริเวณบ้านของช่างไม้จาง เปิดเนตรมายาและค้นหาอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่พบร่องรอยของิญญาชั่วร้าย
“ไม่รู้ว่าิญญาชั่วร้ายในยันต์ท้อเกิดขึ้นได้อย่างไร”
“ความเคียดแค้น? ความอาฆาต? หรือมีเหตุผลอื่น?”
“ไม้ท้อเป็ไม้ที่มีพลังหยางสูง และใช้ในการขับไล่ผีและิญญาชั่วร้ายมาโดยตลอด ทำไมถึงมีิญญาชั่วร้ายซ่อนอยู่ในนั้นได้?”
ลู่ไป๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หันหลังกลับไปที่บ้าน