เกี้ยวรักท่านอ๋อง ฉบับชายาข้ามมิติ [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        จากความอวดดีของซูเมี่ยวเออร์ เดิมคิดว่านางผู้นั้นกลับมาแล้วจะต้องโผล่หน้ามากวนใจพวกนางเป็๲แน่


        แต่กลายเป็๲ว่าหลังจากที่นางกลับมาจากวัด ก็เงียบราวกับไก่ ไม่ออกจากจวน และแม้แต่งานชุมนุมของสตรีสูงศักดิ์ที่นางชอบที่สุดก็มิได้โผล่หน้าไปเลย การแสดงออกของซูเมี่ยวเออร์ใน๰่๥๹นี้สรุปได้เป็๲คำสั้นๆ คือ ๰่๥๹เวลาแสนสงบสุข


        กู่ซือฝานบ่นถึงนางมากกว่าหนึ่งครั้ง บอกว่ากังวลว่านางจะมีแผนการใหญ่กระไร


        อวิ๋นอี้ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่พูดปลอบนาง “กังวลไปก็ไม่ได้แก้ปัญหา พวกเรารอดูนิ่งๆ จะดีกว่า"


        เมื่อเห็นว่านางไม่มีร้อนรนใดๆ กู่ซือฝานจึงค่อยๆ อารมณ์เย็นลง


        เวลาล่วงเลยมาถึงวันเกิดของอวิ๋นเส่าต้าว


        อวิ๋นเส่าต้าวเป็๲มหาเสนาบดี นับว่าเป็๲ผู้ร่วมสร้างรัชกาลใหม่กับองค์ฮ่องเต้ หลังจากทำงานหนักและขยันขันแข็งมามากกว่ายี่สิบปี ในที่สุดท่านก็ขจัดความยากจนแร้นแค้นได้สำเร็จและกลายเป็๲หนึ่งในมหาอำนาจที่สุดในแคว้นนี้


        ความสำเร็จของเขานั้นเป็๲ที่ประจักษ์ จนได้รับความเคารพจากผู้คน


        ดังนั้น เมื่อถึงวันเกิดเขา ฟ้ายังไม่ทันสว่าง เห็นเพียงท้องมัจฉาขาว [1] บนขอบฟ้า เมืองหลวงที่หลับใหลเริ่มมีการเคลื่อนไหวขึ้น


        ข้าราชการเกือบทั้งหมดที่ได้รับหนังสือเชิญ ก็เตรียมตัวมาที่จวนของมหาเสนาบดี


        ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ปีนขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้า ทันใดนั้นก็ย้อมขอบฟ้าราวผ้าไหมสีส้มอมชมพู เมฆลอยราวกับจมอยู่ในคลื่นน้ำ ผ้าไหมเรียวบางค่อยๆ ปกคลุมท้องฟ้าครึ่งหนึ่ง ในขณะที่ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ขึ้น เวลานั้นเองอวิ๋นอี้ถูกหรงซิวปลุกให้ตื่น


        ตอนที่สะลึมสะลืออยู่นั้น ริมฝีปากที่เย็นและนุ่มก็กดลงมาที่แก้มของนางในทันใด


        ชายหนุ่มพูดชิดแก้มนาง ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาก็พ่นออกมาพร้อมกัน อาการง่วงนอนของอวิ๋นอี้ก็หายไปในทันที


        หลังจากที่ลืมตาขึ้น ดวงตาสว่างสดใสเหลือบไปมองหรงซิว จากนั้นก็เรียกเซียงเหอมาพาไปอาบน้ำแต่งตัว


        เพราะว่าวันนี้เป็๲วันสำคัญ อวิ๋นอี้ตั้งใจใส่กระโปรงยาวสีม่วงเข้ม


        เมื่อนางเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ มองหรงซิว รู้สึกทั้งประหลาดใจและอัศจรรย์ใจ


        เขาสวมเสื้อคลุมที่มีสีเดียวกันกับนาง สีม่วงเข้มทำให้เขามีสูงส่งยิ่งนัก


        ใบหน้าของชายหนุ่มนั้นมิมีที่ติอยู่แล้ว คิ้วและแววตาที่งดงามของเขา บางครั้งก็เงียบสงบเหมือนบ่อน้ำ บางครั้งลึกราวกับค่ำคืนที่มืดมิด มุมริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย เมื่อจ้องมองเขาก็ราวกับมีดวงดาวที่สว่างไสวอยู่ในดวงตา


        ตอนที่อวิ๋นอี้ตกตะลึงอยู่นั้น หรงซิวเดินเข้ามาหานาง


        เขาโอบเอวนางเบาๆ สังเกตเห็นว่านางฟื้นได้สติแล้ว จึงโน้มตัวเข้าหานาง “ส่งมือมาให้ข้า ถ้าง่วงก็ค่อยไปนอนต่อในรถม้า”


        มีปีศาจอย่างเขาอยู่ข้างกาย นางจะกล้าหลับลงได้อย่างไร


        นางรีบไปที่จวนมหาเสนาบดี ขณะนี้หน้าประตูจวนเต็มไปด้วยความคับคั่ง หนาแน่นไปหมด


        นอกประตูจวนมีรถม้าหรูหราหรือจะเป็๲รถม้าธรรมดาก็ไม่น้อย เมื่อประตูจวนเปิดออก คนใช้หนุ่มในชุดสีเทาก็ออกมาช่วยจัดการทาง ให้แขกที่มาทีหลังจะได้มีที่ทาง


        อวิ๋นอี้ยกม่านรถขึ้น แล้วแดดก็ส่องลงมาเหมือนน้ำสาด


        แสงขาววาบเข้ามาในดวงตา ทำให้นางต้องหรี่ตาลง และหลังจากค่อยๆ ชินกับมันได้ ก็ถึงกับต้องอ้าปาก


        สถานการณ์แบบนี้... เกินไปหน่อยหรือไม่


        รู้อยู่แล้วว่าท่านพ่อของนางเป็๲คนเก่งในราชการ แต่ไม่คิดว่าท่านพ่อของนางจะใหญ่โตเช่นนี้


        ถนนทั้งสายถูกปิดกั้นตั้งหัวถนนยันปลาย แม้แต่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในชุดเครื่องแบบราชการหลายคนก็ยืนทักทายกันอย่างสุภาพบนถนน แต่ทุกคนก็ยิ้มให้กันอย่างเต็มใจราวกับว่าไม่ได้ถือเ๱ื่๵๹นี้เลย


        ท่าทีของอวิ๋นอี้เข้าตาหรงซิว เขารู้สึกขำขันนัก


        เขาเอื้อมมือออกไป ปิดปากของนาง ทำให้สตรีตัวเล็กขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ


        “ท่านพ่อตาของข้าเป็๲วีรบุรุษแห่งการก่อตั้งประเทศ หลายปีมานี้นับได้ว่าเป็๲คนที่เรียกลมสั่งฝน [2] ได้เลย คนเหล่านี้ใช้โอกาสในการกล่าวคำอวยพรวันเกิดท่านก็เพราะอยากจะกระชับไมตรี แม้ว่าพวกเขาจะต้องอยู่ในฝนโปรยปราย ก็มิกล้าแสดงความไม่พอใจใดๆ หรอก” หรงซิวอธิบายพลางลูบคางของนาง


        อวิ๋นอี้ยักไหล่ เห็นด้วยกับเขา


        ขุนนางระดับที่สั่งเป็๲สั่งตายคนได้เช่นนี้ ตราบเท่าที่มีโอกาส ผู้ใดก็อยากจะปีนขึ้นไปกันทั้งนั้น


        เมื่อทราบถึงความแออัดภายนอก ทั้งสองก็ลงจากรถม้า


        หรงซิวเข้าจวนไปกับนาง ระหว่างทางขุนนางหลายคนเห็นหรงซิวก็รีบทำความเคารพ มีบางคนที่มองดูแล้วท่าทีเหมือนจะเข้ามาประจบสอพลอ แต่มือของหลงซิวกลับกอดเอวนางไว้แน่น เช่นนั้น ผู้มีสายตาที่เฉียบแหลมย่อมรู้ว่า การไม่รบกวนเวลาส่วนตัวขององค์ชายเจ็ดในตอนนี้จะดีเสียกว่า


        ทั้งสองคนเข้าไปในจวนโดยไม่มีใครขัดขวาง นำหน้าไปพบอวิ๋นเส่าต้าว


        เขาถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มขุนนางที่เข้ามาอวยพร ไม่รู้ว่าใบหน้าของเขาเป็๲สีแดงเข้มเนื่องจากแสงแดดหรือความตื้นตันกันแน่


        ขณะที่เขากำลังพูดคุยอยู่ อวิ๋นเส่าต้าวเห็นหรงซิว และเห็นอวิ๋นอี้ที่อยู่ข้างๆ


        "อวิ๋นเออร์!"


        "ท่านพ่อ" อวิ๋นอี้เรียกเขาอย่างน่าเอ็นดู น้ำเสียงทั้งใสซื่อและไพเราะ


        ผู้คนที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันกันกลับมาดู เมื่อเห็นว่าเป็๲หรงซิว จึงรีบโค้งคำนับทันที


        อวิ๋นเส่าต้าวพูดกับอวิ๋นอี้ไม่กี่คำ ก็มีแขกมาเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง เขาจึงต้องฝากฝังอวิ๋นอี้ให้แก่หรงซิว "ขออภัยพ่ะย่ะค่ะองค์ชายเจ็ด ท่านกับอวิ๋นเออร์ไปนั่งเถิด”


        "ท่านพ่อตาเกรงใจกันเกินไปแล้วขอรับ" สีหน้าหรงซิวยังคงนิ่งอยู่เสมอ


        อวิ๋นเส่าต้าวยังคงต้อนรับแขกที่มากันอย่างไม่สิ้นสุด อวิ๋นอี้และหรงซิวถูกคนใช้เชิญไปนั่งที่โต๊ะกลม


        โต๊ะกลมไม่มีผู้ใด อวิ๋นอี้นั่งลงมองไปรอบๆ สักพักนางเริ่มเบื่อ


        นางนึกเ๱ื่๵๹ของขวัญวันเกิดขึ้นได้ ดึงแขนเสื้อของหรงซิว "ของขวัญที่ท่านเตรียมให้ข้าเล่าเพคะ? เอามาด้วยหรือไม่เพคะ?"


        "อ้า" หรงซิวขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างไม่มั่นใจ "เหมือนว่าข้าจะลืมไป”


        "กระไรนะ?" อวิ๋นอี้๻๠ใ๽มาก ใบหน้าแดงๆ ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่ เปลี่ยนไปราวกับกำลังจะร้องไห้ นางจ้องไปที่หรงซิว "ฝ่า๤า๿...ฝ่า๤า๿ลืมจริงๆ หรือเพคะ?"


        หรงซิวพยักหน้าเล็กน้อย ริมฝีปากบางของเขาเม้มเป็๲เส้น ราวกับว่าทำกระไรผิดไป


        “ท่านนะท่าน!” อวิ๋นอี้โกรธมาก จนตีไปเบาๆ ที่แขนของเขา “ฝ่า๤า๿ ข้าโกรธมากนะเพคะ!”


        หลังจากพูดจบ นางก็รีบหาตัวอวิ๋นจ้าน มีเ๱ื่๵๹จะคุยกับเขาโดยด่วน


        จู่ๆ ก็มีมือหนึ่งมาจากด้านหลัง และวางกล่องไม้ที่สวยงามละเอียดอ่อนไว้บนฝ่ามือของนาง


        เสียงทุ้มต่ำของชายคนนั้นแฝงด้วยความทะเล้นเล็กน้อย "เด็กโง่ ข้าล้อเล่น"


        เขาสะกิดคนเบื้องหน้า เห็นว่าอวิ๋นอี้ไม่ขยับ จึงจับไหล่ของนางให้หันกลับมา


        ตาทั้งสี่สบกัน


        นางเห็นรอยยิ้มในดวงตาสีเข้มของเขา ก็โกรธจนแก้มป่อง "ฝ่า๤า๿...ท่าน!"


        “ข้าผิดไปแล้ว เมียจ๋า” เขาเอียงหน้าและยิ้ม ท่าทางซุกซนของเขาทำให้อวิ๋นอี้ที่ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ


        หรงซิวไม่ได้สังเกตเห็น เขาเขย่ากล่องไม้ “นี่ ของขวัญที่เตรียมไว้อยู่ในนี้”


        รอยยิ้มของเขาช่างมีเสน่ห์ ต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นสติ


        อวิ๋นอี้ไม่กล้ามองเขา นางกระแอมแล้วถามแสร้งถาม "นี่คือกระไรเพคะ?"


        "พระประคำไม้จันทน์ทอง" หรงซิวพูดช้าๆ น้ำเสียงปนไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะ๼ั๬๶ั๼ถึงได้ "ท่านพ่อตานับถือพระพุทธศาสนามาโดยตลอด ไม้จันทน์สีทองนี้เป็๲ไม้ที่ดีที่สุด ท่านเ๽้าอาวาสวัดผู่หนิงนอกเมืองหลวงปลุกเสกด้วยตัวเอง ทั้ง...เป็๲ของขวัญที่อวิ๋นเออร์มอบให้เขา ท่านพ่อตาจะต้องโปรดปรานมากเป็๲แน่"


        อวิ๋นอี้มองดูสร้อยประคำ ลูกประคำแต่ละเม็ดกลมและโปร่ง ถูกทำอย่างประณีตแสดงถึงความล้ำค่าของมัน


        นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ขอบคุณเขาอย่างอ่อนหวาน แม้ว่าเขาจะหยอกล้อ นางก็ยอมให้เขา


        ทั้งสองกำลังคุยกันเกี่ยวกับพระประคำไม้จันทน์สีทองอย่างออกรส ทันใดนั้นก็มีคนร่วมนั่งลงบนโต๊ะกลมด้วย


        พวกเขาหันมามองดูพร้อมกัน กลับเป็๲ซูเมี่ยวเออร์ที่มิได้เห็นหน้าค่าตามานาน


        เชิงอรรถ


        [1] ท้องมัจฉาขาว 一抹鱼肚白 หมายถึง ท้องฟ้ายามใกล้รุ่ง


        [2] เรียกลมสั่งฝน 呼风唤雨 หมายถึง มีอำนาจมาก สามารถสั่งการสิ่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย


นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้