หรงหว่านซีไม่ปฏิเสธคำขอขึ้นรถม้าคันเดียวกันของเฉินอ๋องและย่อกายทำความเคารพเล็กน้อย“เชิญเตี้ยนเซี่ยเพคะ”
เฉินอ๋องะโขึ้นรถม้าและหันกลับมาส่งมือให้นางเพราะอยากจะช่วยดึงนางขึ้นรถม้าทว่าหรงหว่านซีกลับทำเป็มองไม่เห็นยืนใบหน้าราบเรียบและขึ้นรถม้าด้วยตนเองโดยไม่แม้แต่ชายตามอง
เมื่อถูกหรงหว่านซีหมางเมินเฉินอ๋องกลับไม่รู้สึกเดือดร้อน ยกยิ้มและออกคำสั่งกับสารถี“ไปร้านหลินเหลียงเก๋อ”
“ไปที่นั่นทำไมกันเพคะ?”แน่นอนว่าหรงหว่านซีไม่รู้ว่าเฉินอ๋องอยากให้นางไปด้วย
ร้านหลินเหลียงเก๋อคือร้านขายของหายากโดยเฉพาะของเมืองหลวงแตกต่างจากร้านขายของอื่นๆ และไม่มีข้อจำกัดที่ชัดเจน ไม่ว่าจะผ้าไหมผ้าแพรปิ่นปักผมทำจากหยกหายาก ของทำมือฝีมือประณีต สิ่งของสำหรับประดับประดาที่ไม่คุ้นตาทองคำสีม่วงของแคว้นเหลย (แคว้นแห่งสายฟ้า) หยกสีเืของแคว้นหั่ว (แคว้นแห่งไฟ)ปะการังเจ็ดสีของแคว้นยวี่ (แคว้นแห่งฝน)รวมถึงหินสีขาวบริสุทธิ์ของเขาชางแห่งแคว้นอวิ๋น (แคว้นแห่งเมฆา) ...ของหายากแต่ละอย่างจากที่กล่าวมาล้วนแต่มีอยู่ที่นั่นนี่คือหนึ่งในความรุ่งเรืองของแคว้นเฟิงก็คือการค้าที่พัฒนาแล้ว
เมื่อเห็นหรงหว่านซีเอ่ยถามทางสายตาเฟิงเป่ยเฉินกลับอุบเอาไว้ “ถึงแล้วเ้าก็รู้เอง”
หรงหว่านซีไม่เอ่ยถามต่อไปและเอาแต่นั่งเงียบรอให้รถม้ามุ่งหน้าไปถึงสถานที่ที่ควรจะไปคาดว่าเขาคงได้ยินว่ามีของหายากน่าสนใจและอยากจะไปซื้อกระมัง
แม้จะบอกว่าร้านหลินเหลียงเก๋อเป็ที่รู้จักของผู้คนทั่วไปทว่ามิได้ตั้งอยู่ในถนนสายหลักอันครึกครื้นแต่กลับตั้งอยู่บนถนนอีกสายหนึ่งรวมกับหอนางโลมและโรงสุราจำนวนหนึ่ง
เมื่อมาถึงร้านหลินเหลียงเก๋อเฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยลงรถม้าไปก่อนเขาเปิดม่านและยังคงเอื้อมมือออกมาเพื่อประคองหรงหว่านซี
ครั้งนี้หรงหว่านซีไม่แกล้งทำเป็ไม่เห็นและเอ่ย“ขอบพระทัยเตี้ยนเซี่ย ทว่ารถม้าคันนี้ไม่สูงนัก จึงไม่กล้าลำบากเตี้ยนเซี่ยเพคะ”
ขณะกล่าวเบี่ยงกายหลบมือของเฉินอ๋องและลงจากรถม้าด้วยตนเอง
เฉินอ๋องมองมือของตนยกยิ้มเหยเกเล็กน้อยพลางชักมือกลับ หรงหว่านซีผู้นี้เ้าจะจริงจังถึงเพียงนี้ไปทำไมกัน?
เมื่อเฉินอ๋องเสด็จมาเยือนเด็กดูแลร้านจึงรีบออกมาต้อนรับ ค้อมคำนับอย่างนอบน้อมมากพิธี “ข้าน้อยคำนับ...”
“ช่างเถิดอยู่ข้างนอกไม่จำเป็ต้องสนใจพิธีพวกนี้”
“ฮี่ๆ...ข้าน้อยขอบพระทัยเตี้ยนเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ” เด็กดูแลร้านขานรับและชวนเฉินอ๋องพูดคุย“เตี้ยนเซี่ย ของที่ท่าน้ามาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เพราะพวกเขาทำการค้าขายกับขุนนางระดับสูงและตระกูลมั่งคั่งเด็กดูแลร้านไม่แสดงท่าทีเจียมตัวเป็อย่างมากไม่เกรงกลัวพวกผู้มีฐานะเหล่านี้แม้แต่นิดแน่นอนว่าข้อแรกเป็เพราะผู้มีฐานะเหล่านี้ล้วนเป็แขกประจำหากไม่รู้จักฐานะทางสังคมย่อมต้องแสดงท่าทีนอบน้อมมากกว่านี้เพราะไม่แน่ว่าอาจมีวันใดที่ฝ่าาเสด็จออกมาที่นี่ด้วยพระองค์เอง
“ไอหยา...เตี้ยนเซี่ยเสด็จมาเสียที...” เ้าของร้านเดินลงบันไดมาต้อนรับ“ของที่เตี้ยนเซี่ยสั่งไว้มาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะเมื่อวานยามผู้จัดหาพึ่งจะส่งมาได้ถูกใต้เท้าจี้เห็นเข้าเสียแล้วเขากระหายอยากได้เสียยิ่งกว่าอะไรดีแต่เมื่อได้ยินว่าเป็ของเฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยจึงไม่กล้าคิดจะพ่ะย่ะค่ะ”
อาจเพราะยามสายเหล่าขุนนางขั้นสูงต่างอยู่ในกรมของตนภายในร้านไม่มีแขกอื่น หรงหว่านซีจึงรู้สึกสบายอกสบายใจไม่น้อยเฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยกับเ้าของร้านขึ้นไปชั้นบนหรงหว่านซีจึงเดินดูชั้นล่างระหว่างไม่มีอะไรทำ ผลคือไม่เสียทีที่ชื่อว่าร้าน“หลินเหลียงเก๋อ*” ถือว่าเหมาะสมกับชื่อนี้เลยทีเดียว
หรงหว่านซีกำลังตั้งใจมองพิจารณาเครื่องลายครามสามสีทันใดนั้นได้ยินเสียงเฉินอ๋องกล่าวว่า “หรงหว่านซี อีกครู่เ้าค่อยดู!หากเ้าถูกใจสิ่งใด เปิ่นหวางจะซื้อให้เ้าทั้งหมดแต่ตอนนี้เข้าขึ้นมาข้างบนเสียก่อน!”
หรงหว่านซียกยิ้มเมื่อได้ยินประโยคนี้ช่างฟังดูคล้ายรักใคร่นางไม่น้อยเสียจริง
“พระชายาเหนียงเหนียงช่างมีบุญวาสนายิ่งนักที่ได้รับความรักถึงเพียงนี้จากเฉินอ๋อง!เป็บุญวาสนาที่ต่อให้สตรีไม่น้อยนางสั่งสมหลายต่อหลายชาติภพก็ไม่มีทางได้พ่ะย่ะค่ะ!”เด็กดูแลร้านด้านข้างเอ่ยประจบ
“เรียกข้าว่าคุณหนูหรงก็พอแล้ว”หรงหว่านซีเอ่ยอย่างราบเรียบ
นางยกชายกระโปรงเดินขึ้นชั้นบนเฉินอ๋องยืนรออยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้ายเพื่อรอนาง
เขามองดูสตรีนางนี้สวมอาภรณ์สีชมพูขับผิวของนางให้ขาวขึ้นเล็กน้อยบริเวณชายกระโปรงปักลวดลายต้นลิลลี่ภายใต้ความอ่อนหวานเผยให้เห็นถึงความงามอย่างเรียบหรู นางมวยผมไปไว้ข้างหนึ่งแลดูสุภาพอย่างอธิบายไม่ถูกนอกจากนั้นยังมีความสง่างามอันเป็เอกลักษณ์เฉพาะตัว...
นี่คือสตรีงามไร้ที่ติจริงๆหากแต่งเข้าจวนเพื่อเป็เครื่องดับก็ถือว่าเป็เครื่องประดับที่งามเจริญหูเจริญตาชิ้นหนึ่ง
นางตามเฉินอ๋องเข้าไปในห้องรับรองห้องหนึ่งของชั้นสองห้องมีขนาดไม่กว้างมาก ภายในมีโต๊ะกลมตัวเล็ก้าจัดวางไว้ด้วยขนมหน้าตางดงามและน้ำชา กลิ่นหอมลอยโชยทำให้จิตใจผู้คนสงบ
“เชิญเตี้ยนเซี่ยกับเหนียงเหนียงรอสักครู่ข้าน้อยจะไปเอามาประเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” เ้าของร้านเอ่ย
“ท่านซื้ออะไรหรือเพคะ?”หรงหว่านซีเอ่ยถามเขาหนึ่งประโยค
“อีกครู่เ้าก็จะรู้แล้ว”เฉินอ๋องยังคงอุบเอาไว้
หรงหว่านซีจึงไม่เอ่ยถามอีก
ทางด้านเฉินอ๋องสรุปแล้วว่าสตรีนางนี้ช่างไม่โรแมนติคสักนิดหากเป็หญิงร่างอรชรนางอื่นๆ คงจะถามซักไซ้เขาไม่ยอมหยุดไปนานแล้ว
รวดเร็วยิงนักเ้าของร้านเอากล่องงามประณีตใบหนึ่งออกมาและเอ่ย“เมื่อคืนวานให้ช่างฝีมืออดหลับอดนอนทำทั้งคืนเพื่อรอให้เตี้ยนเซี่ยเสด็จมารับในวันนี้พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อเปิดกล่องออกดูคือกำไลข้อมือทำจากหยกสีแดงวงหนึ่ง
หรงหว่านซีพึ่งจะเคยเห็นหยกสีนี้เป็ครั้งแรกทว่าไม่นึกแปลกใจแม้แต่นิด เพราะนี่คงจะเป็หยกสีเืของแคว้นหั่ว
ร้านหลินเหลียงเก๋อกว้างขวางไม่น้อยจริงๆคาดว่าคำเล่าลือคงจะเป็จริง แคว้นเฟิง (แคว้นแห่งลม)และแคว้นหั่วไม่ไปมาหาสู่กันแต่อย่างใดทว่าวันนี้หยกสีเืแห่งแคว้นหั่วกลับมาอยู่ในมือของพวกเขานอกจากนั้นจากคำกล่าวเมื่อครู่ของเ้าของร้านสามารถฟังออกว่าเมื่อเห็นสิ่งของเช่นนี้ในร้านหลินเหลียงเก๋อทุกคนกลับไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมแต่อย่างใด
เฉินอ๋องพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ“เปิ่นหวางรู้ว่าท่านหยางเ้าของร้านคือผู้ที่เชื่อถือได้มากที่สุด”
เ้าของร้านแซ่หยางเอ่ยพลางยิ้ม“ล้วนแต่เพื่อให้เตี้ยนเซี่ยพอพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินอ๋องหยิบกำไลหยกออกมาและเอ่ยกับหรงหว่านซี“เอามือมาให้ข้า”
หรงหว่านซีมองกำลังหยกนี้นางไม่ส่งมือออกไป กลับเอ่ยถามว่า“เตี้ยนเซี่ยจะมอบกำไลนี้ให้กับเฉินหนวี่หรือเพคะ?”
“เ้ากับข้าจะเข้าพิธีมงคลกันอยู่แล้วเปิ่นหวางไม่เคยมอบอะไรให้เ้า คิดดูแล้วถือว่าไม่เหมาะสมเท่าใด”
หรงหว่านซีถอนสายบัวทำความเคารพ“ขอบพระทัยเตี้ยนเซี่ยเป็อย่างยิ่งที่ทรงนึกถึงเฉินหนวี่เพคะ”
“มือ”เฉินอ๋องเอ่ย
หรงหว่านซีกลับแบบมือทั้งสองข้างทำท่ารอรับสิ่งของ“เฉินหนวี่ขอบพระทัยเตี้ยนเซี่ยเพคะ”
เฉินอ๋องหัวเราะเขาวางกำไลลงในมือนางตามที่นางปรารถนา
“เ้าชอบแจกันสามสีที่อยู่ชั้นล่างใช่หรือไม่?พวกเราไปลองเลือกดูอีกสักหน่อยหากเ้าชอบอะไรก็ซื้อกลับไปจัดไว้ในห้องของเ้า” เฉินอ๋องเอ่ย
“เฉินหนวี่แค่ดูเท่านั้นเพคะ”หรงหว่านซีเดินตามเฉินอ๋องออกมาและเดินลงชั้นล่าง“มิกล้าให้เตี้ยนเซี่ยสิ้นเปลืองเพคะ”
“ไม่เป็อะไร”เฉินอ๋องเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “อย่างไรก็จะแต่งภรรยาใช้จ่ายเงินทองสักหน่อยถือเป็เื่สมควร”
เฉินอ๋องจะลงไปเลือกสิ่งของจำนวนหนึ่งที่ชั้นล่างทว่าหรงหว่านซีกลับไม่ยอมเลือกเฉินอ๋องไม่สนใจและเลือกของประดับตกแต่งจำนวนตามความพอใจของตน
หลังออกจากร้านหลินเหลียงเก๋อเฉินอ๋องขึ้นรถม้าตระกูลหรงอย่างเป็ธรรมชาติ โดยมีหรงหว่านซีตามขึ้นไป
ภายในรถม้านางกลับยื่นกำไลหยกที่ถือไว้ในมือมาตลอดให้เฉินอ๋อง“ของขวัญชิ้นนี้ของเตี้ยนเซี่ยเดิมทีไม่ใช่ของเฉินหนวี่เฉินหนวี่ไม่อยากแย่งของผู้อื่นเพคะ”
*หลินเหลียงเก๋อ หมายถึงหยกงามหรือสิ่งของล้ำค่า