“ข้าจะบอกเ้าว่า อย่างเ้าเรียกความภักดีที่โง่เขลา ไม่ได้ฉลาด แต่โง่”
“เฮ้อ เ้าไม่มีวันเข้าใจนายท่าน”
แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิมองเสิ่นเสวียนแล้วส่ายหัวอย่างจนใจ แต่เขาไม่ได้โทษเสิ่นเสวียน ก่อนที่จะได้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของนายท่าน ความคิดของพวกเขาไม่เป็ไปตามที่คิดก็ไม่แปลก
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าจะจัดการอุปสรรคแทนนายท่านเลยก็แล้วกัน”
แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิผู้นี้ร่างสูงราวหกฉื่อ สวมเกราะสีเงิน รวมเข้ากับพลังขั้นจักรพรรดิแล้วไม่ต้องกล่าวถึงเลยว่าอานุภาพรุนแรงมากเพียงใด
หอกเงินในมือแทงทะลวงผ่านอาณาเขตหกฉื่อตรงเข้าหาเสิ่นเสวียนในพริบตา
ส่วนเสิ่นเสวียนเคลื่อนตัวหลบไปด้านข้างด้วยความเร็วสูง ใช้ความเร็วของตนเองหลบหลีกพลังโจมตีของอีกฝ่าย กระบี่ัคำรามปรากฏขึ้นในมือของเขาั้แ่ตอนไหนก็ไม่รู้
กระบี่ขนาดใหญ่ในมือเสิ่นเสวียนราวกับเป็กระบี่เล็กๆ บางๆ เมื่อต้องโจมตีใส่แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิ
กระบี่ัคำรามเป็ศาสตราวิเศษขั้นปฐีที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง เขารู้ดีถึงความพิเศษของกระบี่เล่มนี้ จึงสามารถแสดงอานุภาพสูงสุดของกระบี่ออกมาได้
ส่วนหอกเงินเล่มนั้นก็ไม่เลว อยู่ในขั้นปฐีเหมือนกัน
ไม่กล่าวไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายเป็พวกย้ำคิดย้ำทำอย่างแน่นอน แม่ทัพเทพสามสิบคนนี้มีศาสตราวุธเหมือนกันหมด นอกจากขั้นจักรพรรดิสามคนที่ถือครองศาสตราวุธขั้นปฐีแล้ว หอกเงินของคนอื่นๆ ล้วนอยู่ในขั้นลึกลับระดับสูงสุด หากเปลี่ยนเป็ศาสตราวิเศษขั้นปฐีรูปแบบอื่นๆ พลังของแม่ทัพเทพเหล่านี้ต้องเพิ่มขึ้นอีกแน่ และไม่มีทางโดนหุบเขาสุขาวดีกำจัดไปได้ถึงสามคน
แน่นอนว่าอยู่ต่อหน้าผู้ที่ถูกเรียกว่า ‘นายท่าน’ พลังแข็งแกร่งไม่ใช่สิ่งจำเป็ ความเป็หนึ่งเดียวต่างหากที่เป็อันดับหนึ่ง
สมแล้วที่ขั้นจักรพรรดิผู้นั้นผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน เขามองดูเสิ่นเสวียนกวัดแกว่งกระบี่แล้วหลบหลีกไปได้อย่างง่ายดาย
ทั้งสองคนถือครองศาสตราวิเศษขั้นปฐี เข้าปะทะกันในพริบตา
ฝ่ายหนึ่งเป็ผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิอย่างแท้จริง อีกฝ่ายหนึ่งเพิ่งหลอมรวมหยวนก่อกำเนิดขึ้นมาได้ พลังของพวกเขาแตกต่างกันมากขนาดนี้ แต่เสิ่นเสวียนใช้หยวนก่อกำเนิดหกธาตุที่น่ากลัวเข้าสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างสูสี
ขั้นจักรพรรดิผู้นี้ยังไม่ใช่ขั้นจักรพรรดิทั่วไปอีกด้วย พลังของเขาเกือบถึงขั้นจักรพรรดิระดับกลางแล้ว
ขณะที่อีกฝ่ายกำลังสู้กับเสิ่นเสวียน ความจริงแล้วเขาระมัดระวังเป็อย่างมาก ท่าทีของเสิ่นเสวียนทำให้เขาต้องทำความเข้าใจใหม่ทั้งหมดั้แ่แรก เขาคิดมาตลอดว่าเสิ่นเสวียนยังไม่ได้แสดงพลังทั้งหมดออกมา จนกระทั่งเขาต้องต่อสู้อย่างยากลำบาก
"มั่นใจกี่ส่วนที่จะสังหารเขา"
เสิ่นเสวียนถือกระบี่ัคำรามส่งกระแสจิตสื่อสารกับเสิ่นเลี่ยนภายในมิติ ขณะที่กำลังต่อสู้กับอีกฝ่ายอยู่
ครึ่งปีที่ผ่านมา เสิ่นเลี่ยนไม่เคยหยุดฝึกฝนเลยแม้แต่น้อย
ขณะที่เสิ่นเสวียนหลอมรวมหยวนก่อกำเนิด พลังที่หลงเหลืออยู่โดนเสิ่นเลี่ยนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยดูดซับเข้าไปทั้งหมด เสิ่นเสี่ยวเม่ยมีเสวียนหลิงเอ่อร์ดูแลอยู่ ส่วนเสิ่นเลี่ยนต้องรับมือให้ได้ด้วยตนเอง
รวมเข้ากับวิถีสังหารที่เสิ่นเสวียนถ่ายทอดให้เขา เพียงพอที่จะสร้างภัยคุกคามต่อผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิได้
“หกส่วน”
เสิ่นเลี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อยู่ภายในมิติ แววตาของเขาเป็ประกายด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
ได้ติดตามเสิ่นเสวียนมายังไม่ถึงหนึ่งปี เขากล้าบอกออกมาแล้วว่ามั่นใจหกส่วนในการสังหารผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิคนหนึ่ง หากเป็เมื่อก่อน นี่เป็เื่ที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
“ไม่ได้”
เสิ่นเสวียนส่ายหัว สำหรับจอมยุทธ์สังหารแล้ว นอกจากอยู่ในสถานการณ์ที่พิเศษ จะต้องมีความมั่นใจถึงสิบส่วนจึงจะใช้ได้
จอมยุทธ์สังหารมีเพียงโอกาสเดียว และจะต้องสังหารให้ได้ในกระบวนท่าเดียว
“พี่เสวียน ข้ามั่นใจแปดส่วน”
เสิ่นเลี่ยนกล่าวขึ้นทันที ที่บอกหกส่วนเพราะเขาคิดคำนวณอย่างปลอดภัย หากต้องทำจริงๆ เขามั่นใจถึงแปดส่วน
“แปดส่วนก็ยังไม่พอ รออยู่ในนั้นไปก่อน”
เสิ่นเสวียนส่งกระแสจิตสื่อสารกับเสิ่นเลี่ยนต่อ
เสิ่นเลี่ยนคือไม้ตายของเขา ไม่ถึงคราวจำเป็จริงๆ ไม่มีทางเปิดเผยออกมาเด็ดขาด
“ข้าขอบอกไว้ก่อนเลยว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเื่ของเ้า”
เสวียนหลิงเอ่อร์ในตอนนี้กำลังลอยอยู่ภายในมิติ นางกล่าวกับเสิ่นเสวียนด้วยรอยยิ้ม
“ข้าจะกล้ารบกวนคุณหนูใหญ่อย่างท่านได้อย่างไร ข้าจัดการได้”
เสิ่นเสวียนกล่าวพลางยิ้มแห้งๆ เื้ัของแม่นางผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย ที่น่าเสียดายก็คือนางไม่ช่วย
สถานการณ์หลังจากนี้ตึงเครียดเป็อย่างมาก เขากำลังครุ่นคิดว่าจะเรียกเสี่ยวเหยียนออกมาดีไหม
ก่อนหน้านี้เสี่ยวเหยียนหมดพลังไปมากและตอนนี้ยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ หากเรียกเสี่ยวเหยียนออกมาอาจสามารถเอาชนะคนตรงหน้านี้ได้ แต่คนชุดดำผู้นั้นยังไม่ปรากฏตัวออกมาเลย
หากคนชุดดำปรากฏตัวออกมาจริงๆ เขาร่วมมือกับเสี่ยวเหยียนก็ยังสู้ไม่ไหว
ทว่าขณะที่เสิ่นเสวียนกำลังครุ่นคิด แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิผู้นั้นพลันเปลี่ยนจากป้องกันเป็จู่โจม
เนื่องจากหุบเขาสุขาวดีทำให้คนของเขาตายไปอีกสองคนแล้ว สำหรับพวกเขาการตายครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง หนึ่งในนั้นถูกสังหารโดยาามารตะวันตก แค้นนี้ต้องชำระ
“ศึกษาสิ่งนี้ให้ดี อีกเดี๋ยวต้องลงมือ”
หลังจากเสิ่นเสวียนรับรู้ถึงแรงกดดัน เขาจึงเก็บกริชนิลนาคาเข้าไปในมิติ ส่งต่อให้เสิ่นเลี่ยน
นี่คือสิ่งที่ได้มาจากร่างของเหลยป้าเทียน ก่อนหน้านี้ตอนสังหารเหลยป้าเทียนครั้งแรก เขาเก็บกริชนิลนาคามาก่อนแล้ว มอบให้เสิ่นเลี่ยนอาจทำให้มีโอกาสชนะเพิ่มขึ้นอีก
เสิ่นเลี่ยนรับคำในทันทีด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ
เขาศึกษากริชนิลนาคาในทันที ทำความเข้าใจในวิถีของกริช ในฐานะของนักฆ่า จำเป็ต้องทำให้วิถีกริชเป็ส่วนหนึ่งของร่างกายให้ได้
“อืม กริชเล่มนี้เหมาะสมกับเ้ามาก ข้าช่วยเ้าแล้วกัน”
เสวียนหลิงเอ่อร์ที่อยู่ในมิติเห็นกริชนิลนาคาในมือของเสิ่นเลี่ยนก็ยิ้มออกมาน้อยๆ จากนั้นจึงส่งพลังเข้าปกคลุมร่างของเสิ่นเลี่ยนเอาไว้
พลังนี้ช่วยให้เสิ่นเลี่ยนหลอมรวมกริชนิลนาคาได้รวดเร็วยิ่งขึ้นราวกับยอมรับในตัวเ้าของ หลังจากทำสำเร็จแล้ว เมื่อแสดงอานุภาพออกมาจะได้ดั่งใจยิ่งขึ้น
หลังจากแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิเริ่มจู่โจมก็พบว่า แม้เสิ่นเสวียนจะแข็งแกร่งแต่ก็มีพลังเพียงเท่านี้ ไม่ได้เป็ภัยคุกคามมากนัก ยิ่งสู้มากเท่าไรยิ่งได้ใจมากเท่านั้น บีบให้เสิ่นเสวียนรับมือได้ยากขึ้นกว่าเดิม
เคร้ง!!! เคร้ง!!!
เสียงกึกก้องดังขึ้นหลายครั้ง หอกเงินปะทะกับกระบี่ัคำรามอย่างต่อเนื่อง เสียงัคำรามดังสะท้านไปทั่วทั้งบริเวณ
“ศาสตราวุธยอดเยี่ยม น่าเสียดายที่เ้าไม่ได้เื่”
ขณะกำลังต่อสู้ แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิผู้นั้นกล่าวกลั้วหัวเราะเสียงดัง หารู้ไม่ว่าพลังของทั้งสองคนแตกต่างกันมากเพียงใด
ทว่าในขณะนั้นเอง เสอฮวาฮวาที่กำลังต่อสู้กับแม่ทัพเทพขั้นราชันระดับสูงสุดคนหนึ่งกำลังถอยหลังไปเรื่อยๆ เคลื่อนที่เข้าไปหาเสิ่นเสวียน
“สหายเสิ่น ข้าสู้กับเขาไม่ไหวแล้ว”
ตอนนี้เสอฮวาฮวาอยู่ในร่างมนุษย์ พลังของเขาแทบจะหมดสิ้นไปแล้ว
“เหตุใดเ้าไม่แสดงร่างจริงของเ้าออกมา”
เสิ่นเสวียนและเสอฮวาฮวาโดนบีบให้เข้ามาอยู่ที่เดียวกัน ต่างฝ่ายต่างระแวงกันเอง
“ทำไม่ได้ เมื่อครู่ข้าหมดพลังไปมาก หากตอนนี้ข้าแสดงร่างจริงออกมาคงตายแน่”
เสอฮวาฮวากล่าวอย่างลนลาน งูตัวเล็กที่ซ่อนตัวอยู่บนเส้นผมสีเขียวของเขาดูเซื่องซึมลงไปมาก
“แล้วเ้ามาหาข้า คิดว่าข้าช่วยเ้าได้หรือ” เสิ่นเสวียนทำสีหน้าเหนื่อยใจ คู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งกว่าของอีกฝ่ายมาก เสอฮวาฮวาเข้ามาหาเขาตอนนี้ไม่ใช่ว่าอยากตายหรอกหรือ
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดี”
ตอนนี้เสอฮวาฮวาไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจริงๆ หากสู้ไม่ได้ต่อไปแบบนี้คงต้องตายอย่างแน่นอน
“หลอกล่อเขาให้เข้าไปหาาามารตะวันตก เขาช่วยเ้าได้”
เสิ่นเสวียนชี้ไปทางาามารตะวันตก ตอนนี้ทางาามารตะวันตกกำลังต่อสู้กับอีกสองคน ซึ่งกำลังได้เปรียบอยู่มาก
“พล่ามอะไรนัก ตายเสียเถอะ”
แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิหรี่ตามองเสิ่นเสวียนและเสอฮวาฮวา พลันมีลำแสงเย็นเยียบสว่างวาบขึ้นบนหอกเงิน
“สหายเสิ่น หากไม่ไหวแล้วจริงๆ พวกเรายอมแพ้กันเถอะ สู้ไม่ไหวแล้วนะ!”
บนร่างของเสอฮวาฮวายังมีาแอีกสามแห่ง
“ในบันทึกของข้าไม่มีคำว่ายอมแพ้”
เสิ่นเสวียนตบบ่าพลางให้กำลังใจเสอฮวาฮวา
“เฮ้อ! ก็ได้ สู้ให้สุดชีวิตไปเลยแล้วกัน”
เสอฮวาฮวาถอนหายใจออกมา แต่ในขณะที่เตรียมจะลงมือพลันมีลำแสงเย็นเยียบสว่างวาบขึ้น
สวบ!
ลำแสงนั้นรวดเร็วมาก รวดเร็วจนมองไม่เห็นว่าใครโจมตีออกมา
หลังจากลำแสงเย็นเยียบสว่างวาบผ่านไป เสอฮวาฮวาที่คิดจะสู้ต่อกลับตาแข็งค้าง พยายามหันไปมองเสิ่นเสวียน
“เป็... เป็ไปได้อย่างไร!”
เขากัดฟันกล่าวออกมา เืสดๆ ไหลทะลักออกจากปากไม่หยุด ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเื
หลังจากนั้นตรงลำคอของเขาก็มีรอยเืปรากฏขึ้น