“ตามข้ามา”หั่วอี้พูดจบก็เดินไป ใบหน้าของเขาตึงเครียดเคร่งขรึม ไม่แสดงอาการใด
อาเหมิ่งต๋าหันหน้าเดินตามไปโดยไม่มีท่าทีหวาดกลัว สีหน้าของเขาไม่น่าดูอย่างยิ่งและอารมณ์ยิ่งไม่ดีเข้าไปอีกเขานึกว่าหั่วอี้จะมีคำอธิบายที่มีเหตุผลให้เขา นึกไม่ถึงว่าเื่ราวกลับยากเกินเข้าใจกว่าที่ตนคาดเอาไว้เสียอีก
เมื่อหั่วอี้เดินไปที่ห้องหนังสือ ภายในห้องก็มีองครักษ์ลับสองนายปรากฏตัวขึ้นพอทั้งคู่เห็นหั่วอี้แล้วก็หายตัวไปราวกับเป็มนุษย์ล่องหน
ไม่จำเป็ต้องให้หั่วอี้สั่งการพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาเป็อย่างดีจึงรู้ว่าเมื่อหั่วอี้เข้าไปในห้องลับพวกเขาก็จะต้องปรับการคุ้มกันขึ้นมาเป็ระดับที่หนึ่งไม่เพียงคอยขัดขวางไม่ให้ผู้ใดเข้าไปในห้องหนังสือ แม้แต่ความเคลื่อนไหวทุกอย่างโดยรอบก็ต้องควบคุมดูแลให้ทั่วถึงด้วย
หั่วอี้เอื้อมมือไปผลักภาพรูปหนึ่งบนผนังก่อนจะเดินเข้าไปในห้องลับที่นี่เป็เพียงที่เดียวในจวนแม่ทัพของหั่วอี้ที่หากไม่ได้รับอนุญาตจากเขาก็จะไม่มีใครรู้และไม่อาจเข้าไปได้
อาเหมิ่งต๋าเดินตามเข้าไปข้างในเขามองห้องลับที่เหมือนโลกอีกใบหนึ่งจนเกือบลืมสาเหตุที่ตนต้องเข้ามาในห้องลับครานี้
หลายปีมานี้ หลังจากแคว้นเล็กๆ รอบแคว้นชางอี้ล่มสลายพวกเขาก็มีคืนวันที่สงบสุขมานานหลายปีสถานการณ์เร่งด่วนที่ต้องมาใช้ห้องลับหารือกันเช่นตอนนี้ไม่ได้มีมาหลายปีแล้ว
หลังประตูห้องลับปิดลง สายตาคมกริบของหั่วอี้ก็พุ่งตรงไปที่ตัวอาเหมิ่งต๋าขึงตามองจนอีกฝ่ายนั่งไม่ติดที่
สีหน้าหั่วอี้เย็นเฉียบ เอ่ยอย่างไม่ช้าไม่เร็วว่า“สิ่งที่ทำในวันนี้ขาดการไตร่ตรองไปสักนิด แต่ข้าไม่ได้สำนึกเสียใจ”
ใช่แล้ว เขาไม่เสียใจ ตอนที่ตามหาหลายรอบแต่ก็ยังไม่พบตัวองค์หญิง เขาเป็ห่วงจนร้อนรนไปหมดนึกว่าองค์หญิงอาจตกไปอยู่ใต้เงื้อมมือของผู้อื่นอีกครั้งจึงเรียกองครักษ์ลับที่แฝงตัวหลายปีออกมาใช้งานโดยไม่แม้แต่จะคิดชั่วอึดใจนั้นเขารู้เพียงว่าหากเกิดเื่ใดกับองค์หญิง ทั้งที่ตนสามารถช่วยได้แต่กลับดูดายไม่สนใจเขาจะต้องอยู่อย่างไม่สงบไปชั่วชีวิต
จากนั้นเขาเองก็ทบทวนอย่างถี่ถ้วนว่าหากเริ่มใหม่ได้เขาจะยังคงยึดถือเหตุผลของตนและเลือกใช้วิธีนี้หรือไม่หลังเขาถามและตอบตนเองก็ได้คำตอบว่ายังจะทำเช่นที่ทำตามเดิม เขาจึงได้เข้าใจจิตใจตนเองว่าดูเหมือนเขาจะรักองค์หญิงเสียแล้วความรักเช่นนี้ไม่เหมือนกับความรักเพียงเนื้อหนังที่เขาเคยมีกับสตรีอื่นแต่เป็ความรักชนิดหนึ่งที่เขาไม่คุ้นเคยเอาเสียเลยเป็ความรักแบบที่้าได้มาจากหัวใจจนถึงร่างกาย
“ไม่เสียใจ!” อาเหมิ่งต๋าตกตะลึงอยู่กับที่เขาเป็ชายชาตรีผู้หนึ่ง ตอนนี้ใจอยากจะร้องไห้เสียแล้วแต่เขากลับพยายามกลืนน้ำลายลงคอสุดแรงเกิดเพื่อสะกดกลั้นความเดือดดาลเป็ไฟโหมสามจั้งจนอยากชกคนเสียตั้งนานลงไป
“อีกไม่ถึงครึ่งเดือนก็จะถึงงานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว เ้าไปหารือกับนายกองเฉินสักหน่อยว่าภายในหนึ่งสัปดาห์นี้ให้ส่งคนที่ไว้ใจได้เข้ามากบดานเพื่อรักษาความปลอดภัยรอบด้านภายในจวนทุกซอกมุมภายในจวนจะต้องมีคนของเราเข้าไปแทรกแซงอยู่ ต้องควานหาพวกที่แฝงตัวเข้ามาในจวนออกมาให้ข้าให้หมด”
หั่วอี้ออกคำสั่งกับอาเหมิ่งต๋าด้วยสีหน้านิ่งเฉยปีนั้นไปจับเหยี่ยว นึกไม่ถึงว่าเกือบจะต้องถูกเหยี่ยวจิกเอาเสียแล้วหากไม่กระชากตัวพวกมือสังหารที่แฝงตัวอยู่ในที่ลับออกมาก็ยากจะทำให้โทสะในใจเขาสงบลงได้
“ขอรับ พี่ใหญ่โปรดสั่งความ” คล้ายว่าอาเหมิ่งต๋าจะลืมเื่ที่ตนมาในตอนแรกไปเสียแล้วหลังจากองค์หญิงถูกจับตัวไปคราก่อน พวกเขาก็ออกตามหาแบบปูพรมแต่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกลับเป็เพียงไปตรวจสอบบ้านเรือนต้องสงสัยไม่กี่แห่งเท่านั้นจากนั้นก็ไม่มีความคืบหน้าใดอีก ซึ่งนี่ก็เป็เื่หนึ่งที่ทำให้เขาเป็ทุกข์เรื่อยมา
ต้องรู้เสียก่อนว่าอาเหมิ่งต๋าเป็ผู้รับผิดชอบกองกำลังป้องกันเมืองของเมืองต้าอี้มาโดยตลอดสตรีของพี่ใหญ่ที่เขาบูชาเป็ที่สุดกลับมาถูกคนจับตัวไปใต้เปลือกตาพวกเขาท่ามกลางสายตาธารกำนัลแล้วจะไม่ให้เขาเสียหน้าได้อย่างไร
ด้วยเื่นี้ทำให้อาเหมิ่งต๋ารู้สึกเรื่อยมาว่าเขาสู้หน้าหั่วอี้ไม่ติดเมื่อได้ยินหั่วอี้สั่งการในยามนี้ เขาย่อมเรียกกำลังวังชาขึ้นมายี่สิบส่วนจากสิบส่วนเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของหั่วอี้
“ข้าวางแผนในเบื้องต้นไว้เช่นนี้…พอเ้ากลับไปก็ค่อยไปตกลงเื่คนที่จะส่งมากับนายกองเฉินอีกเป็ครั้งสุดท้ายจำไว้ว่าจะต้องเป็คนของพวกเราที่ผ่านการกลั่นกรองมาแล้วว่าเชื่อถือได้อย่าได้กลายเป็ว่าพยัคฆ์ไม่ได้ส่งออก กลับรับสุนัขป่าเข้าเรือน”
หั่วอี้เล่าแผนการของเขาให้อาเหมิ่งต๋าฟังอย่างละเอียด เขาเชื่อว่าพี่น้องของเขาจะไม่ทำให้ผิดหวังแม้ตนจะทำเื่ที่ไม่สามารถทำให้พวกเขาทั้งหมดพึงพอใจได้แต่พี่น้องเหล่านี้ก็จะยังคงสนับสนุนเขาเช่นที่ผ่านมา
อาเหมิ่งต๋าไม่ได้ไล่เรียงเอาความต่อและไม่ได้คาดคั้นเอาคำอธิบายจากหั่วอี้สำหรับเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ว่าวันนี้หั่วอี้จะตัดสินถูกต้องหรือไม่ภารกิจของสายลับหลายคนเ่าั้ก็ยุติลงแล้ว ไม่อาจแฝงตัวต่อได้ แม้จะคาดคั้นไปก็ไร้ประโยชน์
ความสนใจทั้งหมดของเขาล้วนจดจ่ออยู่เื่เดียว ว่าจะส่งคนเข้ามาในจวนแม่ทัพโดยไม่ทำให้ผู้อื่นสงสัยได้อย่างไรนี่ต่างหากจึงคือบทบาทสำคัญของพวกเขาในยามนี้
อาเหมิ่งต๋าเฝ้ารอผลลัพธ์และวิธีการที่จะกระชากตัวโจรพวกนี้ออกมาอย่างใจจดใจจ่อรู้สึกคันไม้คันมืออยากหาคนมาช่วยให้ตนฝึกวิชาดาบ ส่วนแส้นั้นใช้กับคนเป็ถึงจะสะใจดวงตาของเขาทอประกายความเปรมปรีดิ์และความกระหายเื
หลังจากหั่วอี้กับอาเหมิ่งต๋าจากไป หลิ่วจิ้งก็กลับมาที่เตียงและคิดเื่ในใจรอหั่วอี้นางมีคำพูดอัดแน่นอยู่เต็มอกที่อยากเอ่ยให้หั่วอี้ฟัง อยากบอกเขาว่าขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ทุ่มเทให้นาง
เมื่อหั่วอี้กับอาเหมิ่งต๋าหารือการใหญ่กันก็หลงลืมเวลาพวกเขาตัดประเด็นที่เป็ไปได้และเป็ไปไม่ได้ออกทีละเื่ หลิ่วจิ้งรอไปๆก็ง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น จนภายหลังไม่รู้ว่าหลับไปยามใด
กระทั่งถึงยามไก่ขันหั่วอี้กับอาเหมิ่งต๋าก็ยังคงหารือกันอยู่ในห้องลับพวกเขาหลงลืมเวลาไปจนหมดสิ้น ถึงขั้นไม่รับรู้สิ่งอื่นรอบกายเสียด้วยซ้ำ
องครักษ์ลับสองนายยังคงเฝ้าอยู่หน้าห้องหนังสืออย่างเต็มกำลัง คอยระวังสังเกตอยู่ตลอดเวลา
คืนนี้หลิ่วจิ้งนอนหลับไม่ค่อยสนิท ทีแรกเป็เพราะเื่ราวในอดีตครั้งเกิดการพลิกผันอย่างใหญ่หลวงในครอบครัวคอยมาปรากฏอยู่ในดวงตาคล้าย้าย้ำเตือนนางว่าอย่าได้เพลี่ยงพล้ำให้กับเสน่หาจนหลงลืมความแค้นของครอบครัวจากนั้นก็เป็ความรัญจวนใจยามนางเคล้าคลออย่างละมุนละไมกับหั่วอี้
ภายหลังก็กลับมีดวงตาเปี่ยมโทสะที่หยวนเซิ่งชิงจ้องมองนางเขาบอกกับนางว่า เ้าเป็ของข้า ไม่ว่าเ้าจะเดินไปสุดหล้าฟ้าเขียวเ้าก็ยังเป็ของข้าเพียงผู้เดียว
สองความรู้สึกที่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงดั่งน้ำไฟไม่ผสานหั่วอี้และหยวนเซิ่งชิงต่างดึงมือนางคนละข้าง ล้วน้าดึงนางไปหาพวกเขาทำให้นางประเดี๋ยวก็มีความทุกข์ประดังเข้ามาในใจ อีกประเดี๋ยวก็กลับมีความสุขจนอยากจะดื่มด่ำอยู่ภายในนั้นไม่ต้องตื่นขึ้นมา
คนหนึ่งเป็น้ำแข็งคนหนึ่งเป็ไฟเข้ามาปรากฏอยู่ในฝันของนางสลับกันไปมาไม่มีใครยอมใคร ความฝันทั้งสองอย่างล้วน้าขับไล่ฝันอีกอย่างหนึ่งออกไปต่างฝ่ายต่าง้าเข้ามาครอบงำความคิดอ่านของหลิ่วจิ้ง
และนางก็ต้องใตื่นด้วยความฝันที่มีทั้งทุกข์และสุขปนเปกันเช่นนี้นางลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงเนิ่นนาน ยังคงงงงันจับต้นชนปลายไม่ถูก
หลิ่วจิ้งตื่นจากฝัน เมื่อหันดูเวลาก็พบว่ายังอีกระยะเวลาหนึ่งกว่าฟ้าจะสางนางอยากนอนต่ออีกสักพัก แต่พอเอนตัวนอนต่อก็กลับกลายเป็ว่าทำอย่างไรก็ไม่หลับเสียที
เมื่อข่มตาลง ภาพฝันทั้งสองที่สลับปนเปกันก็ปรากฏขึ้นอีก ทำให้นางร้องไห้ก็ไม่ได้หัวเราะก็ไม่ออกสุดท้ายหลิ่วจิ้งจึงได้แต่คลุมเสื้อคลุมและนั่งอยู่ข้างเตียงมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างจนฟ้าสาง
_____________________________
