พอพูดถึงสตรีคนงาม หลิวฉุยฮวาจึงเห็นว่าคนที่มาหาคือเฉินเนี้ยนหราน
นางรีบโยนผ้าไปด้านข้าง มือเช็ดที่ผ้ากันเปื้อน “ไอ๊หยา น้องสาวมาแล้วหรือแขกหายากเชียวนะ มา มา เข้ามานั่งในเรือนเถิด”
เสียงร้องเรียกดังไปสักหน่อย แต่เฉินเนี้ยนหรานไม่ใส่ใจเท่าใดนัก
“อืม ข้าเพิ่งจะสระผมให้ลูกชาย ลูกคนโตถึงวัยที่ต้องเรียนหนังสือแล้วสินะตอนนี้สะดวกขึ้นมาก ถึงคราวไปเรียนหนังสือ หมู่บ้านของพวกเราก็มีอาจารย์มาสอนแล้วเอ๋ เสี่ยวฮวาเล่า เหตุใดถึงไม่เห็นคนเสียแล้ว?”
เสี่ยวฮวาคือลูกสาวฝาแฝดของผู้ใหญ่บ้าน อายุครบหกขวบแล้วตอนนี้เสี่ยวฮวากำลังเล่นกับลุงของนาง ครั้นได้ยินชื่อตนเอง เด็กน้อยจึงจูงมือลุงของตัวเองวิ่งออกมาด้านนอก“ท่านน้าคนงาม ฮวาหนิวกำลังเล่นกับท่านลุงอยู่เ้าค่ะ”
คำพูดของเด็กน้อยเพิ่งจะจบ พลันเห็นบุรุษหนุ่มคนหนึ่งถูกเสี่ยวฮวาจูงออกมา
“ฮ่าๆ สาวน้อย” เฉินเนี้ยนหรานรีบทักทาย
หลิวฉุยฮวาเห็นเช่นนั้นจึงรีบให้พี่ชายตนเองออกไป “เสี่ยวฮวาเ้ากับลุงออกไปเด็ดดอกไม้ข้างนอกเถิดนะ พวกข้าคุยกันสักครู่” ส่งสายตาไปให้พี่ชายตนเองหลิวจื่อกังคนนั้นหัวเราะเหอะและพาฮวาหนิวออกไปด้านนอก
“นี่คือพี่ชายท่านหรือ” เฉินเนี้ยนหรานถามออกมาอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะส่งของขวัญไปให้นาง “นี่เป็ขนมที่ข้าทำเอง ให้ฮวาหนิวและลูกชายคนโตทาน”
ลูกชายที่เช็ดผมจนแห้งได้ยินเข้าก็รีบพุ่งเข้ามา หยิบขึ้นมาทานทันที “ฮี่ๆอร่อย”
“เ้าเด็กจอมซน หน้าไม่อายนะเ้า เหตุใดจึงทำตัวไร้มารยาทเช่นนี้” หลิวฉุยฮวาเอ็ดลูกชายแต่แววตาเต็มไปด้วยความรัก
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะ เพียงถั่วเล็กน้อยเท่านั้น นี่คือถั่วลิสงที่ข้าปลูกเองคนในครอบครัวชอบทาน จึงนำมาผัดให้ทุกคนทานแก้หิว”
ทั้งสองคนพูดคุยกันครู่หนึ่ง เฉินเนี้ยนหรานจึงเปลี่ยนหัวข้อเป็เื่การเรียนในหมู่บ้าน
“ครั้งนี้หมู่บ้านของพวกเรามีห้องเรียนแล้ว ต่อไป เมื่อออกไปที่อื่นจะได้รับความสำคัญมากขึ้น”เฉินเนี้ยนหรานพูดวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้
หลิวฉุยฮวาดีใจมาก “อืม แน่นอนสิ ข้าพูดกับคนในครอบครัวของข้าเช่นกัน เฮ้อนี่เป็โชคดีของลูกหลานรุ่นต่อไปแล้ว อย่างไรก็ต้องสร้างห้องเรียนขึ้นมาให้ได้”
เฉินเนี้ยนหรานเปลี่ยนหัวข้ออีก “แน่นอน พูดไปแล้ว พี่สะใภ้ช่างรอบรู้นักหากสามารถเรียนเพิ่มอีกสักหน่อยเกรงว่าจะสามารถช่วยผู้ใหญ่บ้านและพี่ชายจัดการเื่ในหมู่บ้านได้ คงสะดวกขึ้นบ้างอีกทั้ง หากพูดเื่ใกล้ตัวเข้ามาสักหน่อยถ้าพี่สะใภ้สามารถเรียนรู้ตัวหนังสือมากขึ้นอีก เช่นนั้นพวกเด็กๆก็สามารถให้ท่านสอนให้เข้าใจพื้นฐานก่อนบ้าง เฮ้อ ท่านว่า เหตุใดบนโลกใบนี้ถึงไม่ให้พวกเราที่เป็สตรีเรียนหนังสือนะดูจากหนังสือโบราณกล่าวไว้ อะไรดอกไม้หน้าพระจันทร์สักอย่าง พวกกลอนรักหวานซึ้งพวกนี้พูดไปแล้วหากสตรีไม่เข้าใจความหมายตัวหนังสือ แล้วจะได้รับดอกไม้หน้าพระจันทร์จากบุรุษคนนั้นได้อย่างไรกัน?”
คำพูดของนางประโยคนี้ได้จี้จุดเ็ปในใจของหลิวฉุยฮวา ก่อนหน้านี้ สมัยเป็ลูกสาวอยู่ในเรือนนางถือเป็หญิงงามอันดับต้นๆ ของหมู่บ้าน
บัณฑิตซิ่วไฉหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งในหมู่บ้านเคย้าให้นางไปเป็ภรรยาต่อมากลับถูกสตรีที่รู้ตัวหนังสือคนหนึ่งตัดหน้า และนางที่เสียสติสุดท้ายหลุดปากรับปากแต่งงานกับผู้ใหญ่บ้าน
“ใช่สิ ความจริงสตรีต้องเรียนรู้ตัวหนังสือบ้าง จึงจะสามารถเรียนรู้เื่ทั้งหมดบนโลกใบนี้และสามารถเข้าใจสิ่งที่บุรุษของตน้า หากทำเพียงยืนชื่นชมดอกไม้ตรงหน้าพระจันทร์อย่างเดียวเช่นนั้นเมื่อความงามหมดลงแล้ว สุดท้ายจะเอาสิ่งใดมัดใจบุรุษเล่า?”
เมื่อเห็นหลิวฉุยฮวาว่าเช่นนั้น เฉินเนี้ยนหรานก็พยักหน้า “แน่นอน เฮ้อพี่สะใภ้ถือว่าพลาดไปแล้ว แต่ข้าเห็นฮวาหนิวยังสามารถเริ่มต้นได้หากให้นางได้เรียนตัวหนังสือ ต่อไปได้แต่งงานกับคนใหญ่คนโต จะสามารถช่วยงานบัญชีได้ช่วยสามีสอนลูกได้นะเ้าคะ”
หลิวฉุยฮวาเห็นด้วยมาก “แน่นอน เฮ้อ แต่โรงเรียนรับเพียงเด็กชายไม่รับเด็กหญิงน่ะสิ ข้าไม่รู้ตัวหนังสือ ให้เรียนตอนนี้…แม้ข้าอยากสอนฮวาหนิว นับเป็เื่ที่ยากนัก”
จากคำพูดของหลิวซื่อแล้ว หมายความว่านางยินยอมให้ลูกสาวเรียนหนังสือดังนั้นจึงเล่าเื่ที่หลินจวินเซิงบอกจะรับเด็กหญิงอายุต่ำกว่าสิบขวบเข้าเรียน
“อะแฮ่ม เป็เช่นนี้เ้าค่ะ วันนี้อาจารย์หลินมาคืนเสื้อผ้าเขาได้พูดว่าบิดาของเขาเคยเป็อาจารย์ที่เห็นใจและมีเหตุผล อดีตเคยสอนหนังสือศิษย์ที่เป็เด็กหญิงจากที่เขาพูด คล้ายจะเป็เด็กอายุหกขวบขึ้นไปแต่ไม่เกินสิบขวบพวกเด็กน้อยล้วนได้เริ่มเรียนหนังสือ หากอายุโตกว่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นพูดนินทาคงไม่ได้รับเด็กหญิงเป็ศิษย์แล้ว”
หลิวฉุยฮวาดีใจขึ้นมา “พูดจริงหรือ?”
เห็นท่าทางตื่นเต้นของนาง เฉินเนี้ยนหรานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เ้าค่ะเป็ความจริง ไม่โกหกแน่นอนเ้าค่ะ ข้าเห็นว่าบัณฑิตหลิน แม้จะดูอ่อนแอสักหน่อยแต่พูดหรือทำสิ่งใด ดูเป็คนที่มีมารยาท ไม่เหมือนคนไม่ดีที่จะทำเพื่อชื่อเสียงของตนเองเท่านั้นหากพี่สะใภ้รู้สึกว่าดี จะส่งฮวาหนิวเข้าเรียน ข้าจะพาน้องหกของข้าไปด้วยท่านคงไม่ทราบ ั้แ่ได้ยินว่าอาจารย์หลินจะรับเด็กหญิงเป็ศิษย์น้องหกของข้าดีใจยิ่งนัก”
ฟังถึงตรงนี้ หลิวฉุยฮวาเข้าใจแล้ว ดูเหมือนสตรีที่เก่งกาจคนนี้มาหาตนก็เพื่อพูดเชื้อเชิญฮวาหนิวของนางไปเข้าเรียนด้วยกันแต่เหตุผลก็เป็เช่นนั้นจริงๆ
แม้เหล่าสามีจะบอกว่าเด็กหญิงไม่รู้หนังสือนั้นเป็เื่ปกติแต่ดูจากลูกสาวของสกุลใหญ่ๆ คนใดไม่รู้ตัวหนังสือล้วนสมควรจะต้องไปเรียนสักครั้ง
คนมีเงินต่างต้องเรียนรู้หนังสือ นางในตอนนี้มีเงื่อนไขในเื่นี้แล้ว เหตุใดจึงไม่ให้ลูกสาวเข้าเรียนล่ะ!เมื่อคิดเช่นนี้หลิวฉุยฮวาโยนความไม่พอใจในใจออกไป แล้วจับมือของเฉินเนี้ยนหราน“อืม ได้ เื่นี้ ข้าจะไปคุยกับครอบครัวของข้า ไม่ว่าอย่างไร เื่นี้ให้เป็ครอบครัวของพวกข้าจัดการให้”
เฉินเนี้ยนหรานหัวเราะ ในใจกลับพิจารณา ทั้งๆ ที่ครอบครัวของท่าน หากเป็ท่านที่พูดแล้วล้วนแต่ตามคำพูดนั้นบุรุษของท่านเวลาทำสิ่งใดยังต้องดูสีหน้าของท่านก่อนไม่ใช่หรือ แต่คำพูดนี้นางไม่มีทางพูดออกมา
“ได้เ้าค่ะ วันหน้าตอนไปรายงานตัว ข้าจะพาน้องหกไปหาท่านพวกเราจะไปโรงเรียนด้วยกัน”
เฉินเนี้ยนหรานยืนขึ้นเตรียมจะกลับไป แต่หลิวฉุยฮวาไม่อยากปล่อยนางไปเช่นนี้
นางจูงมือเฉินเนี้ยนหรานมาก่อนจะจับให้นั่งลงที่เก้าอี้ “น้องสาวข้ายังมีเื่จะบ่นกับเ้าอีก ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนเกิดเื่ชาวบ้านประท้วงบีบให้เ้าบอกเคล็ดลับอะไรนั่น ข้ารู้สึกว่าตรงจุดนี้พวกเราทำไม่ถูกเื่ขัดแย้งนี้ ข้าต่อว่าคนในครอบครัวของข้าไปหลายรอบแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเื่นี้ทำให้น้องสาวเสียเปรียบ จะอย่างไรสิ่งนั้นล้วนเป็ของที่น้องสาวเข้าใจจึงสามารถใช้งานมันได้แต่ก่อนของพวกนี้ล้วนเป็เพียงของไร้ประโยชน์”
เมื่อพูดถึงเื่หัวบุก เฉินเนี้ยนหรานทำได้แค่หัวเราะฮ่าๆ “พี่สะใภ้ไม่เป็ไรเ้าค่ะ เื่ผ่านไปแล้ว พวกเราเป็คนในหมู่บ้านเดียวกัน ไม่ต้องคิดมากเช่นนั้นอีกอย่าง ความคิดของคนในหมู่บ้าน ข้าสามารถเข้าใจได้ ตอนนี้ข้าไม่ได้ทำของพวกนี้แล้วข้าเตรียมตัวริเริ่มทำที่ดินทรายผืนนั้น สองปีนี้ข้าจะนำความคิดไปลงทีู่เาร้างและที่ดินร้างนั้น”
นางพูดจบจะเดินไปอีกครั้ง หลิวฉุยฮวาเองก็รั้งไว้ไม่ได้จึงทำได้แค่จำใจส่งนางกลับไป
ขณะออกมา เจอกับพี่ชายของหลิวฉุยฮวาที่กลับมาจากเก็บดอกไม้พอดี
“น้องสาวจะกลับบ้านแล้วหรือ ทานข้าวที่นี่ก่อนค่อยกลับเถิด?” หลิวจื่อกังเขินอายแต่กลับรั้งนางเอาไว้อย่างกระตือรือร้นหลิวฉุยฮวาที่ได้ยินก็หัวเราะโฮะๆ ออกมา “ดูสิ ข้าว่าเ้าอยู่ทานข้าวกับพวกเราที่นี่แล้วค่อยไปเถิดหากเ้ายังไม่ยอมเช่นนี้ พี่ชายข้าจะต้องโกรธที่ข้าทำงานไม่ได้เื่แน่”
เฉินเนี้ยนหรานโบกมือ “ขอบคุณพี่ชายหลิวนะเ้าคะ ที่เรือนยังมีเด็กๆรอข้าอยู่ ข้ารับไว้เพียงน้ำใจของพี่สะใภ้ก็พอแล้วเ้าค่ะ”
ตอนนี้นางได้เดินไปไกลแล้ว สายตาของหลิวจื่อกังมองตามไปอย่างไม่อาจละสายตาได้
“เป็อย่างไร ท่านพี่ คนคนนี้เหมาะสมกับมาตรฐานของท่านหรือไม่? ั้แ่วันที่นางย้ายมาวันแรก ข้ามองออกว่าคนนี้เก่ง หากท่านได้แต่งกับนางจริงๆทั้งชีวิตถือว่าโชคดีแล้ว”
หลิวจื่อกังได้ยินกลับยิ้มอย่างเ็ป “เฮ้อ น้องสาว เื่นี้…ข้ารู้สึกว่านางดีมาก แต่นาง…ไม่แน่ว่าจะชอบข้า จากที่เ้าว่ามาแม้น้องสาวคนนี้จะเป็สตรีที่ถูกทิ้ง ชื่อเสียงไม่ดี พาน้องสาวมาด้วยแต่นางทำงานเก่ง ในเวลาสั้นๆ กลับทำงานจนมีเงินตำลึงมาซื้อที่นาราคาเป็พันได้ใจของนางน่ะ ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะควบคุมได้ นางยังเยาว์ งดงาม ทำงานเก่งข้อดีอะไรนางล้วนมีครบ ข้า…ไม่เหมาะกับนาง!”
หลิวซื่อมองรอยยิ้มขมขื่นของพี่ชายตน ทั้งๆ ที่เป็บุรุษที่อยู่ในวัยที่เหมาะสมหน้าตาไม่เลว นิสัยก็ดี เหตุใดชีวิตถึงได้ลำเค็ญเช่นนี้
“เฮ้อ หากไม่ใช่ก่อนหน้านี้โชคร้ายไปเสียหน่อย คงไม่มีทางทำลายชื่อเสียงของท่านพี่ได้หรอกไม่ว่าอย่างไร พวกเราต้องลองดูถึงจะได้ ตอนนี้พักอยู่กับข้าก่อนสักพักข้าดูจากที่เฉินเนี้ยนหรานซื้อที่ดินไปมากเช่นนี้ จะทำงานครั้งหนึ่งคงต้องจ้างคนมาทำงานระยาวกับระยะสั้นแน่นอนเอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ท่านพี่ไปทำงานนี้สักพัก หากตรงนี้สำเร็จ ถือเป็เื่ที่ดีหากไม่สำเร็จจริงถือว่าพวกเราพยายามแล้ว ท่านพี่ ท่านต้องวางแผนเพื่อตนเองใช่หรือไม่? ไม่ว่าอย่างไร เพื่อครอบครัวของเราในตอนนั้น ท่านต้องลำบากมากพอแล้วตอนนี้มีสตรีดีๆ ที่ถูกสามีทอดทิ้งเช่นนี้มาอยู่ตรงหน้าท่านพี่อย่าเพิ่งหมดหวังสิ”
เมื่อถูกน้องสาวของตนผลักดันเพียงนี้ หลิวจื่อกังรู้สึกว่าความกดดันนี้สูงมากพอคิดถึงใบหน้างดงามของเฉินเนี้ยนหราน ทั้งยังคำพูดอ่อนโยนใบหน้าคมคร้ามของเขาก็มีรอยยิ้มปรากฏออกมา “อืม ได้ อยู่ต่อก็ดีถือว่ามาอยู่กับหลานชายหลานสาว”
เมื่อพูดโน้มน้าวพี่ชายที่ชอบดูถูกตนเองได้แล้ว หลิวซื่อก็ถอนหายใจนางคิดมาตลอดว่า พี่ชายของตนเป็บุรุษที่ไม่เลว หน้าตาดี นิสัยดีแค่โชคร้ายไปสักหน่อย
