ตอนนี้พ้น่เวลาอาหารเที่ยงมาแล้ว คนในห้องเครื่องจึงพอมีเวลาว่าง ครั้นหนิงมู่ฉือเดินเข้าไปในห้องเครื่อง ทุกคนที่อยู่ข้างในต่างใคาดไม่ถึงไปตามๆ กัน
“แม่นางหนิง ท่านมาได้อย่างไร ไม่ได้เจอท่านตั้งนาน นึกว่าท่านลืมพวกเราไปแล้ว” พ่อครัวหลักยิ้มต้อนรับขณะเดินเข้ามาหา
นางอ่านความหมายในสีหน้าอ้วนท้วนของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนว่า ในที่สุดวันนี้ก็มีลาภปาก! หรือไม่แน่ว่าอาจจะได้เรียนรู้วิธีการทำอาหารสักอย่าง!
ที่นางมาที่ห้องเครื่องในวันนี้ไม่ใช่เพราะนางสนิทสนมกับขันทีพ่อครัวทั้งหลาย แต่เป็เพราะครั้งหนึ่งฝ่าาเคยทรงมีรับสั่งว่าให้นางเข้ามาสอนขันทีพ่อครัวของห้องเครื่อง เพื่อที่ขันทีพ่อครัวเหล่านี้จะได้ทำอาหารได้ดียิ่งขึ้น แม้ฮ่องเต้จะไม่ได้มีรับสั่งว่าต้องสอนนานเท่าใด แต่นางก็ได้รับคำสั่งให้เข้ามาสอนอยู่หลายครั้งหลายครา
“ใช่ที่ไหน ข้าก็มาเยี่ยมพวกท่านแล้วนะ เพียงแต่ครั้งนี้คงจะเป็ครั้งสุดท้ายที่ข้าจะมาที่นี่ ข้าไม่ได้เป็แม่ครัวในตำหนักอ๋องแล้ว เช่นนั้นข้าคงไม่สามารถเข้าวังมาได้อีกแล้ว วันนี้เป็เพราะข้าคิดถึงพวกท่านทุกคนจึงให้เสี่ยวมู่จือพาข้าเข้าวังมามาเยี่ยมทุกคน”
ความจริงแล้วเื่ราวไม่ได้เป็เช่นที่นางพูด นางบังเอิญเจอเสี่ยวมู่จือนั่นคือเื่จริง แต่เื่เข้าวังเป็เื่ที่นางเพิ่งคิดได้หลังจากที่ได้เจอเสี่ยวมู่จือ เพียงได้กลับมาเจอเสี่ยวมู่จือแค่ไม่นาน นางก็ได้เรียนรู้เื่การพูดจาประจบเอาใจ ไม่มีผู้ใดดูออกแน่ว่านางไม่ได้พูดเื่จริง
พ่อครัวหลักได้ฟังเช่นนั้นสีหน้าฉายแววเสียดาย คาดว่าต่อไปพวกเขาคงไม่ได้เรียนรู้วิธีการทำอาหารจากหนิงมู่ฉืออีกแล้ว
“เช่นนั้นหลังจากนี้พวกข้าคงยากที่จะได้เจอแม่นาง แล้วไม่ทราบว่าท่านมีแผนใดในใจหรือไม่” พ่อครัวหลักเอ่ยถามคล้ายหยั่งเชิง
“ข้าก็ยังไม่รู้เลย ข้าติดหนี้น้ำใจคุณชายไซ ต้องไปเป็แม่ครัวที่จวนเสนาบดีสามวัน ส่วนหลังจากนั้นข้ายังไม่ได้คิด”
ได้ฟังดังนั้นพ่อครัวหลักทำหน้าเหมือนคิดบางเื่ขึ้นมาได้ “แม่นางหนิง เหตุใดท่านถึงไม่มาเป็แม่ครัวในห้องเครื่องของวังหลวงแห่งนี้เล่า ท่านคือเทพแม่ครัวที่ฝ่าาพระราชทานฉายาให้ด้วยพระองค์เอง เื่ฝีมือในการทำอาหารไม่ต้องพูดถึง หากมาเป็แม่ครัวที่ห้องเครื่องแห่งนี้ ตำแหน่งแม่ครัวหลักต้องเป็ของท่านแน่นอน อนาคตต้องรุ่งโรจน์เป็แน่!”
นางรู้สึกเลื่อมใสในตัวพ่อครัวหลักคนนี้ยิ่งนัก ก่อนหน้านี้นางได้ยินจากจ้าวซีเหอว่า ในวังมีแต่คนที่พร้อมจะเหยียบหัวคนอื่นเพื่อให้ก้าวหน้า ทำทุกอย่างได้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
นางเชื่อประโยคนี้จนหมดใจ เพราะแผนร้ายของพระสนมทั้งสี่ได้พิสูจน์ให้นางเห็นถึงเื่นี้ เช่นนั้นขันทีและนางกำนัลในวังก็คงจะเป็เช่นเดียวกัน
แต่พ่อครัวหลักคนนี้ เพื่อให้ตัวเองได้เรียนรู้การทำอาหารใหม่ๆ ถึงกับจะยกตำแหน่งคนครัวหลักให้นาง ก็น่าจะรู้ว่าในห้องเครื่องแห่งนี้มีขันทีพ่อครัวอยู่ไม่น้อย แต่ละคนเรียกได้ว่ามีฝีมือพอตัว สามารถขึ้นมาเป็พ่อครัวหลักท่ามกลางพ่อครัวมากมายได้ แสดงว่าฝีมือต้องไม่ธรรมดา กระนั้นอีกฝ่ายกลับจะยกตำแหน่งคนครัวหลักให้นาง
ไม่ว่าจะเป็เื่จริงหรือโกหก นางก็ไม่สามารถรับตำแหน่งนี้ได้ “พ่อครัวหลัก ข้าขอบคุณในความหวังดีของท่านมาก แต่ข้าเองก็มีชีวิตที่ข้าใฝ่ฝัน แม้ฝ่าาจะพระราชทานฉายาว่าเทพแม่ครัวให้แก่ข้า แต่ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ในห้องครัวไปตลอด”
ได้ยินคำปฏิเสธจากหนิงมู่ฉือ แววตาของพ่อครัวหลักหม่นลงเล็กน้อย
“ก็จริงอย่างที่ท่านว่า ท่านเป็สตรี ท่านย่อมไม่อยากเป็แม่ครัว ทว่าด้วยฝีมือของท่าน หากเปิดภัตตาคารหรือร้านอาหาร กิจการต้องไปได้ดีแน่ คงจะมีกินมีใช้มากมายจนไม่ต้องห่วงเื่ใดอีก”
พ่อครัวหลักแค่พูดไปอย่างนั้นเอง โดยไม่รู้เลยว่ามันไปตรงใจของหนิงมู่ฉือเข้าพอดี
ใช่! นางมีความสามารถเื่การทำอาหาร ต่อไปนางสามารถใช้ความสามารถนี้เลี้ยงดูตัวเองได้ ตอนนี้นางมีเงิน เหตุใดนางถึงไม่เป็เถ้าแก่เนี้ยเองเล่า ได้ทั้งเงิน ทั้งยังได้ใช้ความสามารถ นับว่าได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง และในเมื่อนางคิดจะแก้แค้น เช่นนั้นนางสามารถใช้ที่นั่นเป็ศูนย์บัญชาการใหญ่ได้
“ขอบคุณพ่อครัวหลักมาก ข้าจะเก็บคำแนะนำของท่านไปพิจารณา!” พ่อครัวหลักแทบจะคาดเดาอนาคตล่วงหน้าได้เลย ในอนาคตบรรดาภัตราคาร ร้านอาหาร และโรงเตี๊ยมที่แข่งขันกันอยู่ในตอนนี้จะต้องถูกหนิงมู่ฉือทำให้พ่ายแพ้หมดท่าอย่างแน่นอน
“ใช่แล้ว ตอนนี้เลยเวลาอาหารเที่ยงมาแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดข้าถึงยังเห็นทุกคนยุ่งอยู่เล่า” พูดคุยกันมาตั้งนาน หนิงมู่ฉือถึงค่อยสังเกตเห็นว่า เวลานี้มีแค่พ่อครัวหลักคนเดียวเท่านั้นที่มีเวลาว่างมาพูดคุยกับนาง ส่วนคนอื่นหลังจากทักทายก็เอาแต่ยุ่งกับงานในมือ
“แม่นางหนิง ท่านคงไม่รู้ วันนี้เป็วันคล้ายวันเกิดของพระสนมองค์หนึ่งของฝ่าา ฝ่าาจึงอยากฉลองวันคล้ายวันเกิดให้พระสนมองค์นั้น แม้จะไม่รู้ว่าเป็พระสนมองค์ใด กระนั้นฝ่าาก็มีรับสั่งว่าให้พวกเราตั้งใจทำให้ดี พวกเราจึงยุ่งกับการเตรียมอาหารเย็นกันอยู่”
ที่แท้ก็เยี่ยงนี้เอง พระสนมที่มีตำแหน่งไม่สูงมากจะได้รับการจัดงานวันคล้ายวันเกิดง่ายๆ เพียงเท่านี้เองหรือ หากเป็วันคล้ายวันเกิดของสี่พระสนม ฝ่าาคงจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้อย่างยิ่งใหญ่เป็แน่
คิดแล้วนางนึกเห็นใจพระสนมองค์นี้ยิ่งนัก ผู้คนล้วนกล่าวกันว่าในวังหลังมีพระสนมอยู่ถึงสามพันนาง ไหนจะพระสนมทั้งสี่ที่ทำหน้าที่ดูแลวังหลังอีกเล่า การจะได้รับความโปรดปรานจากฝ่าาไม่ใช่เื่ง่ายเลยจริงๆ
“พ่อครัวหลัก เช่นนั้นให้ข้าช่วยท่านเถิด หากฝ่าากับพระสนมทรงถามถึงเื่นี้ ท่านก็ตอบไปว่าข้าเป็คนสอนพวกท่าน ดีหรือไม่”
ครั้นพ่อครัวหลักได้ยินว่าหนิงมู่ฉือจะช่วยก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก รีบพยักหน้าทันที และถ้าหากทำดีจนฝ่าากับพระสนมมีรางวัลพระราชทานให้ ความดีความชอบก็จะเป็ของพวกเขา แล้วเหตุใดถึงจะไม่ตกลงเล่า และเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย หญิงสาวจะต้องสอนวิธีการทำอาหารในวันนี้ให้พวกเขาเป็แน่ ซึ่งมันก็ตรงกับความ้าของเขาพอดี
เดินเข้าไปด้านในของห้องเครื่อง หนิงมู่ฉือขบคิดอยู่ชั่วครู่ว่าจะทำอาหาชนิดใดดี เป็ปัญหาที่ยากมากทีเดียว นางมองวัตถุดิบมากมายหลายอย่าง แต่ก็คิดไม่ออกสักทีว่าจะทำอาหารอะไร อาจเป็เพราะอาหารที่นางทำได้มีมากมายจนเกินไปก็เป็ได้
พ่อครัวหลักเห็นหนิงมู่ฉือเอามือจับคางพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิดก็นิ่งเงียบไม่รบกวน
หนิงมู่ฉือคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะทำอาหารใดที่เกี่ยวข้องกับวันคล้ายวันเกิด ถึงกระนั้นนั้นก็ยังคิดออกหนึ่งอย่าง คนธรรมดาหากถึงวันคล้ายวันเกิดจะทานอาหารชนิดเดียวกัน เพียงแต่นางไม่รู้ว่าคนในวังจะทานอาหารชนิดนี้หรือไม่เท่านั้น
นั่นคือบะหมี่อายุยืน
พอนางเอ่ยขึ้นมาว่าจะทำบะหมี่อายุยืน พ่อครัวหลักมีสีหน้าไม่เห็นด้วย
“แม่นางหนิง บะหมี่อายุยืนเป็ของสามัญที่คนธรรมดากินกัน หากเป็คนในวัง พอถึงวันคล้ายวันเกิดจะทำอาหารเต็มโต๊ะ มีทั้งเนื้อและสุราชั้นดี ข้าคิดว่าทำบะหมี่อายุยืนมันค่อนข้างจะ…”
แม้พ่อครัวหลักจะไม่ได้พูดจนจบประโยค นางก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่าย้าจะพูดเื่ใด ทำบะหมี่อายุยืนให้คนในวังทานมันค่อนข้างจะธรรมดาสามัญไปสักหน่อย ในวังมีทุกอย่างเพียบพร้อม ไหนเลยจะอยากทานบะหมี่อายุยืนที่ชาวบ้านธรรมดานิยมกัน
หากแต่นางเป็คนที่มีนิสัยดื้อรั้นในเื่การทำอาหาร คนในวังไม่ชอบทานอะไร นางก็ยิ่งจะทำสิ่งนั้นให้ทาน!