เล่มที่ 2 บทที่ 49
ความคิดนั้นทำให้มู่หรงฉิงก้าวเท้าหมายจะออกไปด้านนอก แต่ทันทีที่ขยับไปเบื้องหน้ากลับถูกร่างสูงขวางไว้
เงยหน้าขึ้นมองจ้าวจื่อซินอย่างงุนงง “มีอะไรหรือ?”
“เ้าจะสอบปากคำในจวนเฉินหรือจะไปสอบปากคำที่อื่น?” จ้าวจื่อซินตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมา
“เรือนหยางเซิงหรือ?” สถานที่นั้นเทียบเท่ากับพื้นที่ต้องห้ามของจวนเฉิน ถ้าจ้าวจื่อซินบอกว่าอยู่ในจวนเฉิน ก็ต้องเป็เรือนหยางเซิงเป็แน่
“ก็ได้เช่นกัน” ขณะพูดเช่นนั้น สายตาของจ้าวจื่อซินกลับลอยเหนือศีรษะของมู่หรงฉิง เขามองมวยผมของนางที่มีเพียงปิ่นดอกไม้ลูกปัดสีอ่อนธรรมดาแต่ดูสง่างามมาก
“อ๊ะ... คุณชายรองไว้ชีวิตบ่าวด้วย บ่าวถูกปรักปรำ…”
มู่หรงฉิงกำลังจะตอบคำถาม แต่นางได้ยินเสียงยวี้เอ๋อร์กรีดร้องเสียก่อน นางใโดยกลัวว่าการกระทำของเฉินเทียนหยูจะหนักเกินไป และทำให้ยวี้เอ๋อร์ตายง่ายเกินไป
“ถ้าเช่นนั้นก็สอบปากคำในเรือนหยางเซิงเถอะ” หลังจากพูดจบจึงเดินเลี่ยงผ่านจ้าวจื่อซิน สาวเท้าไปทางสนามหญ้าของเรือนดุจสายลมพัด
เมื่อเห็นเงาร่างของมู่หรงฉิงห่างออกไป สายตาของจ้าวจื่อซินก็เลื่อนไปมองด้านนอกตัวเรือน เฉินเทียนหยูเหยียบกำลังฝ่ามือขวาของยวี้เอ๋อร์อย่างเต็มแรง ชั่วขณะหนึ่งแววตาของเขามีแต่ความซับซ้อน และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่?
มู่หรงฉิงเดินเข้าไปในลานสนามหญ้า ทันได้เห็นเฉินเทียนหยูบดมือของยวี้เอ๋อร์เหมือนมด ครั้นเห็นท่าทางสุดเ็ปของยวี้เอ๋อร์ นางพลอยไปคิดว่า นี่เขาหักกระดูกจริงๆ ด้วย
นางมองลักษณะท่าทางของยวี้เอ๋อร์ คิดเดาเหตุการณ์ก่อนหน้าว่าเฉินเทียนหยูคงรีบวิ่งไปที่ลานสนามหญ้า จากนั้นผลักยวี้เอ๋อร์ลงจากม้านั่งพร้อมผลักม้านั่งให้ล้มลงทับส่วนที่ยวี้เอ๋อร์ได้รับาเ็
วันนี้ยวี้เอ๋อร์สวมชุดสีฟ้าอ่อนและเสื้อสีฟ้าอ่อนก็ชุ่มไปด้วยเื เสื้อผ้าขาดวิ่นเป็ชิ้นเล็กๆ และในบางจุดก็สามารถมองเห็นแม้กระทั่งิัที่ถูกเฆี่ยนจนเนื้อตัวแตกยับ
ร่างกายของนางได้รับาเ็ถึงกับไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ฝ่ามือของนางกลับถูกเฉินเทียนหยูกดทับอยู่ใต้ฝ่าเท้าด้วยเรี่ยวแรงเต็มที่ จุๆ น่าสงสารจริงๆ...
ดวงอาทิตย์สาดแสงร้อนดุจไฟ เคลื่อนที่จากทิศตะวันออกไปสู่ทิศตะวันตก แสงสีทองประกายกระจัดกระจายอยู่ในลานสนามหญ้า อุณหภูมิบนพื้นดินยังคงร้อนจัด ร้อนเสียจนทำให้หน้าผากของคนชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ
แม้กระทั่งคนที่ยืนอยู่ในเรือนยังรู้สึกว่าอุณหภูมิบนพื้นร้อนมาก ไม่รู้จริงๆ ว่า ยวี้เอ๋อร์ผู้ซึ่งกำลังนอนคว่ำอยู่บนพื้นจะรู้สึกอย่างไร?
ในระหว่างคิดในใจ ยวี้เอ๋อร์ได้ลืมตาขึ้นมอง ทันใดนั้นสีหน้าของมู่หรงฉิงก็แปรเปลี่ยนเป็ความวิตกกังวลระคนเศร้าเสียใจ นางรีบไปข้างหน้าพยายามดึงเฉินเทียนหยูออกมา
พูดตามความเป็จริง ตอนนี้เฉินเทียนหยูไม่มีเรี่ยวแรงอะไรมากนัก ถ้ามู่หรงฉิงใช้กำลังภายในสิบส่วนของนาง เด็กสาวย่อมสามารถดึงเฉินเทียนหยูออกมาได้แต่มู่หรงฉิงจะปล่อยยวี้เอ๋อร์ไปง่ายๆ ได้อย่างไร?
ขณะที่เฉินเทียนหยูรีบออกไป การเฆี่ยนด้วยไม้กระดานหนึ่งร้อยทียังไม่เพียงพอเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นาแบนร่างกายของยวี้เอ๋อร์ เกรงว่าถ้ายังคงเฆี่ยนต่อไปย่อมปลิดชีวิตของนางได้จริงๆ
แต่มู่หรงฉิงไม่้าปล่อยยวี้เอ๋อร์ไปง่ายๆ ครั้นเห็นว่าฝ่ามือของยวี้เอ๋อร์ใต้เท้าของเฉินเทียนหยูเริ่มมีเืออก หัวใจของนางก็เต้นแรง นางไม่รู้ว่าทักษะการต่อสู้ของยวี้เอ๋อร์เป็อย่างไร แต่สิ่งที่นางรู้ก็คือยวี้เอ๋อร์ดูแลมือทั้งสองข้างเป็อย่างดี จำได้ว่าเมื่อก่อนยวี้เอ๋อร์เคยพูดอย่างออดอ้อนต่อหน้านาง โดยบอกว่ามือทั้งสองข้างสวยมากกว่าใบหน้าของตัวเองเสียอีก ดังนั้นจะต้องรักษามือคู่นี้ให้ดี
คิดว่าถ้ายวี้เอ๋อร์สามารถใช้ยาพิษที่จะต้องใช้ ‘คาถาพิศวาส’ มันจะต้องมีความสัมพันธ์กับมือทั้งสองข้างเป็อย่างมาก หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ‘คาถาพิศวาส’ อันลึกลับนั้นมีข้อกำหนดเกี่ยวกับวิธีการที่เข้มงวดมาก
ความคิดนั้นทำให้มู่หรงฉิงยิ่งไม่อาจปล่อยให้ยวี้เอ๋อร์หนีไปได้ เห็นๆ อยู่ว่ามือของนางกำลังดึงเฉินเทียนหยู แต่นางดึงไปครู่หนึ่งจากนั้นก็ผลักอีกครู่หนึ่ง เพื่อให้ตัวของเฉินเทียนหยูที่ยืนอยู่ตรงนั้นเอนไปเอนมา และฝ่ามือของยวี้เอ๋อร์เ็ปสุดจะทนก็ในเวลานี้นี่เอง
“ท่านพี่ ท่านพี่อย่าปรักปรำยวี้เอ๋อร์ ยวี้เอ๋อร์จะไม่มีทางวางยาพิษพวกเราอย่างเด็ดขาด ท่านพี่อย่าไปฟัง จ้าวจื่อซินพูดจาเลื่อนเปื้อน จ้าวจื่อซินจะต้องใส่ร้ายยวี้เอ๋อร์อย่างแน่นอน”
มู่หรงฉิงพูดอย่างโศกเศร้าระคนเสียใจราวกับว่าคนที่ถูกเหยียบฝ่ามือคนนั้นคือนางเสียเอง
ยวี้เอ๋อร์ได้ยินคำพูดของมู่หรงฉิง นางก็ร้องไห้ฟูมฟาย “คุณชายรอง ได้โปรดไว้ชีวิตบ่าวด้วย บ่าวไม่ได้วางยาพิษคุณชายรองและฮูหยินน้อยจริงๆ...”
จ้าวจื่อซินมองไปที่มู่หรงฉิงซึ่งกำลังแสดงละครอยู่ในลานสนามหญ้า เขากำลังกอดอกยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ภาพเบื้องหน้าในสายตาของเขา มู่หรงฉิงรู้สึกรักและเอ็นดูบ่าวของนาง ได้แต่ดึงเฉินเทียนหยูให้เอนไปเอนมา แต่เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่ามู่หรงฉิงลอบใช้กำลัง ดูเหมือนว่าในวันนี้ฝ่ามือของสาวใช้คนนั้นจะใช้การไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เพียงแต่ความคิดของมู่หรงฉิงช่างทำให้คนหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้จริงๆ เห็นๆ อยู่ว่านาง้าให้สาวใช้คนนี้ทรมานจนตายไปเสียยังจะดีกว่ามีชีวิตอยู่ แต่นางกลับใช้เขาเป็โล่ มัน... น่าสนใจมากจริงๆ...
มู่หรงฉิงดึงเฉินเทียนหยูออก ถ้ายังคงทำเช่นนั้นต่อไป มันจะทำให้ยวี้เอ๋อร์เกิดความสงสัยอย่างแน่นอน เมื่อจ้าวจื่อซินเห็นท่าทีที่ไม่เต็มใจของมู่หรงฉิง เขาพลอยรู้สึกขบขันและพูดพึมพำในใจ แค่ช่วยนางจะไปยากอะไร?
คิดได้ดังนั้น เขาจึงกระโจนออกไปด้านนอกหน้าต่าง มายืนอยู่ด้านหลังเฉินเทียนหยู “ฮูหยินน้อยพูดเช่นนั้นไม่ถูกต้อง แตงโมนั่นมีพิษและทุกคนต่างก็รู้ถึงเื่นี้ แตงโมนั่น สาวใช้คนนี้เป็คนตัดและแช่น้ำแข็ง พวกสาวใช้ทุกคนต่างก็รู้ถึงเื่นี้ ตอนนี้ฮูหยินน้อยบอกว่าผู้น้อยพูดโกหก ฮูหยินน้อยกำลังกล่าวหาฮูหยินผู้เฒ่าว่าลงโทษไม่เป็ธรรมที่ทำให้สาวใช้ถูกลงโทษกระนั้นหรือ?”
มู่หรงฉิงกำลังคิดอยู่ว่าจะทำให้ฝ่ามือของยวี้เอ๋อร์ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ได้อย่างไร ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงของจ้าวจื่อซินดังมาจากด้านหลัง นางยังยืนไม่มั่นคง ในจังหวะที่ดึงเฉินเทียนหยู ทั้งคู่จึงล้มลงด้านข้าง
“ฮูหยินน้อย ระวัง! ฮูหยินน้อยอย่าเศร้าใจเกินไป นางคิดคดแต่ฮูหยินน้อยกลับเศร้าใจเช่นนั้น จะไม่เป็การทำร้ายตัวเองหรือ” จ้าวจื่อซินประคองพวกเขาสองคนด้วยความว่องไว และหลังจากที่พวกเขาทั้งคู่ยืนอย่างมั่นคงแล้ว ชายหนุ่มจึงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยไม่ได้คิดอะไรใดๆ
“กร๊อบ”
“กร๊อบ”
เสียงกระดูกหักดังขึ้นสองครั้ง ตามด้วยเสียงกรีดร้องสุดเ็ปของยวี้เอ๋อร์ จากนั้นก็สิ้นเสียง
ฝ่ามือของยวี้เอ๋อร์ถูกจ้าวจื่อซินบดขยี้จนแหลกละเอียดแล้วหรือ?
มู่หรงฉิงใ นางควรจะพูดว่าจ้าวจื่อซินโหดร้ายเกินไปหรือไม่? หรือนางควรจะปรบมือและร้องบอกว่าดี? แท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่นาง้าพูดมากที่สุดคือ มันดีจริงๆ ออกโรงได้เฉียบขาด ไม่มีความเมตตาอย่างสมบูรณ์
หลังจากลอบปรบมือและร้องบอกว่าดีในใจ ฉับพลันนั้นสีหน้าของมู่หรงฉิงก็แปรเปลี่ยนไป กลายเป็ความมืดมนลงทันควัน
นี่จะดีได้อย่างไร? เฉินเทียนหยูในขณะที่เป็คนโง่งมนั้นปลอดภัย แต่เมื่อเฉินเทียนหยูคลุ้มคลั่ง เขาก็จะฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา
เดิมทีเฉินเทียนหยูทำให้นางปวดศีรษะมากแล้ว และตอนนี้นางเห็นการลงมืออย่างไร้ความปรานีของจ้าวจื่อซิน เป็สาเหตุในนางรู้สึกใอยู่สักพักหนึ่ง จ้าวจื่อซินคนนี้อันตรายไม่น้อยไปกว่าเฉินเทียนหยู นอกจากนั้นเขายังหยิ่งผยอง คิดว่าตนเหนือกว่าผู้ใด เป็คนแปลกประหลาดที่อธิบายเป็คำพูดไม่ถูก
ถ้าวันใดวันหนึ่ง จ้าวจื่อซินรู้สึกหงุดหงิด ไม่ร่วมมือกับนางและหันมาลงมือทำกับนางล่ะ...
มู่หรงฉิงจินตนาการไม่ได้จริงๆ ถ้าจ้าวจื่อซินและเฉินเทียนหยูต่างลงมือทำอะไรนาง เด็กสาวจะมีโอกาสรอดเท่าใดกัน? …มีโอกาสรอดหนึ่งส่วนในสิบหรือ? แม้กระทั่งครึ่งหนึ่งก็ยังไม่ถึง...
ด้วยความคิดที่สลับไปสลับมาในใจของนาง สีหน้าของมู่หรงฉิงจึงมืดมนอย่างน่าหวั่นกลัวในทันที เดิมจ้าวจื่อซินคิดว่า การที่เขาทำเช่นนั้น นางควรจะขอบคุณเขา แต่เมื่อเขาหันหลังกลับ เขากลับไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะเห็นใบหน้าขุ่นมัวของนาง ภายในระยะเวลาอันสั้น เขาเดาความคิดของนางไม่ออกจริงๆ
ขณะอยู่ในห้อง เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่านาง้าทำลายฝ่ามือของยวี้เอ๋อร์ แต่หลังจากเห็นได้ชัดว่าเขาได้ทำลายมือของยวี้เอ๋อร์ให้แล้ว ทำไมสีหน้าของนางถึงดูเป็ทุกข์เพิ่มมากขึ้นล่ะ?
ช่างเป็หัวใจของผู้หญิงจริงๆ งมเข็มใต้มหาสมุทร เดายากจริงแท้
ระหว่างที่เขาคิดเื่นั้น จ้าวจื่อซินก็เบะปากและหมุนตัวไปยืนอยู่ด้านข้าง ซึ่งนั่นทำให้แม่นมจิ่นที่ยืนอยู่ด้านข้างได้มีโอกาสกระโจนเข้ามาหายวี้เอ๋อร์
“ยวี้เอ๋อร์… นี่... นี่มันจะดีได้อย่างไร?” แม่นมจิ่นมองดูาแบนเนื้อหนังของยวี้เอ๋อร์ซึ่งเต็มไปด้วยคราบเื จากนั้นยกฝ่ามือของยวี้เอ๋อร์ขึ้นมา สีหน้าท่าทางของนางดูรักและเอ็นดู มิหนำซ้ำยังวิตกกังวลสุดหัวใจ
สีหน้าและท่าทางที่ดูรักและเอ็นดูของแม่นมจิ่นส่งผลให้สีหน้าของมู่หรงฉิงยิ่งเป็ทุกข์มากขึ้น ถึงแม้ว่าแม่นมจิ่นจะถูกยวี้เอ๋อร์เปลี่ยนความทรงจำ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ถึงกับต้องนับยวี้เอ๋อร์เป็เหมือนของล้ำค่า เื่ราวในวันนี้ แม่นมจิ่นออกหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อแก้ตัวให้ยวี้เอ๋อร์ แม้กระทั่งต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า แม่นมจิ่นก็เกือบจะกำเริบเสิบสานอยู่หลายส่วน
เป็ไปได้หรือไม่ว่า แม่นมจิ่นต้องยาพิษชนิดอื่นร่วมด้วย?
ความคิดนั้นทำให้มู่หรงฉิงชายตามองไปที่แม่นมฟางอย่างเงียบๆ แม้ว่าแม่นมฟางจะทอดถอนใจ แต่นางก็เพียงทอดถอนใจโดยไม่ได้ออกอาการรักและเอ็นดู
นี่คือความแตกต่าง ในอดีตแม่นมจิ่นก็รักและเอ็นดูเหล่าสาวใช้ ถึงอย่างไรพวกนางได้อยู่ด้วยกันเป็เวลานานกว่าสิบปีแล้ว ย่อมมีความผูกพันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทว่าแม่นมจิ่นไม่เคยมีท่าทีกำเริบเสิบสานมาก่อน
มู่หรงฉิงนิ่งเงียบ เฉินเทียนหยูที่ยืนอยู่ด้านข้างมู่หรงฉิงพูดพึมพำ บ่งชี้ให้เห็นว่าฤทธิ์ของยาพิษยังไม่หมดสิ้น และเฉินเทียนหยูยังคงรู้สึกไม่สบายตัว
ถ้าเ้านายสองคนไม่พูด บรรดาบ่าวย่อมไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นสีหน้าของมู่หรงฉิงซึ่งดูมืดมนเสียยิ่งกว่าเมฆดำที่ปกคลุมท้องฟ้าเสียอีก บ่าวแต่ละคนไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจ
“ยังอ้ำอึ้งอะไรอยู่หรือ? ยังไม่ช่วยแม่นมจิ่นแบกยวี้เอ๋อร์กลับไปที่ห้องอีก” เห็นท่าทีของแม่นมจิ่นแล้ว มู่หรงฉิงย่อมรู้สึกกดดันอย่างอธิบายเป็คำพูดไม่ได้ นางขุ่นเคืองในใจ น้ำเสียงที่พูดออกมาย่อมเ็าผิดปกติโดยธรรมชาติ
พวกบ่าวได้ยินดังนั้นกลับไม่มีใครกล้าที่จะก้าวเท้าไปข้างหน้า เ้ามองมาที่ข้า และหลังจากที่ข้ามองดูเ้า ทุกคนก็หันเหความสนใจไปที่ชุ่ยเอ๋อร์
ชุ่ยเอ๋อร์เป็บ่าวที่ฮูหยินผู้เฒ่าจัดแจงให้มาอยู่ในเรือนแห่งนี้ ซึ่งนั่นเทียบเท่ากับเป็ตัวแทนของฮูหยินผู้เฒ่า ก่อนที่ฮูหยินผู้เฒ่าจะออกจากเรือน ฮูหยินผู้เฒ่าได้พูดว่า หลังจากเฆี่ยนด้วยไม้กระดานใหญ่หนึ่งร้อยที ให้ทิ้งยวี้เอ๋อร์ไว้ในห้องเก็บฟืน มิหนำซ้ำยังไม่ได้รับอนุญาตให้กินหรือดื่มเป็เวลาสามวัน
ทว่าในเวลานี้ยังเหลืออีกสิบห้าไม้กระดานถึงจะครบจำนวนหนึ่งร้อย แต่จู่ๆ คุณชายรองกลับกระโจนออกมาทำร้ายยวี้เอ๋อร์ เวลาถัดมาทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงกระดูกมือของยวี้เอ๋อร์ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด
แม้ว่าพวกนางจะรู้สึกเห็นใจต่อประสบการณ์ของยวี้เอ๋อร์ แต่ยวี้เอ๋อร์เป็ผู้ก่อเื่ด้วยตัวเอง นางทรยศต่อเ้านาย ไม่ได้ปลิดชีวิตของนางก็นับว่าฮูหยินผู้เฒ่าเมตตามากแล้ว
อย่างไรก็ดี ตอนนี้ยวี้เอ๋อร์หมดสติไปแล้ว และฮูหยินน้อย้าส่งยวี้เอ๋อร์กลับไปที่ห้องของนาง ดูท่าแล้วเหมือนจะไปรักษาอาการาเ็ของยวี้เอ๋อร์ ทว่าการตำหนิที่รุนแรงและน่าเกรงขามของฮูหยินผู้เฒ่ายังติดหูติดตาอยู่เลย ด้วยสาเหตุนั้นทุกคนจึงรู้สึกลำบากใจทันที
สายตาของแต่ละคนหันไปมองชุ่ยเอ๋อร์และแม้ว่าชุ่ยเอ๋อร์จะอยากแสร้งทำเป็ไม่รู้ก็ตาม ถึงกระนั้น นางก็ทำไม่ได้ ยิ่งเห็นสายตาของมู่หรงฉิง ชุ่ยเอ๋อร์จำต้องก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ฮูหยินน้อย ฮูหยินผู้เฒ่าออกคำสั่งแล้ว ถ้ายังเฆี่ยนไม่ถึงหนึ่งร้อยที ก็ไม่สามารถหยุดเฆี่ยนได้”
“แต่ในเวลานี้มือของนางใช้การไม่ได้แล้ว ไม่สามารถแลกกับอีกสิบห้าไม้กระดานนั้นได้หรือ?” คำถามของมู่หรงฉิงถูกเอ่ยตามมาติดๆ หลังจากสิ้นสุดถ้อยคำของชุ่ยเอ๋อร์ มู่หรงฉิงเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปหา “หรือว่า ในจวนนี้ข้าไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพูดด้วยซ้ำ?”
“ฮูหยินน้อยโปรดลดโทสะ บ่าวไม่ได้หมายความเช่นนั้น” ชุ่ยเอ๋อร์คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความใทันควันหลังได้ฟังคำพูดของมู่หรงฉิง โดยไม่สนใจว่าอุณหภูมิบนพื้นดินจะร้อนเพียงใด