เมื่อเห็นภาพตรงหน้าเสี่ยวหลิวก็ใจนทำเอกสารหลุดมือ เขาอ้าปากค้างจนยัดไข่ห่านได้ทั้งใบ
เขาคาดว่าจะได้เห็นฉินเฟิงนองเืจนจำหน้าไม่ได้เมื่อเขากลับมาทว่าฉากอันน่าเหลือเชื่อต่อหน้าเขาแตกต่างจากที่เขาคิดไว้อย่างสิ้นเชิง
ทำไมสาวสวยอันดับหนึ่งของสำนักงานเขตเหนือถึงกำลังกอดกับนายน้อยฉินจอมเสเพลกัน? เธอหวั่นไหวกับอิทธิพลและความร่ำรวยของตระกูลฉินงั้นหรือ? ถ้าเป็แบบนั้น แสดงว่าเขาดูท่านรองหลิ่วผิดไป
เสี่ยวหลิวรู้สึกค่อนข้างเคืองหลิ่วปิงปิงเป็เหมือนเทพธิดาสำหรับผู้ชายทุกคนในสำนักงานแห่งนี้ดังนั้นเขาจึงอยากจะเข้าไปแทนที่ฉินเฟิงเมื่อเห็นเธอกอดเขาแน่นอย่างใกล้ชิด
หลิ่วปิงปิงรู้สึกตัวเมื่อเสี่ยวหลิวเข้ามาและผลักฉินเฟิงออกไปทันทีสีหน้าของเธอแสดงความโกรธเกรี้ยวแบบสุดๆ ถ้าเสี่ยวหลิวไม่อยู่เธออาจจะสำเร็จโทษฉินเฟิง ณ ตรงนั้นไปแล้ว
“ทะ...ท่านรองหลิ่วครับ มะ...มีเื่สำคัญมาแจ้งให้ทราบครับ”เสี่ยวหลิวอยู่ในความเร่งรีบ ไม่งั้นเขาคงไม่บุกเข้ามาทั้งอย่างนี้แน่
“จะพูดอะไรก็รีบพูดมา!” หลิ่วปิงปิงกัดฟันขณะเค้นคำพูดแต่ละคำ
“ท่านรองหลิ่วครับ หัวหน้าหม่าของกรมสันติบาลสาธารณะโทรมาครับ ท่านบอกให้ท่านรองอย่าเพิ่งทำอะไรรีบร้อนเดี๋ยวท่านกำลังมาครับ ท่านจะตัดสินใจเองเมื่อมาถึง”
เสี่ยวหลิวปาดเหงื่อบนหน้าผากเขาไม่เคยคิดว่าฉินเฟิงจะมีอิทธิพลขนาดนี้ ฉินเฟิงเพิ่งมาได้ไม่ถึงสิบนาทีแต่มีเ้าหน้าที่ระดับสูงโทรมาแล้ว
“แล้วก็มีท่านเทศมนตรีหนิว ท่านเพิ่งโทรมาบอกเราว่าท่านจะมาที่นี่ทันทีและอย่าทำอะไรเกินกว่าเหตุครับ”
“แล้วก็มีท่านเลขาธิการหวัง เขาเพิ่งถึงต่างประเทศแต่เขาบอกว่าจะส่งผู้ช่วยมาที่นี่ และเราจำเป็ต้องทำตามคำสั่งจากเบื้องบนครับ”
“แล้วก็...”
“โอเค พอได้แล้ว นายออกไปได้” เสี่ยวหลิวยังพูดไม่ทันจบ แต่หลิ่วปิงปิงไม่อยากฟังอีกแล้วหลังจากไล่เสี่ยวหลิวออกไป เธอจ้องฉินเฟิงเขม็งและพูด“ดูเหมือนว่านายจะมีอิทธิพลหนุนหลังนะ แต่ฉันจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งฉันหลิ่วปิงปิง เป็คนมีคุณธรรม ไม่ว่านายจะมีใครหนุนหลังให้ก็ตามฉันก็ยังจะอัดนายจนกว่าจะยอมรับสารภาพตราบใดที่ยังอยู่ในเขตของฉัน”
ฉินเฟิงสงสัยว่าหลิ่วปิงปิงดูหนังนักรบหญิงมากไปหรือเปล่าตอนที่เธอยังเด็กอย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นเธอล็อกประตูห้องสอบสวนเขาก็เริ่มรู้สึกกังวลอย่างช่วยไม่ได้
หรือว่านี่จะเป็กฎที่ไม่ได้เขียนไว้ในสถานีตำรวจเหรอ?
“ท่านรองหลิ่ว เราเพิ่งจะเจอกันครั้งแรกคุณไม่คิดว่านี่ออกจะไวไฟไปหน่อยเหรอ?” ฉินเฟิงยิ้มขณะมองดูหลิ่วปิงปิงเธอเกือบจะกระอักเืและไม่เสียคำพูดใดๆ อีก แล้วขาเรียวงามก็กวาดไปหาเขา
แม้ว่าขาของเธอจะเรียวยาวแต่มันก็ทำเสียงแหวกอากาศ ฉินเฟิงตอบสนองไวมากและเอี้ยวตัวหลบเท้าของหลิ่วปิงปิงเตะลงไปที่เก้าอี้ที่ฉินเฟิงเพิ่งนั่งและแตกออกเป็สองเสี่ยง
“โอ้โหเว้ยนี่เอ็งอยากจะให้ฉันเปลี่ยนยายตำรวจหญิงหัวรุนแรงนี่เป็ลูกแกะเชื่องที่เชื่อฟังหรือไง?ฉันใช้แต้มสำราญลบภารกิจนี้เลยได้ไหมเนี่ย? อยากได้เท่าไรเอาไปเลย”
เมื่อเขามองไปที่เก้าอี้ที่ถูกทำลายฉินเฟิงก็รู้สึกใมาก โชคดีที่เขามีปฏิกิริยาตอบสนองได้ทันไม่อย่างนั้นอาจจะเป็กระดูกของเขาแทนที่หัก
“ท่านรองหลิ่วครับ อยู่ข้างในหรือเปล่าครับ? รีบเปิดประตูเร็วเข้าครับ!หัวหน้าหม่า ท่านเทศมนตรีหนิว และผู้ช่วยของท่านเลขาธิการหวังอยู่ข้างนอกแล้วครับ”เสียงของเสี่ยวหลิวดังมาจากนอกประตู เมื่อได้ยินว่ากำลังเสริมมาถึงแล้วฉินเฟิงจึงรีบไปเปิดประตู
แต่หลิ่วปิงปิงจะให้ฉินเฟิงทำตามใจชอบได้อย่างไร? เธอยืนโดยใช้หลังบังประตูและประกาศออกมาอย่างหนาวเหน็บ “ฉินเฟิงถ้าวันนี้ฉันไม่หักขาสุนัขของนายละก็ ฉันจะไม่ขอใช้ชื่อหลิ่วปิงปิง!”
“ไอ้หยา ไม่ชอบชื่อแซ่ตัวเองก็ไม่บอกลองมาเปลี่ยนเป็แซ่ของฉันและเป็ภรรยาของฉันเป็ไง? ฉินปิงปิงอืม ก็ฟังดูไม่เลวนะ” เมื่อรู้ว่ายายตำรวจหญิงหัวรุนแรงคนนี้ไม่ปล่อยเขาไปแน่ฉินเฟิงจึงเลิกหลบและเริ่มตัดสินใจสู้กลับมันคงจะเป็โอกาสดีให้เขาก้าวเข้าสู่ขั้นที่สาม
“จะตายอยู่แล้วยังจะมาพูดจาไร้สาระอยู่อีก รับไปซะ!”หลิ่วปิงปิงโกรธมากจนเห็นตาขาวชัดเจน เธอพุ่งใส่ฉินเฟิงอีกครั้ง
ครั้งนี้เธอไวกว่ามากความกดดันที่เธอปล่อยออกมาก็รุนแรงกว่ามาก แม้ว่าหมัดของเธอจะค่อนข้างเล็ก แต่มันก็เต็มไปด้วยพลังที่ไม่อาจดูแคลนได้
ปัง!
ฉินเฟิงสวนกลับด้วยหมัดของตัวเองแต่เขาไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ เขารู้ว่าหลิ่วปิงปิงมีความแข็งแกร่งอยู่ขั้นสองเขาจึงใช้แค่แรงที่มากกว่าคนธรรมดาสามเท่า
อย่างไรก็ตามหลิ่วปิงปิงไม่สามารถป้องกันวิชากำลังภายนอกขั้นสูงอย่างหมัดพยัคฆ์คำรนได้เธอจึงกระเด็นกลับไปโดนตรงมุมโต๊ะ และกำลังจะล้มลงกับพื้น
ฉินเฟิงส่ายหัวเขาจะยอมให้ตำรวจคนสวยล้มลงทั้งอย่างนี้ได้อย่างไรร่างของเขาพุ่งมาข้างเธอในพริบตาและใช้แขนโอบเอวเธอไว้
การเคลื่อนไหวของทั้งคู่สวยงามเหมือนกับว่ากำลังเต้นรำกันอยู่ฉินเฟิงแสยะยิ้มขณะที่มองลงไปยังหลิ่วปิงปิงใบหน้าของเธอแดงก่ำและหน้าอกก็กระเพื่อมต่อให้ฆ่าฉินเฟิงร้อยครั้งก็ยังไม่สาแก่ใจที่จะคลายความโกรธที่เธอรู้สึก
โครม!
ทันใดนั้นประตูห้องสอบสวนก็พังเข้ามาเ้าหน้าที่ตำรวจสองคนใช้ไหล่กระแทกประตูจนพังลง ตามด้วยกลุ่มชายที่ใส่ชุดเหมือนเ้าหน้าที่เดินเข้ามาพวกเขาทั้งหมดคือบุคคลสำคัญจากรัฐบาลแผนกต่างๆ ในเมืองเว่ยเฉิง
ถ้ามีใครเห็นฉากนี้เข้าพวกเขาอาจจะตาบอดเนื่องจากจำนวนเ้าหน้าที่ที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ทำให้ดูเหมือนกำลังมีการประชุมครั้งสำคัญ
ทุกคนตกตะลึงและมองดูฉินเฟิงกับหลิ่วปิงปิงอย่างแปลกๆ
จากด้านนอกพวกเขาได้ยินเสียงสู้กันพวกเขาจึงคิดว่าหลิ่วปิงปิงหัวรุนแรงกำลังทรมานฉินเฟิงอยู่พวกเขาจึงตัดสินใจพังประตูเข้าไป แต่หลังจากเข้ามาพวกเขากลับเห็นฉินเฟิงกำลังกอดหลิ่วปิงปิงอย่างใกล้ชิด
พวกเขากำลังเต้นรำกันอยู่!
“เฟิงเอ๋อ เป็อะไรหรือเปล่า?” ฉินหวงรีบเข้ามาข้างในแต่หลังจากได้เห็นฉินเฟิงแล้ว ความกังวลทั้งหมดก็หายไป
ด้วยคนมากมายที่อยู่ที่นี่ฉินเฟิงไม่สามารถแต๊ะอั๋งหลิ่วปิงปิงต่อได้ เขาปล่อยเอวของเธอและตอบ “พ่อไม่ต้องห่วง ผมสบายดี”
หลังจากพ่อลูกพูดคุยกันนิดหน่อยเ้าหน้าที่ไม่กี่คนก็เดินเข้ามาฉินเฟิงเห็นหานอิ๋งอิ๋งและคุณชายอีกสองคนเดินมากับพวกเขา
หานอิ๋งอิ๋งดูเป็ห่วงมากในขณะที่โจวข่ายและซือหม่าถูดูค่อนข้างไม่พอใจ
“ท่านรองหลิ่ว คุณไม่ต้องดูแลเื่นี้แล้ว มันเป็เื่เข้าใจผิดกันคุณปล่อยเขาไปได้แล้ว” ในฐานะหัวหน้าของกรมสันติบาลสาธารณะ คืนนี้เขาเป็กังวลมาก
สิบนาทีก่อนเขาได้รับโทรศัพท์จากเ้าหน้าที่ระดับสูงสองคนจากเมืองหลวงเื่ตระกูลฉินในเมืองเว่ยเฉิงภายใต้แรงกดดันนี้ เขาไม่กล้าจะทำอะไรผิดพลาด
“ปล่อยไอ้เด็กนี่ไป?” เห็นได้ชัดว่าหลิ่วปิงปิงไม่สนใจลำดับยศเธอยังคงความเ็าและวางท่าหยิ่งผยองขณะที่พูดว่า “หัวหน้าหม่าคะดิฉันมีหลักฐานสองชิ้นซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ฉินเฟิงนั่งอยู่ในคุกได้ตลอดชีวิตแล้วคุณจะปล่อยมันไปได้อย่างไร?”
ใบหน้าของผู้กำกับหม่าเกือบจะเป็สีเขียวอย่างไรก็ตาม ตำรวจหญิงหัวร้อนตรงหน้าเขาคนนี้ไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นได้ ทุกคนรู้สึกว่าเื้ัของหลิ่วปิงปิงค่อนข้างลึกลับแต่ก็ไม่รู้ว่าใครหนุนหลังเธอ
อย่างไรก็ตามหัวหน้าหม่ารู้ว่าเธอมาจากตระกูลหลิ่วในเมืองหลวงตระกูลหลิ่วเป็ตระกูลทรงอิทธิพลที่ลึกลับเมื่อเทียบกันแล้วทำให้เขารู้สึกด้อยไปเลย
“ท่านรองหลิ่ว ผมพูดในเื่นี้แล้ว อย่ายุ่งอีกเลย”ภายใต้แรงกดดันจากด้านต่างๆ หัวหน้าหม่าตัดสินใจเข้าข้างตระกูลฉินเนื่องจากเขาไม่สามารถหาเื่เ้าหน้าที่ระดับสูงสองคนนั้นได้พวกเขาสามารถย้ายเขาได้เพียงไม่กี่นาที
หลิ่วปิงปิงโกรธมากจนหน้าของเธอดูเหมือนคลุมไปด้วยน้ำแข็งขณะที่เธอกำลังจะอ้างเหตุผล ชายแต่งตัวดีจากอีกกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาในห้องสอบสวน
ห้องกว้างขวางตอนนี้เต็มไปด้วยกลุ่มบุคคลสำคัญแล้ว
“ใครบอกว่าเราจะปล่อยเื่นี้ไป? มีคนตายสองคนคุณจะปล่อยไปได้งั้นเหรอ?” กลุ่มคนที่มาใหม่นำโดยชายแก่ผมหงอกเขาคือประมุขของตระกูลฮ่าวในเมืองเว่ยเฉิง ฮ่าวหลงเทียน
เขาปะทุความโกรธเมื่อได้ยินว่าหลานชายสุดที่รักของเขาโดนฉินเฟิงฆ่าตายและตัดสินใจใช้อิทธิพลทั้งหมดของตระกูลฮ่าวจัดการกับมัน
การต่อสู้ระหว่างสองตระกูลใหญ่ได้เริ่มขึ้นแแล้ว
หลังจากมองไปรอบๆสายตาของฮ่าวหลงเทียนก็จับจ้องอยู่ที่ฉินเฟิงและดวงตาก็ลุกเป็ไฟ ถ้าเขาทำได้เขาอาจจะฆ่าฉินเฟิงตรงนี้เลย “ชีวิตแลกชีวิต นั่นคือความยุติธรรมแม้ว่ามันจะเป็เด็กจากตระกูลฉิน มันก็ไม่สามารถหนีการตัดสินของกฎหมายได้”
คนที่ตระกูลฮ่าวพามาล้วนเป็บุคคลสำคัญทั้งหมดและนอกจากเ้าหน้าที่จากเมืองเว่ยเฉิง ก็มีเ้าหน้าที่บางคนที่มาจากเมืองข้างเคียงซึ่งแม้แต่บางคนที่มาจากเมืองหลวง
คนเหล่านี้ล้วนไม่ด้อยกว่าคนที่ตระกูลฉินพามา
เมื่อเห็นกลุ่มของคนเหล่านี้พามาสายตาของซือหม่าถูและโจวข่ายก็ฉายแววความตื่นเต้นครึ่งหนึ่งของคนเ่าั้ถูกเชิญมาโดยตระกูลซือหม่าและตระกูลโจว
ในเมืองเว่ยเฉิงมีทั้งหมดสี่ตระกูลใหญ่และดูเหมือนว่าจะมีสองตระกูลที่เริ่มสู้กัน ตระกูลซือหม่าและตระกูลโจวจะยืนมองเฉยๆก็ได้ แต่พวกเขาตัดสินใจช่วยตระกูลฮ่าวที่อ่อนแอกว่าพวกเขาทั้งหมดหวังว่าทั้งตระกูลฉินและตระกูลฮ่าวจะประสบกับความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงและนั่นจะทำให้พวกเขาสามารถกอบโกยผลประโยชน์ทั้งหมด
ถ้าเป็แบบนั้นพวกเขาจะสามารถครองเมืองเว่ยเฉิงได้คนละครึ่งเลยทีเดียว!
“อธิบดีจ้าว คุณมาทำไม?” เมื่อเขาเห็นว่าแม้แต่อธิบดีจ้าวจากเมืองหลวงก็มาหัวหน้าหม่าก็รู้สึกจะเป็ลม เขารู้ว่าการต่อสู้ระหว่างสองตระกูลใหญ่ อิทธิพลต่างๆมากมายจะต้องถูกดึงเข้ามาเกี่ยวด้วย
“เฮอะ...ถ้าผมไม่มา คุณก็คงปล่อยฆาตกรลอยนวลไปแล้ว หัวหน้าหม่าคุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอาชีพอะไรอยู่? ดูเหมือนว่าผมต้องรายงานความประพฤติของคุณให้เบื้องบนได้ทราบนะ”อธิบดีจ้าวขู่ขณะจ้องไปที่หัวหน้าหม่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้