“มองพอหรือยัง มองพอแล้วก็รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้” เยว่เฟิงเกอเห็นว่าม่อหลิงหานเอาแต่จ้องหน้าอกนาง นางก็ยิ่งโกรธและยิ่งออกแรงดีดดิ้น
ครั้งนี้ ในที่สุดม่อหลิงหานก็ยอมปล่อย
ทันทีที่เยว่เฟิงเกอได้รับอิสระอีกครั้ง นางก็รีบรวบอาภรณ์บริเวณหน้าอกขึ้นมาปิดคลุมตามเดิม ไม่ปล่อยให้เนื้อหนังของตนถูกชายตรงหน้าจดจ้องอย่างเสียมารยาทอีก
ม่อหลิงหานเห็นท่าทางราวกับถูกทำร้ายของเยว่เฟิงเกอ ก็ให้รู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อยกับสิ่งที่ตนทำลงไปเมื่อครู่
หากไม่ใช่เพราะการกระทำทั้งหลายของเยว่เฟิงเกอชวนต้องสงสัย เมื่อครู่เขาคงไม่มุทะลุทำอะไรเช่นนั้น
ม่อหลิงหานกล่าวด้วยใบหน้าเ็า “พระชายาอยากเดินเล่นในจวนยามค่ำคืน แต่เหตุใดถึงต้องใช้ผ้าคลุมปกปิดใบหน้าด้วยเล่า หากไม่ใช่เป็เพราะเมื่อครู่เ้ากระทำบางสิ่งที่ไม่อาจบอกให้ใครล่วงรู้ได้? ”
เยว่เฟิงเกอถูกม่อหลิงหานว่าให้เช่นนี้ ก็หวนนึกไปถึงกางเกงในตัวนั้น
ใช่แล้ว นางทำเื่ชั่วเื่หนึ่งลงไปจริงๆ ซึ่งเื่ชั่วเื่นี้ รอจนม่อหลิงหานกลับไปถึงเรือนหานโยวก็ย่อมจะได้รู้
“ท่านอ๋องกล่าวอันใดออกมา หม่อมฉันเพียงคิดว่ารูปโฉมตนสะสวยเกินไป เกรงว่าออกมาเดินเล่นกลางค่ำกลางคืนเช่นนี้จะถูกคนพบเห็นเข้า แล้วจับเอาตัวไป เดิมทีหม่อมฉันก็อยู่ตัวคนเดียวในจวนแห่งนี้ แปลกที่แปลกถิ่น ไม่คุ้นเคยสิ่งใด หากหม่อมฉันจะต้องมาตายอยู่ในมือคนชั่ว ก็กังวลว่าท่านอ๋องจะไม่สนใจความเป็ตายของหม่อมฉัน เช่นนี้เองหม่อมฉันจึงได้หาผ้ามาปิดบังใบหน้าไว้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อป้องกันปัญหาที่ไม่จำเป็ เพียงแต่ ถึงแม้จะเป็เช่นนี้ หม่อมฉันก็ยังถูกคนชั่วจับกุมตัวไว้อยู่ดี มิใช่หรือเพคะ? ”
เยว่เฟิงเกอมองม่อหลิงหานด้วยสายตาเ็า นางนั้นเรียกได้ว่ากล่าวอย่างชัดเจนแล้วว่าคนชั่วที่ว่านั่นก็คือม่อหลิงหาน
เช่นนี้ม่อหลิงหานจะฟังไม่ออกได้อย่างไรว่าเยว่เฟิงเกอกำลังประชดประชันเขาอยู่ ดวงตาหงส์ของเขาที่เต็มไปด้วยความเ็าหรี่ลงเล็กน้อย
“หากไม่มีเื่อันใดแล้ว พระชายาก็กลับไปพักผ่อนเถิด มิฉะนั้น หากเ้าตายไป เปิ่นหวางยังต้องเสียเวลามาคอยเก็บศพให้เ้าอีก” ม่อหลิงหานพูดจบก็ไม่มองเยว่เฟิงเกออีก หมุนกายจากไปทันที
เยว่เฟิงเกอสะบัดกำปั้นใส่เงาหลังของม่อหลิงหาน “ม่อหลิงหาน ฝากไว้ก่อนเถอะ ต้องมีสักวันแน่ที่ข้าจะได้ชำระหนี้แค้นในวันนี้”
ทั้งที่เพิ่งพูดจบไป เสียงของม่อหลิงหานก็ดังตอบ “เปิ่นหวางรออยู่เสมอ”
เยว่เฟิงเกอโกรธจนอยากจะวาดร้อยกลมๆ สาปแช่งเขา [1]
ยามนี้เป็ยามดึกสงัด ม่อหลิงหานเองก็เดินไปไกลแล้ว
เยว่เฟิงเกอเริ่มรู้สึกปวดศีรษะอีกครั้ง
นางจะเดินกลับเรือนเยว่เหยาอย่างไรเล่า นิสัยที่ชอบหลงทางนี้ช่างทำให้นางปวดหัวจริงๆ
ในตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังมองซ้ายมองขวาอยู่นั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของชิงจื่อ
“พระชายา ทรงอยู่ตรงนั้นหรือไม่เพคะ? ”
เยว่เฟิงเกอเห็นชิงจื่อถือโคมไฟค่อยๆ เดินมาทางตน นางก็รีบขึ้นหน้าไปหาทันที
“ชิงจื่อ ในที่สุดเ้าก็มาแล้ว”
“พระชายา บ่าวไม่เห็นพระองค์อยู่ในเรือนจึงออกมาตามหา พระชายา ทรงไม่เป็อะไรนะเพคะ? ” ชิงจื่อเห็นอาภรณ์บริเวณหน้าอกของเยว่เฟิงเกอถูกคนฉีกขาด ใบหน้านางก็ปรากฏแววกังวลขึ้นมาทันที
เยว่เฟิงเกอนึกถึงเมื่อครู่ที่ถูกม่อหลิงหานคุมตัวไว้ ซ้ำยังถูกเขาจดจ้องร่างกายนี้อีก
นางยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ มือที่จับอาภรณ์ไว้ยิ่งออกแรงขยำมากขึ้น
กระนั้นเยว่เฟิงเกอก็ไม่คิดจะเล่าเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ใครฟัง นางสูดลมหายใจเข้าลึก กล่าวเสียงเบา “ข้าไม่เป็อันใด พวกเรารีบกลับกันเถอะ”
ชิงจื่อไม่กล่าวอะไรอีก นางเพียงถือโคมไฟไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งช่วยประคองเยว่เฟิงเกอกลับเรือนเยว่เหยา
เมื่อกลับถึงเรือน ชิงจื่อช่วยเยว่เฟิงเกอเปลี่ยนอาภรณ์เป็ชุดนอนผ้าแพร จากนั้นเยว่เฟิงเกอถึงได้ให้ชิงจื่อกลับไปพักผ่อน
ทางด้านนี้ เยว่เฟิงเกอหลับพักผ่อนไปแล้ว แต่ทางม่อหลิงหานนั้น ยามนี้เขาเพิ่งมาถึงเรือนหานโยว
แม้แต่ตอนที่ยังอยู่ไกลๆ เขาก็ยังมองเห็นถึงความผิดปกตินั้นแล้ว สิ่งของสีท้องฟ้าที่ถูกแขวนไว้เหนือหลังคากำลังโบกสะบัดไปตามลม บนผืนผ้านั้นยังปักลายพญาเหยี่ยวสยายปีกเอาไว้
ม่อหลิงหานเคลื่อนกายราวลูกศร ะโขึ้นไปบนหลังคา
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] วาดร้อยกลมๆ สาปแช่งเขา (画一百个圈圈诅咒他)เป็คำศัพท์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในโลกอินเทอร์เน็ต หมายถึงเมื่อเราโกรธใครมากๆ แล้วนั่งลงที่มุมหนึ่ง ระบายอารมณ์ด้วยการวาดวงกลมลงบนพื้นพลางก่นด่าสาปแช่งเขา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้