นครลู่ิ
บ้านตระกูลหลิว
ผู้นำตระกูลหลิวหยวนชั่งเป็หนึ่งในกำลังสำคัญของนครลู่ิ เคยได้รับตำแหน่งคุ้มครองราชสำนักแคว้นเสวี่ย เป็ชนชั้นสูงอย่างแท้จริง ถึงตระกูลหลิวจะไม่ได้เป็บ้านใหญ่ในนคร หลิวหยวนชั่งตัวคนเดียวก็มีพร้อมทั้งหน้าที่รับผิดชอบงานเมือง เขาสูงส่งและทรงอำนาจ
วัน...นี้เอง...
“วิกฤติแล้วขอรับ แย่แล้ว แย่แน่ๆ ป้ายชีวิตของคุณชายเล่ยพังแล้วขอรับ...” ทาสรับใช้เก่าแก่แหกปากโอดครวญเหมือนหมูถูกเชือด ทำลายความสงบนิ่งของบ้านตระกูลหลิวสิ้น
ทันใดคนใหญ่คนโตของบ้านพลันใกันหมด
“เป็ไปได้อย่างไร? ลูกเล่ยไม่ใช่ว่าไปเข้าทดสอบสู้ศึกจริงของสำนักหรือ? ทำไมถึง...” หลิวหยวนชั่งอายุประมาณห้าสิบกว่าๆ สูงโปร่งงามสง่า เครายาวสามเส้นถึงอก แม้ยามอายุมาก ก็ยังเป็หนุ่มรูปงามโด่งดังคนหนึ่ง
ถึงขั้นรับตำแหน่งเป็ขุนนางหัวหน้าตรวจสอบควบคุมสำมะโนประชา คุ้มครองนครได้ หลิวหยวนชั่งไม่เพียงพลังมากเท่านั้น กระทำการสิ่งใดก็ละเอียดรอบคอบน้ำหยดเดียวไม่รั่ว ดำเนินงานบ้านเมืองลึกล้ำ จะชอบใจหรือเคืองโกรธล้วนไม่เคยแสดงผ่านทางสีหน้า ทว่าความใและโทสะคราวนี้กลับแล่นออกมาดั่งฟ้าผ่า
หลิวเล่ยเป็ลูกชายที่เขามียามอายุมาก และเป็ลูกชายเพียงคนเดียว เขารักใคร่เอ็นดูนัก ลำเอียงออกนอกหน้า นี่เองเป็สาเหตุต่อนิสัยบ้าคลั่งของหลิวเล่ย ทำเื่อะไรไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น ทว่าตลอดมาก็มีบิดาแท้ๆ นี่เองที่คอยคุ้มหัวผิดๆ ไม่ว่าบุตรชายจะทำเื่ราววุ่นวายอะไร หลิวหยวนชั่งก็ออกรับมือเองทั้งหมด
คราวนี้ไปทดสอบป่าเดียวดาย หลิวเล่ยไปกับอู๋ฉินซวงและอัจฉริยะรุ่นเยาว์อีกมากมาย ทั้งยังพกของวิเศษต่อต้านพลังของนักยุทธ์อาณาน้ำพุิญญาชั้นต้น และมีอาจารย์ตรวจการณ์ของสำนักกวางขาวคอยคุ้มภัย ทำให้เขาเบาใจว่าไร้สิ่งใดต้องกังวล ที่ไหนได้เล่า...
“ใครฆ่าลูกเล่ยของข้า? จุดประกายแท่นบรรพบุรุษให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าอยากเห็นเหตุการณ์ตอนนั้น ไม่ว่ามันเป็ใคร ข้าจักหักกระดูกแผดเผามันให้สิ้น...”
การจักจุดประกายแท่นบรรพบุรุษนั้นเป็เื่ใหญ่และหนัก และผลาญหลายสิ่งไม่น้อย
ทว่าหลิวหยวนชั่งที่จมจ่อมอยู่กับโทสะนั้น เกรี้ยวกราด แทบจะพลิกแผ่นดินหาโอกาสฆ่า คงไม่อาจทนใส่ใจสิ่งใดอยู่ได้อีก
แท่นบรรพบุรุษทำงานอย่างรวดเร็ว
อักขระประหลาดสีเงินเปล่งเปลววับวามบนแท่นนั้น พลังงานพิศวงเอ่อท้นออกมา จากปลายสุดของแท่นโยงใยถึงแท่นเสา ฉาดฉายภาพบนอากาศว่างเปล่า สาดส่องเป็กระจกเงาไร้รูป
“นั่นมันเขตหนึ่งขั้นเก้าของสำนักกวางขาว ระดับยากที่สุด ที่แท้แล้วลูกเล่ยไปที่นั่นหรือ?...หือ? ทำไมไม่ปรากฏออกมา เกิดอะไรขึ้น?”
หลิวหยวนชั่งทั้งโกรธแค้นและตกตะลึงไร้ใดเทียบได้
เพราะในกระจกเขานั้น เพียงแสดงภาพที่หลิวเล่ยเคยผ่านไปอย่างเลาๆ เท่านั้น ทว่าเมื่อมาถึงเวลาท้ายสุด กลับมืดมัว ไม่อาจแสดงออกมาได้ว่าแท้จริงแล้วหลิวเล่ยเผชิญหน้าอยู่กับอะไร กระจกฉายไออลวน ราวกับมีอะไรบางอย่างตัดขาดการตรวจสอบนี้ไว้
“เกิดอะไรขึ้น? หรือจะมีคนเล่นเล่ห์อยู่เื้ั?”
แท่นบรรพบุรุษเป็รางวัลของราชสำนักเสวี่ย ได้ความว่าประดิษฐ์ขึ้นมาจากปรมาจารย์แห่งอักขระระดับอาณาทะเลระทม มีเพียงชนชั้นสูงทรงเกียรติเท่านั้นจึงจักมีไว้ในได้ ไม่เคยผิดพลาด ทว่าวันนี้กลับไม่อาจเพ่งมองการตายของหลิวเล่ยได้ชัดเจนกระนั้นหรือ?
ผู้เป็บิดาทั้งกระวนกระวายและโมโหเกินบรรยาย
“ไม่ว่ามันเป็ใคร หากข้าสืบเสาะจนพบ ข้าจักทำให้มันร้องขอเป็ไม่ได้ตายไม่ได้ ต้องหักกระดูกเผาิญญามันให้สิ้น สังหารทุกคนที่มันรู้จักให้หมด...อา ฮือๆ ลูกเล่ยของพ่อ...”
กลางคฤหาสน์ตระกูลหลิว มีเสียงคร่ำครวญและโหยหวนของคำสาปแช่งสะท้อนกึกก้อง
ดั่งมีแสงสาดส่องมุ่งตรงไปยังสำนักกวางขาว
หลิวหยวนชั่งที่คลั่งด้วยโทสะ ไม่สนใจบริบทกฎหมายของราชสำนักว่าไม่ให้เหาะขึ้นฟ้า เขาพุ่งพรวดพราดไปยังสำนักกวางขาว ทั่วหัวมุมนครลู่ิจักได้ยินเสียงคำรามของเขาสะท้อนอยู่ถ้วนทั่ว
“สำนักกวางขาว ลูกชายข้าตายแล้ว พวกเ้าต้องชดใช้ให้สาสม!”
...
...
หนึ่งวันต่อมา
เ่ิูเดินทางห่างจากจุดเกิดเหตุมาเกินร้อยลี้ สู่เขตทดสอบอีกเขตหนึ่ง
ที่จริงเขามาถึงนี่ประมาณครึ่งวันได้แล้ว
โยนศพหลิวเล่ยกับนักเรียนปีสองสองคนนั่นทิ้งลงแม่น้ำชางหม่างเสร็จแล้ว ก็ทำลายหลักฐานทั้งหมดที่พอจะแสดงว่าเขาเคยปรากฏตัวอยู่ที่นั่นจนหมดสิ้น เด็กหนุ่มเชื่อว่า ฝนที่สาดเทเหมือนฟ้ารั่วยามต่อมา ช่วยเหลือเขาได้เยอะนัก
เป็เช่นนี้แล้ว ต่อให้เป็จอมยุทธ์มือดีที่ชำนาญการจนถึงที่สุด ก็ยังไม่อาจสาวมาจนถึงตัวเขาได้
เขาไม่ล่วงรู้เื่ราวทั้งหมดที่เกิดในคฤหาสน์ตระกูลหลิวซึ่งห่างไปพันลี้ และก็ไม่รู้สาเหตุลึกลับที่หลบซ่อนเขาจากการสอดแนมของแท่นบรรพบุรุษไว้ได้
การทดสอบยังเหลืออีกหนึ่งวัน
เ่ิูยังไม่ได้แสดงพลังมหาศาลเกินควรนั่นอีกเลย เขาเพียงออกกำลังอยู่ในขอบเขตเล็กๆ เท่านั้น มีบางครั้งซึ่งเข่นฆ่าสัตว์เดรัจฉาน แต่ไม่ไล่ล่าสัตว์อสูรอีก เวลาส่วนมากหมดไปกับการฝึกฝนกระบวนท่าถัวอย่างลับๆ
การจะผ่านเข้าอาณาพิภพขั้นหกได้ สาระสำคัญคือต้องฝึกฝนอวัยวะของร่างกาย
ตามเคล็ดวิชาของกระบวนท่าถง ทำงานกับพลังโลหิตและไขกระดูกที่ได้จากการฝึกขั้นสี่และห้า หล่อเลี้ยงอวัยวะหลักทั้งห้าไม่ขาดสาย เปลี่ยนแปลงชนิดเห็นได้กระจ่างแจ้ง ขับไล่ล้างพิษและสิ่งที่อาจเป็จุดบกพร่องในภายภาคหน้า ในที่สุดก็จะเต็มคราบ
ทุกอย่าง้าการกระทำไปอย่างช้าๆ และละเอียดลออ
ด้วยเหตุนั้นเ่ิูจึงไม่รีบร้อน ใจสงบนิ่งทุกคืนวัน ฝึกฝนอย่างช้าๆ
บ่ายวันนี้ ขณะเ่ิูเพิ่งฟื้นจากการเข้าฝึกกระบวนท่าถัว และกำลังจะฝึกหอก ฉับพลัน...
ฟิ้ว!
เสียงะเิจนแก้วหูแทบแตก ฉีกความว่างเปล่าจนขาดวิ่น
ท้องฟ้าน้ำเงินเบื้องบนปรากฏแผนที่กวางขาวใหญ่ั์ คล้ายคลึงของจริงราวกับถอดแบบ ไกลออกจากแผนที่ไปร้อยลี้ล้วนมองเห็นชัดเจนกันหมด
“นี่คือคำสั่งจบการทดสอบของสำนัก!”
เ่ิูลุกขึ้นยืน ราวกับคิดมาเรียบร้อยแล้ว
ถ้ายึดถือตามแผนที่วาดวางไว้ก่อนหน้า บททดสอบทุกอย่างจะจบสิ้นในวันพรุ่งนี้ แต่อสำนักกวางขาวกลับออกประกาศโต้งๆ เช่นนี้ ดูท่าจะมีเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไรขึ้น และความน่าจะเป็มากที่สุด น่าจะเป็การตายหลิวเล่ยและพรรคพวกรวมสามศพ ถูกสืบหาเจอจนได้
เ่ิูแย้มยิ้ม เก็บข้าวของตัวเอง ออกเดินทางไปยังจุดรวมพล
ใจเขามั่นคงไม่ตื่นกลัว
...
...
“อะไรนะ? หลิวเล่ยตายแล้วหรือ?”
ได้ยินข่าวล่ามาเร็วนี้แล้ว ฉินอู๋ซวงถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ
เขาไม่อยากเชื่อสายตาและหูของตัวเองนัก มองเห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันรอบกาย แล้วเหมือนจะคิดได้ ก้มหัวมองไป ในใจมีความรู้สึกมากมายวูบวาบ
และเยี่ยนสิงเทียนที่รีบรุดเข้ามา ก็ถูกข่าวนี้ทำใจนแทบจะะโไปทีหนึ่ง
การทดสอบสู้รบจริงของสำนักกวางขาวที่จัดขึ้นมานั้น แน่นอนว่าต้องมีอันตรายมากหลายปะปนอยู่ด้วย และเคยมีสถานการณ์ศิษย์ได้รับาเ็สาหัส เพื่อฝึกฝนและเพิ่มพูนสมรรถภาพของนักเรียนล้วนๆ ทว่าสี่สิบกว่าปีมานี้ ไม่มีกรณีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นมาเลยสักครั้ง
และเมื่อนึกถึงสถานะของหลิวเล่ยแล้ว หมู่ชนล้วนรู้ดีแก่ใจ ว่าหายนะครั้งนี้ต้องเป็เื่ใหญ่กว่าปกติ
หลิวเล่ยตายได้อย่างไร?
ไม่มีใครรู้เลยสักคน
บรรยากาศของจุดจบการทดสอบนั้น ประดุจถูกน้ำแข็งแช่แข็ง มีความอึดอัดและแรงอาฆาตที่มองไม่เห็น
อาจารย์าุโทรงคุณธรรมเปี่ยมปรีชาญาณทั้งสี่ผู้กุมบังเหียนหลัก นอกเหนือจากสัมภาษณ์สอบปากคำทุกเื่ที่ข้องเกี่ยวกับหลิวเล่ยแล้ว ยังปลอบโยนเหล่าศิษย์กลุ่มอัจฉริยะที่ยังขวัญเสียไม่หายไปด้วย
อีกด้านหนึ่ง
หลิวหยวนชั่งผู้โกรธจนน่ากลัว ยืนกอดอก
เหมือนดังพญาสิงห์สูญเสียลูกชาย ตรวจตราทุกฝ่ายตรงข้ามที่น่าสงสัยอย่างนิ่งเรียบ บางทีหลิวเล่ยอาจตายด้วยน้ำมือของสัตว์อสูร แต่เด็กพวกก็น่าสงสัยด้วยเช่นกัน
หลิวหยวนชั่งดุจูเาไฟใกล้ะเิ
ใกล้กายของเขา มียอดฝีมือแห่งสำนักเมืองและสำนักสำมะโนประชายี่สิบคน ดุร้ายเรืองอำนาจเหมือนไฟ ไร้ความปรานี เพียงรอคำสั่งต่อไปเท่านั้น
ความจริงแล้วหนึ่งวันก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ตรวจสอบด่านหนึ่งขั้นเก้าทั้งหมดแล้ว ไม่ปล่อยปละจุดน่าสงสัยเลยแม้แต่แห่งเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งสุดท้ายที่แท่นบรรพบุรุษสะท้อนออกมาได้
ศิษย์กลุ่มอันดับหนึ่งทุกคนยามนี้ไม่ถูกรบกวนใดๆ ล้วนแต่ได้รับการตรวจสอบลับๆ แล้วทุกคน น่าเสียดายที่ยังไม่พบหลักฐานหรือร่องรอยใดๆ เลย
หลิวหยวนชั่งที่โทสะครอบกบาลถึงจุดเดือด ท้ายสุดจึงนำพาความเดือดร้อนมาให้สำนักกวางขาว
สิ่งที่อาจารย์สำนักกวางขาวกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ยามนี้ก็คือ คนแรกที่พบข่าวการตายของหลิวเล่ยคือใต้เท้าหลิว ไม่ใช่อาจารย์ตรวจการณ์แต่อย่างใด นั่นทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสำนักกวางขาวจะตกที่นั่งลำบากแบบแทบไร้ทางต่อต้าน
ที่กระทบบรรดาศิษย์มากที่สุดก็คือ จนบัดนี้ยังหาศพของหลิวเล่ยไม่พบ และไม่รู้ด้วยว่าเขาตายได้อย่างไร
เวลาผ่านเลยไป
นักเรียนกลุ่มหัวกะทิทยอยกันกลับมาถึง พอได้ข่าวก็ตระหนกไปตามๆ กัน
เ่ิูมาถึงเป็คนสุดท้าย
เขามาคนเดียวโดดเดี่ยว ดึงดูดสายตาทุกคนได้ดีเยี่ยม
“อะไรนะ? หลิวเล่ยตายแล้วจริงๆ หรือ?” พอเยี่ยนสิงเทียนบอกข่าวนั้นแก่เขา เขาเบิกตาโตอย่างตื่นตระหนก สีหน้าะเืใจนัก เหมือนกระต่ายตื่นกลัวก็ไม่ปาน
ภาพนี้เองที่ทำให้ความคลางแคลงในแววตาฉินอู๋ซวงและเยี่ยนสิงเทียนลาหายไป
ดูแล้วเ่ิูคงไม่รู้จริงๆ กระมัง?
หลิวหยวนชั่งจับจ้องเ่ิูอยู่นานนม ประหนึ่งดาบสองคมพร้อมสะบั้น มองหัวจรดเท้าจนชัดเจนทุกอากัปกิริยา
ตอนสอบปากคำก่อนหน้านี้ ได้ความจากทั้งฉินอู๋ซวงและเยี่ยนสิงเทียนว่าลูกชายของตนได้เคยมีเื่มีราวกับเด็กคนนี้มาก่อน และวางแผนจะเอาคืนเขาอยู่เงียบๆ
หากฆาตกรแอบแฝงอยู่ในหมู่ศิษย์แล้วล่ะก็ เ่ิูฐานันดรยากจนนี่แหละ ที่น่าสงสัยเป็ที่สุด
ทว่าเมื่อมองมุมกลับ ผู้เป็บิดาก็ยังลังเลลังมอง
พลังของเ่ิูอยู่แค่แรกเริ่มอาณาพิภพขั้นหกเท่านั้น แค่กำลังเยอะกว่าปกติหน่อยเดียว อาจชนะลูกชายเขาได้ แต่กับนักเรียนปีสองสองคนนั้นที่ติดตามลูกชายเขาเล่า ที่สำคัญคงไม่มีปัญญาจะกำบังตนจากการสอดแนมของแท่นบรรพชนได้แน่
คิดดังนี้แล้ว ความโมโหโทโสในใจเขายิ่งเดือดพล่าน
ใกล้รัตติกาลเต็มที
การตรวจตรายังดำเนินต่อไป
ศิษย์ทุกคนถูกถามเื่หลักฐานร่องรอยต่างๆ กันคนละสามรอบ เ่ิูกลับเป็คนที่ถูกถามมากที่สุด ไม่เพียงเพราะเขาเคยมีความแค้นกับหลิวเล่ยเท่านั้น ยังผนวกกับที่เขาเดินป่าคนเดียว ไม่มีเพื่อนรุ่นเดียวกันยืนยันที่อยู่ให้อีกประการหนึ่ง
แต่นับแต่เริ่มจวบจนจบ ไม่ว่าจะเป็ตระกูลหลิวหรือสำนักกวางขาว ก็ไม่อาจค้นหาเบาะแสอะไรได้เลย
ยามอาจารย์ตรวจการณ์กำมะลอัเี เนื้อตัวพันผ้าพันแผลเพียบเหมือนมัมมี่เดินโซซัดโซเซเข้ามา หลิวหยวนชั่งที่อดกลั้นมานานก็ไม่อาจระงับ ะเิโทสะออกมาจนได้
ศิษย์ปีหนึ่งที่ถูกจัดให้นอนพักในกระโจมชั่วคราว พวกเขาหลับใหลสนิทใจ
ตอนเที่ยงคืน พวกเขาได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งและเสียงคำรามเกรี้ยวกราดจากภายนอก พลังอำนาจน่ากลัวถล่มใส่กันไปมา เป็ยอดฝีมือที่แท้จริงต่อสู้กันอยู่ ต่อเนื่องและเนิ่นนาน...เนิ่นนาน
ยามฟ้าสาง อาจารย์ชราปรากฏกายขึ้นมา หน้าตาไร้อารมณ์ใด เขาประกาศจบการทดสอบ
ยามพระอาทิตย์จรดศีรษะ ทุกคนเดินทางกลับนครลู่ิ
ดูผิวเผินเหมือนทุกอย่างสงบลงแล้ว